ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1016 ขยาย (2)
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องรับแขก มองดูไป๋อันอี้ที่ก้มหัวคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนอย่างหดหู่ และมองดูชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ที่พันผ้าพันแผลไว้ทั้งตัว ทั้งยังมีเสาน้ำเกลือวางอยู่ด้านข้าง
“หมายความว่าเธอเชื่อพี่ตัวเอง ใช้พละกำลังทั้งหมดกับเขาจริงๆ แถมยังต่อยใส่หน้าอกอีกต่างหาก” ลู่เซิ่งมองไป๋อัน อี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไป๋อันอี้ผุดสีหน้าเจ็บปวดและเสียใจ
“ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจครับ…ผมไม่อยาก…ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันครับ…”
“ดีนะที่พี่เธอไม่ตาย ร่างกายที่ฝึกฝนมีความแข็งแกร่งและพื้นฐานเพียงพอ ถ้าเป็นคนอื่น พลังผสานของเธอในตอนนี้ สามารถผ่าคนเป็นสองซีกได้แล้ว”
ลู่เซิ่งพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เป็นความผิดผมเอง! ตอนนี้พี่เขา…พี่เขา…บาดเจ็บหนัก ต่อจากนี้อาจจะเกิดผลข้างเคียง…ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งต ตัว…” พอไป๋อันอี้นึกถึงเรื่องนี้ก็อดเสียใจไม่ได้
“ตอนนี้ผมหมด…หมดหนทางแล้วจริงๆ ผมไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ครับ…”
“พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างอ่อนแรง “ฉันเป็นคนบอกให้นายต่อยสุดแรงเอง ตอนนี้ส สองมือกระดูกแตกละเอียด ทรวงอกส่วนใหญ่ยุบตัวแหลกเป็นผุยผง อวัยวะภายในเลือดออกหนัก แม้แต่ศีรษะก็ถูกกระทบกระเทื อนปานกลาง ฉันเป็นคนแส่หาเรื่องเอง”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ไม่ได้โทษน้องชายตัวเองแม้แต่น้อย
เขาพูดอาการบาดเจ็บออกมามากมาย แม้แต่ลู่เซิ่งยังทนฟังไม่ได้
หากโดนคู่แค้นเล่นงานจนกลายเป็นแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีเป้าหมายแก้แค้นบ้าง
แต่กลายเป็นเขาถูกน้องชายตัวเองเล่นงาน ซ้ำเขายังเป็นคนบอกให้น้องชายทำอีกต่างหาก นี่จึงกระอักกระอ่วน
“อาจารย์หวัง ผมไป๋จวิ้นเฉิง เป็นพี่ชายแท้ๆ ของไป๋อันอี้ ผมขอโทษต่อความไม่เชื่อและความสงสัยในตัวคุณอย่างสุ ดซึ้งก่อน” ชายหนุ่มไป๋จวิ้นเฉิงขอโทษเสียงทุ้ม
“ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว และเป็นผมไป๋จวิ้นเฉิงหาเรื่องเอง ไม่เกี่ยวกับอาจารย์หวัง ผมขอให้คุณอย่าโทษว่า น้องชายผมเลย” ไป๋จวิ้นเฉิงเสริม
“พี่!” ไป๋อันอี้ที่อยู่ด้านข้างแสดงสีหน้าละอายใจ “ผมผิดเอง…ผมผิดเอง”
เขาหันไปมองลู่เซิ่งด้วยใบหน้าวิงวอน
“อาจารย์ ได้โปรดช่วยพี่ผมด้วยเถอะครับ! ถ้าอาจารย์มีวิธีการอะไร ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไร ขอแค่อาจารย์ช่วยพี่ผ ผม…”
