ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1047 พิธีกรรม (1)
นอกจากนี้ ตามสัญญาแล้ว วันนี้จะเป็นวันจัดพิธีกรรมที่เขานัดกับแสงดาวสีครามไว้ด้วย
ลู่เซิ่งสนใจเป็นอย่างมากว่า องค์กรซึ่งใหญ่โตและแข็งแกร่งตามที่ซูฉินบอกจะจัดพิธีกรรมอะไรให้เขาดู
อีกฝ่ายเชิญเขาเข้าร่วมพิธีกรรมเพราะเป้าหมายอะไรกันแน่
‘นอกจากนี้ ถ้าหวังมู่ในตอนแรกจะยิ่งใหญ่ขึ้นอยู่แล้ว แล้วทำไมชื่อโถงเก้าชีวิตถึงได้เหมือนกับชื่อที่เราตั้งล่ะ ะ’ ลู่เซิ่งเกิดความสงสัยไม่น้อย
เก้าชีวิตในโถงเก้าชีวิตตั้งตามวิชาเกลียวเก้าชีวิต ส่วนเก้าชีวิตในวิชาเกลียวเก้าชีวิตหมายถึงผิวหนัง กล้ามเ เนื้อ ต่อมไร้ท่อ เลือด ไขกระดูก อวัยวะภายใน ไขสมอง และยีนกับการเปลี่ยนแปลงโดยรวม เก้าอย่างนี้…เดี๋ยวสิ
ทันใดนั้นลู่เซิ่งก็ตกใจ
ความจริงเกลียวเก้าชีวิตของวิชาเกลียวเก้าชีวิตได้รับอิทธิพลบางอย่าง
นั่นก็คือข้อมูลหลากหลายชนิดที่เขาได้อ่านและตรวจสอบจากห้องสมุดเหวินต๋า ซึ่งรวมถึงเทพนิยาย ชีววิทยา แพทยศาส สต์ และความรู้จากระบบต่างๆ ของมนุษย์ที่อยู่ที่นี่
ดูจากทฤษฎีทางปรัชญาของโลกใบนี้ พวกเขามองร่างกายตัวเองเป็นวงล้อขนาดยักษ์ ความสามารถของตัวเองถูกสะกดไว้ใ ในวงล้อ ไม่สามารถปลดออกได้…และวงล้อยักษ์นี้ก็มีทั้งหมดเก้าชั้น…ถ้ายึดตามนี้ บางที…
ลู่เซิ่งเหมือนจะเข้าใจสาเหตุที่หวังมู่ตั้งชื่อโถงเก้าชีวิตอย่างนี้แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ แค่วิชาพันโซ่ตรึงมังกรวิชาเดียว ต่อให้ฝึกถึงขีดจำกัด ก็ไม่น่าจะสู้กับสหพัน นธ์พลังจิตและแสงดาวสีครามได้สิ
นอกเสียจากว่าเขาจะร่วมมือกับแสงดาวสีครามต่อสู้กับสหพันธ์พลังจิตสาขาภูมิภาค
แม้จะสู้กับสหพันธ์ทั้งหมดไม่ได้ แต่สาขาภูมิภาคบนดาวเคราะห์ดวงนี้อาจจะต้านทานไหวจริงๆ
หลังกินข้าวเสร็จ ลู่เซิ่งก็ออกไปเดินเล่นเหมือนเวลาปกติ
เผอิญที่หงซื่อมารายงานสถานการณ์พอดี
นับตั้งแต่สงครามใหญ่ครั้งก่อน แม้หงซื่อในตอนนี้จะยังตัวใหญ่เหมือนเดิม แต่กลับผอมลงเล็กน้อย ร่างปนเปื้อนรังสี พลังนิวเคลียร์น้อยลง
นี่หมายความว่าเธอกำลังได้รับการแก้ไขให้กลับมาสู่ครรลองของวิชาเกลียวเก้าชีวิตเหมือนเดิมแล้ว
ริมทะเลสาบเทียมที่ลู่เซิ่งกำลังเดินเล่นอยู่ หงซื่อพาคนสองคนเดินมาถึงด้านข้างลู่เซิ่งแล้วก้มหน้าน้อยๆ
“อาจารย์ ตรวจสอบสถานการณ์ของคนพวกนั้นได้แล้วค่ะ” เธอหยิบข้อมูลชุดหนึ่งจากมือลูกน้องที่อยู่ด้านหลังแล้วส่ง งให้ลู่เซิ่ง
ยามกลางคืนลมพัดดังซู่ซ่า พัดกระดาษข้อมูลให้พลิกกระพือไม่หยุด
ลู่เซิ่งรับมาอ่านคร่าวๆ
เนื้อหาเป็นข้อมูลของคนทั่วไปที่ธรรมดามาก ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของซูฉินตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ครอบครั ว ที่อยู่ ย้ายบ้านมากี่ครั้ง เรียนโรงเรียนมากี่แห่ง รวมถึงมีความรักมากี่หน ล้วนเขียนไว้หมด
ข้อเท็จจริงไม่แน่จะเป็นเรื่องจริง
ลู่เซิ่งพลิกข้อมูลของคนอื่นๆ เช่นกัน แต่เป็นเหมือนกันหมด
“เธอว่าข้อมูลชุดนี้มีปัญหาไหม” ลู่เซิ่งถามหลังจากพับปิดข้อมูล
“สมจริงมากค่ะ แต่สมจริงเกินไป” หงซื่อตอบเสียงทุ้มต่ำ ร่างที่สูงสองเมตรกว่าๆ ของเธอโค้งให้แก่ลู่เซิ่งอย่า างระมัดระวัง ท่าทีนอบน้อมมาก
“คนอื่นๆ ล่ะ” ลู่เซิ่งถามอีก
“เป็นเหมือนกันหมดเลยค่ะ พวกเราเลือกตรวจสอบจากคนร้อยคนนั้น ข้อมูลที่ได้เป็นเหมือนกันหมด” หงซื่ออธิบาย “ต่ อมาพวกเราไปตรวจสอบสถานะและข้อมูลของเหยาฉงดู ทางนี้ไม่มีปัญหา แต่คนที่มีเรื่องกับเขามีปัญหาค่ะ”
“ยังไงกัน”
“ซีฟอร์ด เรดดี้ มาท่องเที่ยวผ่อนคลายที่ดาวแฝดคู่จากดาวอื่น เป็นผู้ใช้พลังจิตที่ตกระกำลำบากคนหนึ่ง”
“ผู้ใช้พลังจิตเหรอ” ลู่เซิ่งเกิดความสนใจแล้ว
“ค่ะ แต่ดูจากพลังและการควบคุมตอนลงมือ คนคนนี้ไม่เหมือนผู้ใช้พลังจิตธรรมดา พลังของเขาไม่เลวเลยค่ะ” หงซื่ อวิเคราะห์ “อาจารย์ ให้จับมาไต่ส่วนไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก คอยสังเกตไปก่อน” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว”
“ค่ะ”
หงซื่อพาคนจากไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งลู่เซิ่งไว้ริมทะเลสาบคนเดียว
ปกติเขาไม่ต้องการบอดี้การ์ด แค่ทิ้งคนสองคนไว้คอยใช้งานก็พอ
ลู่เซิ่งเดินใคร่ครวญอยู่ริมทะเลสาบสักพัก เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็ถึงเวลาเที่ยงคืน
เสียงระฆังทึบหนักตีบอกเวลาตรงใจกลางเมืองลอยมาจากม่านราตรีไกลออกไป
ฝีเท้าที่เดินริมทะเลสาบของลู่เซิ่งพลันชะงัก
ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองน้ำในทะเลสาบ
ชายชราผมขาวคนหนึ่งมายืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำกลางทะเลสาบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ
“ถึงเวลาแล้ว ควรไปร่วมพิธีกรรมได้แล้ว คุณหวังมู่”
ชายชราคนนี้แตกต่างจากชายชราคนก่อนหน้า มัดผมหางม้าสีขาวไว้อย่างเป็นระเบียบเหมือนกับเส้นลวด สวมเครื่องแบบส สีขาวเดินลายเงินเหมือนเครื่องแบบทหาร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บนแก้มขวาของเขามีรอยสักสีเขียวอ่อนซึ่งมีแสงสีเ เขียวไหลเวียนอย่างเลือนราง
เหมือนกับบนแก้มเขาฝังอุปกรณ์พิเศษบางอย่างไว้
“จะไปยังไง” ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ นอกจากน้ำในทะเลสาบแล้ว ก็มีแต่สวนสาธารณะเล็กๆ ที่รกชัฏ
ต้นไม้ใบใหญ่เขียวชอุ่มเงียบสงัดอยู่ใต้แสงดาวยามกลางคืน
“ง่ายดายมาก คุณห้ามขัดขืนก็พอ” ชายชราตอบด้วยรอยยิ้ม
ลู่เซิ่งพยักหน้าขณะยืนนิ่งอยู่กับที่
สองสามวินาทีต่อจากนั้น บนพื้นว่างด้านหน้าเขา ก็พลันมีหลุมสีดำหลุมหนึ่งกางออกมาอย่างช้าๆ
หลุมหมุนวนและขยายตัวอย่างเชื่องช้า พริบตาเดียวก็สูงเท่ากับเขา
“เข้าไปได้แล้ว” ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ลู่เซิ่งหลับตา สัมผัสอากาศและจุลินทรีย์ได้จากด้านในหลุมดำ
