ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1051 ความสัมพันธ์ครอบครัว (1)
หลายชั่วโมงต่อมา
ในฐานทัพทหารนอกชานเมืองอันหมิง
กลางถ้ำใต้ดินที่ลึกถึงหลายสิบเมตร
ผนังถ้ำเป็นสีดำสนิท ฝังอุปกรณ์ตรวจจับทรงขนมเปียกปูนไว้หลายชิ้น ที่นี่สามารถตรวจจับดัชนีความเปลี่ยนแปลงของสภาพ ปรากฎการณ์ต่างๆ อย่างอากาศ พลังงาน และรังสีได้
“ที่นี่นี่แหละ” ลู่เซิ่งพาคนสามคนเดินเข้าถ้ำแห่งนี้
ประตูอัตโนมัติด้านหลังทุกคนค่อยๆ เลื่อนปิดลงเอง
พวกซูฉินเปลี่ยนมาสวมเครื่องแบบป้องกันสีดำแนบเนื้อ บนชุดไม่ได้มีเพียงความสามารถป้องกันเท่านั้น มันยังติดอุปกรณ ณ์ตรวจจับเล็กๆ เอาไว้ เพื่อจะได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดตอนพวกเขาใช้พลังงานชนิดต่างๆ อยู่ด้วย
ลู่เซิ่งเปลือยร่างท่อนบน บนแผ่นหลังมีอุปกรณ์ตรวจจับชิ้นเล็กๆ ที่เหมือนแถบโลหะติดอยู่
มันเป็นอุปกรณ์ตรวจจับรูปแบบเข็มขัดสีแดง ดูเหมือนอัญมณีสีแดงสองเส้นที่ฝังอยู่บนตัวเขา
“เพราะสำเร็จวิชาพันโซ่ตรึงมังกร ฉันเลยสร้างวิชาหมัดที่เหมาะกับตัวเองขึ้นมาชุดหนึ่ง แต่ว่าก็ยังคงไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเลยอยากจะใช้ระบบพลังงานอื่นๆ มาช่วยฉันปรับปรุง” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างฉะฉาน
พวกซูฉินต่างผุดสีหน้าเคร่งขรึม ต่างจริงจังเป็นอย่างยิ่ง หากว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ซูฉิน สนใจนายน้อยย่างหวังมู่ อย่างนั้นตอนนี้ พวกเขาก็ยอมรับอย่างสุดจิตสุดใจแล้ว
ไม่ใช่เพราะสาเหตุอะไรอื่น แต่เป็นเพราะเมื่อครู่เต๋อเอิ้นได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านายตรงหน้า สหายที่พวกเขานึ กว่าตายไปแล้วถูกชายตรงหน้าช่วยชีวิตกลับมา
ยังไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่บุญคุณเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจแล้วว่า จะให้ความสำคัญกับผู้ชายตรงหน้า
ดวงตาของซูฉินฉายแววแน่วแน่
สองฝ่ายที่ต่อสู้กันอย่างแท้จริงในฉากสมรภูมิแห่งการทำลายดาวในครั้งนี้ ฝั่งหนึ่งคือแสงดาวสีคราม อีกฝั่งคือส สหพันธ์พลังจิต ความจริงโถงเก้าชีวิตของหวังมู่เป็นเพียงองค์กรเล็กๆ ที่ถูกหนีบไว้ตรงกลางเท่านั้น
ตอนแรกเธอคิดจะอยู่ที่โถงเก้าชีวิตชั่วคราวเพื่อดูว่าจะหาผลประโยชน์อะไรจากตัวหวังมู่ได้หรือไม่
ทว่าตอนนี้ หลังจากเรื่องของเต๋อเอิ้น แค่บุญคุณนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทิ้งหวังมู่ไปหาองค์กรใหญ่อีกสององค์กร ไม่ได้
บางทีคนอื่นอาจไม่สนใจ คิดว่าเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น แต่เธอไม่เหมือนกัน เธอปฏิบัติต่อคนในโครงเรื่องทุกคนอย่า างจริงจัง จริงใจ ต่อให้เป็นแค่ตัวประกอบc ก็ไม่มีข้อยกเว้น
‘ยังไงพวกเราก็มีกองกำลังน้อย พลังอ่อนแอ ถึงจะไปหาขุมกำลังใหญ่อีกสองกลุ่มก็ไม่แน่ว่าจะได้รับความสำคัญ อาจจะถ ถูกลากไปเป็นตัวป้องกันกระสุนเสียด้วยซ้ำ อยู่ที่นี่นี่แหละ ขอแค่พวกเราช่วยหวังมู่ผ่านพ้นภัยพิบัติมากมายในภายหลั งได้ ไม่แน่จะไม่มีหนทางในสงครามครั้งนั้น’
ซูฉินตกลงใจพร้อมขยิบตาให้แก่เพื่อนทั้งสอง
การคืนชีพของเต๋อเอิ้นทำให้พวกเขาตื่นตระหนก แต่อารมณ์ก็มั่นคงขึ้นเช่นกัน อย่างไรเต๋อเอิ้นก็เป็นโล่เนื้อในที ม ไม่ทราบว่าเคยช่วยพวกเขามากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
“ต่อจากนี้ หวังว่าพวกเธอจะร่วมมือกับฉันอย่างเต็มที่ หลังจบเรื่อง ฉันจะถ่ายทอดวิชาพันโซ่ตรึงมังกรฉบับสมบูรณ์ใ ให้พวกเธอ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ค่ะ อยากให้ทำอะไร คุณบอกได้เลยค่ะ” ซูฉินเอ่ยเสียงดังฟังชัด
“ง่ายมาก พวกเธอต่างก็มีความสามารถที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ถ้าทำได้ ช่วยแสดงให้ฉันดูสักหน่อยสิ”
ลู่เซิ่งผายมือให้พวกเธอเดินไปตรงกลาง
ทั้งสามส่งสายตากัน
“ผมก่อนก็แล้วกัน” ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ความสามารถของผมคือการลอบโจมตีในร ระยะห่างสั้นๆ พลังทำลายสูงมาก พึ่งพาอาวุธและพิษ”
“อ้อ? ขอฉันดูอาวุธของเธอหน่อยได้ไหม” ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย เขาชอบยอดฝีมือที่ลอบโจมตีอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้
“ได้แน่นอนครับ” ชายหนุ่มหยิบกระบี่สั้นเล่มหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้ออย่างสง่าผ่าเผยแล้วส่งให้ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งรับมาตรวจสอบอย่างละเอียด
เป็นกระบี่สั้นธรรมดาๆ บนกระบี่ไม่มีพิษ หาได้จากร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนทั่วไป
“สิ่งที่ผมฝึกคือวิชาพิษ เลยไม่ต้องชุบพิษ” ชายหนุ่มอธิบาย
“ถ้าเธอไม่ถือสา ขอฉันตรวจสอบวิชาของเธอได้ไหม” ลู่เซิ่งถาม
ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง
อย่างไรขอบเขตของหวังมู่จะต้องแข็งแกร่งกว่าเขามากแน่นอน วิชาพิเศษที่เขาเลือกความจริงนอกจากพิษที่รุนแรงแล้ว ก็ไม่ได้เพิ่มพลังส่วนใดเป็นพิเศษ
นอกจากนั้นวิชานี้ยังสิ้นเปลืองอย่างมาก ถ้าได้รับการชี้แนะบางส่วนจากหวังมู่ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
“ผมจะแสดงให้ดูก่อน” เขายื่นนิ้วออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สีม่วงอ่อนๆ ไต่ออกมาจากแขนเขา แล้วลามผ่านแขนท่อนปลายไปถึงฝ่ามือ จากนั้นก็ขยายไปถึงนิ้วชี้
ถัดจากนั้น เขาก็เอานิ้วปาดกระบี่สั้นเบาๆ เลือดย้อมกระบี่สั้นเป็นเส้นเลือดสีม่วงเส้นหนึ่ง
“นี่คือการเสริมพิษหนึ่งครั้ง คงสภาพได้ครั้งละประมาณสิบชั่วโมง นอกจากนี้วิชาพิษของผมยังมอบความสามารถเร่ง การรักษาตัวเองให้เล็กน้อยด้วย”
“วิธีฝึกฝนล่ะ”
ลู่เซิ่งซักถามชายหนุ่มอย่างละเอียด
ครู่ต่อมา ชายหนุ่มก็เดินออกไปด้านข้างด้วยสีหน้ายินดี พร้อมย่อยสลายการปรับปรุงวิชาที่ได้จากลู่เซิ่ง
ระบบเทพเจ้าบอกเขาว่า วิชาหิมะพิษของเขาได้รับการปรับปรุงสำเร็จแล้ว ผลาญพลังงานน้อยลงกว่าวิชาเดิมหนึ่งในสาม ม อานุภาพเพิ่มขึ้นสามเท่า สามารถตั้งชื่อใหม่ได้
เดิมทีเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำภารกิจในโครงเรื่องเรื่องสายรอง ดังนั้นจึงแลกวิชาพิษระดับต่ำ ระดับ F ของโครงเรื่อง งเรื่องสายรอง ของวิชานี้มาเท่านั้น
โครงเรื่องเรื่องสายรองระดับ F เป็นโครงเรื่องสายรองระดับต่ำสุด แสดงให้เห็นว่าระดับของวิชานี้อยู่ในระดับใด
และตอนนี้ วิชาหิมะพิษหลังการปรับปรุงก็อยู่ในระดับ E หรือ D เป็นอย่างน้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการต่อสู้ต่อเนื่องหรือพลังในการต่อสู้ ล้วนสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ต่อจากชายหนุ่มเป็นหญิงสาวอีกคน ถัดมาค่อยเป็นซูฉิน
ทั้งสามแลกเปลี่ยนวิชากับเขา
ทั้งสามมีความสามารถของระบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มคนแรกเป็นมือสังหารฉาบพิษ หญิงสาวคนที่สองมีความสามารถเชื่อมจิต ส่วนซูฉินซึ่งเป็นคนที่สามเป็นนักรบดาบ บคู่
สิ่งที่มีส่วนช่วยต่อลู่เซิ่งค่อนข้างมากก็คือ เส้นทางที่นักรดาบคู่ของซูฉินเดินเป็นเส้นทางไนท์เอล์ฟ สามารถอ อาศัยพลังของแสงดาวระเบิดอานุภาพออกมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้
เขาดูดซับพลังดวงดาวมาจากโลกบรรพกาล แต่แสงดาวของที่นี่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
แสงดาวของไนท์เอลฟ์หมายถึงพลังงานแสง
พวกเขาสามารถดูดซับแสงดาวที่คงอยู่ทุกที่มาเก็บไว้ได้ตลอดเวลาด้วยวิธีการพิเศษ จากนั้นก็เรียกใช้ตอนไหนก็ได้ตา ามความต้องการ
สิ่งที่ลู่เซิ่งสนใจมากก็คือวิธีการเก็บแสงดาว วิธีการแปลงพลังงานแสงที่บริสุทธิ์นี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เขาอ อย่างมหาศาล
ส่วนวิธีการที่เทพเจ้าแสดงระบบพลังงานจากโลกต่างๆ ออกมาให้เห็นก็ทำให้เขาเกิดความคิดไม่น้อยเช่นกัน
ทางพวกซูฉินได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกัน
บ้างก็วิชาได้รับการปรับปรุง บ้างก็ขอบเขตวิชาได้รับการชี้แนะจนยกระดับขึ้น
ส่วนลู่เซิ่งก็มีความเข้าใจที่ล้ำลึกกว่าเดิมต่อชีวิตที่หกหรือไขสมองอันเป็นระดับชั้นต่อไป
โดยเฉพาะความสามารถของหญิงสาวพลังจิตคนนั้น เธอทำให้เขาเกิดความเข้าใจต่อการทำงานของพลังงานทางด้านนี้ดีขึ้น
หลังออกจากฐานทัพ ลู่เซิ่งก็รีบประกาศกักตน
พวกซูฉินแยกย้ายกลับที่พักแล้วเก็บตัวเพื่อย่อยสิ่งที่ได้รับมา
หลายวันต่อจากนั้น…
ด้านในโรงแรมคาเปล่าที่อยู่ใกล้โถงเก้าชีวิต
ซูฉินนั่งอยู่ข้างหน้าต่างขณะกระดกเบียร์กระป๋องหนึ่ง สีหน้าผ่อนคลายอย่างหาได้ยาก
เต๋อเอิ้นกับหญิงสาวพลังจิตอีกคนนั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกในห้องของเธอ คนหนึ่งเล่นโทรศัพท์ คนหนึ่งอ่านหนังสือ อเก่าในมืออย่างเบื่อหน่าย
“เพิ่งได้รับการแจ้งเตือนมาว่าอีกสองทีมได้เข้าสู่สนามแล้ว” ซูฉินกล่าวอย่างราบเรียบ
“สองทีมไหนเหรอ” เต๋อเอิ้นเงยหน้าถาม
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กำยำคนนี้เป็นพี่ใหญ่ของทีม ตำแหน่งและวาจาสิทธิ์เป็นรองเพียงซูฉิน บารมีก็เช่นเดียวกัน น
“เทวทูตกับปีศาจ…” ซูฉินกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“หา?!”
พวกเต๋อเอิ้นหน้าเปลี่ยนสี เกือบจะทะลึ่งลุกขึ้นจากโซฟา
“ก่อนหน้านี้ทีมกระบี่กางเขนของยุโรปลงสนามยังพอว่า ตอนนี้เทวทูตกับปีศาจก็เข้าสนามมาแล้วเหมือนกันเหรอ พวกเราจ จะทำยังไงดี”
บัดนี้ใบหน้าที่เสียเลียดจนซีดขาวของเต๋อเอิ้นขาวซีดยิ่งกว่าเดิม
“ตามการจัดการของเทพเจ้า” ซูฉินก็มีสีหน้าไม่น่าดูเช่นกัน “พวกเรายังไม่มีสิทธิ์เผชิญหน้ากับทีมเทวทูตและทีมปีศา าจ พวกเราน่าจะเข้ามาในการต่อสู้ของพวกเขาโดยบังเอิญ ทีมเทวทูตและปีศาจจะดำเนินการต่อสู้เล็กๆ ครั้งหนึ่งทุกๆ ช่วงเว วลาหนึ่ง มีสมาชิกให้สับเปลี่ยนเยอะมาก”
“บางทีพวกเราอาจกลายเป็นตัวกันกระสุนให้สมาชิกที่สองทีมคัดเลือกแล้วก็ได้” หญิงสาวพลังจิตคนนั้นอดเดาไม่ได้
“มีความเป็นไปได้นี้เหมือนกัน” ซูฉินพยักหน้า “ถ้าเป็นพวกเขา ตามธรรมเนียมของเทพเจ้าที่จะจัดแบ่งสถานะตามพลัง พวกเข ขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ น่าจะพากันเข้าสองขุมกำลังใหญ่โดยตรง”
“ชาถีบอกว่าเขาจะไปหาข่าวสำคัญด้านนอก” สาวพลังจิตว่า
“เชื่อมต่อกับเขา” ซูฉินพยักหน้า
ไม่นานเสียงผู้ชายที่แหบพร่าอยู่บ้างก็ดังเข้าหูของพวกเธอ
“ครั้งนี้นอกจากพวกเรา ยังมีทีมอีกห้าทีมเข้าร่วมด้วย สิ่งสำคัญที่สุดในโลกของโครงเรื่องสงครามการทำลายดาวคือต ตัวละครหลักซีฟอร์ด เรดดี้ เขาจะได้รับพลังมายาลวงหลอก ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่เขาจะใช้กลับบ้านเกิดเพื่อแก้แค้น ดังนั้น…”
“ดังนั้น ข้างกายซีฟอร์ด เรดดี้จะต้องมีคนอยู่แน่ เป็นไปได้มากกว่าทีมกระบี่กางเขนจะเข้าร่วมกับสองทัพใหญ่เหมือ อนทีมเทวทูตและทีมปีศาจแล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงการรับมือ ต้องทำภารกิจหลักให้สำเร็จ ถึงจะได้รับของรางวัลใหญ่” ซูฉิ นคาดการณ์
“รอเดี๋ยว” ชายนักฆ่าที่เชื่อมต่อพลันชะงัก “ฉันได้กระดาษแผ่นเล็กแผ่นหนึ่ง ทีมเทวทูตเชิญทุกคนไปเจอกัน หัวหน้า คุณเห็นด้วยไหม”
ซูฉินนิ่งไปสักพัก
“ใช้วิธีอะไร”
“เทพเจ้าฉายโฮโลแกรม เซ็นสัญญารักษาความลับ คะแนนศักยภาพที่เสียไป ทีมเทวทูตจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด” นักฆ่ารีบตอบ
ซูฉินผุดสีหน้าเหยเกทันที
เธอไม่ใช่แค่หัวหน้าทีมเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเป็นมันสมองของกลุ่มด้วย พอได้ยินข่าวที่นักฆ่าบอก เธอก็ใช้ความค คิด ก่อนจะนึกถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง
“พวกเรา…อาจจะความแตกแล้วก็ได้…” ซูฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
คนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
…
ลู่เซิ่งทิ้งเรื่องของทีมเทพเจ้าอย่างพวกซูฉินไว้ก่อน
หลังจากทราบว่าอีกหนึ่งปีจะเกิดสงครามทำลายดาว ในที่สุดเขาก็เจียดเวลามาจัดการความสัมพันธ์ในครอบครัวของหวังมู่
ไม่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะจัดการภัยพิบัตินี้ได้หรือไม่ ก็ต้องหาทางถอยให้คนรอบตัวไว้ก่อน
อันดับแรก คือพ่อแม่ของหวังมู่
ไม่ว่าหวังมู่จะมีความทรงจำอย่างไรต่ออีกฝ่าย อย่างไรเรื่องแบบนี้มักจะมีอคติส่วนตัวปนอยู่ด้วย ตอนนั้นใครเป็นคน นผิดกันแน่ ลู่เซิ่งวางแผนจะไปติดต่อด้วยตัวเองดู จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะหาทางถอยให้พ่อแม่ของหวังมู่ไหม
ไม่อย่างนั้น เกิดเป็นตัวหวังมู่เข้าใจคนอื่นผิดเพราะอคติเกินไปเอง ก็คงจะน่าเสียดายเกินไป