ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1015 ขยาย (1)
“จริงสิ คืนนี้พี่จะไปไหม” เจินเหอถามอีกประโยค
“ช่วงนี้อาจไปไม่ได้ มีธุระน่ะ” ลู่เซิ่งตอบ
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของหวังมู่กับหญิงสาวคนนี้ยังนับว่าไม่เลว ค่อนข้างเข้ากันได้ เขาคิดนิดหนึ่งก่อนเสริมอีกประโยค
“อาจจะต้องย้ายบ้าน”
“หือ ย้ายบ้านหรือ…เจอห้องเช่าใหม่แล้วเหรอคะ” เจินหาถาม
“ไม่ใช่ เตรียมจะซื้อบ้านสักหลังน่ะ”
“…” เจินเหอพูดไม่ออก
เธอรู้สึกได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก
แม้ว่าบ้าน 100 ตารางวาในเมืองรอบนอกอยู่ค่อนข้างไกลแบบนี้จะมีราคาสองสามล้าน แต่นี่เป็นสถานที่ที่รายรับเฉลี่ยคือห้าหกพันเองนะ…
และเป็นเพราะเมืองทรุดโทรม จึงไม่มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่มาพัฒนาบ้านก็มีภาษีเยอะมาก หลายคนซื้อได้แต่ดูแลไม่ไหว
ดังนั้นการซื้อบ้านจึงเป็นปัญหาใหญ่
อุดมคติของเจินเหอคือซื้อบ้านที่เป็นของตัวเองสักหลังในเมืองที่ตัวเองชอบเมืองนี้ นี่เป็นเหตุผลที่เธอสู้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด
“ยินดีด้วยนะคะ” แม้จะปวดใจ แต่เนื้อแท้ที่ดีงามก็ทำให้เจินเหอแสดงความยินดีกับลู่เซิ่งด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” ลู่เซิ่งเปิดประตูเข้าไป
ทั้งสองคุยกันแค่นี้ ก็แค่เพื่อนบ้านที่รู้จักกันเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อไม่มีจุดร่วมที่วิ่งตอนกลางคืนเหลืออยู่ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้คุยกันอีก
เจิอเหอมองส่งลู่เซิ่งเข้าห้องแล้วถอนใจเงียบๆ จัดชายกระโปรง ก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ด้วยรอยยิ้มสำหรับใช้เข้าสังคม
แกร๊ก
ลู่เซิ่งปิดประตูห้องนอน แล้วกองอาหารหลายอย่างที่เตรียมไว้ลงบนพื้นหน้าประตู
ครั้งนี้เขาต้องเลื่อนสู่ระดับต่อมไร้ท่ออันเป็นระดับสาม ชีวิตที่สามนี้ควบคุมต่อมไร้ท่อ ไม่ได้ช่วยเหลือร่างกายโดยตรง
แต่นี่เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย กระบวนการเผาผลาญพลังงาน และการหลั่งฮอร์โมนเป็นหลัก
มันใช้ระเบิดพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมได้ชั่วขณะ ขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมตัวสำหรับการยกระดับขั้นต่อไปด้วย
เขานั่งหลับตาทำสมาธิอยู่กลางห้อง
เวลาผ่านไปทีละนิดๆ ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ยี่สิบนาที ลู่เซิ่งจะลุกขึ้นไปกินอาหารจำนวนมาก
อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในห้องเต็มไปด้วยถุงใส่อาหาร มีขวดน้ำกับซาลาเปาอยู่มากที่สุด
สิบชิ้น ยี่สิบชิ้น สามสิบชิ้น ห้าสิบชิ้น
ไม่นานอาหารกล่องใหญ่หลายกล่องที่ซื้อมาก็เข้าไปอยู่ในท้องลู่เซิ่งทั้งหมด
หลังกินจนเหลือเพียงขนมปังชิ้นเล็กๆ เขาจึงค่อยๆ หยุดลง
ดวงตาของลู่เซิ่งเรืองแสงสีขาวอ่อนในความมืด บอกไม่ได้ว่าเป็นแสงจันทร์ด้านนอกที่สะท้อนตา หรือว่าแสงสว่างที่ร่างหลักของเขาปล่อยออกมา
ฟู่…
ลู่เซิ่งถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ลมหายใจกระจายบนกำแพงแล้วกลายเป็นลมพัดไปรอบๆ
