ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1039 เนเซียน (1)
ในยานรบสีทองขนาดยักษ์
ชายไว้หนวดที่หวีผมขาวไว้ด้านหลังอย่างเป็นระเบียบ ถือคทาสีขาว มองลงไปยังทะเลเมฆที่แสดงจอข้อมูลผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของยานรบ
“ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้เธอจะให้ฉันมาเองให้ได้ ฉันอาจจะพลาดฉากอลังการแบบนี้ไปแล้ว!”
ชายหนุ่มตัดแต่งหนวดอย่างเป็นระเบียบ อายุของเขายังไม่มาก ไม่ถึงหกสิบปี แต่ว่าสภาวะและความเย็นชาจากอำนาจชี้เป็นชี้ตายแต่กำเนิดนั้นแสดงให้เห็นบนร่างของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
“ศักยภาพของมนุษย์ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ได้เชียวหรือ” เขามองชายหนุ่มที่ปั่นทะเลเมฆด้วยพลังของคนคนเดียวอยู่บนทะเลเมฆด้านล่าง
“หลังจากจับเขาได้ ฉันจะทดสอบข้อมูลเป็นมือแรก”
อีกด้านหนึ่ง ร่างสูงใหญ่ที่สวมหน้ากากโลหะสีเงินร่างหนึ่งเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้อมูล ผมจะแบ่งปันกับคุณแน่ แต่ตอนนี้ เอาชนะคนคนนี้ให้ได้ก่อน ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นเรื่องสบายๆ”
“ฉันชอบเรื่องยากๆ ทั้งหมดในชีวิตอยู่แล้ว” ชายหนวดขาวยิ้ม “เป็นเพราะฉัน แทบไม่เคยเจอความลำบากอะไรในชีวิตเลย ถ้าเขาทำให้ฉันสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ ฉันจะดีใจมาก”
ชายร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากสีเงินคนนั้นไม่ส่งเสียง หากด่าในใจว่าขี้อวด เพราะอีกฝ่ายมีสถานะสูงส่งและสำคัญเหลือเกิน ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่กล้าเถียงต่อหน้า
ทะเลเมฆสีขาวที่ยิ่งใหญ่ด้านล่างยานรบ ถูกปั่นจนกลายเป็นสภาพน่ากลัวเหมือนแขนสองข้าง
แขนยักษ์สีขาวคว้าใส่ยานรบอย่างรุนแรงจากทางซ้ายและทางขวา
ชายหนวดขาวมองคนสวมหน้ากากเงินแวบหนึ่ง ทั้งสองหยุดนิ่งทันที
“ท่านเนเซียนจัดการเถอะครับ” คนสวมหน้ากากเงินเอ่ยเสียงทุ้ม พูดตามจริง แม้จะไม่ยอม แต่พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาไม่น้อย
“ได้ ถ้าฉันเอาชนะคนคนนี้ได้ด้วยตัวเอง บางทีอาจสัมผัสความรู้สึกประสบความสำเร็จที่ไม่ได้เจอมานานก็ได้” ชายหนวดขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เขามีชื่อว่าเนเซียน เป็นลูกชายของเจ้าเมืองแห่งดินแดนซีเฟอร์ลูซึ่งเป็นเขตสงครามที่เก้าของจักรวรรดิมอธ
สำหรับจักรวรรดิมอธที่มีอาณาเขตกว้างขวาง เขตสงครามทั้งเก้าเป็นอาณาเขตที่ปกครองทุกสิ่ง
และสำหรับเขตสงครามที่เก้า ดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นเพียงหนึ่งในดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนเท่านั้น
เนเซียนก็แค่มาเที่ยวที่นี่ชั่วคราว
“ฉันจะทำให้นายได้สัมผัสว่า ทำไมเหนือกว่าระดับวีนาเกียร์ถึงได้เรียกว่า…”
เนเซียนควงคทาสั้นช้าๆ และเดินไปข้างหน้า
โฮก...!
ทันใดนั้นเอง สัตว์ยักษ์ขนาดใหญ่โตสีทองอ่อนที่เหมือนปลาหมึกตัวหนึ่งก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นด้านหลังยานรบ
ปลาหมึกมีร่างโปร่งแสง บนศีรษะมีดวงตาสีฟ้าทรงขนมเปียกปูนนับไม่ถ้วนที่เหมือนอัญมณี
ดวงตาพวกนี้เรียวยาวและแหลมคม ด้านในเหมือนมีลำแสงสีฟ้านับไม่ถ้วนส่องสว่างไปยังด้านนอก ราวกับรอยแยกสีฟ้านับไม่ถ้วน
“ภาพลวงตากัดกร่อน…!”
ปลาหมึกพูดด้วยเสียงของเนเซียน หนวดสีทองกลุ่มใหญ่ดีดออกมารอบๆ ตัว แล้วพุ่งไปใส่แขนเมฆสีขาวด้านล่าง
สวบๆ!
หนวดเจาะทะลุเข้าไปในแขนเมฆแล้วหายสาบสูญ ระเบิดกลายเป็นผงสีทองนับไม่ถ้วน
ตูม!
แขนเมฆฟาดใส่เกราะของยานรบอย่างรุนแรง ส่งเสียงหนักอึ้งดังสนั่น
ยานรบสั่นสะเทือน เกราะใต้ท้องยุบตัวเข้าไป
ในขณะเดียวกัน ผงสีทองนับไม่ถ้วนก็ห่อหุ้มลู่เซิ่งไว้
ผงพวกนี้ไหลเวียนบนตัวลู่เซิ่งและมุดเข้าไปในเจ็ดทวารของเขาเหมือนของเหลว
“จักรกลนาโนหรือ” ลู่เซิ่งตอบสนองทันที เขาเคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใช้พลังจิตที่ควบคุมจักกลขนาดอัลตราไมโครเพื่อโจมตีศัตรูในศึกที่เหนือขีดจำกัดได้
นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอครั้งนี้เป็นครั้งแรก
“น่าเสียดายนะ…” ลู่เซิ่งอ้าปากสูดอากาศ
ซู่…!
ทันใดนั้นผงสีทองนับไม่ถ้วน ก็ถูกเขาดูดเข้าปากด้วยความเร็วสูง ถ้ามีคนเห็นสภาพในกระเพาะของเขาได้ จะเห็นว่าความร้อนในเลือดสีแดงสดกำลังย้อมจักกลนาโนสีทองกลุ่มใหญ่เป็นสีแดง
ความร้อนในเลือดถูกควบคุมโดยสัญญาณทางประสาท
แต่สิ่งที่บังเอิญก็คือ จักรกลนาโนเหล่านี้ก็ดำเนินการกัดกร่อนและควบคุมสัญญาณทางประสาทเช่นกัน
เมื่อสองสิ่งปะทะกัน ความร้อนในเลือดของลู่เซิ่งก็ได้รับชัยชนะอย่างแทบจะหมดจด
ไม่เกี่ยวกับจำนวน แต่เกี่ยวกับคุณภาพ
ที่จริงความแข็งแกร่งของจักรกลนาโนเป็นสิ่งตายตัว เนเซียนเพียงแค่ใช้มันเป็นอาวุธเท่านั้น
ความร้อนในเลือดของลู่เซิ่งมาจากตัวเขา จึงได้รับการสนับสนุนจากตัวเขาเองอย่างไม่ขาดสาย
ผงสีทองกลุ่มใหญ่ถูกดูดซับเข้าร่าง ลู่เซิ่งโบกแขนเมฆจับสองข้างของยานรบเอาไว้
หัตถ์เมฆสองข้างที่ยาวมากกว่าพันเมตรจับยานรบเอาไว้อย่างแน่นหนาเหมือนกับมือของยักษ์
“ฉันเห็นจุดจบแล้ว”
ลู่เซิ่งออกแรง
กร๊อบ…
รอยแตกขนาดใหญ่สายหนึ่งขยายมาตามท้องยานรบด้วยความเร็วสูง
“ยานรบลำนี้เป็นหนึ่งในพาหนะที่ฉันชอบที่สุด จะให้แกทำลายทิ้งไม่ได้”
ทันใดนั้นเสียงผู้ชายที่ผ่อนคลายก็ดังมาจากด้านข้างลู่เซิ่งไม่ไกลออกไป
ลู่เซิ่งพลันชะงักและหันไปมอง
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายแอบอยู่ใกล้ขนาดนี้
แต่เมื่อมองไป เขาก็งุนงงเล็กน้อย
สิ่งที่ส่งเสียงไม่ใช่คน แต่เป็นดวงตาสีทองในแนวตั้งที่ลุกไหม้ด้วยไฟสีทอง
เป็นดวงตาสีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“ฉันไม่ได้เจอสถานการณ์ที่น่าสนใจแบบนี้มาหลายปีแล้ว” เสียงดังมาจากในดวงตาสีทอง
“แกควรรู้สึกโชคดีนะที่ตอนนี้ฉันใจเย็นขึ้นมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นสิบปีก่อน บางทีแกอาจเสียใจที่มายังโลกใบนี้ก็ได้”
ลู่เซิ่งยิ้มอย่างแปลกประหลาด
เขากางแขนออกและชี้ที่อกตัวเอง
“แกลองฆ่าฉัน ให้ฉันเห็นความจริงของโลกใบนี้ดูหน่อย”
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอไง” ดวงตาสีทองกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยขึ้นเล็กน้อย
“แกกล้า แต่แก ทำไม่ได้”
ลู่เซิ่งพลันยื่นมืออกไป ร่างปรากฏขึ้นด้านหน้าดวงตาสีทองเหมือนเคลื่อนย้ายในพริบตา ตามด้วยหนึ่งฝ่ามือ
เปรี้ยง!
ดวงตาระเบิดออกทันที
เพิ่งชักมือกลับ ลู่เซิ่งก็ได้ยินเสียงแหวกลมเสียดหูนับไม่ถ้วนดังมาจากด้านหลัง
เขากางแขนออกก่อนจะพลิกมือฟันไปสองครั้ง
สันมือฟันออกไปด้านบน วาดเป็นดาบอากาศสีขาวขนาดยักษ์สองสาย
สวบๆ!
ดาบอากาศเจาะลำแสงสีทองกลุ่มใหญ่ที่พุ่งลงด้านล่าง ก่อนกลายเป็นเส้นทางอากาศสองเส้น
กลางกลุ่มลำแสงสีทอง ร่างสีทองร่างหนึ่งรวมตัวเป็นรูปเป็นร่างด้วยความเร็วสูง
แถบผ้าสีทองผืนใหญ่โบกสะบัดด้านหลังร่างนั้น แล้วพุ่งใส่ลู่เซิ่งจากทุกทิศทุกทาง
“ศึกเหนือขีดจำกัด!”
ร่างสีทองพลันเข้ามาใกล้ ก่อนฟาดแถบผ้าและสองแขนใส่ส่วนท้องแขนของลู่เซิ่ง พร้อมกับระเบิดแรงกดอากาศอันหนักอึ้ง
ลู่เซิ่งหมุนตัว สองแขนและปีกเนื้อด้านหลังกระแทกสภาวะโจมตีของอีกฝ่ายออกไปดุจสายฟ้าแลบ
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันเพียงแค่พริบตาเดียว ผงสีทองและสะเก็ดไฟกลุ่มใหญ่ก็ระเบิดขึ้นอย่างอลังการ
ลู่เซิ่งถูกพละกำลังมหาศาลกระแทกจนถอยหลังติดต่อกันเป็นครั้งแรก
ร่างสีทองเหมือนหุ่นโลหะสวมเกราะ ร่างสูงสามเมตร บริเวณข้อต่อมีอัญมณีสีน้ำเงินฝังอยู่ แถบผ้าหลายสิบเส้นด้านหลังเหมือนอ่อนนุ่ม ความจริงสานขึ้นจากโลหะ
ทุกการโจมตีของแถบผ้าจะมาพร้อมพลังงานจลน์ที่หนักอึ้งและน่ากลัว
ทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่งเหนือทะเลเมฆ มือปะทะมือ ปีกเนื้อปะทะแถบผ้า ไม่มีหยุดชะงักสักวินาที
กล้ามเนื้อและเส้นเลือดของลู่เซิ่งขยายตัวน้อยๆ ตราเลือดสามจุดบนแขนแดงขึ้นกว่าเดิม
พลังความร้อนในเลือดอันแปลกประหลาดหลายสายวนเวียนรอบอีกฝ่าย แต่ถูกพลังบางอย่างตัดขาด ไม่อาจเข้าใกล้ได้
“เติมแรงกดอากาศ สามสิบเปอร์เซ็นต์” ร่างสีทองชะงัก จากนั้นร่างก็กะพริบแสงสีทอง สว่างไสวยิ่งกว่าก่อนหน้า
“ดาบแรงกดดัน!”
เขาถอยไปด้านหลังราวสายฟ้าฟาด พร้อมประกบสองมือแล้วชูขึ้นสูง ก่อนฟันลงด้านล่าง
ฟ้าว!
อากาศระเบิดออก ถูกฟันกลายเป็นสุญญากาศเล็กๆ เส้นหนึ่ง อากาศที่บิดเบี้ยวและไร้รูปร่างประทับลงบนร่างลู่เซิ่งทันที
เปรี้ยง!
ทรวงอกลู่เซิ่งแยกออกเป็นรูเลือด เลือดสีแดงเข้มหลายสายกระจายออกมา
“ศึกเหนือขีดจำกัด ความเร็วเทวะ” แถบผ้าด้านหลังร่างสีทองหยุดชะงัก จากนั้นก็ยืดตรงแล้วหมุนด้วยความเร็วสูงเหมือนจานหมุน
ซู่!
เขาหายไปจากที่เดิมในทันที
เคร้ง!
ละอองเลือดระเบิดบนร่างลู่เซิ่งอีกครั้ง ส่วนท้องแยกออกเป็นบาดแผลขนาดใหญ่เส้นหนึ่ง
“การโจมตีสุดท้าย” ร่างสีทองพลันหยุดนิ่ง แถบผ้าหลายสิบเส้นด้านหลังพากันรวมตัวด้านหน้าเขา
“ศึกเหนือขีดจำกัด ดาบเก้าดาวพินาศ!”
วงล้อเลื่อยสีทองขนาดยักษ์วงหนึ่งปรากฏเป็นรูปเป็นร่างด้านหน้าเขา
ลู่เซิ่งกุมบาดแผลบนหน้าอกอย่างยากลำบากพลางรีบพลิกตัว รู้สึกได้ทันทีว่ามีพลังจิตเล็งมาที่ตนเอง
ความรู้สึกนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ร่างกายสัมผัสสิ่งใดไม่ได้เลย แต่ลางสังหรณ์กลับบอกเขาว่าตนถูกล็อกตำแหน่งแล้ว
เขาเงยหน้ามองแสงสีทองที่เจิดจ้ากว่าเดิมบนท้องฟ้า
“นี่คือระดับวีนาเกียร์เหรอ”
พลังและแรงกดดันในแสงสีทองยิ่งใหญ่เกินไป เขาถึงขั้นคาดได้ว่า เกิดวงแสงสีทองนี้หล่นลงบนพื้น ดาวทั้งดวงอาจจะถูกทำลายล้าง เขาในตอนนี้ยังไม่มีพลังทำลายล้างถึงขั้นนี้จริงๆ
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก...” ลู่เซิ่งคลายมือจากหน้าอก บาดแผลตรงนั้นสมานตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
บาดแผลทั้งหมดก่อนหน้านี้สมานตัวในเวลาไม่กี่วินาที
ขอแค่ให้เวลาเขาฟื้นฟูเล็กน้อย ความสามารถรักษาตัวเองอันน่ากลัวของร่างกายร่างนี้ก็จะทำให้เขากลับสู่สภาพสมบูรณ์ได้ในพริบตา
“เป็นยังไง จะยอมแพ้ไหม” มีเสียงดังมาจากในวงล้อสีทอง
เนเซียนก้มมองลู่เซิ่งที่ค่อยๆ ตกลงด้านล่าง
“ผู้ใช้พลังจิตระดับวีนาเกียร์มีอีกชื่อคือทูตสั่งการ นี่เป็นแค่พลังทลายล้างระดับสั่งการขั้นพื้นฐานเท่านั้น”
“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกสิ้นหวังหรือยัง” เขาจ้องมองลู่เซิ่งที่อยู่ด้านล่างอย่างสนอกสนใจ
ลู่เซิ่งกางแขนพร้อมค่อยๆ หลับตา มุมปากตวัดเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด
“ยังไม่รู้สึกอีกเหรอ”
“?” เนเซียนพลันงุนงง ก่อนขยายพลังจิตถึงจุดสูงสุดทันที
ทันใดนั้นเขาก็หน้าเปลี่ยนสี
“นี่…นี่มัน!?”
…
บนพื้นดิน
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้เสียดหู
ตึกใหญ่สูงสิบกว่าชั้นแห่งหนึ่งถล่มเอียงลงอย่างช้าๆ เมื่อตกถึงพื้นก็กระแทกกรวดหินดินทรายบนพื้นขึ้นมาเป็นกลุ่มใหญ่ ผู้เหลือรอดไม่กี่คนหลบหลีกก้อนหิน พร้อมกับหนีไปที่ไกลอย่างคลุ้มคลั่ง
อันซาชักแขนสีดำกลับ บนแขนเหลือประจุไฟฟ้าที่มีกระแสอานุภาคอันแข็งแกร่งอยู่เป็นจำนวนมาก
เขามองผ่านฝุ่นควันจากตึกใหญ่ไป เห็นผู้ใช้พลังจิตที่เมื่อครู่หล่นลงมาสำลักเป็นครั้งสุดท้าย
“นายออมมือหน่อยไม่ได้เหรอไง รู้ไหมว่าการทำลายตึกทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากเท่าไหร่?!” ไป๋อันอี้ที่อยู่ไกลออกไปผุดสีหน้าโกรธขึ้ง ก่อนกระโดดสองสามทีมาอยู่บนซากปรักหักพังใกล้ๆ เขา
“นี่เป็นสงคราม” อันซากดแว่นตาเบาๆ ข้อมูลและเส้นกราฟที่คำนวณแบบทันทีทันใดแสดงบนแว่นตา ประเมินระดับอันตรายที่อยู่รอบๆ อย่างรวดเร็ว
“คนที่เอาแต่กล้าๆ กลัวๆ ไม่พยายามสุดกำลังในสงคราม จะต้องตาย” อันซาขี้เกียจจะอธิบายเพิ่มอีก
……………………………………….