ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1038 ตะลุมบอน (2)
แสงสีทองระเบิดพร้อมส่งเสียงดังกึกก้อง
หงซื่อถูกปกคลุมอยู่ในคลื่นแสงสีทอง เจิดจ้าจนมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
บีแอน หญิงชุดขาว และผู้ใช้พลังจิตคนอื่นๆ เลื่อนสายตาออกไป เพื่อไม่ให้ดวงตาถูกเผา
ครู่ต่อมา
แสงสีทองค่อยๆ สลายหายไป
รอบๆ ตัวสงบเงียบลงโดยสิ้นเชิง คนชุดดำของโถงเก้าชีวิตที่กราดปืนกลก่อนหน้านี้ถูกแสงสีทองทิ่มแทงจนแสบตาเช่นกัน ทำให้สูญเสียเป้าหมายอย่างสมบูรณ์
เสียงปืนเงียบหายไป ถนนทั้งเส้นตกสู่ความเงียบงันชั่วขณะ
“ตาย…ตายหรือยัง” ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงคนหนึ่งถามเสียงสั่น
คนที่เหลือเริ่มปรับสายตาได้แล้ว ค่อยเงยหน้ามองรอบๆ
บีแอนหอบหายใจคำโต เหงื่อแตกโซมกาย แสงบนตัวกระทิงสามเขาด้านหน้าริบหรี่ลงเล็กน้อย การโจมตีแบบล็อกพิกัดเมื่อครู่ผลาญพลังจิตของเขาไปมากมาย
นี่ไม่ใช่การขออนุมัติโจมตีแบบทั่วไป แต่เขาใช้พลังจิตควบคุมยานรบเหนือศีรษะให้ล็อกตำแหน่งตรงนี้แล้วโจมตีทันที
การโจมตีแบบล็อกตำแหน่งโดยพลังจิตนี้ไม่อาจหลบได้ ระดับความแม่นยำคืออาณาเขตหนึ่งเซนติเมตร
หญิงผมขาวทรวงอกสะท้อนขึ้นลง
การต่อสู้ในพริบตาเมื่อครู่แม้จะไม่นาน แต่สมาธิและพลังจิตที่ใช้ไปไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ
หงซื่อนั่นเหมือนไม่ใช่มนุษย์ กายเนื้อที่แข็งแกร่งและน่ากลัวถึงขั้นปะทะกับสัตว์พลังจิตได้ตรงๆ นี่แทบไม่แตกต่างจากสัตว์ยักษ์ที่ได้เจอบนดวงดาวป่าเถื่อนแล้ว
เวลานี้สายตาของทุกคนไปจับอยู่ตรงตำแหน่งที่หงซื่อกระโดดลงมาเมื่อครู่
ร่างสูงใหญ่ที่ดำเกรียมร่างหนึ่งกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงนั้น
หงซื่อเอาสองมือกุมอก ตรงนั้นถูกลำแสงสีทองเมื่อครู่เจาะทะลุเป็นรูเลือดขนาดเท่ากำปั้น
“ฉันไม่ยอม…!” เธอเพิ่งฝึกฝนเสร็จ กำลังจะไปท้าสู้อาจารย์เพื่อชิงตำแหน่งประมุขโถงเก้าชีวิต แต่ตอนนี้กลับเสียท่าเพราะพวกมดแมลงไม่กี่ตัว
เสียงคำรามและความอับอายในใจหงซื่อทะลักออกจากทรวงอกอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าพวกมดแมลง…!” เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ร่างที่สั่นเทากำลังทำให้แรงของเธอหดหายลงอย่างรวดเร็ว
“ฆ่าเธอซะ!” บีแอนใช้พลังจิต กระทิงสามเขาส่งเสียงคำรามพร้อมพุ่งใส่หงซื่อ
ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงคนอื่นต่างก็ยังอกสั่นขวัญแขวน ผู้ใช้พลังจิตคนหนึ่งชิงสร้างสัตว์พลังจิตที่เหมือนนกขึ้นมาตัวหนึ่งให้โจมตี แต่ถูกหงซื่อใช้นิ้วๆ หนึ่งแทงทะลุทันที
ผู้ใช้พลังจิตคนนั้นหน้าซีดขาว เลือดทะลักขึ้นจากคอ แล้วโซเซถอยหลังหลายก้าวก่อนจะสลบไสล
“โอ้ว!”
หงซื่อส่งเสียงตะโกน สกัดจุดหลายจุดบนตัว เลือดรอบๆ บาดแผลแข็งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ใช้แขนขายันพื้น ร่างกายก็หายไปจากที่เดิมเหมือนสายฟ้าแลบ
ผู้ใช้พลังจิตคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ หลบไม่พ้น สัตว์พลังจิตระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ร่างท่อนบนของเธอเหมือนแตงกวาระเบิดออกดังโผละ
ครั้งนี้เหมือนกับเริ่มปฏิกิริยาลูกโซ่ ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงสามคนที่อยู่รอบๆ ไร้พลังต้านทาน สัตว์พลังจิตถูกทำลายแหลก ปืนยานรบบนท้องฟ้ายังไม่ทันมีเวลาได้ยิงซ้ำ ก็ตกลงมาบนพื้นติดต่อกัน
“ขวางเธอไว้!” บีแอนถลึงตาแทบถลน กระทิงสามเขาไล่ตามไปด้วยความเร็วสูง แต่ตามความเร็วของหงซื่อไม่ทัน
“ฉันเอง!”
หญิงชุดขาวที่อยู่ด้านข้างกางแขนออก แสงสีขาวนับไม่ถ้วนรวมตัวกันกลายเป็นดาบแสงมากมายข้างๆ เธอ
“ทำลายทุกอย่างเถอะ! พายุทำลายล้าง!” เธอหมุนตัวพร้อมโบกแขนทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบาเหมือนร่ายรำ
ฟิ้วๆๆๆ!
แสงสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาจากรอบๆ โดยมีเธอเป็นศูนย์กลาง
แสงสีขาวหลบผู้ใช้พลังจิตอย่างแม่นยำ เล็งเส้นทางและมุมหลบหลีกของหงซื่อไว้
ตูมๆๆๆๆ!
แสงสีขาวทุกสายกระตุ้นให้เกิดการระเบิดที่รุนแรง
หงซื่อโดนระเบิดหลายสิบครั้งในพริบตา
ในที่สุดร่างกายที่เดิมทีกำลังฝืนประคับประคองของเธอก็ทนไม่ไหว
หลังจากฉีกศีรษะของผู้ใช้พลังจิตคนหนึ่งทิ้งไป ร่างของเธอก็ถูกระเบิดกระแทก กระเด็นเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ที่อยู่ไกลออกไป
แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...
หญิงชุดขาวเหงื่อแตกเต็มหน้า เม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่ว ไหลลงมาตามหน้าผาก เธอใช้พลังจิตเกือบทั้งหมดในการคงสภาพการโจมตีนี้ ถ้ายังใช้ไม่ได้อีก...เธอก็จินตนาการถึงทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ออกอีกแล้ว
“ครั้ง…ครั้งนี้ตายแล้วมั้ง…”
บีแอนกวาดตามองรอบๆ ทีมโจมตีที่มาด้วยกันเหลือคนแค่สี่คน นี่เป็นจำนวนที่นับเขาด้วย
“น่าจะ…ตายแล้วใช่ไหม…” เขาเงยหน้ามองห้างสรรพสินค้า
ที่นั่นเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากการระเบิด เหมือนมีบางอย่างกำลังลุกไหม้ ควันหนาลอยตลบอบอวล
เขากัดฟัน ครั้งนี้มีสมาชิกตายไปมากมาย ถ้าไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเลย เขาก็ไม่มีคำว่ากล่าวให้ตระกูล
ไม่ทราบผ่านไปกี่ปีแล้วที่ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงไม่ได้ตายทีเดียวหลายคนขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องหายากอย่างยิ่งในโฮรัส
เขากลั้นใจเดินไปยังห้างสรรพสินค้าทีละก้าวๆ
ขณะที่เข้าใกล้ ควันก็เริ่มจางลง ในที่สุดก็เห็นหงซื่อในตอนนี้
เธอกึ่งคุกเข่าอยู่ข้างห้างสรรพสินค้า เลือดรินไหลลงมาจากร่าง ดูเหมือนจะใกล้ตายแล้วจริงๆ
เพียงแต่เขาพลันเหลือบเห็นภาพที่อยู่ด้านข้าง
สิ่งที่ทำให้หนังศีรษะเขาแทบระเบิดและร่างกายชาดิกก็คือ ไม่ทราบว่ามีชายร่างแกร่งที่สวมสูทสีดำคนหนึ่งกึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ข้างกายหงซื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
มือของชายหนุ่มกอบดินกำหนึ่งขึ้นจากพื้น ก้มหน้าตรวจสอบดู จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“สามารถปรับใช้พลังนิวเคลียร์ได้ถึงขั้นนี้ จำเป็นต้องยอมรับจริงๆ ว่าศิษย์พี่ทำดีที่สุดแล้ว…” เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“น่าเสียดายที่ถึงแม้พลังนิวเคลียร์จะยิ่งใหญ่ แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังแม่เหล็กของพวกเราอยู่ดี การใช้พลังแม่เหล็กบนโลกใบนี้กว้างขวางและสุกงอมขนาดไหน ศิษย์พี่ดันทิ้งของใกล้ตัวไปหาของไกลตัว ผลลัพธ์สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้นี่แหละ”
“อัน…ซา…ฉันแค่…ประมาทไปหน่อย!” หงซื่ออธิบายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างยากลำบาก
“ถ้าอาจารย์รู้เข้า คงผิดหวังในตัวศิษย์พี่มาก…” อันซาส่ายหน้า “เดิมทีอาจารย์คาดหวังที่จะได้เจอศิษย์พี่มากนะ น่าเสียดาย…ที่ศิษย์พี่แพ้แล้ว…”
“ฉันยัง…ไม่แพ้!” หงซื่อตะเกียกตะกายลุกขึ้น
อันซาค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมมองบีแอนที่อยู่ที่นี่
พั่บๆๆๆ…
เสียงดังสนั่นของเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ขนาดหนักหลายลำบินมาจากที่ไกล จากนั้นร่างกำยำที่สวมเครื่องแบบของโถงเก้าชีวิตหลายคนก็กระโดดลงมาจากด้านบน
บนเฮลิคอปเตอร์สีดำที่ใหญ่ที่สุด
ชายกล้ามเนื้อสีดำคนหนึ่งผู้มีเค้าโครงกล้ามเนื้อบิดเบี้ยวเหมือนรากไม้ ก้มหน้ามองสมรภูมิที่เละทะด้านล่าง
เขายืนอยู่ตรงประตูเฮลิคอปเตอร์ ก้มหน้าฝ่าลมแรงมองลงมาด้านล่าง เสื้อยาวบนตัวถูกพัดไปแนบติดกับตัว บนแขนขวามีตราเลือดสีแดงฉานสามรอย
“เป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อยจริงๆ…” ผู้ชายเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “แค่เป็นมดแมลงที่นึกว่าตัวเองวิเศษวิโส…”
ทันใดนั้นเขาก็เงยมองท้องฟ้า
แสงสีทองกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันด้วยความเร็วสูงกลางชั้นเมฆเหนือศีรษะ เป็นปืนยานรบที่เมื่อครู่เพิ่งยิงไป
ตูม!
ตูมๆๆ!
หลังเกิดเสียงดังหลายครั้ง ลำแสงสีทองหลายลำก็สว่างขึ้นพร้อมกันจากชานเมืองรอบๆ
ลำแสงยิงใส่ตำแหน่งของแสงสีทองอย่างแม่นยำ ถึงกับทำลายมันทิ้งได้
หลายวินาทีต่อมา ลูกเพลิงขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง ก็ระเบิดอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น สว่างขึ้นเหนือเมืองทั้งเมือง
“จวิ้นเฉิง” ผู้ชายถามเสียงทุ้ม “ล็อกพิกัดกลุ่มโจมตีทั้งหมดไว้หรือยัง”
“อาจารย์ ล็อกพิกัดเรียบร้อยแล้วครับ ทางเบื้องบนได้ทำลายยานรบที่บุกเข้ามาเหนือน่านฟ้าเราไปแล้วสามลำ ยานที่ไม่ได้ยื่นเรื่องขอนุญาติ แต่บินเข้ามาเหนือท้องฟ้าเราตรงๆ แบบนี้ จังหวัดอานุสมีอำนาจสั่งโจมตีได้ทันที”
ไป๋จวิ้นเฉิงที่อยู่ในเฮลิเคอปเตอร์ตอบยิ้มๆ
“อย่างนั้นฐานที่มั่นสุดท้ายของตระกูลโฮรัสอยู่ไหน” ลู่เซิ่งถามอีก
“ฐานที่มั่นอยู่ที่…” ไป๋จวิ้นเฉิงกำลังจะตอบ
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีทองแลบขึ้นกลางอากาศ
พายุม้วนขึ้น
ท้องฟ้าอึมครึมลง
ยานรบทรงกระสวยขนาดยักษ์ที่กระจายไปทั่วม่านฟ้า จมผ่านชั้นเมฆลงมา ปรากฏในคลองจักษุของทุกคน
“นี่มัน…ระดับวีนาเกียร์…!?” ไป๋จวิ้นเฉิงสีหน้าผกผันขณะแหงนมอง
ครืน!
สายฟ้าสีทองแลบขึ้น
ลู่เซิ่งเงยหน้ามองทะลุหน้าต่างยานรบขนาดยักษ์
เขามองเห็นว่าตรงนั้นเหมือนมีคนกำลังมองเขาอยู่
“พวกเธอลงไปจัดการกลุ่มโจมตี” ลู่เซิ่งสั่งก่อนจะกระโจนออกจากเฮลิคอปเตอร์
เขากางแขนบินบนอากาศเหมือนกับนก
สองขาเหยียบใส่ความว่างเปล่า
เปรี้ยง!
พายุเมฆกลุ่มหนึ่งระเบิด ลู่เซิ่งโผบินไปยังยานรบบนท้องฟ้าเหมือนกับเหยียบบันได
กระบอกปืนสีทองหลายกระบอกด้านล่างยานรบแยกตัวออกจากกันและรวบรวมพลังงาน ลำแสงสีทองแน่นขนัดราวแสงดาวทั่วฟ้า มีจำนวนเหลือคณานับ
กระบอกปืนสีทองทั้งหมดเล็งใส่ลู่เซิ่ง พลังงานอันน่ากลัวราวกับมหาสมุทรทะลักมารวมตัวกันด้วยความเร็วสูง
“แกจะเอาของเล่นชิ้นนี้มาเล่นกับฉันเหรอ”
ลู่เซิ่งลอยตัวขึ้นด้วยความเร็วสูง ทั่วทั้งร่างพองขยายอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อสีดำหลายชั้นราวกับเกราะปกคลุมตัว กล้ามเนื้อที่นูนขึ้นสองกลุ่มยื่นออกจากแผ่นหลังของเขาเหมือนปีกเนื้อ
กล้ามเนื้อปีกสะบัดเบาๆ ร่างกายเพิ่มความเร็วโผทะยานเข้าหายานรบ
ความสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความเร็ว
เสียงตูมดังขึ้นเมื่อลู่เซิ่งทะลวงชั้นเมฆไปลอยอยู่เหนือทะเลเมฆ
ตูม!
ลำแสงสีทองนับไม่ถ้วนระเบิดใต้ยานรบในพริบตาแล้วยิงใส่ลู่เซิ่งอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ลำแสงแน่นขนัดพุ่งผ่านร่างลู่เซิ่งไปเหมือนกับเงาลวงตา ราวกับไม่ได้สัมผัสโดนตัว
“โง่เง่า!”
ลู่เซิ่งยื่นมือคว้าทันที
ลำแสงสีทองนับไม่ถ้วนถูกเขาคว้าไว้ในมือเหมือนจับต้องได้ รวมกันกลายเป็นหนามแหลมยักษ์ที่ยาวหลายสิบเมตรแท่งหนึ่ง
“ตอนนี้”
ลู่เซิ่งชูหนามแหลมสีทองขึ้นเล็งยานรบบนศีรษะ
“ออกมาจากไอ้ของเล่นชิ้นนั้นซะ!”
ตูม!
เกิดเสียงดังกึกก้อง
หนามแสงสีทองพุ่งสู่ท้องฟ้าเหมือนกับกระบี่สีทองเล่มหนึ่งบินขึ้นท้องนภา
เลือดลมและกล้ามเนื้อของลู่เซิ่ง ปรากฏคลื่นอากาศหลายกลุ่มอย่างคลุ้มคลั่ง พละกำลังล้วนๆ ผสมกับพลังงานแปลกประหลาดที่ปรากฏขึ้นหลังจากกายเนื้อถูกพัฒนาถึงขีดสูงสุดด สองสิ่งผสมกันกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลก
พลังนี้ผลักดันหนามแสงสีทองให้พุ่งใส่ยานรบเหนือท้องฟ้าอย่างรุนแรง
“จงสัมผัสความสิ้นหวังซะ!” ลู่เซิ่งกางแขน ร่างค่อยๆ หมุนวน กระแสอากาศนับไม่ถ้วนกลายเป็นวังวนทะเลเมฆที่ยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับเขาอย่างแปลกประหลาด
ทะเลเมฆสีขาวทั้งหมดในอาณาเขตหลายพันเมตรรอบๆ ถูกเขาปั่นให้กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์สองข้าง
ดูเหมือนกับแขนของเขาเอง
……………………………………….