ม่านหน้าต่างและผ้าปูโต๊ะในห้องนอนถูกพัดกระพือขึ้น
‘ระดับสามสำเร็จแล้ว เพียงแต่เวลาในการปรับปรุงของระดับนี้อาจจะนานหน่อย ส่วนราคา…’ ลู่เซิ่งมองอินเตอร์เฟซดีปบลู รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้พลังอาวรณ์เกือบสามล้านหน่วยถูกใช้หมดสิ้น
ตอนนี้เขายังเหลือพลังอาวรณ์อีกห้าสิบล้านกว่าหน่วย ไม่แน่จะทนถึงขอบเขตสูงสุดได้จริงๆ
‘ต้องคิดวิธีขุดหาแหล่งกำเนิดพลังอาวรณ์แล้ว’ลู่เซิ่งอดนึกถึงโลกบางใบที่ตนเคยจุติมาก่อนไม่ได้
โลกที่มีตี้วาหลับใหลใบนั้น เขาได้เจอสัตว์ประหลาดที่เรียกตัวเองว่าเจ้าลัทธิไม่จีรังที่นั่น
ตอนนั้นเขาตกลงเวลากลับไปกับอีกฝ่าย
เพียงแต่น่าเสียดาย หลังจากเขาทำลายตราประทับเทพนอกรีตบนตัวทิ้งเมื่อครั้งก่อน ทุกสิ่งในตัวก็ถูกขจัดจนเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรสักอย่างเดียว
นี่ไม่เพียงทำให้ตราประทับของเจ้าลัทธิไม่จีรังถูกทำลายเท่านั้น เขายังสูญเสียการเชื่อมต่ออันบอบบางกับที่นั่นไปด้วย
‘ถ้ากลับไปโลกใบนั้นได้อีก พลังอาวรณ์ที่หาได้คงจะไม่น้อยเลยล่ะมั้ง’ ลู่เซิ่งสะท้อนใจ ยังมีเจ้าลัทธิไม่จีรังนั่นอีกคน...บนตัวคงมีของดีๆ อยู่ไม่น้อย…น่าเสียดาย
เขาได้สติกลับมา ก่อนมองไปยังกรอบอินเตอร์เฟซของดีปบลูในตอนนี้
[วิชาเกลียวเก้าชีวิต: ชีวิตที่สาม (คุณสมบัติพิเศษ: ผิวแข็งแกร่งขึ้น, กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น, ต่อมไร้ท่อทำงานดีขึ้น)]
‘เหมือนการยกระดับจะเรียบง่ายมาก มีแค่ต่อมไร้ท่อทำงานดีขึ้นเพิ่มมา…ไม่รู้ว่าผลของมันเป็นยังไง’
แม้ลู่เซิ่งจะเป็นคนสร้างวิชาเอง แต่ร่างกายมนุษย์บนโลกใบนี้มีศักยภาพยิ่งใหญ่ สุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นแบบไหน เขาไม่แน่ใจจริงๆ
และในระดับที่สาม ลู่เซิ่งไม่ทันขยับตัวก็เลื่อนระดับเองแล้ว เพียงแค่เสียพลังอาวรณ์เยอะไปหน่อย ที่เหลือไม่มีอะไรยาก
ร่างกายไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น
‘ช่างเถอะ ลองดูก่อนก็แล้วกัน’ ลู่เซิ่งสัมผัสการเปลี่ยนแปลงจากการปรับเปลี่ยนร่างกาย รู้สึกได้ว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจจะดำเนินเป็นเวลานาน
เขาที่นั่งสมาธิอยู่ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมานอนพักผ่อน
เวลาผ่านไปทีละวันๆ ผลลัพธ์จากการฝึกฝนของไป๋อันอี้แสดงให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เค้าโครงกล้ามเนื้อบนตัวยิ่งมายิ่งยิ่งใหญ่
นี่ทำให้ความนับถือที่เขามีต่อลู่เซิ่งเพิ่มขึ้นตามลำดับ เริ่มโฆษณาป่าวประกาศการรับสมัครนักเรียนให้ลู่เซิ่งด้วยตัวเอง
ในเวลาแค่ครึ่งเดือนกว่าๆ ชั้นเรียนรอบนอกก็มีคนเพิ่มมาสี่คน รวมกันเป็นหลายสิบคน
ทางชั้นเรียนหลักยังมีแค่ไป๋อันอี้กับจ้าวกั่วโยวสองคน คนที่เหลือมองไม่ออกว่าแตกต่างจากชั้นเรียนรอบนอกอย่างไร จึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่
อย่างไรคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ต่างก็มาเพื่อลดน้ำหนักเท่านั้น
ทว่าต่อให้จะเป็นเช่นนี้ ชั้นเรียนกวดวิชาเล็กๆ ที่ลู่เซิ่งจัดขึ้นก็เริ่มดึงดูดคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในเมืองแล้ว
…
เปรี้ยงๆๆ! ตูมๆๆ!