“พอแล้วๆ” ลู่เซิ่งตัดบทอย่างหงุดหงิด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อีกเดี๋ยวฉันจะดูแลเขาให้ กลับไปพักผ่อนสักสองส สามเดือนก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ตัวเธอน่ะ ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าใช้วิชาต่อสู้แบกรับภาระสะเปะสะปะไม่ได้ ต่อจากนี้ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้อีก เวลาต่อสู้กับคนธรรมดา เธอลองออกแรงหนึ่งในสามส่วนดูก่อน แล้วค่อยเพิ่มแรงขึ้น เข้าใ ใจไหม”
พอไป๋อันอี้ได้ยินว่ามีทางช่วย ก็ผุดสีหน้าลิงโลดทันที
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์! ผมจะทำตามอย่างแน่นอน! ขอบคุณครับอาจารย์ๆ!” เขาโขกหัวให้ลู่เซิ่ง
ไป๋จวิ้นเฉิงก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน ตัวเขารู้อาการบาดเจ็บของตนเองดีที่สุด
อาการบาดเจ็บของเขาไม่ว่าไปอยู่ไหนก็จะเกิดผลที่จะตามมาได้ทั้งนั้น
แต่อาจารย์หวังคนนี้กลับบอกอย่างสบายๆ ว่า ดูแลครู่เดียวก็กลับเป็นอย่างเดิมได้
ถ้าไม่ใช่อาจารย์หวังคนนี้ขี้โม้ ก็เพราะเขาเก่งกาจสุดยอด “อาจารย์หวัง ถ้าคุณช่วยทำให้ผมกลับไปแข็งแรงเหมือนเดิ มได้ ตระกูลไป๋ของผมไป๋จวินเฉิงจะตอบแทนอย่างดีแน่นอน!” เขากล่าวอย่างแน่วแน่
เขารู้ว่ายอดคนผู้เร้นกายอย่างอาจารย์หวัง ไม่แน่ว่าจะให้ความสำคัญกับเงินทอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกว่าจะตอบ บแทนเป็นตัวเงิน
เขาวางแผนรอถามน้องชายทีหลัง แล้วค่อยตรวจสอบข้อมูลว่าอาจารย์หวังผู้นี้ขาดอะไร ต้องการอะไร จากนั้นค่อยจ่ายย ยาให้ถูกโรค
“ไม่ต้อง ในเมื่อนายถูกไป๋อันอี้ทำร้ายบาดเจ็บ ฉันก็ควรจะรักษานายตามเหตุผลอยู่แล้ว”
ลู่เซิ่งลุกขึ้นแล้วเดินไปหาไป๋จวิ้นเฉิงอย่างช้าๆ
ตอนนี้เขาผ่านการปรับเปลี่ยนผิวหนังและกล้ามเนื้อมาแล้ว กำลังดำเนินการปรับเปลี่ยนต่อมไร้ท่ออยู่
ต่อมไร้ท่ออันเป็นชีวิตที่สามส่งผลต่อหลายๆ ส่วนในการเจริญเติบโตครั้งที่สอง นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ ร่างกา ายเขาก็กำยำขึ้นอีกขั้นแล้ว
เขาเดินไปถึงตรงหน้าไป๋จวิ้นเฉิง บุคลิกชวนให้คนรู้สึกถึงความเหี้ยมหาญกร้าวแกร่ง
เป็นคนละคนโดยสิ้นเชิงกับผู้ดูแลห้องสมุดที่ผอมแห้งและขาวซีดคนก่อน
ครั้นไป๋จวิ้นเฉิงสัมผัสจุดนี้ได้ ลำคอก็เคลื่อนไหว กลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว ขณะกำลังจะเอ่ยปากนั่นเอง
พรึ่บ!
ลู่เซิ่งดึงขวดน้ำเกลือที่อยู่ด้านข้างทิ้งไป
“ใส่น้ำเกลือทำไม ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ทิ้งไปซะ!”
เขาโยนเสาโลหะสำหรับเติมน้ำเกลือไปให้ไป๋อันอี้ จากนั้นก็ตบศีรษะของไป๋จวิ้นเฉิง
เปรี้ยง!
