ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1046 พายุ (2)
สักพักต่อมา
ทุกคนนั่งอยู่ในหอน้ำชาใกล้ๆ แห่งหนึ่ง
หลังบริกรยกชากาหนึ่งมาก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆ
ประตูห้องปิดลง
ซูฉินกับลู่เซิ่งนั่งหันหน้าเข้าหากัน หนุ่มสาวอีกสี่คนที่มีท่าทีต่างกัน แยกกันนั่งอยู่ด้านหลังเธอ
อีกสี่คนแตกต่างจากเธอ เครียดอย่างเห็นได้ชัด เหมือนจะเกรงกลัวเขามาก
ลู่เซิ่งสวมสูทสีดำ นั่งขัดสมาธิ ยกแก้วชาขึ้นดื่มคำหนึ่ง
“พวกเธอเหมือนรู้จักฉันดีนะ ลองพูดมาดูหน่อย”
เขารู้สึกว่าอาจจะได้ข้อมูลที่ตัวเองคาดไม่ถึงจากคนพวกนี้
ซูฉินกระแอม
“ขอให้คุณช่วยถอนกำลังรอบๆ ออกไป และตรวจสอบด้วยว่ามีอุปกรณ์ดักฟังอยู่ไหม นอกจากนี้ เนื้อหาที่ฉันจะพูดต่อจากนี อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อคุณอย่างรุนแรง คุณจะต้องทำใจไว้ให้ดีๆ นะคะ!”
“พี่ฉิน!” ชายคนหนึ่งด้านหลังเธอร้องอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย “ให้ผมจัดการดีไหมครับ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าจะทำยังไง” ซูฉินยกมือกล่าวอย่างจริงจัง
ลู่เซิ่งไม่ขัดอะไร
เขาหยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความทางเสียง ยอดฝีมือโถงเก้าชีวิตที่อารักขาอยู่ด้านนอกพากันแยกย้ายไป
จากนั้นเขาก็เห็นซูฉินหยิบสิ่งที่เหมือนกระจกแต่งหน้าขนาดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วส่องบริเวณรอบๆ
“ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอุปกรณ์อื่นๆ อีก” ซูฉินโล่งอก
“ว่ามา เรื่องอะไรถึงได้จริงจังขนาดนี้” ลู่เซิ่งวางแก้วชาลงพลางเอ่ยอย่างราบเรียบ
ซูฉินกัดริมฝีปากพร้อมสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง
“ประมุขโถงคะ ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณน่าจะเพิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแท้จริงเมื่อสองปีก่อนใช่ไหมคะ”
“ถูกต้อง โถงเก้าชีวิตก่อตั้งขึ้นในตอนนั้น เรื่องนี้ตรวจสอบที่ไหนก็ได้ ไม่มีความหมาย” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างไม่สนใจ จ
“แต่จุดสำคัญที่ทำให้คุณยิ่งใหญ่ขึ้นน่าจะอยู่ที่ห้องสมุดเหวินต๋าแห่งนั้นใช่ไหมคะ” ซูฉินเอ่ยอีกครั้ง
“คุณเจอวิชาแข็งแกร่งที่มีชื่อว่าวิชาพันโซ่ตรึงมังกรในห้องสมุดแห่งนั้นโดยบังเอิญ จากนั้นก็ทะลวงขีดจำกัด เดิน นบนเส้นทางก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์”
ซูฉินระบายลมหายใจก่อนกล่าวต่อ
“ตอนแรกคุณค่อยๆ สั่งสอนด้วยวิธีการจัดชั้นเรียนกวดวิชา ภายหลังเจอเจิ้งฮวนมือซ้ายมือขวาของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากเอาชนะเขาได้คุณก็รับเขาเข้าเป็นพวก แล้วนำศิษย์จำนวนมากเริ่มเส้นทางขยับขยายโถงเก้าชีวิตอย่างแท้จริง ง ถ้าคุณไม่เชื่อ วิชาพันโซ่ตรึงมังกรนั่นน่าจะอยู่ที่ชั้นล่างสุดของชั้นหนังสือที่สองเขตคัมภีร์โบราณ บนชั้นส สองของห้องสมุดเหวินต๋า ตัววิชาถูกอำพรางไว้ด้วยชื่อกฎฟ้าดิน สิ่งที่บันทึกคือความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์และภ ภูมิศาสตร์ แต่หลังจากเอาไปแช่น้ำมัน จะแสดงเนื้อหาที่แท้จริงออกมา”