ในห้องซ้อมมวย ชายหนุ่มกล้ามเนื้อสีทองแดงซึ่งมีใบหน้าเด็ดขาดคนหนึ่งกำลังเปลือยท่อนบน พร้อมต่อยใส่กระสอบทรายอันหนักอึ้งที่อยู่ด้านหน้า
“พี่! พี่กลับมาแล้วนี่!” ประตูห้องซ้อมมวยถูกผลักเปิดออก ไป๋อันอี้พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี
“อืม เสี่ยวอี้ เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี่เอง ตอนแรกๆ ที่ฉันได้ยินว่านายออกไปออกกำลัง ยังไม่ค่อยเชื่อหูเท่าไหร่” ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
“นายสมัครเรียนกวดวิชาแล้วค่อยเริ่มออกกำลังลดไขมันใช่ไหม” เขาถาม
“ใช่แล้ว! พี่ดูผมในตอนนี้สิ!” ไป๋อันอี้พลันได้ใจ เบ่งกล้ามแขนต่อหน้าเขาด้วยท่วงท่าแข็งแรงอย่างมาก
“ไปลาออกเถอะ ทีหลังฉันจะพานายไปด้วย” ชายหนุ่มหยิบผ้าขนหนูบนผนังมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
“หา” ไป๋อันอี้งุนงง “ไม่ได้หรอกพี่ ผมกราบอาจารย์แล้ว กราบอาจารย์อย่างถูกต้องด้วย!” เขารีบอธิบาย
“กราบอาจารย์หรือ อาจารย์นายเป็นใคร มีความเป็นมายังไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “กราบอาจารย์ใช่จะกราบมั่วๆ ได้นะ นายรู้ใช่ไหม”
“ไม่แน่ใจครับ…แต่ผมไม่เสียใจ!” ไป๋อันอี้เอ่ยอย่างแน่วแน่
“นายจะไปรู้เรื่องอะไร” ชายหนุ่มกล่าวอย่างหงุดหงิด “ที่นายลดไขมันได้เร็วขนาดนี้เพราะอาศัยความแน่วแน่ของตัวนายเอง และอุปกรณ์ที่ฉันเก็บไว้ที่บ้าน อุปกรณ์ช่วยเหลือพวกนั้นมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก เรื่องเล็กๆ อย่างการลดไขมันเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนนั่นแหละ”
“พี่ อาจารย์ผมแข็งแกร่งมากนะครับ” ไป๋อันอี้ไม่ยอมแพ้ โต้เถียงต่อ
“นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ขอเพียงมีความเพียร ฝึกฝนด้วยตัวเองก็ลดความอ้วนได้เร็วมากแล้ว จะมีคนสอนหรือเปล่าไม่มีข้อแตกต่างหรอก ยังไงตอนนี้นายก็เดินบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว หลังจากฉันช่วยนายผสานแรงทั้งหมด จะฝังไมโครคอนโทรลชิปให้ การใช้ชิปกระตุ้นกล้ามเนื้อจะทำให้ความเร็วและประสิทธิภาพในการเพิ่มความแข็งแกร่งดีกว่าตอนนายฝึกเองไม่รู้กี่เท่า”
ชายหนุ่มเล่าอยางรวบรัด
“ถึงเวลานั้นฉันจะซื้อชิปดีๆ ให้ เวลาออกไปมีเรื่อง แค่สวมชุดเกราะอัลลอยด์ที่เชื่อมต่อโครงกระดูกอีกชุด ก็จะทำให้นายกลายเป็นยอดมนุษย์ได้ในพริบตา”
สมัยนี้ทุกคนฝึกฝนวิชาการต่อสู้แบบนี้กันทั้งนั้น เทคโนโลยีก้าวหน้าขนาดนี้ ใครจะยังมาฝึกฝนวิธีเตะวิธีต่อยเองอยู่อีก
ชิปสามารถตัดสินวิธีการที่ดี่สุดในการช่วยให้ร่างกายมนุษย์พัฒนาถึงขั้นที่อยู่เหนือจินตนาการได้ในเวลาแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