แรงตบไม่เบาไม่หนัก แต่พอตบใส่ศีรษะไป๋จวิ้นเฉิง กลับเหมือนราดน้ำร้อนลงไป
การสั่นสะเทือนอันร้อนระอุไหลจากศีรษะเขาไปยังทั่วร่าง
เขารู้สึกว่าร่างกายเริ่มสั่น
ชายหนุ่มไม่รู้ว่า ลู่เซิ่งกำลังใช้ความสามารถควบคุมระดับอณูในระดับสูงสุดของตัวเอง และใช้แรงสั่นไหวด้วยความถี สูง เพื่อปรับเลือดคั่งและผลจากการกระทบกระเทือนในสมอง
หลังจัดการศีรษะเสร็จ ก็ตามด้วยทรวงอกและแขนทั้งสองข้าง
ความรู้และความเข้าใจต่อสิ่งมีชีวิตของลู่เซิ่งไปถึงระดับปรมาจารย์มานานแล้ว จึงรักษากระดูกที่หักกับเลือดคั่งใน ตัวไป๋จวิ้นเฉิงได้อย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วย
เลือดคั่งสีแดงเข้มไม่น้อยซึมออกมาเปื้อนเสื้อผู้ป่วยที่ไป๋จวิ้นเฉิงสวมอยู่
ผ่านไปราวสองนาที
“เรียบร้อย” ลู่เซิ่งชักมือกลับ “กลับไปพักผ่อนสักเดือนก็จะเดินได้ แต่ยังไม่หายดี อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองเด ดือนถึงสามเดือน ฉันกระตุ้นระบบรักษาตัวเองให้นายแล้ว โดยทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในช่วงเวลาต่อจากนี้เร็วขึ นเล็กน้อย”
“มีการควบคุมแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย” ไป๋จวิ้นเฉิงตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าการควบคุมส่งผลต่อกระบวนการเผ ผาผลาญพลังงานได้ด้วย
“จะนานเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอายุขัยจะลดลง” ลู่เซิ่งตอบ
“อาจารย์…เรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ไป๋อันอี้ที่อยู่ด้านข้างถามอย่างอ้ำอึ้ง น้ำตายังคงคลอเบ้า
“อืม เรียบร้อยแล้ว พากลับไปพักผ่อนเถอะ” ลู่เซิ่งไม่ได้ถามว่าทำไมพวกเขาหาบ้านตัวเองเจอ โบกมือกล่าวอย่างไม่สน นใจ
“เอ่อ…โอ้…รับทราบครับ…” ไป๋อันอี้รีบประคองไป๋จวิ้นเฉิงขึ้น นึกไม่ถึงว่าไป๋จวิ้นเฉิงจะใช้สองขายันพื้นลุก กยืนขึ้นเองได้
“ก่อนหน้านี้ฉันมึนหัวเลยเดินไม่ได้ ตอนนี้สบายดีแล้ว ไม่มึนเลย ฉันเดินเองได้!” ไป๋จวิ้นเฉิงข่มความร้อนรุ่มใน นใจก่อนกล่าวเสียงแผ่ว
เขาตรวจสอบตัวเองในตอนนี้อย่างละเอียด อย่างกับอิมีทธิฤทธิ์พิเศษ!
เมื่อครู่เขายังปวดร้าวไปทั้งร่าง ขยับตัวไม่ได้
ตอนนี้เขากลับลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ
นี่มันคือศาสตร์แพทย์หรือ เทพเหลือเกิน!
