ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1034 สัมผัส (2)
“นายบาดเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ ใครเป็นคนทำ” ลู่เซิ่งพลิกผ้าขาวที่คลุมตัวเจิ้งฮวนออก ก่อนที่ม่านตาจะหดตัวเล็กน น้อย
เจิ้งฮวนตอบเขาไม่ได้อีกแล้ว
ทรวงอกของเขาแทบถูกเจาะเป็นตะแกรง เต็มไปด้วยรูเหมือนรูเข็ม
ส่วนหัวใจยังดี เหมือนเขาจะปกป้องไว้สุดกำลัง จึงไม่ได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต
แต่แขนขาถูกพละกำลังอันมหาศาลบางชนิดบดขยี้
ยังมีอวัยวะภายใน ลู่เซิ่งมองออกทันทีว่า มีอวัยวะภายในอย่างน้อยสี่แห่งของเจิ้งฮวนที่เลือดตกใน
เขาใช้นิ้วชี้แทงใส่ร่างเจิ้งฮวนติดต่อกันหลายสิบครั้งเหมือนเงาลวงตา
“หยุด!”
ลู่เซิ่งส่งเสียงตวาด ก่อนจะจับผ้าพันแผลตรงหน้าอกของเจิ้งฮวนไว้ แล้วดึงขึ้นข้างบน
ฟ้าว!
ตัวเจิ้งฮวนตีลังกาขึ้น จากนั้นก็ลอยค้างกลางอากาศ
นิ้วมือสิบนิ้วของลู่เซิ่งแทงใส่ตัวเขาดุจสายฟ้าแลบ เพียงแค่ไม่กี่สิบวินาทีสั้นๆ ก็แทงออกไปหลายร้อยครั้ง
โครม!
จากนั้นเจิ้งฮวนก็ร่วงตกลงบนเตียง แล้วกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาภายใต้การมุงดูอย่างอกสั่นขวัญแขวนของคนรอบๆ ทั้ งหมดเป็นเลือดคั่งสีแดงอมดำ
“เลือดในอวัยวะภายในหยุดแล้ว กระดูกเชื่อมต่อกันเรียบร้อย เนื้อเยื่อตรงหน้าอกจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อเติบโตและสมา านตัว อย่างน้อยสองวันก็ฟื้นตัวได้ คราวนี้ บอกฉันมาทีว่าใครเป็นคนทำ” ลู่เซิ่งถามด้วยสีหน้าราบเรียบอีกรอบ
เจิ้งฮวนอ้าปาก สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เหมือนกับปลาใกล้ตาย
“คนของโฮรัส…ตระกูลโฮรัส” เสียงของเขาไม่กระจายตัว ถูกพลังจิตรวมไว้ด้วยกันแล้วส่งเข้าหูของลู่เซิ่ง
“โฮรัส…” ลู่เซิ่งย่อมรู้ว่าโฮรัสคืออะไร หลังจากรับเจิ้งฮวนเข้าเป็นพวก เขาย่อมศึกษาอดีตของอีกฝ่ายอย่างล ละเอียด
ตระกูลโฮรัสได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ พวกเขามีผู้ใช้พลังจิตขั้น นสูงอยู่มากที่สุด
“แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องการทำร้ายนายล่ะ ขอเหตุผลจริงๆ” ลู่เซิ่งรู้เรื่องราวของเจิ้งฮวนจากหลี่เจ๋อ
แต่ทำไมโฮรัสถึงใช้ทุกวิถีทางไล่ล่าเขา นี่ยังไม่แน่ชัด
ตามเหตุผล เจิ้งฮวนต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย ถูกสวมเขามาหลายปี เพื่อนๆ ที่ช่วยก็ถูกฆ่าทิ้ง ตัวเขาโดนไล่ออกจาก กสหพันธ์ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ใช้พลังจิตขั้นสูง กลับยังไปเป็นนักล่าค่าหัว
หลี่เจ๋อที่ไม่ได้ด้อยกว่าเขายังมีชีวิตที่ดีเลยไม่ใช่หรือ
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับยังไม่ยอมเลิกรา ส่งคนมาไล่ล่าเขาต่อ
“เป็นเพราะ…ฉันแฉคนคนนั้นไงล่ะ…ฮ่าๆ…” เจิ้งฮวนหัวเราะอย่างยากเย็น
คนคนนั้นย่อมเป็นคนที่สวมเขาให้แก่เจิ้งฮวน
แม้ลู่เซิ่งจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ในเมื่อทำให้ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงถูกบีบถึงขั้นนี้ได้ จะต้องเป็นบุคคลยิ่งให หญ่ที่มีอำนาจและขุมกำลังแข็งแกร่งถึงขีดสุดแน่
ทุกๆ การเคลื่อนไหวของบุคคลยิ่งใหญ่แบบนี้มีอิทธิพลมหาศาล หากถูกแฉข่าวว่าแอบแย่งภรรยาชาวบ้าน จะต้องถูกรังเกียจ จอย่างแน่นอน และจะส่งผลต่อตำแหน่งกับภาพลักษณ์ของคนคนนั้นด้วย
“มันเป็นใคร” ลู่เซิ่งซักอีก
“ฉันบอกไม่ได้แล้ว…ตอนที่ถูกไล่ออกมาถูกวางผนึกพลังจิตไว้” เจิ้งฮวนไอสองสามทีก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม
“ช่างเถอะ” ลู่เซิ่งไม่ได้คิดว่าจะได้คำตอบอะไรจากเขาอยู่แล้ว สิ่งที่อยากถามก็ถามไปและรู้แต่แรกแล้ว
สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือ หาพวกผู้ใช้พลังจิตที่กล้าลงมือกับสมาชิกของโถงเก้าชีวิตพวกนั้นให้เจอ
ลู่เซิ่งลุกขึ้นเดินออกจากโถงโรงพยาบาล
“หาที่อยู่ให้เขา ดูแลอย่างดี อย่าปล่อยให้ตาย”
สิ่งที่เขาต้องพิจารณาในตอนนี้คือ อีกฝ่ายสามารถทำร้ายเจิ้งฮวนจนกลายเป็นแบบนี้ได้ จะต้องมีพลังระดับผู้ใช้พลั งจิตขั้นสูงแน่
และคนที่ไปถึงระดับนี้ได้ในสังกัดของเขาก็มีพวกเจิ้งฮวนและหลี่เจ๋อ
พวกหลี่เจ๋อยังสู้เจิ้งฮวนไม่ได้ด้วยซ้ำ ระหว่างพวกผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงมีความแตกต่างอย่างมหาศาล หากไม่ระวังนิด ดเดียวอาจจะถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีได้ง่ายๆ
‘ดูเหมือนต้องออกโรงเองแล้ว…’ ลู่เซิ่งหมุนข้อมือ ใบหน้าอึมครึมกว่าเดิม
อย่างไรเขาก็มีลูกน้องน้อยเกินไป แกนหลักอย่างพี่น้องไป๋จวิ้นเฉิงยังเข้าร่วมการต่อสู้ขั้นสูงแบบนี้ไม่ได้เพราะเ เวลาสั้นเกินไป
‘จังหวัดอานุสเป็นถิ่นของฉัน ในเมื่อบุกเข้ามา ก็ต้องเตรียมจ่ายค่าตอบแทนที่เจ็บปวด…’
ลู่เซิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อหมายเลขของคนหลายคน ขณะเดียวกันก็เริ่มออกคำสั่งขุมกำลังของตัวเอง
…
จวนเฟิงและจิ่วสือไต้กำลังเดินเล่นด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
พวกเขาในฐานะผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงไม่ได้ว่างแบบนี้มานานแล้ว หลังจากเข้าร่วมกับสหพันธ์พลังจิต โดยเฉพาะหลังจากกล ลายเป็นหนึ่งในผู้เก็บกวาดของตระกูลโฮรัส ทั้งสองก็มีโอกาสมาเดินซื้อของแบบนี้น้อยมาก
เป็นเพราะงานที่ผู้เก็บกวาดทำ เป็นงานที่หนักที่สุดในตระกูล แต่นี่เป็นข้อตกลงร่วมกันของพวกเขาและอานุส
ตอนนั้นพวกเขายังเป็นเพียงผู้ใช้พลังจิตธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียง เมื่อรู้สึกได้ว่าไม่มีหวังจะเลื่อนระดับอีก จึงค ค่อยสวามิภักดิ์กับตระกูลโฮรัสด้วยความจนปัญญา และได้เซ็นสัญญารับใช้หนึ่งร้อยปี
สำหรับผู้ใช้พลังจิตที่มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณสองร้อยปี แม้หนึ่งร้อยปีจะถือว่านาน แต่ยังคงมีความหวังว่าจ จะได้รับอิสระ
ทั้งสองเดินเอื่อยๆ ไปตามทาง ทุกๆ ครั้งที่จวนเฟิงเห็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับสวยๆ ก็จะกระซิบกระซาบกับจิ่วสือ ไต้
พวกเขาไม่ใช่คนหัวสูง มีนิสัยมัธยัสถ์ติดตัวมาตั้งแต่สมัยยังอ่อนแอ ดังนั้นปกติแล้วจะดูเฉยๆ โดยไม่ซื้อ
เดินผ่านไปทีละร้านๆ ไม่นานจวนเฟิงก็เห็นร้านขายเครื่องประดับราคาย่อมเยาที่มีเครื่องประดับไม่เลว
เธอผลักประตูร้านเข้าไปอย่างเบิกบานเหมือนกับหญิงสาวทั่วไป
จิ่วสือไต้ตามเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
“หลังจากเป็นอิสระ ฉันอยากจะเปิดร้านขายเครื่องประดับที่เหมือนกับที่นี่ ได้หรือเปล่า” จวนเฟิงเอ่ยยิ้มๆ
“ได้อยู่แล้ว เธออยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” จิ่วสือไต้กล่าวพลางหัวเราะ “ถึงตอนนั้นพวกเราจะหาดาวที่สงบสุขและห่ างไกลผู้คนสักดวง จะไม่มีใครรู้จักบ้านของพวกเรา ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ เริ่มใช้ชีวิตใหม่”
“แต่ยังเหลือเวลาอีกนานเลย…” จวนเฟิงจนใจ
“พวกเราทำมาสี่สิบกว่าปีแล้ว ใกล้แล้วละ อีกสามปี ก็จะทำตามเงื่อนไขบนสัญญาเสร็จแล้ว” จิ่วสือไต้คำนวณอย่างแม่น นยำ
“สามปีเหรอ...ก็รู้สึกนานอยู่ดี…” จวนเฟิงทนไม่ไหวอยู่บ้าง
“ไม่ต้องห่วงหรอก...ฉันจะปกป้องเธอเอง…” จิ่วสือไต้แสดงสีหน้าอ่อนโยน
“ทำไม…คุณถึงได้ดีกับฉันขนาดนี้ล่ะ” จวนเฟิงซบอกของเขาอย่างซาบซึ้ง
“เป็นเพราะ”
ตุบ ตุบ ตุบ…
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากด้านหลัง
พวกจวนเฟิงผุดสีหน้าเคร่งขรึมทันที
พนักงานร้านขายเครื่องประดับหนีไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่สวมเสื้อกล้ามสีดำหลายคน ล้อมร้านขายเครื่องประดับอย่างเงียบเชียบ
ผู้ชายที่สวมสูทหนังสีดำและเผยทรวงอกบึกบึนเหมือนเหล็กกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน
รองเท้าหนังพื้นเหล็กที่เขาสวมเหยียบลงบนพื้นพร้อมส่งเสียงกระทบทุ้มหนัก
เขาสูงใหญ่ล่ำสันมาก แทบจะอุดประตูร้านเอาไว้ทั้งหมด
เขาสวมแว่นกันแดดสีชา เหมือนกำลังปกปิดบางอย่าง
“จวนเฟิง จิ่วสือไต้ใช่มั้ย” พอเขาเข้ามาก็เรียกชื่อทั้งสองทันที
“หือ แกเป็นใคร ทำไมรู้ชื่อของพวกเรา” ใบหน้างดงามของจวนเฟิงเย็นเยียบขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง” ผู้ชายสวมสูทค่อยๆ ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเข้มที่แปล ลกประหลาด
“เห็นหรือยัง ไฟที่เริ่มลุกไหม้บนมือขวาของพวกแก”
“?” พวกจวนเฟิงมองแขนขวาของตัวเองอย่างประหลาดใจ แต่มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“นั่นเป็นชะตาชีวิตที่พวกแกกำลังจะเจอ”
ร่างของชายหนุ่มพองขยายขึ้นอย่างช้าๆ เส้นใยกล้ามเนื้อนับไม่ถ้วนส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ เลือดเนื้อมากมายเบียดอัดกัน กลายเป็นสีแดงอมดำที่เหมือนกับเกราะอ่อนบนร่าง
เขาเหมือนกับสวมเกราะสีแดงอมดำไว้บนคอ กล้ามเนื้อที่เหมือนเกราะยื่นสูงขึ้นเพื่อปกป้องคอมากกว่าครึ่งของเขา
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน จวนเฟิงและจิ่วสือไต้รู้สึกแขนขวาร้อนลวก จึงรีบก้มหน้ามอง
บนแขนขวาของเขาปรากฏรอยตราสีแดงสามรอย
“!?” แม้ทั้งสองจะตกใจกับการเปลี่ยนแปลงรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่เพราะผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง ทั้งสองจึงตอบสนองในทันท ที
“หาที่ตาย!” จวนเฟิงยกมือขึ้น เข็มสีเงินกลุ่มใหญ่โผล่ขึ้นด้านหลังเธออย่างแน่นขนัด
อีกฝ่ายใช้วิธีการแปลกประหลาดบางอย่างกับร่างกายพวกเธอ จะต้องรีบควบคุมตัวคนคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อถามวิธีขจั ดทิ้ง!
ในเวลาเดียวกัน หอกยาวสีดำสนิทเล่มหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหลังจิ่วสือไต้ จากนั้นก็พุ่งใส่ทรวงอกของชายหนุ่มราวสายฟ ฟ้าแลบ
เปรี้ยง!
ชั่วพริบตานั้น เข็มเงินนับไม่ถ้วนถูกเขายิงออกจากฝ่ามือ ส่วนหอกยาวสีดำปักใส่ทรวงอกของเขาอย่างถนัดถนี่
แต่เสียงที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองตัวสั่น หอกยาวระเบิดออก ส่วนชายหนุ่มไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
“เป็นไปได้ยังไง!?” จวนเฟิงผุดสีหน้าเหลือเชื่อ
“มังกรดำปรากฏ!” ชั่วพริบตาที่เธอลังเลและตื่นตะลึง จิ่วสือไต้ที่อยู่ด้านหลังก็ปล่อยท่าไม้ตายพลังจิตออกมาอย่ างสุดกำลัง
มังกรดำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่าๆ คำรามพลางพุ่งใส่ชายหนุ่ม
ตูม!
มังกรดำกระแทกใส่ร่างชายหนุ่ม ผงสีดำมากมายถูกพละกำลังยิ่งใหญ่กระแทกออกจนกระจัดกระจายกลายเป็นผงโลหะมีพิษ พร้อ อมกับมุดเข้าไปในจมูกชายหนุ่ม
ซู้ด…
ทว่าเขากลับสูดผงโลหะพิษส่วนใหญ่เข้าไปในพริบตา จากนั้นก็เดินเข้ามาหาคนทั้งสอง
ผงพิษที่ทำให้ช้างขนาดใหญ่หลายตัวเป็นอัมพาตและตายได้กลับไม่มีผลต่อคนคนนี้แม้แต่น้อยหรือนี่!?
จิ่วสือไต้เห็นท่าไม่ดี แม้การโจมตีเมื่อครู่จะไม่ได้ระเบิดพลังทั้งหมด แต่ก็มีอานุภาพพลังจิตแปดส่วนของเขา ทว ว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีผลกระทบใดๆ แม้แต่น้อย
“หนี!” เขาพลันคว้าตัวจวนเฟิงแล้วโยนเธอไปด้านหลัง
กำแพงร้านขายเครื่องประดับด้านหลังถูกเฉือนออกเป็นช่องครึ่งวงกลมอย่างเงียบงัน ก่อนที่จวนเฟิงจะถลาออกไปจากช่อง ช่องนั้น
ในเวลาพร้อมกัน ผู้ชายคนนั้นก็พุ่งตัวเข้ามา
พื้นดินพลันระเบิด เขาหายตัวไปโผล่ข้างจวนเฟิง
เปรี้ยง!
เขาแทงศอกลง!
เกิดเสียงหนักอึ้ง
เมฆสีเทากลุ่มหนึ่งระเบิดบนร่างจวนเฟิง จากนั้นตัวเธอก็ร่วงดิ่งลงเหมือนกับลูกบอล
ตูม!
กำแพงรอบๆ ร้านขายเครื่องประทับถูกการระเบิดที่รุนแรงสั่นสะเทือนจนถล่ม
ในเวลาเดียวกัน
ร้านทั้งร้านถูกบดขยี้กลายเป็นเศษหินนับไม่ถ้วนลอยไปกลางอากาศ
เศษหินทั้งหมดลอยวนเวียนอยู่ด้านหน้าจิ่วสือไต้ ก่อนจะกลายเป็นมังกรหินยักษ์ที่มีสองตาแดงก่ำตัวหนึ่ง
ตุบ
ชายคนนั้นทิ้งตัวลงพื้นเบาๆ
“อ่อนแอเกินไปแล้ว…”
“อ่อนแอหรือ” ดวงตาของจิ่วสือไต้เต็มไปด้วยริ้วเลือด ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างคลุ้มคลั่ง
“มังกรแสงทมิฬ! ปืนใหญ่ระดมยิง!” เขาพลันตะโกน
ตูม!
ประกายแสงสีทองสว่างขึ้นเหนือท้องฟ้าเหมือนสายฟ้าแลบ
ฟ้าว!
ลำแสงสีทองลำหนึ่งพุ่งลงมาโดนร่างชายคนนั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
ลำแสงที่กว้างสามเมตรกว่าๆ กลบกลืนร่างของเขาอย่างรวดเร็ว