“เอาล่ะ กลับไปลาออกซะ ชั้นเรียนส่วนตัวอะไรนี่แค่หลอกเอาเงินแค่นั้นแหละ ต่อจากนี้อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอีก” ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่สนใจ “จริงสิ นายจ่ายค่าเรียนเท่าไหร่ อย่าลืมบอกให้เขาคืนเงินที่เหลือให้นายด้วยล่ะ”
“ค่าเรียน…ห้าหมื่น…ต่อเดือนครับ” ไป๋อันอี้ยังคิดจะเถียง แต่พอพูดถึงเงิน เขาก็ขลาดกลัวอยู่บ้าง
เพราะเงินค่าขนมของแต่ละเดือนถูกเขาใช้หมดแล้ว
“หา ห้าหมื่นเหรอ” ชายหนุ่มชะงัก
แม้เงินแค่นี้จะไม่มากสำหรับชายหนุ่มที่ออกไปสร้างตัว แต่สำหรับไป๋อันอี้ที่เดือนหนึ่งได้เงินค่าขนมนิดเดียว นี่เป็นเงินมหาศาล
“ครับ” ไป๋อันอี้กล่าวอย่างจนปัญญา
“ตอนบ่ายฉันจะไปกับนาย” ชายหนุ่มไม่พูดมากอีก กล่าวเสียงทุ้ม “นายรู้ไหมว่าจ้างผู้ฝึกสอนส่วนตัวใช้เงินเท่าไหร่”
ไป๋อันอี้เกาหัว
“พี่ไม่ต้องสนใจผมหรอก ผมจัดการเองได้”
“จัดการบ้าอะไร! เด็กโง่อย่างนายเนี่ยนะ!” ชายหนุ่มตบหัวไป๋อันอี้
“จริงสิ นายจ่ายเงินไปตั้งเยอะ นอกจากลดไขมันแล้ว ยังเรียนอะไรอีก”
“อาจารย์ผมไม่ให้บอกคนอื่นครับ” ไป๋อันอี้กล่าวอย่างรู้สึกผิด
“ฉันคือพี่นายนะ! เป็นคนอื่นหรือไง” ชายหนุ่มตบหัวไป๋อันอี้อีกรอบ “ช่างเถอะ ถามนายไปก็ไร้ประโยชน์ นายมาสู้กับฉันดู”
เขายกมือขึ้นกวัก
“มา ต่อยใส่ฉันสุดแรง ให้ฉันดูหน่อยว่าตอนนี้นายมีแรงขนาดไหน”
ชายหนุ่มแยกขาไว้หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง ยืนในมุมตั้งรับเหมือนแท่นยิงจรวด
เขาเกร็งกล้ามเนื้อเล็กน้อย พวกมันสะท้อนประกายเหงื่ออ่อนๆ ใต้แสงไฟ สองมือกางแบเป็นรูปพัดด้านหน้า
ไป๋อันอี้ลังเลอยู่บ้าง รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองแรงเยอะขึ้นแล้ว เกิดใช้พละกำลังทั้งหมดล่ะก็…
“รีบหน่อย! มัวชักช้าอะไรอยู่อีก เร็วเข้า!” ชายหนุ่มเร่งอย่างเหลืออด
‘จริงสิ ฉันยังมัวชักช้าทำไมอีก! พี่คนนี้ ไม่ได้อยู่ในระดับที่ฉันจะตามทันในเวลาสั้นๆ อยู่แล้ว ต่อให้ใช้แรงทั้งหมดก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่’ เขาไม่ลังเลอีกต่อไป
ไป๋อันอี้กางสองขาออกทันที
“พี่ ผมเอาละนะ”
“มาเลยๆ! ไม่ต้องพูดมาก! เร็วหน่อย!” ชายหนุ่มเร่งเร้า
“โอ้ว…” ไป๋อันอี้ค่อยๆ โค้งตัวและบิดเอว ร่างกายเหมือนเครื่องจักรกำลังหมุน ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวออกไปเหมือนกับสปริง กล้ามเนื้อทั้งหมดดีดตัวอย่างรุนแรงเหมือนกระแสน้ำ
พละกำลังทั้งหมดไหลจากขาและเอวไปถึงกำปั้นขวา รวมตัวกันที่จุดเดียว แล้วต่อยใส่ฝ่ามือของชายหนุ่ม
เปรี้ยง!
กำปั้นของไป๋อันอี้เพียงสัมผัสได้ว่าแตะเยื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง จากนั้นก็เจาะทะเลวงดังโผละ
ตามด้วยเสียงหักดังกร๊อบๆ
“พี่…พี่ครับ!? พี่เป็นอะไรไป! ฟื้นสิครับพี่!”
หลายวินาทีต่อมา ด้านในคฤหาสน์มีเสียงร้องอย่างหวาดกลัวดังมา
“พี่ทำไมกระดูกหน้าอกพี่หักล่ะ!? พระเจ้า ช่วยด้วย!”
……………………………………….