ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1030 แหล่งกำเนิด (2)
กระสุนไม่ได้กระเด็นออกมา หากฝังอยู่ในกล้ามเนื้อบนทรวงอกของเขา
ผิวหนังจมลงไปแต่ไม่ถูกเจาะ กล้ามเนื้อดูดซับพลังงานจลน์ของกระสุนเอาไว้ทั้งหมด
สภาพแบบนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่สำหรับลู่เซิ่ง นี่ถือว่าอยู่ในมาตรฐาน เป็นเพราะในพริบตาเมื่อครู่ เขาใช้พล ลังป้องกันที่ซ้อนทับกันของกล้ามเนื้อดูดซับและสลายอานุภาพทั้งหมดของกระสุน
เขาอยากรู้ว่าอาวุธชิ้นนี้มีอานุภาพสูงสุดขนาดไหน
“ชนิดต่อไป” เขาทิ้งปืนในมือลงไปด้านข้าง
อาวุธชนิดนี้อ่อนแอเกินไป เจาะแม้แต่ผิวหนังของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
พวกหงซื่อที่อยู่ในห้องสังเกตการณ์ต่างตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเห็นคนใช้กล้ามเนื้อรับกระสุนได้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ไม่เคยเห็นใครรับกระสุน แต่นั่นเป็น นการใช้วิทยาการต่างๆ เป็นการต่อสู้กันของเทคโนโลยีและวิทยาการ
แต่ตอนนี้ เป็นการสู้กันของกายเนื้อและวิทยาการ
“ฉันบอกว่า ชนิดต่อไป” ลู่เซิ่งส่งเสียงอีกรอบ
“อ้อ…ครับๆ!” เสียงหวาดกลัวของผู้ทดสอบดังมาจากในลำโพง
อาวุธหลายชนิดถูกทยอยส่งขึ้นมา ลู่เซิ่งนำมาโจมตีใส่ตัวเอง ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ผลลัพธ์ของการทดสอบก็ทำให้ เขาพอใจ
อาวุธธรรมดาที่อยู่ต่ำกว่าระดับวีนาเกียร์ มีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ส่งผลต่อเขาได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนที่เหลือล้วนไร้ประโยชน์
ตอนนี้เขายังสู้อาวุธที่อยู่สูงกว่าระดับวีนาเกียร์ไม่ได้
อย่างไรยานรบระดับวีนาเกียร์ก็เป็นยานรบยิงทำลายดาวเคราะห์น้อยได้ในครั้งเดียว อาวุธที่สร้างการคุกคามต่อ มันได้ ย่อมเป็นสิ่งของระดับสุดยอด
อาวุธระดับนี้ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่โต นอกจากผู้ใช้พลังจิตแล้ว คนอื่นๆ ไม่สามารถใช้งานอาวุธระดับวีนาเกียร์ได้
ระดับวีนาเกียร์ เป็นอาวุธเหนือข้อจำกัดที่เอาไปติดตั้งบนเรือรบได้
อาวุธชนิดอื่นอย่างเช่นมีดสั้นผลักดันด้วยพลังงานนิวเคลียร์ แม้พลังนิวเคลียร์ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก แต่พอใช้จริงๆ ๆ ก็ได้แต่สร้างความเสถียรให้แก่พลังงานเท่านั้น
ส่วนแก่นพลังนิวเคลียร์ ปกติใช้มาเป็นแบตเตอรี่สำรองของอุปกรณ์ชิ้นอื่นได้ ไม่ใช่ว่าพอเป็นพลังนิวเคลียร์แล้วจะ ะมีอานุภาพรุนแรงไปเสียหมด
