ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1058 ปะทะ (2)
ลู่เซิ่งได้กลิ่นแห่งความละโมบที่สับสนจากตัวพวกเขา
เขาสาวเท้าไปด้านหน้า ศิษย์ของโถงเก้าชีวิตพากันตามมาด้านหลัง
พอสมาชิกที่เดิมทีไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินพวกนี้เห็นภาพนี้ก็หน้าซีดทันที
ไวรัสชนิดนี้ไม่ทราบว่ามีอัตราการแพร่เชื้อสูงขนาดไหน ไม่ว่าใครก็กลัวว่าตนจะติดเชื้อไปด้วยหรือไม่
ลู่เซิ่งเปิดประตูดังแกร๊ก เมื่อก้าวเท้าออกไป ด้านหน้าก็มีคนเดินถนนคนหนึ่งพุ่งใส่เขาทันที
เสื้อเชิ้ตบนตัวมนุษย์เงินเดือนที่อายุยังน้อยคนนี้ถูกกัดจนขาดวิ่นเป็นผ้าขี้ริ้ว เผยให้เห็นร่างขยะแขยงสีเทาดำที่เริ่มเน่าเปื่อยข้างใต้
เพิ่งพุ่งเข้ามา ศิษย์คนหนึ่งด้านหน้าเขาก็เตะขาใส่ในแนวขวาง
เกิดเสียงดังเปรี้ยง
ชายคนนั้นปลิวออกไปชนใส่เสาหินตรงประตูโรงพยาบาล กระดูกสันหลังหัก ขยับไม่ได้อีก
“ยังขยับได้อีกเหรอเนี่ย” ศิษย์คนหนึ่งร้องขึ้นอย่างอดไม่ได้
ทุกคนมองตามไป เห็นผู้ชายที่กระดูกสันหลังหักคนนั้นยังคงดิ้นทุรนทุราย คิดจะคลานมาทางพวกเขา
‘นี่กลายเป็นวิกฤติการณ์ทางชีวะไปแล้วเหรอเนี่ย’ ลู่เซิ่งจิตใจหนักอึ้ง นึกถึงทางลุงใหญ่ทันที
“ออกจากที่นี่ เดินเท้า” เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับสาวเท้าไปตามถนนคนเดิน มุ่งหน้าสู่ศูนย์ใหญ่
“ฉันจะติดต่อกับทางตำรวจและกองทัพทันที พวกเขาน่าจะระดมคนมาระงับเหตุได้เร็วที่สุด”
เว่ยเจินอวี๋กล่าวอย่างรวบรัด
“ไม่ต้องรีบร้อน เรียกศิษย์โถงเก้าชีวิตที่ยังสภาพดีอยู่ มารวมตัวกันก่อน รวบรวมผู้รอดชีวิต สร้างป้อมปราการ ตัดขาดกับผู้ป่วย” ลู่เซิ่งรีบสั่ง
ศิษย์ที่ติดตามเขาอยู่ในเวลานี้มีอยู่ราวสิบกว่าคน ต่างก็เป็นคนที่ล่าถอยออกมาจากโรงพยาบาล ทุกคนเห็นเมืองทั้งเมืองตกสู่ความวุ่นวาย คนที่นึกถึงเป็นอย่างแรกไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นญาติสนิทมิตรสหาย
ทุกๆ คนต่างอยากแยกย้ายไปช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อนฝูง ถ้าไม่ใช่ลู่เซิ่งสั่งสมบารมีมานาน เกรงว่ากลุ่มคงแตกไปแล้ว
“คนที่เหลือให้แยกกันปฏิบัติการ ใครอยากจะไปช่วยคนให้ไปซะ” ลู่เซิ่งมองดูนัยน์ตาคาดหวังของเหล่าลูกศิษย์ สุดท้ายก็กล่าวอย่างราบเรียบ
ไม่รอให้ทุกคนแยกย้าย เขาก็เสริมอีกหนึ่งกระโยค
“ฉันให้เวลาพวกเธอสองชั่วโมง พวกที่รอดให้พามารวมกันที่ด้านนอกศูนย์ใหญ่ จำไว้ว่า ห้ามพาผู้ติดเชื้อมา หากพามาจะถูกศูนย์ใหญ่จัดการ”
“ขอบคุณประมุขโถง”
คนสิบกว่าคนต่างอยากกลับบ้าน หลังพากันรับคำแล้ว ก็หมุนตัวแยกย้ายวิ่งไปคนละทิศละทาง
ไม่นานข้างตัวลู่เซิ่งก็เหลือเว่ยเจินอวี๋คนเดียว
เว่ยเจินอวี๋และเว่ยหานตงเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายไปแล้ว ครอบครัวที่เหลืออยู่ในเวลานี้มีแค่ลู่เซิ่งเท่านั้น
ลู่เซิ่งเป็นผู้มอบชีวิตที่สองให้พวกเขา แม้ลู่เซิ่งจะบอกค่าตอบแทนตั้งแต่แรกก็ตาม
แต่มาถึงตอนนี้ ทั้งสองต่างก็เข้าใจดีว่า ด้วยพลังและตำแหน่งของลู่เซิ่ง หากอยากจะหาบริวารนักรบเดนตายเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือแสน
ดังนั้นพวกเขาสองพี่น้องจึงเป็นคนที่จงรักภักดีต่อลู่เซิ่งมากที่สุดในโถงเก้าชีวิต
“ไปเถอะ” ลู่เซิ่งกล่าวพลางหมุนตัว
“ฉันติดต่อกับศิษย์พี่ไป๋และศิษย์แกนกลางคนอื่นแล้ว คนที่ตอบมาในตอนนี้มีแค่ศิษย์พี่หงซื่อและศิษย์พี่อันซา คนอื่นๆ กำลังไปช่วยคนเลยตอบกลับไม่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงบ้าง” เว่ยเจินอวี๋รีบรายงาน พร้อมกับเปิดดูกลุ่มพูดคุยที่เพิ่งส่งข้อความบนโทรศัพท์
“ไม่เป็นไร พวกเรากลับโถงหลักกันก่อน” ลู่เซิ่งพูดเสียงเรียบ
“ทางด้านลุงใหญ่ของอาจารย์…” เว่ยเจินอวี๋อยากพูดอะไรอีก
“หน่วยพลังจิตไปทางนั้นแล้ว” ลู่เซิ่งว่า “เจิ้งฮวนไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่ ไปเถอะ”
“ค่ะ” เว่ยเจินอวี๋ไม่พูดอะไรอีก ติดตามลู่เซิ่งเร่งฝีเท้าไปยังโถงหลัก
…
ด้านหน้าประตูร้านซาวน่าแห่งหนึ่ง
ชายหล่อเหลาสวมสูทขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากประตู เขาหาวพลางกวาดตามองถนนที่เละเทะรอบๆ
“จุ๊ๆ…เด็ดขาดจริงๆ ความสามารถเปลี่ยนแปลงฉากแบบนี้ยังกล้าใช้มั่วซั่ว ระดับความยากครั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทพเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มจุ๊ปากพร้อมกับเดินไปยังรถยนต์สีขาวคันหนึ่งริมถนนอย่างเอื่อยเฉื่อย
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นรถยนต์สีแดงคันหนึ่งก็ชนก้นรถสปอร์ตสีขาวจนกระเด็นออกไปต่อหน้าต่อตาเขา ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่าง และตีลังกาสิบกว่าตลบ แล้วระเบิดเป็นลูกไฟกลุ่มหนึ่งกลางถนน
ชายหนุ่มผุดสีหน้าตกตะลึงขณะมองรถของตัวเอง ตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วขณะ
“อาตี้ มัวทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ รีบมาเร็วเข้า ตรงนี้เริ่มสู้กันแล้วนะ” เสียงหนึ่งมุดเข้าหูเขา
“เอ่อ…มาแล้วๆ…รถสปอร์ตที่ฉันเพิ่งได้มา…” ชายหนุ่มกุมหน้าผากอย่างหมดปัญญา จากนั้นร่างก็โปร่งใสด้วยความเร็วสูงแล้วหายไปจากที่เดิม
ณ ร้านค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากร้านซาวน่าหลายกิโลเมตร
ในร้านค้าเต็มไปด้วยซอมบี้
ศิษย์ของโถงเก้าชีวิตกำลังต่อสู้อยู่กลางฝูงซอมบี้อย่างบ้าคลั่ง เห็นเพียงความวุ่นวายที่เหมือนพายุขนาดเล็กๆ หลายกลุ่ม
“นายมาถึงตอนไหนแล้ว” ณ ชั้นสี่ของห้างสรรพสินค้า ชายสวมเสื้อโคทสีเทาสองคนก้มหน้าสูบบุหรี่อย่างสงบนิ่ง ขณะพิงราวกั้นมองไปด้านล่าง
“เพิ่งลงสนามมา ครั้งนี้เป็นวิกฤติการณ์ทางชีวะจริงๆ เหรอ”
“เปล่า สองชั่วโมงก่อนที่นายจะลงสนาม ที่นี่ยังเป็นห้างฯ ทั่วไป” อีกคนตอบ
“งั้นก็โชคดีจริงๆ” ชายคนแรกหัวเราะ
“หยุดเสียเวลาได้แล้ว เริ่มเตรียมตัวกันเถอะ มีเวลาไม่มาก ครั้งนี้มีคนลงสนามเยอะ” อีกคนกระตุ้น
“รู้แล้วน่า เดี่ยวจะเคลื่อนไหวเลย”
“งั้นฉันไปก่อนล่ะ”
ชายคนนั้นหายไปจากที่เดิมภายใต้ความบิดเบี้ยว
ชายคนที่เหลืออยู่สูบบุหรี่ช้าๆ ก่อนพ่นควันออกมา
“น่าเบื่อจริงๆ” เขาส่ายหน้าแล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงไปด้านล่าง
ก้นบุหรี่สีแดงฉานหมุนวนตกจากชั้นสี่เข้าไปในฝูงซอมบี้ขนาดมหึมา
ตูม!
ฝูงศพในห้างสรรพสินค้าถูกสะเก็ดไฟจุดไฟขึ้นในพริบตาเหมือนหม้อน้ำมัน
ซอมบี้และมนุษย์ทั้งหมดถูกเพลิงโหมกลืนกิน
…
ตูม!
ปั๊มน้ำมันระเบิด
เพลิงพวยพุ่งขึ้นสูงสิบกว่าเมตร อุณหภูมิที่สูงและกระแสความร้อนแผ่ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
ซู่!
เส้นแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกจากกองเพลิงในปั๊มน้ำมัน ตัดผ่านถนนสาธารณะกว้างขวาง ข้ามโกดังและโรงงานหลายแห่ง ไม่นานก็บินเข้าไปในสภาพสับสนของถนนที่อยู่ไม่ไกลออกไป
มีทั้งเสียงไซเรนรถ เสียงโหยหวนของฝูงชน และเสียงดังสนั่นจากการที่รถชนกัน
สรรพเสียงอันวุ่นวายทำให้เมืองตกสู่ความโกลาหลเหมือนนรก
เส้นแสงสีเงินลดความเร็วลงและหยุดลงหน้าประตูร้านขายเครื่องดื่มร้านหนึ่ง ก่อนจะรวมตัวกลายเป็นชายชราหลังงุ้มผู้ถือไม้เท้าสีดำไว้ในมือ
“ไวรัสแพร่เชื้อกลายพันธุ์เหรอ เอาอุปกรณ์ล้ำค่าแบบนี้มาใช้ในสถานที่เล็กๆ แบบนี้เนี่ยนะ ลิงได้แก้วชัดๆ” ชายชราเลียริมฝีปาก แลบลิ้นเรียวยาวสีขาวที่แยกเป็นแฉก
“ทางนี้ยังมีคน ตามฉันมา”
ไม่ไกลออกไป ผู้ชายร่างกำยำล่ำสันหลายคนผลักรถยนต์ที่พุ่งเข้าไปในร้านแห่งหนึ่งออก จากนั้นก็กระโจนเข้าไปในร้าน ไม่นานก็อุ้มพนักงานที่ร่างโชกเลือดและใกล้ตายออกมาหลายคน พวกเขาคือทีมสนับสนุนของโถงเก้าชีวิต มาช่วยเหลือครอบครัวของศิษย์โดยเฉพาะ
ไม่ไกลออกไป ซอมบี้ฝูงหนึ่งที่ได้กลิ่นเลือดเนื้อสดใหม่ กำลังพุ่งโซเซมาทางนี้ด้วยความเร็วที่ไม่ช้า
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันทันที
ชายชราสังเกตเห็นว่า บนหลังของคนกลุ่มหนึ่งปักคำว่าเก้าเอาไว้ตัวใหญ่
‘องค์กรมาเฟียในเมืองวางแผนเรื่องนี้เหรอ เป็นหน่วยหลักงั้นเหรอ ถึงกับมีพลังสูงสุดแข็งแกร่งขนาดนี้…’
เขาตกใจเล็กน้อย
เพิ่งลงสนามก็เจอฉากที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ทำให้เขาแปลกใจอยู่บ้าง
“ไบร์ท เจอกันอีกแล้วนะ” หญิงสาวคิ้วขาวที่สวมกระโปรงยาวสีขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนหลังคารถบรรทุกคันหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างช้าๆ
“เธออีกแล้ว เดอแลนด์…” ชายชราผุดสีหน้าเคร่งขรึม
“ทำไมเหรอ เห็นฉันแล้วไม่ดีใจหน่อยหรือไง” หญิงคิ้วขาวเดอแลนด์ยิ้ม
“ดีใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะสู้กันใช่ไหม ตามข้อตกลง พวกเรายังมีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมง” ไบร์ทกระทุ้งไม้เท้าพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา
“งั้นเหรอ เหมือนจะใช่นะ” หญิงสาวลูบปาก “เอาเถอะ ฉันให้เวลาคุณรอดอีกหนึ่งชั่วโมง…ล้อเล่นน่า!”
หญิงสาวพลันกางแขนออก ก้อนน้ำแข็งสีขาวเจิดจ้าก้อนหนึ่งรวมตัวด้วยความเร็วสูง
เปรี้ยง!
ก้อนน้ำแข็งระเบิดกลายเป็นลวดลายสีขาวพร้อมกระจายตัว กระบี่บินน้ำแข็งหลายเล่มบินออกมาจากลวดลายสีขาว หมุนวนเป็นมังกรกระบี่ตัวหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปหาไบร์ท
“ข่ายอาคมความมืดทำลายล้าง” ไบร์ทกางแขนออก กลางฝ่ามือเปล่งแสงสีม่วง
ก้อนกลมสีดำสนิทก้อนหนึ่งรวมตัวออกมาด้านหน้าเขาเช่นกัน
“เธอคิดว่าฉันยังเหมือนครั้งก่อนเหรอไง” ไบร์ทผลักสองมือไปด้านหน้า
ทันใดนั้นก้อนสีดำก็ลอยขึ้นไปถึงกลางท้องฟ้าราวสายฟ้าฟาด แล้วดูดซับลมหายใจแห่งชีวิตทั้งหมดที่อยู่รอบๆ
ซอมบี้และคนเป็นที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงศิษย์โถงเก้าชีวิตที่เพิ่งช่วยพนักงานออกมา ถูกก้อนสีดำกลืนกินพลังอย่างบ้าคลั่ง โดยเหนี่ยวนำคลื่นพลังสีขาวซีดหลายสายให้บินเข้าไปในก้อนสีดำ
ก้อนสีดำใหญ่และเข้มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนปะทะกับกระบี่น้ำแข็งสีขาวที่บินมา
ฟ้าวๆๆ!
คมกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าก้อนสีดำแล้วฟาดฟันโครงสร้างด้านในอย่างคลุ้มคลั่ง
ก้อนสีดำทางหนึ่งถูกทำลาย ทางหนึ่งดูดซับชีวิตจากสิ่งมีชีวิตรอบๆ ด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเกิดขึ้นใหม่
“ขอสังเวยๆๆ! ปีศาจแห่งความว่างเปล่าผู้ยิ่งใหญ่ โอรสแห่งปีศาจจากหุบเหวไร้ก้น จักพรรรดิเงาปีศาจผู้มาจากพฤกษาโบราณแห่งความชั่วร้าย ข้า นักเวทแห่งความโกลาหลไบร์ท ขอสาบานด้วยตราแห่งความโกลาหล เพื่อแลกเปลี่ยนพลังแห่งมหาปีศาจที่ยิ่งใหญ่จากพวกท่าน!”
ไบร์ทร่ายคาถาเสียงดัง ไอสีดำมากมายแผ่กระจายออกมาจากบนร่างเขา ไอสีดำพวกนี้เหมือนมือที่ยืดยาวนับไม่ถ้วน พากันพุ่งผ่านสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่รอบๆ แล้วกระชากเอาคลื่นพลังสีขาวออกมาจากในตัวพวกเขา
ชั่วขณะนั้น อาณาเขตในรัศมีร้อยเมตรถูกแขนอันเป็นไอดำปกคลุม แถมอาณาเขตการปกคลุมยังขยายใหญ่ต่อไป ชายฉกรรจ์จากโถงเก้าชีวิตกลุ่มนั้นโดนลูกหลงไปด้วย พวกที่มีความมุ่งมั่นอ่อนแอฆ่าตัวตายขณะร้องโหยหวนทันที
“คิดถวายชีวิตเพื่อใช้พลังของปีศาจมาสู้กับฉันเหรอ” หญิงคิ้วขาวเดอแลนด์หัวเราะคิก
“น่าเสียดายนะ…นอกเสียจากร่างจริงของโอรสปีศาจลงมาเอง อาจยังสู้ได้”
เธอกดมือใส่หน้าอกตัวเอง จากนั้นร่างก็ส่องแสงสีขาว
…
ลู่เซิ่งยืนอยู่ในศูนย์ใหญ่แรกสุดของโถงเก้าชีวิต รอคอยการวมตัวของขุมกำลังอย่างเงียบๆ
สมาชิกแกนกลางมาแล้วสิบกว่าคน ที่เหลือยังอยู่ระหว่างเดินทาง
คนของหน่วยตรีลักษณ์มาถึงพอประมาณแล้ว หน่วยธุรกิจไม่มาสักคน โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับ น่าจะพินาศย่อยยับแล้ว
แต่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ เพราะหน่วยธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา
แกนหลักที่แท้จริงของโถงเก้าชีวิตความจริงมีสามส่วน หน่วยหลัก หน่วยตรีลักษณ์ และหน่วยรักษาความปลอดภัย
ที่เหลือล้วนเป็นเพียงส่วนเกิน
ในโกดังเงียบมาก นอกจากครอบครัวของศิษย์บางส่วนที่ร้องไห้เงียบๆ แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครส่งเสียง
หลังผ่านศึกใหญ่มาหลายครั้ง ทุกคนก็เริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศเคร่งเครียดแบบนี้แล้ว
“ประมุขโถง ในมืองปรากฏผู้เข้มแข็งไม่ทราบชื่อกำลังต่อสู้กัน มีศิษย์น้องไม่น้อยโดนลูกหลงจนบาดเจ็บล้มตาย” เว่ยหานตงยืนอยู่ข้างตัวลู่เซิ่ง ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดต่อกับยอดฝีมือคนอื่นๆ ตลอดเวลา
ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่ตรงกลางไม่พูดอะไรสักคำเดียว
……………………………………….