ตอนแรกลู่เซิ่งคิดว่าฟังนิทาน แต่หลังจากซูฉินบอกตำแหน่งและเล่าอย่างละเอียดแม่นยำ เขาก็ลังเลอยู่บ้าง
“ตอนนี้ คุณน่าจะเชื่อพวกเราแล้วใช่ไหมคะ” พอซูฉินพูดข้อมูลที่มีอยู่จบก็ผุดสีหน้าเคร่งขรึมทันที
“คุณอาจจะบอกว่าพวกเรามีความสามารถในการหาข่าวเก่งกาจก็ได้ อย่างนั้นต่อจากนี้ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นได้ว่า พวกเราช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดได้”
“ปัญหาอะไรกัน” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่รู้ตัว
“หลังจากนี้หนึ่งปี ดาวแฝดคู่จะถูกทำลายจากการยิงแสงมรณะในสงครามระหว่างดวงดาว สหพันธ์พลังจิตและแสงดาวสีครามเ เปิดศึกเต็มอัตรา ทูตสั่งการของสองฝ่ายต่างเป็นตัวตนระดับทำลายดาว เหนือกว่าทูตสั่งการขึ้นไปยังมีทูตพลังงานมืด ดที่แข็งแกร่งกว่า…” ซูฉินเอ่ยเสียงทุ้ม
“ถ้าคุณยังไม่เชื่อ พวกเราจะมอบข้อมูลส่วนตัวเล็กๆ ให้”
“ข้อมูลอะไร” ลู่เซิ่งให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ซูฉินพูดโดยไม่รู้ตัว
“ศิษย์คนหนึ่งของคุณ ผู้ชายที่ชื่อเหยาฉง จะไปมีเรื่องกับคนอื่นในวันมะรืน เขาจะถูกตัดแขนขวาแล้วกลับมาขอความ มช่วยเหลือ ถึงเวลานั้นคุณจะตัดสินได้ว่าข้อมูลที่พวกเรามอบให้เป็นจริงรึเปล่า” ซูฉินเอ่ยอย่างเชื่อมั่น
ลู่เซิ่งนิ่งไป
“ฉันเข้าใจแล้ว คำพูดของเธอ ฉันจะพิจารณาอย่างละเอียด อย่างนั้น…”
“อย่างนั้น เรื่องอื่นๆ รอวันมะรืนก็จะรู้เองค่ะ” ซูฉินลุกขึ้นและโค้งให้ลู่เซิ่งอย่างจริงจัง “ขอตัวค่ะ”
ลู่เซิ่งมองพวกเธอห้าคนทยอยออกจากห้องพักผ่อน เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่บรรยายไม่ถูก
‘ถ้าเป็นไปตามที่ซูฉินพูดก็หมายความว่า ถึงเราจะไม่จุติลงมา หวังมู่ก็จะเจอวิชาพันโซ่ตรึงมังกรในห้องสมุดเหวิน ต๋าโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นจะเริ่มเดินบนเส้นทางฝึกฝนวิชาต่อสู้อยู่ดีใช่ไหม นอกจากนี้ ทำไมพวกเธอถึงได้รู้เรื่ องดีขนาดนี้ หรือว่า จะเหมือนกับสิ่งที่นิยายนั่นพูดถึง ความจริงเรามีชีวิตอยู่ในหนังหรือเรื่องเล่าที่คนส่วนห หนึ่งอ่านมาโดยตลอด’
ลู่เซิ่งเกิดความคิดมากมาย
เขาออกจากห้องพักผ่อน ท้องฟ้ามืดสลัวลงเล็กน้อย
เขาไม่ได้กลับไป หากขับรถตรงดิ่งไปยังห้องสมุด
ห้องสมุดเหวิ๋นต๋าอยู่ในการดูแลของเขาแล้ว มันถูกปรับปรุงและบูรณะภายนอกทำให้ดูใหม่กว่าเดิมมาก
ลู่เซิ่งเดินขึ้นชั้นสองแล้วเข้าไปในห้องเก็บหนังสือที่เก็บคัมภีร์โบราณตามที่ซูฉินบอก
บนชั้นหนังสือหลายชั้นในห้องเก็บหนังสือที่มืดสลัวจัดวางหนังสือเก่าๆ ที่มีมูลค่าไม่สูงไว้อย่างกระจัดกระจาย
คัมภีร์โบราณที่ว่า ความจริงเป็นหนังสือที่มีอายุมากสุดไม่เกินสี่สิบห้าสิบปี
