ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1029 แหล่งกำเนิด (1)
ฟ้าว…
กระแสลมอ่อนๆ พัดขึ้นในห้องอย่างไม่หยุดยั้ง
ทุกๆ ครั้งที่ลมพัด กระแสอากาศจะผสมเข้ากับลมหายใจที่ลู่เซิ่งพ่นออกมา ก่อนจะรุนแรงยิ่งขึ้น
ทุกแห่งหนในห้องมีแต่เสียงลมดังหวีดหวิวอย่างรุนแรง กระแสอากาศพัดเสื้อผ้าของลู่เซิ่งให้พองตัวขึ้น เหมือนกับ มีเครื่องเปล่าลมกำลังเป่าใส่เขา
ในอากาศมีเสียงดังครืนครั่นเบาๆ เหมือนกับมีเสียงพึมพำแผ่วๆ นับไม่ถ้วนดังมาจากในตัวลู่เซิ่ง
นั่นเป็นเสียงเลือดไหลเวียน
เลือด เป็นตัวรองรับพื้นฐานสุดของสิ่งมีชีวิต
สารอาหาร อากาศ และแร่ธาตุชนิดต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต จำเป็นต้องใช้เลือดขนส่ง
และเลือดที่แข็งแกร่ง จะเสริมความสามารถผสมผสานทั้งหมดนี้
ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และต่อมไร้ท่อของลู่เซิ่งแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว สิ่งที่จำกัดเขาเอาไว้ในตอนนี้มีแต่การบำรุง จากเลือด
กล่าวได้ว่า ชีวิตที่สี่เป็นการเกื้อหนุนความสามารถทั้งหมดของร่างกาย หรือก็คือการยกระดับทุกด้านนั่นเอง
การปรับปรุงของวิชาเกลียวเก้าชีวิตต่อเลือด จะทำให้เลือดลอกคราบและแบ่งตัวครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านรังสีกระตุ้นจาก ภายนอกและการโน้มนำพลังงานพิเศษมาหลอมรวม จนเกิดเซลล์เม็ดเลือดแดงเซลล์ใหม่
เซลล์เม็ดเลือดแดงแบบเดิมจะมีสภาพเหมือนจานที่ยุบตัว แต่ว่าภายใต้การปรับเปลี่ยนหลายครั้งจากพลังอาวรณ์
พวกมันจึงกำลังเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองอย่างรวดเร็ว องค์ประกอบค่อยๆ เปลี่ยนจากจานในตอนแรกเป็นลูกบอลที่มีหนาม ที่แปลกประหลาดกว่าเดิม
หนามแหลมหลายแท่งงอกออกมาจากรอบๆ เซลล์เม็ดเลือดแดง พวกมันพลิกม้วนและไหลเวียนเหมือนกับเม่น
ขนาดร่างกายของลู่เซิ่งที่อยู่ในห้องเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขากำลังหดเล็กลงเหมือนกับกำลังปล่อยลม มออก
ต่อให้มีการช่วยเหลือจากพลังอาวรณ์และร่างหลัก สารอาหารของตัวเขาก็ยังถูกดูดซับอย่างบ้าคลั่ง
การสูญเสียพลังงานที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวนี้ กำลังสร้างกายเนื้ออันพิสดารที่แข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ให้แก่ลู่เซิ่ง
ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ต่อมไร้ท่อ และโครงกระดูกที่ยังไม่ได้เริ่มฝึก แข็งแกร่งและทนทานขึ้นภายใต้การช่วยเหลือจาก เลือดหลังปรับเปลี่ยน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ลู่เซิ่งเหมือนกับตัวหดลงหนึ่งรอบวงใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกแข็งเกร็งกว่าเดิม
เขาลืมตาขึ้น ดวงตาเหมือนกับหลอดไฟสองดวงในความมืดมิด ตาเขาไม่ได้กำลังเปล่งแสง แต่ละอองแสงรอบๆ กำลังถูกเขา คว้าจับมาสะท้อนแสง
ความสามารถคว้าจับและปรับตัวเข้ากับแสงเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง
เมื่อเทียบกับการมองเห็นในความมืดของสิ่งมีชีวิตบางชนิดแล้ว มันเป็นแค่ระบบของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น
เขาลุกขึ้นอย่างพอใจ
การปรับปรุงเลือดไม่ได้เสร็จเร็วนัก โลกใบนี้มีระดับพลังงานสูงส่ง การจำกัดกฎเกณฑ์ก็แข็งแกร่งกว่าเช่นกัน การเปล ลี่ยนแปลงใดๆ จะต้องพัฒนาทีละก้าวๆ
มันไม่ได้ง่ายด่ายเหมือนตอนอยู่ในโลกพลังงานต่ำ ที่สามารถบิดเบือน ก้าวข้าม หรือทำลายกฎพื้นฐานได้เลย
เมื่ออยู่ที่นี่ หากคิดจะบิดเบือนกฎ ระดับพลังงานที่ต้องจ่ายจะยิ่งใหญ่จนทำให้ผู้เข้มแข็งอนธการระดับสุดยอดอย่ างเขาเจ็บปวดรวดร้าวเช่นเดียวกัน
เหมือนกับถ้าอยากจะจุดไฟ ก็ต้องจ่ายพลังงานระดับทำลายล้างโลกก่อน
ความคุ้มค่าของการแปลงพลังงานแย่เกินไป
‘อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปี’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้วขณะสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
เขาซึ่งเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีเขียวอันเรียบง่าย เดินไปถึงมุมผนังเพื่อเริ่มจัดการอาหารเหลวและอาหารแห้ง
แคว่ก
เขาฉีกผิวโลหะด้านนอกหีบออก จากนั้นก็หยิบอาหารเหลวขวดหนึ่งขึ้นมาดู
ของเหลวสีเขียวอ่อนในขวดแก้วเหนียวมาก เหมือนกับของน่าขยะแขยงบางอย่าง
ลู่เซิ่งที่มองดูอย่างคลื่นไส้ แต่ในเมื่อควรกินก็ต้องกิน นี่เป็นอาหารเหลวชนิดพิเศษที่ขอมาจากกองทัพของผู พันเทอร์รี่ และเป็นของดีที่ต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
เขาดึงฝาหีบออก มองดูอาหารเหลวสามสิบขวดที่แน่นขนัด ก่อนจะหยิบขวดหนึ่งมาเงยหน้าขึ้นแล้วบีบขวด
เพล้ง!
อาหารเหลวมากมายไหลผ่านร่องนิ้วของเขาลงไปในลำคอ
ลู่เซิ่งหยิบขึ้นมาทีละขวดๆ ไม่นานขวดหลายสิบขวดก็เข้าไปอยู่ในท้องของเขาพร้อมกับเศษแก้ว
สำหรับลู่เซิ่ง รสชาติเศษแก้วที่อันตรายสำหรับคนทั่วไปมีความใกล้เคียงกับคุกกี้เศษของมันตกลงมาตอนกิน แค่ใช้ลำ ำคอบดก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พอจัดการอาหารเหลวเสร็จ ก็ถึงรอบอาหารบีบอัดพลังงานสูง