ด้วยระดับและขอบเขตของเขาในปัจจุบัน ประสาทสัมผัสทั้งห้าแทบจะเทียบเท่ากับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน แข็งแกร่งถ ถึงระดับที่ไม่ใช่มนุษย์
พอยืนยันได้ว่าในหลุมดำไม่มีอันตราย ลู่เซิ่งก็ก้าวเข้าไปด้านใน
ทุกสิ่งรอบตัวพลันหมุนวน เขาตกลงไปในหลุมดำ
ร่างเหมือนกับถูกพลังบางอย่างดึงให้ยืดและแบน เขารู้สึกว่าตนเหมือนกับกำลังผ่านช่องแคบยาวๆ ช่องหนึ่ง
ด้านหลังมีพลังบางอย่างกำลังผลักเขาลอยเข้าไปหาทางออกอีกด้าน
ลู่เซิ่งหายไปในความมืด ชายชรายิ้มพร้อมค่อยๆ สลายร่างไป
หลุมดำหดตัวลงด้วยความเร็วสูงแล้วหายไปโดยสิ้นเชิง
ในม่านราตรีเหลือเพียงน้ำในทะเลสาบเทียมที่ถูกลมพัดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ
ราวๆ สองสามนาทีต่อมา
ร่างที่สวมเสื้อสายลับสีดำหลายร่างค่อยเดินเข้ามาใกล้จากที่ไกลอย่างเงียบเชียบ คนหนึ่งในนี้ถืออุปกรณ์เหมือ อนกล่องเล็กๆ พลางสแกนบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด แต่ไม่พบปัญหาใดๆ
“โครงเรื่องนี้สำคัญมาก พิธีกรรมในครั้งนี้จะทำให้เกิดการหักมุมครั้งใหญ่ของโครงเรื่องต่อจากนี้ ถ้าพวกเธออยากจะ ะออกจากกลุ่ม ตอนนี้ยังทันนะ”
สายลับที่เป็นผู้นำหันมาถามเสียงแผ่ว เป็นเสียงของซูฉิน
“มาถึงขั้นนี้กันแล้ว พูดเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร” คนคนหนึ่งตอบเสียงเย็น “เตรียมตัวลงมือเถอะ”
“ขอแค่หวังมู่ขวางสัตว์ประหลาดตัวนั้นไว้ได้ และพวกเราจัดการตัวอื่น ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา ครั้งนี้จะเปลี่ยนโคร รงเรื่องได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับทุกคนแล้ว” ซูฉินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
โครงเรื่องเดิมก็คือ หลังจากลู่เซิ่งกลับจากพิธีกรรมมายังดาวแฝดคู่ ผู้คุ้มกันของเขาจะฉวยโอกาสคุกคามและล่อลวง เขา เพื่อทำการควบคุมจิตใจ
แต่ว่าหวังมู่มีความแน่วแน่เหนือใคร จึงหลุดจากการควบคุมในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็สู้กับอีกฝ่ายจนบาดเจ็บทั้งคู่ แต่เพราะมีจำนวนน้อยกว่าศัตรู จึงถูกยอดฝีมือคนอื่นๆ เล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายค่อยทำให้โถงเก้าชีวิตทนอยู ได้แค่ครึ่งปี
แต่ซูฉินเชื่อมั่นว่า ถ้าพวกเธอฉวยโอกาสนี้เปลี่ยนชะตาชีวิตของหวังมู่เสีย โดยช่วยเขาเอาชนะยอดฝีมือของแสงดาว วสีคราม อย่างนั้นไม่เพียงจะได้รางวัลจากการเปลี่ยนโครงเรื่องเท่านั้น ยังทำให้หวังมู่ติดค้างพวกเธอเช่นกัน และจ จะมีผลดีต่อแผนการในอนาคตยิ่งกว่าเดิม
“เอาล่ะ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” ซูฉินเอ่ยเสียงทุ้ม
“ไม่ต้องห่วง”
“ไว้ใจได้เลย”
สมาชิกทีมที่เหลือพากันขานตอบอย่างสบายๆ
…
ในความมืดที่ไร้สิ้นสุด ลู่เซิ่งทะลุเส้นทางทอดยาวไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่าบินอยู่ในเส้นทางนานขนาดไหน แต่ที่นี่มีอากาศที่แปลกประหลาดมาก เขายังหายใจได้ ร่างกายไม่มีอาการอ อึดอัดใดๆ
แม้ร่างกายของเขาในตอนนี้จะไม่สูดออกซิเจนก็ไม่เป็นไร แต่ย่อมดีกว่าไม่มี
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ สิบนาที หรือยี่สิบนาที หรือว่าหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุดก็มีแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งสว่างขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่งช้าๆ
เป็นแสงสีฟ้าที่จางมากๆ
เขาพุ่งเข้าใส่แสงสีฟ้านั้น
ฟ้าว
เกิดเสียงดังเบาๆ ลู่เซิ่งพุ่งเข้ามิติที่เย็นเยียบและกว้างขวาง
ร่างกายของเขายังอยู่ในท่านอนตะแคง เวลานี้รีบใช้แรงยืนขึ้นโดยหันหัวขึ้นบนเอาเท้าลงล่าง
“ยินดีต้อนรับ อาจารย์หวังมู่ที่รัก” ชายชราที่ได้เจอก่อนหน้านี้ยืนอยู่ในโถงใหญ่ มองเขายิ้มๆ อยู่ข้างหน้าต่าง งติดพื้นขนาดยักษ์
ชายชราเปลี่ยนมาใส่เครื่องแบบทหารสีดำ ถือหมวกทหาร บนบ่าติดหนามแหลมสีเงินไว้แน่นขนัด เขี้ยวจำนวนมากงอกออกมา าจากสองไหล่
แต่หนามแหลมตรงนี้มีความแตกต่างกับเครื่องแบบทหารของจักรวรรดิมอธเล็กน้อย หนามแหลมหรืออินธรธนูตรงนี้สั้นและช ชิดแน่นกว่า
“ยินดีต้อนรับเธอสู่ดาวสงครามโทมหมายเลขสี่ในสังกัดแสงดาวสีคราม” ชายชรายิ้มพลางกางแขน
ลู่เซิ่งค่อยกระจ่างแจ้ง
มิน่าโถงแห่งนี้ถึงเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าสุดมีผนังกระจกติดพื้น ด้านนอกคือดวงดาวที่ถอยไปด้านหลังอย่า างต่อเนื่อง
ที่แท้เป็นยานรบยักษ์ที่กำลังแล่นอยู่
“ดาวสงครามหรือ คืออะไรกัน” เขาสนใจชื่อใหม่ที่ชายชราพูดขึ้นมาก
“พิธีกรรมครั้งนี้ฉันเป็นคนมารับเธอ ดาวสงคราม คือการปรับปรุงและขุดดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดไม่ใหญ่จนกลวงเพื่อ อทำเป็นป้อมปราการที่จำเป็น ตอนนี้พวกเรากำลังไปยังเขตดาวธอร์น หนึ่งในเก้าสถานที่ที่จัดพิธีกรรม”
ลู่เซิ่งไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่น่าจะเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากดาวแฝดคู่ไกลแสนไกล
“ผมถามเนื้อหาของพิธีกรรมได้ไหม” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราเป็นแค่ผู้ชมเท่านั้น” ชายชราอธิบายพลางหัวเราะ
ลู่เซิ่งกำลังจะถามอีก
แต่ชายชราคนนั้นแตะนิ้วชี้กับริมฝีปากพร้อมส่งเสียงเบาๆ
“ฟังสิ พวกเราจะเร่งความเร็วแล้ว”
ลู่เซิ่งมองนอกหน้าต่าง ความเร็วถอยหลังของแสงดาวกลุ่มใหญ่กำลังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ราวสี่ห้าวินาทีต่อมา
ตึง!
โถงใหญ่สั่นไหวน้อยๆ
“เอาล่ะ พวกเรามาถึงตำแหน่งเตรียมตัวแล้ว” ชายชรายิ้มขณะมองไปนอกหน้าต่างติดพื้น “ดูตรงนั้นสิ” เขายกมือขึ้นชี้ หน้าต่าง
ลู่เซิ่งมองทิศทางที่เขาชี้ ตรงนั้นมีดาวเคราะห์สีเหลืองตุ่นขนาดยักษ์ดวงหนึ่งกำลังหมุนอย่างช้าๆ ดูยิ่งใหญ่หาก เงียบสงบ ยึดครองอาณาเขตเกือบครึ่งหนึ่งของกระจกติดพื้น