ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1052 ความสัมพันธ์ครอบครัว (2)
พ่อของหวังมู่ชื่อหวังอวี๋หมิน หลังจากหย่าไปหลายปี ก็สร้างครอบครัวใหม่ ตอนนี้มีลูกสาวสองคน
ตัวเขานับว่าทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เปิดบริษัทอินเทอร์เน็ตขึ้น และได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เมืองใกล้ๆ ถือว่าล ลงหลักปักฐานแล้ว
หลังจากลู่เซิ่งสั่งให้โถงเก้าชีวิตตรวจสอบข้อมูลของหวังอวี๋หมินเสร็จ ก็กำชับให้ทุกคนค้นหาหินกิเลนสุดกำลังต่อ อไป ส่วนตัวเองมุ่งหน้าไปยังเขตอยู่อาศัยที่หวังอวี๋หมินอยู่
…
“ที่นี่เหรอ”
ลู่เซิ่งพลิกมือปิดประตูรถ แล้วเงยหน้ามองเขตเล็กๆ ตรงหน้า
‘เขตเหออ้าย’ ชื่อเขตแขวนอยู่บนประตูทางเข้าออกที่เก่าคร่ำคร่าเล็กน้อย
ในเขตคือตึกอยู่อาศัยแบบเก่าแก่สูงสิบชั้น
ผู้อยู่อาศัยที่เข้าออกส่วนใหญ่เป็นลุงๆ ป้าๆ เห็นผิวผนังที่เป็นรอยด่างและหลุดร่อนออกจากผนังกำแพงเขตรวมถึงผนั งห้องได้เป็นระยะ
‘ดูเหมือนจะเก่าแก่มาก’
ลู่เซิ่งจัดชุดเสื้อผ้า
“พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ เคลื่อนไหวได้ตามใจ ไม่ต้องสนใจฉัน” เขาสั่งศิษย์เก้าชีวิตที่อยู่ด้านหลัง
“การได้ทำงานเพื่อประมุขโถงเป็นความโชคดีสูงสุดของพวกเรา” ศิษย์หลายคนประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนหมุนตัวขั บรถจากไป
ลู่เซิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา
ตามการนัดหมาย อีกฝ่ายน่าจะมาถึงแล้ว
“ทางนี้ๆ” ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงเสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านข้าง
เขามองตามเสียงไป เห็นหญิงสาวผมยาวสวมเสื้อยืดเปลือยไหล่สีเขียวและกระโปรงสั้นสีขาวคนหนึ่งโบกมือให้เขาจากทาง งขวาของประตูเขต
หญิงสาวหน้าตาค่อนข้างดี เสื้อยืดค่อนข้างเข้ารูป ขับเน้นทรวงอกตระหง่าน โชว์สะดือขาวและสองขาเรียวยาวขาวนวล ขา าวเสียจนทำให้ตาลายภายใต้แสงอาทิตย์
“พี่ ทางนี้ค่ะ” หญิงสาวโบกมือให้ลู่เซิ่ง
เธอคือหวังรั่วจิ้ง หรือก็คือลูกสาวของลุงสอง ขณะเดียวกันยังเป็นญาติที่รู้ด้วยว่าลู่เซิ่งไม่ธรรมดา
ลู่เซิ่งเดินไปหา วันนี้เขาแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์ขายาว ดูเหมือนนอกจากหุ่นที่ล่ำสันไปห หน่อยแล้ว ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากหวังมู่คนก่อน
“ที่นี่คือที่อยู่ของลุงสี่ ครั้งก่อนพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ค่ะ” หวังรั่วจิ้งอธิบายเบาๆ
“พี่ไม่ได้เจอลุงสี่มานานขนาดไหนแล้วคะ”
“ไม่รู้สิ หลายปีแล้วมั้ง” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ ภาพความทรงจำของหวังอวี๋หมินในความทรงจำของหวังมู่พร่ามัวมา าก สิ่งที่จำได้เพียงหนึ่งเดียวคือ ความแน่วแน่ที่จะทิ้งลูกตอนหย่าของอีกฝ่าย
“พวกเราจะไปบ้านลุงสี่เลยไหมคะ” หวังรั่วจิ้งถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้อง ดูอยู่นอกหน้าต่างก็พอ ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“อย่างนั้น…พวกเราไปที่สวนกันค่ะ ลุงสี่มักจะมาเดินเล่นพร้อมกับ…น้องสาวสองคนของพี่” หวังรั่วจิ้งกล่าวอย่าง ระวัง
“ได้”
ลู่เซิ่งพยักหน้า
จากนั้นทั้งสองก็แยกกันเป็นหนึ่งหน้าหนึ่งหลังเดินเข้าไปในเขต
ในเขตเต็มไปด้วยคนแก่ที่มีอายุค่อนข้างมาก นอกจากคนแก่แล้วก็มีแต่เด็กๆ
ในลานมีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ด้านในมีศาลาหลังเล็กที่ให้คนพักผ่อนอาบแดด
หวังรั่วจิ้งพาลู่เซิ่งเดินไปนั่งในศาลาเล็กๆ หลังหนึ่ง
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร
ความจริงหวังรั่วจิ้งมีความรู้สึกลึกลับและความยำเกรงที่อธิบายไม่ถูกต่อลูกผู้พี่หวังมู่มาโดยตลอด
หลังจากครั้งก่อนที่ลูกผู้พี่ถูกเหล่าชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมพาไป เธอกับลูกผู้น้องหวังจื่ออวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไรกันอ อีก ต่อมาเธอยังได้คุยกับลูกผู้น้อง แล้วเดาว่าหวังมู่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลห้องสมุดแค่เพียงฉากหน้า ความจริง งเป็นมาเฟีย
จากนั้นหวังจื่ออวิ๋นก็ถูกรถชน
หลังเกิดเรื่อง สิ่งที่ประหลาดมากก็คือ ค่าชดเชยมาตรงเวลามาก แถมอีกฝ่ายยังอาสาพามาส่งโรงพยาบาลเอง
ตอนแรกคนขับผู้ก่อเรื่องหนีไปแล้ว ต่อมากลับเข้ามอบตัว ว่ากันว่าเกิดความรู้สึกผิด เลยสารภาพกับตำรวจอย่างหมดเป ปลือก
ทุกอย่างนี้ราบรื่นจนเหมือนจงใจอยู่บ้าง
มาถึงตอนนี้ คนที่รู้ความลับของหวังมู่เหลือแค่เธอคนเดียว
หวังรั่วจิ้งนั่งข้างลู่เซิ่งอย่างกระวนกระวาย
ลู่เซิ่งนั่งบนม้านั่งหินอย่างสงบนิ่งเป็นพิเศษขณะมองดูคนแก่และเด็กที่เดินไปเดินมาในเขต
“คือว่า…พี่มู่มู่…ตอนนี้พี่ ยังอยู่ที่ห้องสมุดไหมคะ” หวังรั่วจิ้งถามเสียงแผ่ว
“อื้อ ยังอยู่” ลู่เซิ่งพยักหน้า “วันๆ ก็คอยจัดหนังสือ งานถือว่าสบาย” ตอนนี้ศิษย์แกนหลักต่างก็สำเร็จการศึกษาแ แล้ว พี่น้องไป๋จวิ้นเฉิงฝึกฝนวิชาต่อสู้แบกภาระสำเร็จ ส่วนอันซาและหงซื่อได้ไปถึงระดับแรกของวิชาเกลียวเก้าชีวิ ตแล้ว
ทุกอย่างเข้าสู่ครรลองที่ถูกต้อง ลู่เซิ่งเลยโยนงานหยุมหยิมทั้งหมดให้ศิษย์แกนหลักจัดการ โดยให้พวกเขาแบ่งงานกั นตามความสามารถ
เขาแค่คอยควบคุมทุกอย่างก็พอ
โถงเก้าชีวิตในปัจจุบันได้กลายเป็นขุมกำลังเอกชนระดับสุดยอดของจังหวัดอานุสและจังหวัดข้างเคียงไปแล้ว ไม่จำเป็นต ต้องให้เขาคอยเป็นห่วงอีก
“สบายจริงๆ นั่นแหละค่ะ” หวังรั่วจิ้งกล่าวพลางถอนใจ “พี่มีแฟนหรือยังคะ”
“ยังหรอก” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “การดูแลห้องสมุดเป็นงานที่ยุ่งยากมาก ตอนนี้แค่จัดหนังสือฉันก็ยุ่ง พอแล้ว ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนี้หรอก ผู้ชายน่ะควรให้ความสำคัญกับงานมากกว่า”
“พะ…พูดอีกก็ถูกอีกค่ะ…” หวังรั่วจิ้งมุมปากกระตุก ไม่รู้ควรพูดอะไรต่อดี
คุณยังคิดว่าตัวเองกำลังดูแลห้องสมุดอยู่อีกเหรอ...คนที่ไม่รู้คงจะนึกว่าคุณเป็นผู้พิทักษ์ดวงดาว…
“ตอนนี้เธอทำงานอะไรล่ะ” ลู่เซิ่งถาม
“เป็นพนักงานต้อนรับที่โรงแรมแห่งหนึ่งน่ะค่ะ” หวังรั่วจิ้งตอบตรงๆ
“รายได้แต่ละเดือนพอใช้ไหม”
“พอได้ค่ะ…ตัดค่าเช่าห้องไป ที่เหลือก็พอได้ พี่เองก็คงรู้ ฉันเป็นผู้หญิง ต่อให้จากนี้แต่งงาน ก็ไม่ถึงกับ ให้ฉันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน แค่ดูแลตัวเองได้ก็ไม่เลวแล้ว” หวังรั่วจิ้งแลบลิ้น
“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าไร้อารมณ์
“ยี่สิบหก…ทำไมเหรอคะ”
“วันหลังอย่าแลบลิ้น อายุเธอจะเข้าเลขสามแล้วนะ ต่อให้ทำตัวไร้เดียงสา คนอื่นก็ไม่คิดว่าเธออายุสิบแปดหรอก” ลู เซิ่งเตือนอย่างจริงใจ
“…”
หวังรั่วจิ้งอยากต่อยหน้าหวังมู่สักหมัด
“พวกเราต้องรอนานขนาดไหน” ลู่เซิ่งมองรอบๆ
“น่าจะใกล้แล้วค่ะ…ปกติพวกเขาจะออกมาเดินเล่นเวลานี้”
หวังรั่วจิ้งข่มความเอือมระอา ก่อนมองซ้ายมองขวา ไม่นานก็เห็นเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้นตรงมุมหนึ่ง
“เห็นทางนั้นไหมคะ” เธอชี้เด็กผู้หญิงคนนั้น
ลู่เซิ่งมองตามไป เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมศาลา กำลังนับมดอยู่
เด็กผู้หญิงมีส่วนคล้ายเขาอยู่บ้าง มัดผมเป็นหางม้า สวมกระโปรงสีดำ ใส่ถุงน่องขาว และรองเท้าหนังสีแดง
นอกจากผิวที่ไม่ค่อยขาวนัก ที่เหลือก็นับว่าน่ารัก ให้ความรู้สึกไร้เดียงสา
“เธอชื่อหวังอันอัน เป็นน้องสาวต่างแม่ของพี่” หวังรั่วจิ้งอธิบาย “จะไปทักทายไหมคะ”
“หวังอวี๋หมินไม่น่าจะอยากให้ฉันเข้าไปยุ่งกับชีวิตของเขา ฉันไม่อยากจะสร้างผลกระทบให้พวกเขาเหมือนกัน แค่ดูเ เฉยๆ ก็พอ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ
“แล้วพี่จะมาที่นี่ทำไมคะ” หวังรั่วจิ้งถามอย่างประหลาดใจ
“ฉันจะทำเรื่องบางอย่าง เลยจำเป็นต้องดูว่าหวังอวี๋หมินเป็นคนแบบไหนกันแน่” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ก็ได้ค่ะ…” แม้จะไม่รู้ว่าลู่เซิ่งคิดทำอะไร แต่หวังรั่วจิ้งยังคงอดทนรอเป็นเพื่อนเขาต่อไป
เธออยากจะทำความเข้าใจลูกผู้พี่ที่ลึกลับคนนี้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
หวังอันอันเล่นกับพวกมดอยู่สักพัก ก็มีหญิงวัยกลางคนที่สวมตุ้มหูไข่มุกสีดำเดินมาก้มเอวพูดกับเธอ
“เธอคือภรรยาคนที่สามของลุงสี่ จ้าวซินเหม่ย” หวังรั่วจิ้งแนะนำ
“คนที่สามหรือ”
“ค่ะ” จากนั้นหวังรั่วจิ้งก็ชี้ชายชราผมหงอกที่เพิ่งเดินออกมาจากหัวโค้งไม่ไกลออกไป
“อ้าว ลุงสี่มาโน้นแล้วค่ะ”
ลู่เซิ่งเลื่อนสายตาไป ก่อนจะจำได้ทันทีว่า ชายชราคนนั้นเป็นชายชราบนถนนที่เขาได้เจอเมื่อก่อนหน้านี้
เขายังคงสวมเสื้อไหมพรมถักสีเหลือง ใส่สร้อยข้อมือ ไม่ต่างอะไรกับคนแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบปี
ยากจะจินตนาการว่าเขาเพิ่งอายุหกสิบต้นๆ
ลู่เซิ่งมองเขาเงียบๆ
หวังอวี๋หมินเหมือนจะสังเกตเห็นชายร่างบึกบึนที่มองเขาอยู่เช่นกัน
สายตาของเขาจับมาทางนี้อย่างรวดเร็ว พอเห็นลู่เซิ่งเขาก็อ้าปากค้าง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินมาหาลู่เซิ่งอย่างไ ไม่ลังเล
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้น
หวังรั่วจิ้งลุกตาม
“ลุงสี่คะ” เธอเรียกอย่างกระวนกระวายใจ
หวังอวี๋หมินพยักหน้าน้อยๆ แต่สายตายังจับอยู่ที่ตัวลู่เซิ่ง
ภรรยาและลูกสาวด้านหลังเขาตามมา เด็กสาวอายุสิบห้าปีคนนั้นจับมือแม่ของเธอไว้แน่น เหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่าเกิ ดอะไรขึ้น ปากแดงจิ้มลิ้มอ้าเล็กน้อย จับมือผู้เป็นแม่แรงเกินไปจนข้อนิ้วตัวเองซีดเซียว
ลู่เซิ่งเดินออกจากศาลามาเผชิญหน้ากับหวังอวี๋หมินที่เข้ามาใกล้
ทั้งสองหยุดลงโดยไม่ได้นัดหมายกันตอนอยู่ห่างกันสองเมตร
“เธอ…เธอคือ…!?” หวังอวี๋หมินเหมือนจะตื่นเต้นอยู่บ้าง
“ไม่ได้เจอพ่อมานาน ก็เลยมาดู” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
สีหน้าของหวังอวี๋หมินฉายอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก มีทั้งความตื่นเต้น ความยินดี ความละอายใจ แต่ส่วนใหญ่เป็นอาการรับม มือไม่ทัน
“พ่อ…น้องของลูก ก็อยู่เหมือนกัน…” เขาดึงเด็กผู้หญิงด้านข้างเข้ามา “อันอัน มานี่สิ รีบเรียกพี่เร็ว เขาเ เป็นพี่ลูก”
หวังอันอันงุนงงงอยู่บ้าง ตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วขณะ
ลู่เซิ่งมองหญิงงามที่ทำท่าเคร่งเครียดด้านหลังหวังอวี๋หมิน พอจะทราบความกระอักกระอ่วนของสถานการณ์บ้างแล้ว
“ช่างเถอะ เหมือนผมจะมากะทันหันเกินไป ต่อจากนี้ถ้ามีเวลาค่อยมาหาก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งตอบเรียบๆ
หวังอวี๋หมินอ้าปากอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด เพียงมองดูลู่เซิ่งจากไปช้าๆ อย่างเงียบเชียบ
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของภรรยาที่เพ่งมองมายังตัวเอง
ดังนั้นแม้จะรู้สึกผิดและรู้สึกติดค้างหวังมู่ขนาดไหน เขาก็ขอให้ลูกชายอยู่ด้วยไม่ได้
ถ้าเป็นหลายปีก่อน เขาอาจมีความกล้าเอ่ยปากยอมรับ
แต่ตอนนี้บริษัทมีสภาพไม่ดี ความสามารถด้านการเงินไม่เพียงพอ เขารู้ถึงสภาพของหวังมู่เช่นกัน เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ ดูแลห้องสมุดธรรมดา เงินเดือนไม่สูง วันหน้าต้องแต่งงานมีลูกและยังต้องซื้อบ้าน ทุกอย่างต่างก็ใช้เงิน
ถ้า…เขาจ่ายเงินให้ลูกเยอะขนาดนี้ ลูกสาวและภรรยาในตอนนี้จะเป็นยังไง
“พี่” หวังรั่วจิ้งทนดูต่อไปไม่ได้ รีบตามลู่เซิ่งไป
ภาพนี้เป็นภาพที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึง ในความทรงจำของเธอ หวังอวี๋หมินเป็นผู้อาวุโสที่เป็นมิตรน่าคบหา มากคนหนึ่ง เขาให้ความสำคัญกับครอบครัว แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะทำตัวน่าทุเรศขนาดนี้
ลูกชายแท้ๆ ของตัวเองอยู่ตรงหน้า แต่แค่เอ่ยปากยอมรับยังไม่กล้า
หวังรั่วจิ้งไล่ตามไปพลางกัดฟันไปพลาง พร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเบอร์ศัพท์เบอร์หนึ่ง