ไม่นานก็กินหมด ลู่เซิ่งถือว่าอิ่มเพียงครึ่งหนึ่ง จากนั้นค่อยเปิดห้องส่วนตัว
ด้านนอกมีคนเฝ้าอยู่
“ท่านประมุขโถง” คนที่เฝ้าประตูคือเว่ยเจินอวี๋น้องสาวของเว่ยหานตง
พอมีเงิน หญิงสาวคนนี้ก็เริ่มแต่งตัว บวกกับออกกำลังด้วยความเข้มข้นสูง รูปร่างจึงมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ไม่ได ด้ผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเดิมอีกแล้ว
เพียงแต่อาจเป็นเพราะสารอาหารไม่ดี สมองจึงแก้ไขไม่ได้แล้ว
เธอไม่เหมือนกับพี่ชายของตัวเอง เพราะนอกจากความซาบซึ้งที่มีต่อลู่เซิ่งแล้ว เธอยังมีความนับถือที่ซ่อนไว้ด้วย
“อันซาล่ะ” ลู่เซิ่งรับผ้าขนหนูจากเธอมาซับเหงื่อ
“ศิษย์พี่อันซาไปมณฑลเจี่ยวเป่ยค่ะ ธุรกิจของเขาที่อยู่ที่นู่นถูกคนลอบโจมตี จำเป็นต้องให้เขาไปดูแลเอง”
“ถามเขาดูว่าอยากได้การช่วยเหลือไหม ถ้าอยากได้ ให้ส่งศิษย์พี่ศิษย์น้องจากโถงไป” ลู่เซิ่งให้ความสำคัญกับอันซา ศ ศิษย์ที่เพิ่งรับเข้าสำนักผู้นี้มาก คุณสมบัติแต่ละด้านต่างไม่ด้อยกว่าไป๋จวิ้นเฉิง เพียงแต่อายุมากไปหน่อยเท่า านั้น
“นอกจากนี้ ติดต่อทางกองทัพให้ที ฉันจะไปใช้โกดังอาวุธ ทดสอบความสามารถทางกายดูสักหน่อย” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเร รียบ
“เข้าใจแล้ว ฉันจะโทรศัพท์ไปทันทีค่ะ”
ลู่เซิ่งกำหนดแผนการเสร็จ ค่อยมองไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว
ครั้งนี้ชีวิตที่สี่หรือเลือด เปลี่ยนแปลงรุนแรงกว่าที่เขาคาดไว้ จำเป็นต้องประเมินอย่างละเอียดว่าขีดจำกัดของต ตนในตอนนี้อยู่ตรงไหน
กลางดึก รถของกองทัพก็มาถึงประตูอย่างรวดเร็ว
คนที่ขับรถมาเป็นทหารมือดีคนหนึ่งที่เข้าร่วมโถงเก้าชีวิตรอบนอกแล้ว พอเห็นลู่เซิ่ง เขาก็ผุดสีหน้าเคร่งขรึม เนื้อตัวเกร็งทันที
ลู่เซิ่งสัมผัสการเปลี่ยนแปลงใหม่ของร่างกายไปพลาง สนทนากับทหารไปพลาง
สิบกว่านาทีต่อมา รถก็มาถึงฐานทัพชั่วคราวนอกชานเมือง
ทหารสิบกว่านายเข้ามาตรวจสอบของอันตรายภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง จากนั้นรถก็ข้ามแนวป้องกันหลายแนว ส สุดท้ายก็ค่อยๆ แล่นเข้าไปในช่องเขาที่ค่อนข้างแคบแห่งหนึ่ง
หงซื่อสวมเสื้อหนังรัดรูป เข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง
“อาจารย์ ทางนี้เตรียมการเรียบร้อยแล้วค่ะ ผู้พันเทอร์รี่เชิญอาจารย์ไปยังฐานทัพใต้ดิน ฐานทัพแห่งนี้มีโกดังอาวุ ธชั่วคราวจำนวนหนึ่ง น่าจะพอให้อาจารย์ใช้ทดสอบได้”
หงซื่อฝึกฝนอยู่ที่นี่ชั่วคราว พอเห็นลู่เซิ่งมา เธอก็แปลกใจ
ตั้งแต่เข้าร่วมกับโถงเก้าชีวิต เธอก็รู้แล้วว่าประมุขโถงมีพลังแข็งแกร่ง แต่แข็งแกร่งถึงระดับไหนกันแน่ นี่ย ยังเป็นปริศนาแล้ว
แค่จะประเมินพลัง แต่จำเป็นต้องมาที่ฐานทัพของกองทัพด้วยเหรอ ทั้งยังยืมโกดังอาวุธด้วย
“งั้นก็ไปเถอะ นำทางเลย” ลู่เซิ่งรับคำ
ทุกคนเข้าไปในช่องเขาด้วยการคุ้มครองของทหารยามสี่นาย แล้วเจอลิฟท์ที่เชื่อมกับใต้ดินตรงตีนเขา
ครืดๆ ลิฟท์ซ่อนตัวอยู่ตรงผนังภูเขาสีเขียวขี้ม้า ผนังภูเขาแยกออกสองข้าง เผยให้เห็นที่ว่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเ เหลืองอ่อนด้านในลิฟท์
ลู่เซิ่งเดินนำเข้าไปก่อน หงซื่อตามหลังมาติดๆ
ครืด
ลิฟท์ปิดลง ก่อนจะหมุนตัวแล้วดิ่งลงไปยังชั้นใต้ดินด้วยความเร็วสูง
แรงทิ้งตัวที่รุนแรงและแรงหมุนหนีศูนย์กลางพุ่งลงไปยังชั้นใต้ดินภายใตการทำงานของแม่เหล็กไฟฟ้า
ทางเชื่อมลิฟท์กะพริบแสงสีแดงอ่อนๆ ในความมืด ล้ำลึกจนไม่เห็นจุดหมาย
“โกดังอาวุธชั่วคราวแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 7122 ถึงตอนนี้ผ่านไปสามสิบปีแล้ว ความจริงฐานทัพตั้งอยู่ใต้ดิน 12,00 00 เมตร ก่อนหน้านี้ฉันเคยลงมากับคุณลุงหลายครั้งแล้ว” หงซื่อแนะนำอย่างสะท้อนใจ
“ตอนนั้นที่นี่เป็นฐานทัพวิจัยลับ ตอนนี้ได้ย้ายไปแล้ว เลยทิ้งให้กองทัพในท้องที่ใช้เป็นฐานทัพชั่วคราว”
“ความปลอดภัยเป็นยังไง” ลู่เซิ่งถามเรียบๆ
“พอได้ค่ะ สูงสุดคือระดับ sss มาตรฐานของที่นี่คือ s” หงซื่อเหมือนจะรู้เรื่องทางด้านนี้เป็นอย่างดี
“ไม่เลวเลย” ลู่เซิ่งพยักหน้า
หลังจากลงลิฟท์เป็นเวลาสิบกว่านาที ในที่สุดลิฟท์ก็เริ่มช้าลง
หลังจากเกิดเสียงดังแกร๊ก ทั้งสองก็หยุดเคลื่อนไหว
ฟืด
ประตูลิฟท์เปิดออกเอง
ด้านนอกมีชายสวมเครื่องแบบสีดำคนหนึ่งมารออยู่แล้ว
“ประมุขโถง เชิญทางนี้ครับ” สิ่งที่เขาสวมเห็นได้ชัดว่าเป็นเครื่องแบบของที่นี่ มองดูทหารยามที่ตามอยู่เบื้องห หลังเขา น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของฐานทัพใต้ดินแห่งนี้
หงซื่อที่อยู่ด้านหลังนึกไม่ถึงว่าแม้แต่ที่นี่ก็ถูกพลังของโถงเก้าชีวิตแทรกซึมแล้ว
นี่ทำให้เธอลอบตื่นตระหนกอยู่บ้าง
“ฉันต้องการลานทดสอบอาวุธแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ให้เตรียมอาวุธสมัยใหม่แบบปกติที่เก็บไว้ในโกดังทั้งหมดให้เตรียม ไว้ให้ฉันด้วย” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ
เจ้าหน้าที่พยักหน้าทันที ดวงตาฉายแววชื่นชม
“ไม่ต้องห่วงครับ สามารถเรียกใช้ได้เสมอ ระบบอาวุธของที่นี่มีฟังก์ชันครบครันในการดูแลรักษาตัวเองตามกำหนดเวลาค ครับ”