“อย่างนั้น อาจารย์หวัง พวกเราขอกลับก่อน” เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แสดงท่าทีนอบน้อมอย่างไม่เคยมีมาก่อน โค้งต ตัวให้แก่ลู่เซิ่งอย่างจริงจัง แต่เพราะอาการบาดเจ็บ จึงโค้งได้เล็กน้อยเท่านั้น
“กลับไปเถอะ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
สำหรับเขาแล้ว เรื่องของไป๋จวิ้นเฉิงถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าหนูไป๋อันอี้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เ เขาในตอนนี้ระเบิดพลังทำลายได้รุนแรงขนาดไหน
นอกจากนี้ เขามองดวงตาของชายหนุ่มนามไป๋จวิ้นเฉิงคนนั้นออกว่า พวกเขาจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอน
ก่อนไป สองพี่น้องเก็บเสาน้ำเกลือไปด้วย แม้แต่ขยะและถุงใส่อาหารที่กองสุมกันในบ้านก็เอาไปหมดเช่นกัน
ลู่เซิ่งที่หมดธุระแล้วถือโอกาสพักผ่อน
เขาเริ่มคิดจะทำให้ไป๋อันอี้กลายเป็นศิษย์แกนหลักของโลกใบนี้แล้ว
เด็กคนนี้มีความเด็ดเดี่ยว เข้มงวดกับตัวเอง เคารพอาจารย์และหลักเกณฑ์ เชื่อฟังเป็นอย่างดี พรสวรรค์ก็ไม่เลว นอก กจากหน้าตาไม่ค่อยดี ที่เหลือก็ไม่มีอะไรที่ตำหนิได้อีก
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขายินดีช่วยรักษาไป๋จวิ้นเฉิง
นอกจากความคิดนี้แล้ว เขายังมีความคิดจะใช้ประโยชน์ไป๋จวิ้นเฉิงในการเผยแพร่ข่าวเรื่องศาสตร์แพทย์ของเขาออกไปด้ว วย
ศาสตร์แพทย์บนโลกใบนี้ใช้เวลานานมากในการขอใบอนุญาต คนธรรมดาไม่สามารถเป็นหมอได้เลย
จำเป็นต้องไปสถานที่ที่กำหนดไว้ แล้วฝึกฝนเป็นเวลาหลายปีเท่านั้น
ลู่เซิ่งไม่มีเวลาว่าง การถือโอกาสทำตัวเป็นหมอเถื่อนก็ไม่เลวเหมือนกัน ทำให้การหาเงินเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ในช่วงเวลานี้ เขาเริ่มจะรู้เบื้องหลังในครอบครัวของศิษย์หลักสองคนอย่างคร่าวๆ แล้ว
ตระกูลไป๋ของไป๋อันอี้ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในเมือง มีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก นับเ เป็นระดับกลาง
ส่วนบ้านของจ้าวกั่วโยวทำร้านสะดวกซื้อหลายสาขา มีเงินกว่าบ้านไป๋อันอี้ไม่น้อย แต่ค่อนข้างติดดิน เป็นคน ทำมาค้าขายตามกฎหมาย
ครอบครัวของเธอแตกต่างจากตระกูลไป๋ตรงที่มีพี่น้องเยอะมาก เส้นสายกว้างขวาง อิทธิพลในเมืองสลับซับซ้อน ไม่ได้มีแ แค่เงินเพียงอย่างเดียว
พี่น้องตระกูลไป๋เพิ่งกลับไปได้ไม่นานก็มีคนมาเคาะประตู
ลู่เซิ่งลุกไปเปิดประตู
ชายหนุ่มผมเกรียนสวมสูทสีเทาคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก
“อาจารย์หวัง นี่เป็นของขวัญขอบคุณที่พี่ไป๋มอบให้คุณครับ” เขาส่งกล่องกระดาษสีดำอ่อนให้ลู่เซิ่งอย่างนอบน้อม
ลู่เซิ่งรับมา กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ก็เห็นชายหนุ่มหมุนตัววิ่งหายลงไปจากบันไดทันที เหมือนกับไม่ให้โอกาสเขา ได้ปฏิเสธ
ลู่เซิ่งหมดคำพูดก่อนจะเปิดกล่องดู
ด้านในมีกุญแจรถวางอยู่