ลู่เซิ่งตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือที่ซูฉินพูดถึง ก่อนนั่งลงควานหา ไม่นานก็เจอหนังสือเก่าชื่อกฎฟ้าดินที่เธอบ บอก
‘มีจริงๆ เหรอเนี่ย!?’ ลู่เซิ่งตกใจขณะมองหนังสือในมือ
นี่เป็นหนังสือเก่าที่บรรยายความรู้ด้านดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ตามมาตรฐาน ลู่เซิ่งพลิกดู ผู้พิมพ์คือสำนักพิมพ์ ข่าวแห่งดาวแฝดคู่ เนื้อหาเป็นความรู้เก่าที่ล้าสมัยอยู่บ้าง
เอาไปแช่ในน้ำมันเหรอ
ลู่เซิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งคำสั่ง
จากนั้นเขาก็ถือหนังสือเดินออกจากห้องเก็บหนังสือมายังโถงชั้นหนึ่ง
ด้านในโถงใหญ่มีคนของโถงเก้าชีวิตรออยู่แล้ว ถือน้ำมันทำอาหารที่เพิ่งซื้อไว้ถังหนึ่ง
ลู่เซิ่งรับน้ำมันมาแล้วเข้าไปในห้องสำหรับพนักงานของห้องสมุด
จากนั้นเขาก็เทน้ำมันใส่หนังสือที่อยู่ในอ่างน้ำ
ซู่…
เกิดเสียงดังเบาๆ หนังสือเหมือนกับเกิดปฏิกิริยาทางเคมี เมื่อเจอเข้ากับน้ำมัน หน้าปก หน้ากระดาษ ต่างก็เปลี่ยนแป ปลงไป
หน้ากระดาษสีเหลืองอ่อนในตอนแรกซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเจอน้ำมัน
ความหนาของกระดาษเองก็บางลงไม่น้อย
ลู่เซิ่งหยิบหนังสือขึ้นมาดู หน้ากระดาษที่เปื้อนน้ำมันแสดงตัวหนังสือและภาพมากมาย
ตัวหนังสือคือตัวหนังสือแบบง่ายของเมื่อหลายสิบปีก่อนที่มีร่องรอยการปรับให้ง่ายขึ้น
เนื่องจากตัวอักษรที่จักวรรดิมอธใช้ในตอนแรกง่ายเกินไป ทำให้มีการใช้ทับซ้อนกันมากมาย ดังนั้นกรมวัฒนธรรมของจ จักรวรรดิจึงได้สร้างพจนานุกรมประเทศขึ้นมาใหม่ โดยปรับตัวอักษรแบบง่ายกลับเป็นแบบซับซ้อนเหมือนเดิม
ทำให้ตอนนี้แทบไม่เห็นตัวหนังสือแบบง่ายอีกแล้ว
ลู่เซิ่งมองแวบเดียวก็จำตัวหนังสือนี้ได้
‘วิชาพันโซ่ตรึงมังกร มีจริงๆ เหรอเนี่ย’
เขาตกใจ ก่อนจะพลิกอ่านอย่างคร่าวๆ
วิชานี้เทียบไม่ติดกับวิชาเกลียวเก้าชีวิตของเขา ด้อยกว่าหลายระดับ แต่ในด้านพัฒนาศักยภาพของตัวเองถือว่างอ นิ้วนับได้ อย่างน้อยก็เหนือกว่าทักษะการต่อสู้ของจักรวรรดิมอธบนดาวเคราะห์ดวงนี้มาก
อยู่ในระดับใกล้เคียงกับวิชาต่อสู้แบกภาระ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วิชานี้มีความเร็วในการพัฒนาเร็วสุดขีด
ตั้งแต่เริ่มฝึกวิชาต่อสู้แบกภาระจนสำเร็จ ขนาดอันซาและหงซื่อใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้าเร่งความเร็วการฝึกฝน ยังใช้เว วลาเกือบหนึ่งปี นี่ยังเป็นการฝึกฝนแบบจำกัดตัวเองในระดับสูงสุดภายใต้การช่วยเหลือของเขาด้วย
แต่วิชาพันโซ่ตรึงมังกรนี้ หากยึดตามสิ่งที่มันบันทึกไว้ ขอแค่เข้าสู่ระดับเบื้องต้นได้ อย่างช้าสุดใช้เวลาส สามเดือน ก็จะฝึกสำเร็จได้
‘สามเดือนเหรอ ล้อกันเล่นอยู่หรือไง’
ลู่เซิ่งพลิกเนื้อหาต่อจากนั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเขาก็เข้าใจแก่นสารของวิชานี้
นี่เป็นวิชาสายมารของแท้ไม่แปลกปลอม
ถ้าบอกว่าตอนแรกยังมีกฎมีเกณฑ์ ต่อจากนั้นก็เป็นการเบิกศักยภาพร่างกายมาใช้ล่วงหน้าเพื่อยกระดับวิชาต่อสู้ของตัว วเองโดยไม่สนใจวิธีการ
ถ้าฝึกฝนและกินโอสถตามวิชานี้จริงๆ ก็จะฝึกวิชาได้สำเร็จ แต่อายุขัยจะลดลงอย่างน้อยสี่สิบปี
‘นี่เหมือนกับคัมภีร์บกพร่องที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำการทดลองมากกว่า’ ลู่เซิ่งปิดคำภีร์ก่อนจะสรุปในใจ
‘ซูฉินนั่นมีข้อมูลที่เราไม่รู้มากมายขนาดนี้ แถมบนตัวยังมีกลิ่นอายพลังลึกลับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย ถ้า าวันมะรืนเกิดเรื่องอย่างที่พวกเธอว่าจริงๆ บางที…’ ลู่เซิ่งฉุกนึกอะไรได้
…
คนร้อยคนที่แสงดาวสีครามมอบให้ลู่เซิ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกัน
คนที่แข็งแกร่งเพิ่งทดสอบก็ผ่านเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังเพิ่มความแข็งแกร่ง ส่วนคนอ่อนแอคือคนธรรมดาที่ไม่เคย ยเจอการฝึกฝนใดๆ ถึงขั้นยังมีคนนึกว่าตัวเองกำลังถ่ายละครหรือถ่ายหนังอยู่ด้วย
หลังจากลู่เซิ่งให้ไป๋จวิ้นเฉิงกระทืบ เจ้าพวกขี้โวยวายเหล่านี้ก็หุบปากทันที
การฝึกฝนแบ่งเป็นสองส่วน ลู่เซิ่งใคร่ครวญเล็กน้อย ตัดสินใจไม่สอนวิชาแบกภาระให้พวกเขา หากแต่มอบวิชาพันโซ่ตรึง งมังกรให้คนพวกนี้ฝึกฝน หลังจากตัดข้อเสียทิ้งไป
เวลาค่อยๆ เลื่อนไหล ไม่นานก็ผ่านไปสองวัน
ในคืนที่ซูฉินพยากรณ์ไว้ คนของโถงเก้าชีวิตที่ลู่เซิ่งออกคำสั่งให้จับตาดูอย่างใกล้ชิดก็ไปมีเรื่องกับคนสองค คนที่ร้านคาราโอเกะจริงๆ
และก็เหมือนกับสิ่งที่ซูฉินพูดไว้ไม่มีผิด ศิษย์โถงเก้าชีวิตเหยาฉง เจ้าคนที่ถือว่าเป็นมือดีในโถง ถูกคนตัดแข ขนขวาทิ้งระหว่างเกิดความขัดแย้ง แล้วกลับมาขอความช่วยเหลือที่สาขาจริงๆ
โถงเก้าชีวิตในปัจจุบันปกครองจังหวัดอานุส ถึงขั้นที่จังหวัดข้างเคียงก็ได้รับผลกระทบโดยที่ทำอะไรไม่ได้
มือดีจากกลุ่มทรงอำนาจนี้โดนตัดแขนขวาทิ้ง
คนทั้งสิบคนของสาขาลุกขึ้นเตรียมจะไปยืดเส้นยืดสายทันที
นึกไม่ถึงว่าคนสองคนที่ตัดแขนของเหยาฉงจะมาหาถึงที่
“สถานการณ์เป็นอย่างนี้ค่ะ สิ่งที่อีกฝ่ายใช้คือความสามารถของผู้ใช้พลังจิต การโจมตีดุดันรวบรัด แสดงให้เห็นว่าไม ม่ได้ลงมือเป็นครั้งแรก” เว่ยเจินอวี๋กล่าวเบาๆ จากปลายสาย
ลู่เซิ่งนั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีทาร์ตไข่วางอยู่ในกะละมัง เขาหยิบขึ้นมากินคำหนึ่ง
ทาร์ตไข่สิบกว่าอันหายเข้าไปในปากของเขาเหมือนเมล็ดถั่ว
จากนั้นเขาก็เคี้ยวเล็กน้อยก่อนกลืนทั้งหมดลงท้อง
“ให้ไป๋อันอี้ไปตรวจสอบสาเหตุให้ชัดเจน” ลู่เซิ่งวางกะละมังลง ศิษย์หญิงที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาใช้ผ้าเช็ดปากใ ให้เขา
“นอกจากนี้ ให้พาเหยาฉงกลับมา แล้วก็ส่งข้อมูลกับภาพของคนที่ตัดแขนมาด้วย” เขาถอนใจ ก่อนหยิบน้ำแร่ด้านข้างขึ นโยนใส่ปากแล้วเคี้ยวเบาๆ เหมือนกินผลไม้ ชายหนุ่มกินน้ำแร่สิบกว่าขวดในคำเดียว ค่อยหายคอแห้ง
ถ้าสิ่งที่ซูฉินพูดเป็นจริง อย่างนั้นก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนสำคัญ