ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1057 ปะทะ (1)
พรวด!
ในห้องรับแขกของโรงแรมแห่งหนึ่ง
ชายผมขาวที่นั่งอยู่บนเตียงกระอักเลือดออกมา
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ใช้ผ้าสีดำพันตั้งแต่หัวจรดเท้าไว้อย่างแน่นหนา บนตัวยังสวมเครื่องประดับที่แวววาวไว้หลา ายอย่าง ไม้เท้าหัวกะโหลกอันหนึ่งพาดอยู่ตรงปลายเตียง
“เพลิงนรกอัญเชิญของฉันถูกกำจัดแล้ว” เขาผุดสีหน้าเหยเก
ชายผมทองใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งที่สวมเสื้อสีขาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงมุมห้อง
“เพลิงนรกของคุณเป็นสัตว์อัญเชิญใช้แล้วทิ้ง พลังอยู่ในระดับ D เป็นอย่างต่ำ ทำไมถึงถูกจัดการง่ายๆ แบบนี้ ตาม มเรื่องราว หวังมู่นั่นจะอยู่แค่ระดับ C เป็นอย่างมากสุดนี่”
“ตามตรรกะ มารร้ายของกองทัพเพลิงผลาญรับมือยากถึงขีดสุด สามารถสู้ข้ามระดับได้ แต่ถ้ามียอดฝีมือคนอื่นสอดมือก็ ไม่แน่แล้ว” ชายผมขาวเอ่ยเสียงแหบพร่า “พอทางหัวหน้าส่งสัญญาณมา ฉันก็ลงมือทันที จนกระทั่งเพลิงนรกที่อัญเชิญอ ออกมาถูกกำจัด ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกินสองนาที”
“หัวหน้าล่ะ ถ้ากลับมาได้ก็ไม่มีปัญหา” ชายผมทองเอ่ยเสียงทุ้ม
“ไม่ต้องรีบร้อนไปไมโล” ชายผมขาวเช็ดเลือดสีเขียวตรงมุมปาก “ตอนนี้ดูเหมือนเป็นไปได้มากว่าโถงเก้าชีวิตนี่จะไม่ใ ใช่โถงเก้าชีวิตในเรื่องราวเดิม แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง พวกเราจะมุทะลุเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ครั้งนี้ฉันไม่ใจร้อนหรอกน่า” ไมโลเอ่ยเสียงเย็นชา
“รอนพูดถูกแล้ว ไมโล พวกเราจะวู่วามไม่ได้”
ทันใดนั้นหน้าต่างก็เปิดออก ลมอ่อนๆ หอบหนึ่งพัดโชยเข้ามา
ลมไร้รูปร่างหมุนวนและรวมตัว ก่อนกลายเป็นร่างงามที่สมบูรณ์แบบระหว่างคนทั้งสองด้วยความเร็วสูง
ไป๋ซ่งเตี๋ยเพิ่งโผล่มาก็ตัวอ่อนยวบ เลือดไหลออกจากปากและจมูก ร่างในชุดกี่เพ้าเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้และคราบเล ลือด ดูทุลักทุเลกว่าก่อนหน้าไม่รู้เท่าไหร่
“หัวหน้า!”
“เสี่ยวเตี๋ย ไม่เป็นไรใช่ไหม!?”
ชายทั้งสองคนรีบพุ่งเข้าไปประคองคนละข้าง
“หวังมู่นั่นไม่ธรรมดาเลย” ไป๋ซ่งเตี๋ยกลืนเลือดอย่างยากลำบากขณะถูกประคองไปนั่งบนเก้าอี้
“พวกเราถอนกำลังออกจากที่นี่ทันที” เธอกล่าวเสียงรีบร้อน
“ตอนนี้เลยเหรอ หวังมู่นั่นแข็งแกร่งขนาดทำร้ายหัวหน้าจนกลายเป็นแบบนี้ได้เลยเหรอเนี่ย” ชายผมขาวสงสัยอยู่บ้าง ง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“เขามีวิธีสะกดความสามารถของฉันโดยเฉพาะ ฉันประมาทเอง…ดีที่สุดท้ายแล้วรอนมารับ ไม่งั้นครั้งนี้ได้ล้มเหลวจริ งๆ แน่” ไป๋ซ่งเตี๋ยกล่าวอย่างยากลำบาก
“ทางทีมที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะทำยังไง”
“ไม่ต้องสนใจพวกมัน ครั้งนี้จะมีทีมสิบทีมลงสนามเพราะเทวทูตกับปีศาจ พวกเราแค่เกิดความขัดแย้งในภารกิจกับทีมร้อ องเล่นเต้นรำเท่านั้น เดี๋ยวจะมีทีมอีกทีมลงมายังดาวเคราะห์ดวงนี้” ไป๋ซ่งเตี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ยิ่งลงสนามช้า พลังส่วนตัวก็ยิ่งแข็งแกร่ง เทวทูตกับปีศาจเป็นข้อยกเว้น แต่ทีมอื่นๆ ต่างเป็นไปตามกฎนี้ ถึงเวลา ค่อยปล่อยพวกกระดูกแข็งนี่ไปให้พวกเขาจัดการ”
“เข้าใจแล้ว” อีกสองคนกระจ่างแจ้ง
“แต่…ฉันเสียท่าขนาดนี้ ถ้าไม่ตอบแทนกันหน่อยไม่ใช่ฉัน” ไป๋ซ่งเตี๋ยหัวเราะเย็นชา
“คุณคิดจะทำอะไร” ไมโลถามเสียงแผ่ว
“พวกเรามีไอ้นั้นอยู่หลายแท่งไม่ใช่เหรอ” ไป๋ซ่งเตี๋ยสีหน้าอึมครึมลง “ทิ้งไปสักสองสามแท่ง ลองดูผลลัพธ์ของมัน”
ไมโลสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รอนที่อยู่อีกด้านก็มีสายตาซับซ้อนเช่นกัน
ของสิ่งนั้นเป็นวัตถุพิเศษ ที่พวกเขาต้องใช้ความพยายามเลือดตาแทบกระเด็น โดยต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลจากช่องว่างโคร รงเรื่องกว่าจะได้มา
ถ้าหากใช้ไปชิ้นหนึ่ง เป็นไปได้ว่าอาจจะแก้แค้นได้จริงๆ แต่…
“ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมฉัน ฉันตัดสินใจแล้ว” ไป๋ซ่งเตี๋ยเอ่ยเสียงเย็น
เธอขยับมือ กลางฝ่ามือมีหลอดทดลองสีเงินอ่อนเพิ่มมาแท่งหนึ่ง ในหลอดทดลองบรรจุของเหลวสีเงินที่หมุนวนอย่างต่อเ เนื่องไว้เต็ม
“ฉันอยากจะเห็นว่าแกจะทำยังไง” ไป๋ซ่งเตี๋ยกำหลอดทดลองไว้เบาๆ “ไปเถอะ”
พวกไมโลติดตามไป ทั้งสามออกจากห้องพร้อมกัน
ไป๋ซ่งเตี๋ยโยนหลอดทดลองเข้าไปในห้องตอนปิดประตู
หลอดทดลองถูกเหวี่ยงขึ้นสูง ก่อนจะหล่นลงพื้นส่งเสียงดังติ๊ง
ของเหลวด้านในไหลออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วระเหยไอสีเงินกระจายไปทั่วในอากาศ
…
“หือ” ลู่เซิ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิปรับลมหายใจพลันลืมตาขึ้น เหมือนสังหรณ์ได้ว่ามีเรื่องที่ไม่ปกติบางอย่างกำลัง งจะเกิดขึ้น
หลังจากมาถึงขอบเขตของเขา พลังสัมผัสต่อทุกสิ่งรอบตัวจะไปถึงขั้นเหนือจินตนาการของคนธรรมดา
ในข้อมูลทางการสัมผัสที่สภาพแวดล้อม ธรรมชาติ และจักรวาลป้อนมาให้เขาอย่างต่อเนื่อง บ่อยครั้งจะมีเบาะแสที่เร้นลับ บถึงขีดสุดและเกี่ยวข้องกับตัวเองซุกซ่อนอยู่
และบางครั้งจิตใต้สำนึกที่แข็งแกร่งก็จะวิเคราะห์ข้อมูลพวกนี้ออกมาแล้วเตือนสมองหลักของเขา
นี่ก็คือลางสังหรณ์
ทุกสรรพสิ่งต่างก็เกี่ยวโยงกัน ความสามารถรู้ทุกสิ่งจากเรื่องเล็ก รู้ฤดูจากใบไม้คือการเปลี่ยนแปลงที่ความสามารถ ในการสัมผัสบรรลุถึงขีดสูงสุดระดับหนึ่ง
ลู่เซิ่งลุกขึ้นช้าๆ ในห้องพักผ่อนสีดำที่กว้างขวาง
“มีใครอยู่บ้าง” เขารู้สึกความเร็วในการเต้นของหัวใจเกิดความผิดปกติ คล้ายมีเรื่องที่อันตรายถึงขีดสุดกำลังเกิดข ขึ้น
ศิษย์โถงเก้าชีวิตคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา
“ประมุขโถงมีคำสั่งอะไรครับ”
“เรียกเว่ยเจินอวี๋มาที” ลู่เซิ่งกล่าวเรียบๆ
ตอนนี้เว่ยเจินอวี๋เป็นผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบหน่วยรักษาความปลอดภัยภายใน
หน่วยรักษาความปลอดภัยภายใน เป็นหน่วยงานที่ดูแลครอบครัวของสมาชิกแกนกลางในโถงเก้าชีวิต
ตอนแรกไป๋จวิ้นเฉิงและและเว่ยหานตงเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่นี่ แต่นับตั้งแต่ลูกผู้น้องถูกรถชนเมื่อครั้งก่อน ลู่ เซิ่งก็ได้โอนความรับผิดชอบไปให้เว่ยเจินอวี๋จัดการ
เธอละเอียดรอบคอบ ไม่มีความทะเยอทะยานและความก้าวร้าวมากเกินไป หากยึดตามสภาพปัจจุบัน การให้เธอปกป้องการส่งกำลัง บำรุงถือว่าเหมาะสมอย่างมาก
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที
ร่างของเว่ยเจินอวี๋ก็โผล่ขึ้นหน้าประตูห้องพักผ่อน
“อาจารย์ เรียกฉันเหรอคะ” เธอแต่งตัวเหมือนนักเรียนมัธยม ใส่เสื้อแขนสั้นสีเทาและกางเกงขาสั้นสีดำ เผยขาอ่อนขาว กระจ่าง ม้วนผมสีน้ำตาลเป็นลอน แต่งหน้าอ่อนๆ มองไปเหมือนสาวสวยนำแฟชั่น
คงไม่มีใครนึกออกว่า หญิงสาวคนนี้จะเป็นหัวหน้าที่รับผิดชอบหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในของบริษัทโถงเก้าชีวิต
“ช่วงนี้ทางครอบครัวฉันเป็นยังไงบ้าง” ลู่เซิ่งถาม
“ไม่มีความผิดปกติใดๆ ค่ะ” เว่ยเจินอวี๋รีบตอบ “พ่อแม่ของอาจารย์ยังคงทำงานและกลับบ้านพักผ่อนเหมือนเดิม ไม่ได้ไปเท ที่ยวที่ไหนเลย ส่วนทางญาติคนอื่นๆ ของอาจารย์ ลุงสองเพิ่งออกจากดาวแฝดคู่ไปดาวเทียมที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนคนอื่นๆ ท ทำงานกันตามปกติค่ะ”
“ไม่มีอะไรให้จับตาดูเป็นการพิเศษเลยเหรอ” ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ” เว่ยเจินอวี๋ยืนยัน
“แล้วสมาชิกแกนกลางคนอื่นๆ ล่ะ” ลู่เซิ่งเชื่อว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่ผิดแน่
“ก็ปกติทุกอย่างเหมือนกัน…” เว่ยเจินอวี๋ยังไม่ทันพูดจบ หูฟังในหูก็พลันส่งเสียง
เสียงของเธอชะงักไป ฟังไปฟังมา สีหน้าก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น
“เกิดเรื่องแล้วค่ะอาจารย์” เธอรีบบอก “เพิ่งได้รับข่าวว่า เกิดปรากฏการณ์สภาพจิตผิดปกติขนาดใหญ่ขึ้นในร้านค้าแ แห่งหนึ่งของตัวเมือง ผู้คนคลั่งขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ทั้งยังกัดและร้องตะโกนใส่คนรอบๆ อย่างขาดสติด้วย”
“หือ?”
ลู่เซิ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เหมือนจะเกิดขึ้นเหมาะเจาะเกินไป
“ยืนยันแล้วค่ะว่ามีไวรัสชนิดใหม่ตัวหนึ่งกำลังแพร่ระบาดเฉียบพลัน ในนี้มีศิษย์คนหนึ่งของโถงเกาชีวิตอยู่ด้วย ” เว่ยเจินอวี๋รีบกล่าว “เขาเป็นคนที่ไปดูแลกฎระเบียบเมื่อก่อนหน้านี้ เพียงแต่ถูกฝูงชนพุ่งใส่โดยไม่ทันตั้งตัว เ เขาออมพลังไว้เพราะไม่อยากสร้างความหวาดกลัว สุดท้าย…ถูกคนกัดผิวทะลุ จากนั้นก็เกิดปัญหา…”
“คนล่ะ พาฉันไปดูหน่อย” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงทุ้ม เขาเหมือนสังหรณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
…
สิบนาทีต่อมา
ด้านในโรงพยาบาลเอกชนที่โถงเก้าชีวิตซื้อไว้แห่งหนึ่ง
ลู่เซิ่งเห็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อในห้องผู้ป่วยโรคร้ายแรงแล้ว
บนเตียงในห้องสีขาวใช้เชือกหนังวัวขนาดเท่าฝ่ามือสิบกว่าเส้นมัดคนไว้หลายรอบ
คนของโถงเก้าชีวิตคนนั้นกำลังร้องโหยหวนและตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง รอบๆ มีหมอและพยาบาลที่กำลังไอหลายคน ช่วยกัน นตรวจสอบค่าต่างๆ ให้เขา
อ๊ากซ์!
เสียงตะโกนเสียดหูยังคงได้ยินอย่างชัดเจน แม้จะมีหน้าต่างและประตูกั้นอยู่
ลู่เซิ่งยืนมองอยู่ตรงประตู เว่ยเจินอวี๋ยืนอยู่ข้างเขา ขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกัน
“ฉันรู้สึกว่าอากาศตรงนี้ผิดปกติอยู่บ้าง” ลู่เซิ่งพูดเสียงทุ้ม
เว่ยเจินอวี๋พยักหน้า
“ฉันก็สัมผัสได้เหมือนกันค่ะ อาจารย์ หรือว่าจะเป็นโรคติดต่อ” เธอถามอย่างสงสัย
“เป็นไปได้ ถ้าติดต่อกันทางอากาศจริงๆ อย่างนั้นต่อจากนี้อาจจะยุ่งยากอยู่บ้าง” ลู่เซิ่งอธิบาย “ไปเถอะ กลับกัน”
เขาหมุนตัว
“อาจารย์ แล้วเขาล่ะคะ”
“หมดทางช่วยแล้ว” ลู่เซิ่งขี้เกียจจะอธิบาย โบกมือแล้วเดินกลับไปเส้นทางขามา
ยิ่งอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าในอากาศมีสิ่งมีชีวิตบางอย่าง คิดจะเข้ามาในเส้นเลือดผ่านรูขู มขนของเขา
ค่อกๆ…ค่อกๆ…
พยาบาลสาวคนหนึ่งที่เดินผ่านเขาพลันไอออกมา
ลู่เซิ่งรู้สึกได้ว่าความรู้สึกผิดปกติรอบๆ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในพริบตา
เขาชะงักฝีเท้า
“เป็นอะไรไปคะ” เว่ยเจินอวี๋ที่อยู่ด้านหลังหยุดตามไปด้วย
“ระวังด้วย” ลู่เซิ่งพลันพุ่งมือออกมาขวางไว้ด้านหน้าเว่ยเจินอวี๋
เปรี้ยง!
พยาบาลที่เพิ่งไอออกมา พลันหมุนตัวอ้าปากพุ่งเข้าใส่เว่ยเจินอวี๋ที่อยู่ใกล้ที่สุด
อ๊ากซ์!
น้ำลายและน้ำมูกของเธอไหลลงตามมุมปากแล้วตกลงพื้น พื้นถึงกับถูกน้ำลายกัดกร่อนจนเกิดเสียงดังฉ่าๆ
ลู่เซิ่งสะบัดมือกระแทกพยาบาลลอยออกไป
“ส่งคนมาคนหนึ่ง” เขาหันไปเรียกคน กลับเห็นหมอหลายคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยไม่ไกลออกไปกำลังกัดกัน คนหนึ่งยัง เป็นหมอปกติ แต่ถูกหมออีกสองคนรุมกัด
เขาส่งเสียงไม่ออกอีกแล้ว เลือดมากมายไหลออกมาจากหลอดลม
“กรี๊ด!”
ด้านนอกโรงพยาบามมีเสียงกรีดร้องเสียดหูดังมา
จากนั้นก็เกิดเสียงรถชนกันดังตูม
ต่อมาก็มีรถหลายคันกดแตรเสียงดังสนั่น
เสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอกไม่หยุด
เว่ยเจินอวี๋สีหน้าเปลี่ยนแปลง ก่อนเข้าไปต่อยใส่ท้องน้อยของพยาบาลอย่างแรง
เกิดเสียงดังเปรี้ยง แต่พยาบาลไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น ร่างท่อนบนของเธอเหมือนทำจากแผ่นเหล็ก ไม่มีประโยชน์ใดๆ
เว่ยเจินอวี๋ไขว้เท้าแล้วฟาดมือใส่ทรวงอกพยาบาลอย่างฉับพลัน
เกิดเสียงดังเปรี้ยง พยาบาลคนนี้ปลิวออกไป กลิ้งไปถึงข้างถังขยะ แต่กลับยังคงส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด หมายจะตะเกียกต ตะกายลุกขึ้นจากพื้น
“ไป” ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ นอกจากศิษย์ในสังกัดโถงเก้าชีวิตแล้ว คนส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มคลั่งขึ้น
ผ่านไปไม่กี่นาทีสั้นๆ ในโรงพยาบาลก็มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากไล่กัดคนที่ยังอยู่ในสภาพดี