มีกระดาษใบหนึ่งวางไว้ข้างใต้กุญแจ
‘ศิษย์ไป๋อันอี้ มอบให้อาจารย์หวังมู่ เป็นแค่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อาจารย์ได้โปรดรับไว้ด้วย’
ลู่เซิ่งรู้ว่าเป็นของขวัญที่ไป๋จวิ้นเฉิงจัดหาให้ในนามน้องชาย
เขาหยิบกุญแจขึ้นมาแขวนไว้กับเข็มขัด ก่อนจะหมุนตัวปิดประตูแล้วพักผ่อน
คาดไม่ถึงว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ไป๋จวิ้นเฉิงอยู่เป็นกว่าไป๋อันอี้อย่างเห็นได้ชัด ในเวลาหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้นมีของขวัญขนาดต่างๆ ส่งมาถึงมือลู เซิ่งไม่ขาดสาย
มีอุปกรณ์ช่วยเหลือการฝึกฝนด้วยเทคโนโลยีระดับสูงสามชุด คฤหาสน์เล็กๆ เนื้อที่ 100 ไร่ที่อยู่ใกล้ๆ และรถหรูราคาแพ พงอีกสองคัน
ของขวัญพวกนี้ราคารวมกันมากกว่าห้าหกล้าน
หนำซ้ำในนี้ยังมีชุดใหม่ๆ ที่เลือกอย่างตั้งใจปนอยู่ด้วย
เพียงแต่ลู่เซิ่งไม่ชอบตำแหน่งบ้านที่ได้มา
เขาจึงตัดสินใจซื้อบ้านที่เหมาะสมอีกหลัง
ขณะที่ชีวิตที่สามยังปรับเปลี่ยนอยู่ ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากายเนื้อบึกบึนขึ้นอีกครั้ง
ส่วนทางศิษย์ การฝึกฝนของไป๋อันอี้ก็มีแนวโน้มสำเร็จขอบเขตพลังปลอดโปร่งแล้วเช่นกัน
ความสำเร็จของเขาไม่ใช่ขอบเขตพลังปลอดโปร่งทั่วไป แต่ลู่เซิ่งใช้การกระตุ้นด้วยวิธีการฝึกฝนแบบจำกัดของตัวเอง ทำ ำให้พละกำลังในกล้ามเนื้อของเขาเติบโตอย่างเต็มที่
นี่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตพลังปลอดโปร่งธรรมดาอย่างน้อยสองถึงสี่เท่าตัว
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต่อยใส่พี่ชายตัวเองจนพิการได้
ทั้งหมดเป็นเพราะวิธีฝึกฝนแบบจำกัดตัวเองของลู่เซิ่งครอบคลุมทุกด้าน เส้นใยกล้ามเนื้อทุกเส้นล้วนได้รับการกระต ตุ้นขีดจำกัดอย่างเต็มที่
ต่อให้เป็นทักษะเทคโนโลยีก็สร้างผลลัพธ์ที่แม่นยำขนาดนี้ไม่ได้
ขณะที่อาการบาดเจ็บของไป๋จวิ้นเฉิงดีขึ้นทุกๆ วัน อีกด้านหนึ่ง จ้าวกั่วโยวก็เริ่มการฝึกฝนวิชาต่อสู้แบกภาระ พรสวรรค์ของเธอดีกว่าไป๋อันอี้เล็กน้อย แต่เป็นเพราะไม่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีคอยสนับสนุน ความก้าวหน้าเลยช้าไม่น้อย
ทางชั้นเรียนรอบนอก นักเรียนส่วนหนึ่งคล้ายรู้เรื่องของพี่น้องตระกูลไป๋แล้ว พวกเขาส่วนใหญ่รู้ว่าไป๋จวิ้นเฉิงกำลั งมอบของขวัญให้อาจารย์หวังอย่างบ้าคลั่ง
พอได้ฟังเหตุผลก็ทราบว่า ไป๋จวิ้นเฉิงไปรับบาดเจ็บมาได้อย่างไรก็ไม่ทราบ โรงพยาบาลวินิจฉัยว่าวันหน้าจะเกิดผลที่ ตามมา ไปที่ไหนก็รักษาไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าอาจารย์หวังกลับรักษาให้หายดีได้ ทั้งยังไม่ทิ้งโรคใดๆ เอาไว้ ข่าวนี้ค่อยๆ กระจายออกไป แม้คนส่ วนใหญ่จะยังกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แต่ก็มีคนที่สิ้นหวังต่อโรคของตัวเองมาแสวงโชคกับเขาแล้ว
ชื่อเสียงชั้นเรียนเล็กๆ ของลู่เซิ่งเริ่มโด่งดังขึ้นอย่างช้าๆ