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ลู่เซิ่งโยนมีดสลักสีแดงเข้มในมือทิ้ง
ก่อนจะลบรอยมีดสีขาวเล็กๆ ที่เหลือเอาไว้บนข้อมือ
‘ไม่เสียทีที่อดทนเลื่อนระดับมานานขนาดนี้’
เขารู้สึกว่า การปรับปรุงเลือดทำให้ทุกส่วนของร่างกายแข็งแกร่งขึ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่า และการเสริมพลังนี้ยัง เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
‘น่าเสียดายที่พลังอาวรณ์ไม่พอแล้ว’ ลู่เซิ่งมองไปยังพลังอาวรณ์ที่เหลืออยู่บนอินเตอร์เฟซดีปบลู
ยังเหลือพลังอาวรณ์อีกราวสิบล้านหน่วย
การยกระดับชีวิตที่สี่ในครั้งนี้ใช้พลังอาวรณ์ไปเกือบสี่สิบล้านหน่วย
เวลานี้คนด้านนอกลานทดสอบต่างบ้าคลั่งไปแล้ว
พวกเขาที่เบียดเสียดกันกำลังเล่นภาพวิดิโอเมื่อครู่ที่ ปรับให้ช้าลงมากกว่าร้อยเท่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่เห็นร่องรอยที่ลู่เซิ่งจะโกงได้
ทรวงอกที่ตั้งตระหง่านของหงซื่อสะท้อนขึ้นลงด้วยความเร็วสูง ดวงตาเหมือนกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้ แสงสว่างที่เจิดจ้า านั้น แม้แต่ลู่เซิ่งก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นเต้นเช่นกัน
“ของที่ส่งมาก่อนหน้านี้มาถึงหรือยัง” ลู่เซิ่งถามเสียงทุ้มอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
“มาแล้วค่ะ” หงซื่อรีบพุ่งไปถึงหน้าเครื่องกระจายเสียงก่อนตอบ “อาจารย์อยากได้อะไรคะ”
“ส่งเข้ามาให้ฉันทั้งหมด ฉันจะดูว่าอะไรมีประโยชน์บ้าง” ลู่เซิ่งสั่ง
ความจริงวัสดุที่ว่าก็คือสิ่งของหลายอย่างที่อาจให้กำเนิดพลังอาวรณ์ ซึ่งโถงเก้าชีวิตเก็บรวบรวมมาภายใต้คำสั่งขอ องเขา
สิ่งของพวกนี้มีอยู่ทุกชนิด ตั้งแต่วัตถุโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงกระดูกของสัตว์ป่าที่หายา ากและแปลกประหลาดบางส่วน
“ค่ะ!” หงซื่อสะดุ้งก่อนจะรีบตอบ
ลู่เซิ่งรออยู่สักพัก ไม่นานของกองใหญ่ก็ตกจากแท่นยกข้างใต้เท้าลงสู่พื้น
ลู่เซิ่งทดสอบดูทีละอย่างๆ เพื่อดูว่ามีสิ่งไหนให้กำเนิดพลังอาวรณ์ได้บ้าง
โลกใบนี้มีความแตกต่างตรงที่ระดับพลังงานสูงเกินไป วัตถุโบราณทั่วไปถึงขั้นไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ลู่เซิ่ งทดสอบดูหลายสิบชิ้น ก่อนจะนอนไปในกองข้าวของ
ภายใต้การสัมผัสทางผิวหนังในระยะใกล้ พริบตาเดียวก็มีของหลายสิบชิ้นสัมผัสตัวเขา
“เอ๋?”
ลู่เซิ่งพลันแปลกใจ ทะลึ่งลุกขึ้น แล้วหยิบก้อนหินสีน้ำเงินเข้มก้อนหนึ่งขึ้นมา
ด้านในก้อนหินมีพลังอาวรณ์ที่ต่อเนื่องไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างนุ่มนวลและไม่ขาดตอน
“นี่มัน…หินกิเลนนี่” ลู่เซิ่งจำหินแร่หายากที่มีเอกลักษณ์ชิ้นนี้ได้ทันที
“ค่ะ เป็นหินกิเลน แร่โลหะล้ำค่าที่มีจำนวนการผลิตต่ำ เป็นอะไรไปหรือคะอาจารย์!” หงซื่อรีบถาม
ภาพการทดสอบอาวุธเมื่อครู่ทำให้เธอและผู้ทดสอบที่คอยช่วยเหลือต่างก็ตกตะลึง แต่เห็นลู่เซิ่งทำท่าเหมือนคาดไ ไว้อยู่แล้ว
เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เธอถึงค่อยดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึงได้
อย่างไรก็เป็นยุคสมัยที่วิทยาการก้าวหน้าถึงขีดสุด การใช้กายเนื้อรับกระสุนก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ อย่างน้อยก่อนหน น้านี้ก็มีสัตว์ท้องถิ่นบนดาวเคราะห์บางส่วนที่ทำได้
หลังจากปรับตัวจนเริ่มรับได้แล้ว พวกหงซื่อก็เยือกเย็นลงอย่างช้าๆ
“หินกิเลนนี้ ส่งมาให้ฉันเยอะๆ หน่อย” ลู่เซิ่งยกหินกิเลนขึ้นพลางบุ้ยใบ้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หงซื่อรีบติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบควบคุมดูแล ฝั่งเจ้าหน้าที่ตอบรับอย่างเต็มใจ
แม้หินกิเลนจะล้ำค่า แต่ไม่ใช่สิ่งของที่ต้องทะนุถนอม
สองนาทีต่อมา หินกิเลนกองเล็กๆ ก็ปรากฏบนแท่นทดสอบอาวุธด้านหน้าลู่เซิ่ง
พวกมันกองรวมกันมีขนาดเท่าแตงโม สะท้อนแสงจากโลหะอ่อนๆ อย่างงดงามภายใต้แสงไฟ
ลู่เซิ่งยื่นมือหนึ่งเข้าไป แม้ตาเนื้อจะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของหินกิเลน แต่เขาสัมผัสได้ว่า มีพลังอาวรณ์ที ต่อเนื่องไม่ขาดสายกำลังไหลจากหินกิเลนเข้าสู่ร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว ในหินกิเลนเหมือนจะมีอะไรเล็กๆ กำลังลดล ลง
เวลานี้หินกิเลนก้อนแรกสุดไม่หลงเหลือพลังอาวรณ์อีกแล้ว
เขาคำนวณคร่าวๆ
หินกิเลนขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือก้อนนั้นให้พลังอาวรณ์เขาราวหนึ่งพันหน่วย
ลู่เซิ่งดูดซับหินกิเลนขนาดเท่าแตงโมงที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไปเกือบสิบนาที ค่อยดูดซับหมดสิ้น
หินกิเลนพวกนี้มอบพลังอาวรณ์ให้เขาสองหมื่นกว่าหน่วย
“ยังมีอีกไหม” จำนวนแค่นี้ไม่พอจะยัดร่องฟันด้วยซ้ำ ลู่เซิ่งถามอย่างเด็ดขาด
“ยังมีครับ เก็บเอาไว้ในโกดัง ตรงนั้นมีเยอะมาก เลยขนย้ายมาไม่ได้” ตอนนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบฐานทัพได้ยินข่า าวแล้วก็รีบรุดมาถึง พอได้ยินลู่เซิ่งถามก็เดินเข้ามาตอบเสียงทุ้ม
“แต่ถ้าท่านต้องการ สามารถไปที่โกดังได้เลยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่หาของเฉยๆ…อยากสังเกตบางสิ่งบางอย่างน่ะ…” ลู่เซิ่งหาข้ออ้าง
ไม่อย่างนั้นหากใครเห็นเขาจ้องแร่กองหนึ่งตาเป็นมัน คงจะนึกว่าเขาบ้า
“เข้าใจแล้ว ตามสบายเลยครับ” เจ้าหน้าที่ตอบอย่างเต็มใจ ในห้องทดสอบ พวกเขาตรวจสอบเจออย่างชัดเจนว่า หินกิเลนท ที่ลู่เซิ่งสัมผัส ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติม ถึงขั้นรูปลักษณ์ไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ
แสดงให้เห็นว่า ลู่เซิ่งหาอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ
ไม่นานก็มีคนพาลู่เซิ่งกับหงซื่อออกจากลานทดสอบมาถึงโกดังที่ใช้เก็บหินกิเลนอีกแห่งหนึ่ง
สำหรับฐานทัพและจักรวรรดิ หินกิเลนเป็นวัสดุหลอมเหลวที่ใช้สำหรับเกราะป้องกันพลังงงานของยานรบ
ปกติหลังจากหลอมมันแล้วเติมโลหะชนิดอื่นเข้าไปเพื่อสร้างโลหะผสม จะใช้ป้องกันรังสีและลำแสงมากมายได้อย่างมีประ ะสิทธิภาพ ถึงขั้นตัดขาดสนามชีวภาพได้
วัสดุชนิดนี้มีราคาแพงและหายากอย่างมาก แต่นี่เป็นเรื่องสำหรับรัฐเท่านั้น
ลู่เซิ่งเห็นด้านในโกดัง กองหินกิเลนไว้มากมายเหมือนภูเขาเลากา แม้เจ้าหน้าที่ทหารจะบอกว่า ตอนนี้ผลผลิตหินกิเลน นต่ำเป็นประวัติการณ์ จำนวนในโกดังจึงเหลืออยู่น้อยมาก
แต่หินกิเลนมากมายที่เหมือนกับภูเขาลูกย่อมๆ ยังคงทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกพึงพอใจ
เขาใช้เวลาไปสี่ชั่วโมง ค่อยดูดซับหินกิเลนทั้งหมดในโกดังจนเกลี้ยง
สิ่งที่มาแทนที่ก็คือ พลังอาวรณ์จำนวนเจ็ดสิบล้านที่เพิ่มขึ้นบนอินเตอร์เฟซดีปบลู
ลู่เซิ่งอยู่ในฐานทัพหนึ่งวันครึ่ง ทดสอบแร่ชนิดอื่นๆ ที่เขาเพิ่งสั่งให้เอามาอีกรอบ ก่อนจะค้นพบว่านอกจากหิ นกิเลนแล้ว วัสดุชนิดอื่นก็ไม่มีผลใดๆ ต่อเขา
มีแต่หินกิเลนเท่านั้นที่บรรจุพลังอาวรณ์ไว้
ปกติแร่ชนิดนี้จะเกิดในใต้ดินส่วนลึกของดาวเคราะห์
หลังจากลู่เซิ่งไตร่ตรอง ก็เรียกระดมพลศิษย์แกนกลางของโถงเก้าชีวิต แล้วนำตัวอย่างชิ้นหนึ่งออกจากฐานทัพกลับศูน นย์หลักของโถงเก้าชีวิต
…
ลู่เซิ่งสวมเสื้อกล้ามรัดตัวสีดำ บนแขนขวาที่ปรากฏอยู่ด้านนอกมีตราประทับสามเหลี่ยมที่เหมือนกับเลือดอยู่สามตรา
นี่เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่ปรากฏขึ้นหลังจากเขาปรับปรุงชีวิตที่สี่หรือเลือด
โดยทฤษฎีแล้ว ตอนที่เลือดสามกลุ่มเปลี่ยนเป็นสีดำโดยสมบูรณ์ จะเป็นวันที่ชีวิตที่สี่ปรับปรุงเรียบร้อย
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โลหะสีดำ เก้าอี้หนาหนักปรับปรุงมาจากเกราะของยานรบปลดระวาง หนักถึงหนึ่งตัน
ผมสั้นในตอนแรกของเขายาวเลยหูไปแล้ว เห็นสองตาที่หลับเล็กน้อยระหว่างเส้นผมสีดำได้อย่างเลือนราง
เขาใช้แขนข้างหนึ่งเท้าคาง เหมือนกำลังงีบหลับ
แต่หงซื่อที่อยู่ด้านข้างทราบว่า เขากำลังรอคน เป็นเพราะอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจของลู่เซิ่งแตกต่า างจากตอนนอนหลับ
แกร๊ก
ประตูโถงใหญ่ของศูนย์หลักค่อยๆ เปิดออก ไป๋จวิ้นเฉิงสองพี่น้อง อันซา เว่ยหานตงสองพี่น้อง และผู้รับผิดชอบประจำ ำสาขาอีกสี่คน ทยอยเดินเข้ามาในโถง
แกนหลักมีทั้งหมดสิบคน ต่างเป็นระดับผู้นำของโถงเก้าชีวิตสิบคนที่เหลืออยู่ในตอนสุดท้ายหลังผ่านการเพิ่มลด และคัดกรอง
ทั้งสิบคนแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ สี่กลุ่ม เดินไปยืนอยู่สองฟากข้างของโถงใหญ่ด้านหน้าลู่เซิ่ง
เว่ยหานตงยืนกับหงซื่อ
สองพี่น้องตระกูลไป๋แยกเป็นกลุ่มเดียว
อันซาอยู่กับผู้ชายสวมแว่นตา
อีกสองคน คนหนึ่งสายตาชั่วร้าย คนหนึ่งเย็นชาโหดเหี้ยม เป็นพี่น้องยาเมนและแย็กที่ถูกเรียกว่าสิงโตและหมาป่ าศิลา
พวกเขาเป็นแกนหลักที่เข้าร่วมโถงเก้าชีวิตในตอนสุดท้าย เดิมทีเป็นผู้นำฝ่ายทหารราบที่มีชื่อเสียงในมณฑล เป็นค คู่แข่งกับอันซา
สองพี่น้องนี้เป็นยักษ์ร่างสูงใหญ่กำยำที่เหมือนกับหมีควาย สูงสองเมตรกว่าๆ กล้ามเนื้อและโครงกระดูกกว้างใหญ่ ป ปกติสวมชุดหนังรัดตัว พันโซ่ไว้บนตัวเป็นรูปกากบาท
ก่อนที่จะเข้าร่วมกับโถงเก้าชีวิต พวกเขาเป็นพ่อค้าอาวุธที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ สาเหตุที่เข้ามาอยู่ใต้อาณัติลู่เ เซิ่งได้ เป็นเพราะพวกเขามอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตัวเองให้ลู่เซิ่งโดยไม่ต้องการค่าตอบแทน
ตึง
หินกิเลนสีน้ำเงินก้อนหนึ่งถูกลู่เซิ่งโยนไปบนโต๊ะโลหะตัวยาวตรงกลางกลุ่มคน
“ฉันต้องการสิ่งนี้”
เขาใช้น้ำเสียงราบเรียบ แต่เจิ้งฮวนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากลับสัมผัสความแตกต่างที่ผิดปกติได้ทันที
“ฉันไม่สนว่าพวกเธอจะใช้วิธีการอะไร จงหาหินกิเลนเท่าที่พวกเธอจะหาได้ซะ” น้ำเสียงของลู่เซิ่งแสดงความตั้งใจที ห้ามต่อต้าน
“ฮ่าๆๆ ประมุขโถง พวกเราเคยทำธุรกิจลักลอบนำเข้าแร่หินกิเลนเหมือนกัน ผมรู้จักเจ้าของแร่หินกิเลนทั้งหมดในมณฑล ลดี ท่านต้องการเท่าไหร่ล่ะ ผมหามาได้หลายหมื่นกิโลกรัมได้อย่างสบายๆ”
“ทั้งหมด” ลู่เซิ่งตัดบทเขา
“นี่…” แย็กน่าเปลี่ยนสี แร่หินกิเลนไม่ใช่สิ่งที่ขุมกำลังซึ่งไม่มีเบื้องหลังจะแตะต้องได้
หามาส่วนหนึ่งได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะชิงมา…ความยากจะต่างไปจากเดิมแล้ว
“ตัวแทนจำหน่ายหินกิเลนรายใหญ่สุดคือตระกูลพราดูน พวกเขามีความสัมพันธ์กับผู้บัญชาการกองทัพประจำมณฑล ตัวเขามีผ ผู้ใช้พลังจิตระดับสูงหลายคนคอยคุ้มกัน มีขุมพลังของตระกูลน่าตกตะลึง ตอนนี้พวกเราไปหาเรื่อง มันจะ…” ยาเมนเอ่ ยเสียงแผ่ว