พอพูดถึงตรงนี้เขาก็ลังเลเล็กน้อย
“นอกจากนั้นช่วงนี้มีอาวุธทหารราบระดับวีนาเกียร์ล็อตหนึ่งเข้ามาด้วย ไม่ทราบประมุขโถงต้องการทดสอบด้วยไหมครับ ”
“ระดับวีนาเกียร์หรือ” ลู่เซิ่งเคยอ่านหนังสือด้านนี้มาก่อน ทราบว่าระดับวีนาเกียร์หมายถึงระดับอะไร
เหนือกว่าอาวุธทั่วไปในจักรวรรดิมอธ ก็คือระดับวีนาเกียร์
ระดับวีนาเกียร์คือสัญลักษณ์ของยานรบจักรวาลระดับกลางของจักรวรรดิมอธ ส่วนอาวุธระดับวีนาเกียร์เป็นการแบ่งอ อาวุธทั้งหมดที่ส่งผลคุกคามต่อยานรบจักรวาลระดับนี้ได้
“เตรียมอาวุธทหารราบชนิดหนึ่งไว้ก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งไตร่ตรองก่อนจะพยักหน้าตอบ
คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเขาวางแผนจะทำอะไร แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของลู่เซิ่ง แค่ทำตามก็พอ
หลังจากเจ้าหน้าที่สั่งการลงไปแล้ว ก็พาพวกลู่เซิ่งมาถึงลานสดสอบอาวุธหมายเลขหนึ่ง
“ด้านในมีเครื่องทดสอบ ที่เก็บตัวอย่างหลากหลายชนิดที่ละเอียดที่สุด…” เจ้าหน้าที่ยังพูดไม่ทันจบ ลู่เซิ่งก็ยกม มือตัดบทเขาแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ลานทดสอบอาวุธสีเขียวอ่อนเป็นห้องทรงกลมขนาดยักษ์ห้องหนึ่ง
พื้นตรงกลางมีเขตทรงกลมสีเขียว ตรงนั้นคือเขตทดสอบอาวุธตามมาตรฐาน
ขณะที่ลู่เซิ่งเดินเข้าไป แสงอาทิตย์จำลองซึ่งเลียนแบบธรรมชาติที่อ่อนโยนก็สว่างขึ้นจากบริเวณรอบๆ
“เริ่มระบบทดสอบอาวุธ” เสียงจักรกลผู้หญิงที่วังเวงดังขึ้นช้าๆ ก่อนสะท้อนในห้อง
“ผู้ใช้อาวุธ ไม่ทราบ หมายเลขอาวุธทดสอบ: 9982734 ประเภท แรงกระแทกพลังจลน์”
วี้ด
พื้นข้างใต้เท้าลู่เซิ่งแยกออก แท่นอาวุธทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแท่นหนึ่งค่อยๆ ยกขึ้นมา ปืนที่เหมือนกับปืนกลมือสี ดำสนิทกระบอกหนึ่งวางอยู่บนนั้น ยาวหนึ่งเมตรกว่าๆ ติดตั้งกล้องปืนอิเล็กตรอนเอาไว้
ลู่เซิ่งหยิบมันขึ้นมามองดู นายทหารที่อยู่ด้านนอกเริ่มแนะนำวิธีใช้ปืนให้เขาฟัง
หลังจากลู่เซิ่งฟังจบก็ปลดเซฟตี้ ก่อนจะหันใส่หน้าอกตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน ท่านประมุขโถง นี่เป็นอาวุธพลังงานจลน์ระดับสูงนะครับ แรงเจาะทะลวงเหนือกว่าอาวุธทั่วไปที่ตำรวจในเ เมืองใช้กัน ต่อให้เป็นกำแพงโลหะผสมที่หนาสิบกว่าเมตรก็…”
เปรี้ยง
เสียงปืนดังแทรกเสียงลำโพง
ลู่เซิ่งหยิบกระสุนที่เปลี่ยนรูปร่างนัดหนึ่งออกจากหน้าอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย