ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1060 การต่อสู้ทางอากาศ (2)
ตึกใหญ่ขาดเป็นหลายท่อน ศิษย์หลายคนพยายามดิ้นรนอยู่ในซากตึกท่อนหนึ่ง มุดเอาร่างครึ่งหนึ่งออกมาได้ จากนั้นก็เสียชีวิต
ร่างของเขาเลือดโซมกาย ตาเบิกถลน เหมือนกับต่อว่าความอยุติธรรมของโชคชะตา
ฝุ่นควันสีเทานับไม่ถ้วนรอบๆ แผ่ตลบอบอวลตามแรงลมเหมือนกับดินประสิว
ตุบๆ
รองเท้าหนังสีดำคู่หนึ่งหยุดลงหน้าศพเหล่านี้อย่างเชื่องช้า
ลู่เซิ่งก้มลงแล้วปิดตาให้กับศพอย่างแผ่วเบา
“ไปเถอะโลหิตของข้า”
ร่างบิดเบี้ยวขนาดยักษ์ที่สูงสามเมตรกว่าๆ หลายร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
“ให้โลกทั้งใบได้เป็นประจักษ์พยานต่อพลังของพวกเจ้า…”
ร่างยักษ์ที่พร่ามัวหลายร่างพากันเคลื่อนที่กลางฝุ่นควัน พร้อมพุ่งไปยังเมืองแห่งภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยซอมบี้
สายตาของลู่เซิ่งหยุดอยู่บนร่างหนึ่งดำหนึ่งขาวซึ่งกำลังสู้กันอยู่ไม่ไกลออกไป
เขาสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง
ซู่
ทันใดนั้น ภาพลวงตาหลายภาพก็โผล่ออกมาจากร่างเขา
ทุกสิ่งที่อยู่ในสายตากำลังขยายใหญ่ด้วยความเร็วที่น่ากลัว
ไบร์ทที่กำลังควงเคียวมรณะ กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในสายตาของเขา
ลู่เซิ่งกางแขนออกแล้วเล็งไปที่หน้าผากของไบร์ทอย่างสงบนิ่ง
ตูม!
หมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งระเบิดกลางอากาศอย่างฉับพลัน
ไบร์ทรู้สึกเหมือนถูกอุกกาบาตชนใส่ ร่างกายหมุนคว้าง พริบตาเดียวรอบๆ ตัวก็มืดสนิท
เดอแลนด์ที่อยู่ด้านข้างฟันกระบี่ใส่ลู่เซิ่ง เนื่องจากความเร็วและพลังกำลังที่สูงเกินไป ทำให้ยั้งมือไม่ทัน
ลู่เซิ่งหมุนตัวหลบ ภาพลวงตากะพริบติดต่อกัน พริบตาเดียวก็ไปโผล่ด้านหลังเดอแลนด์
“เวลาของพวกเราแตกต่างกัน…”
ตูม!
เขาฟาดฝ่ามือใส่กลางหลังเดอแลนด์
พละกำลังที่บ้าคลั่งและน่ากลัวทะลักเข้าไปในตัวเธอเหมือนน้ำป่าไหลหลาก
เปรี้ยง
กระแสอากาศระเบิดกลางท้องฟ้า ร่องรอยสีขาวที่เห็นได้ชัดกลุ่มหนึ่งค่อยๆ กระจายตัว
เดอแลนด์และกระบี่ตกลงพื้นเหมือนดาวตก ตอนแรกผิวดินยังเงียบอยู่ ก่อนจะดังสนั่นอย่างรวดเร็ว
ผิวดินรอบๆ ที่มีจุดตกของเดอแลนด์เป็นศูนย์กลางพากันแยกออก แสงสีขาวสว่างขึ้น ไอเย็นนับไม่ถ้วนทะลักเอ่อจากผืนดิน
“อ๊ากก” แสงขาวสายหนึ่งพุ่งใส่ลู่เซิ่งบนท้องฟ้า
แสงกระบี่นับไม่ถ้วนฟันใส่ลู่เซิ่งจากทุกทิศทุกทาง
เขาเพียงตะปบมือข้างเดียวไปด้านหน้า
ทันใดนั้นประกายกระบี่ทั้งหมดก็ถูกเขาจับไว้แน่นกลายเป็นหนึ่งสาย
เดอแลนด์หน้าซีด กลางอกมีรูเลือดอันชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นบาดแผลที่ฝ่ามือเมื่อครู่เจาะไว้
“เป็นแค่ ตัวประกอบ...ฉันเดอแลนด์ไม่มีทางมาแพ้ที่นี่ ไม่มีวัน”
แสงสีขาวนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นบนตัวเธออีกครั้ง ลูกแสงสีขาวที่เหมือนกับไข่มุกโผล่ขึ้นด้านหลังเธอ
“ด้วยนามแห่งข้า จงออกมาเถอะ จักพรรดิน้ำแข็งแห่งประตูซ้ายขวา”
เดอแลนด์ตะโกนเสียงดัง
ลูกแสงด้านหลังระเบิดขึ้น จุดแสงสีขาวที่กระจัดกระจายกลายเป็นกลีบดอกสีขาวนับไม่ถ้วน
เกราะยักษ์ที่แบกกรงล้อน้ำแข็งสีขาวค่อยๆ โผล่ขึ้นกลางกลีบดอกไม้
“ไปเลย วิญญาณแช่แข็ง”
เดอแลนด์กางมือปล่อยกระบี่
กลีบดอกสีขาวนับไม่ถ้วนลอยวนเวียนไปหาลู่เซิ่งตามการเคลื่อนไหวของเธอ ทั้งยังทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ไบร์ทที่อยู่บนพื้นค่อยๆ หยัดร่างขึ้นจากซากปรักหักพังพลางกระอักกระไอ
เพิ่งจะลุกขึ้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายยิ่งมายิ่งเย็น ยิ่งมายิ่งแข็ง
จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองเห็นร่างจักพรรรดิน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่สูงหลายสิบเมตรพอดี
‘ยัยนี่บ้าไปแล้วเหรอ?!’ เขารู้ว่าหากจะอัญเชิญสัตว์อัญเชิญในวงศาจักพรรรดิเทพจตุรทิศออกมา จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากขนาดไหน
เวลานี้เดอแลนด์ถึงกับจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายอย่างไม่เสียดาย แสดงให้เห็นว่าเธอถูกกดดันจนหมดหนทางแล้ว
“ต้องรีบไปจากที่นี่” แม้วิญญาณที่พลังแห่งมหาปีศาจดูดซับจะช่วยเขาฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แต่ความจริงวิญญาณส่วนใหญ่ถูกเอามาใช้สร้างความมั่นคงให้แก่ประตูแห่งปีศาจ
ประตูแห่งปีศาจนี้เป็นประตูที่เอาไว้ให้ปีศาจระดับเจ้าปีศาจเข้าออก
ปีศาจในที่นี้ไม่ได้มาจากโลกปีศาจในจักรวาลทั่วไป
แต่มาจากหุบเหวจักรวาลที่มีเพียงพลังปีศาจ
ที่นั่นนอกจากปีศาจแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อีก
ที่นั่นถูกผู้เข้มแข็งมากมายตั้งชื่อให้ว่าโลกปีศาจบรรพกาล ซึ่งหมายถึงโลกต้นกำเนิดแรกสุดของปีศาจทุกตัว
โลกปีศาจบรรพกาลเป็นโลกระดับพลังงานสุดยอดเช่นกัน ปีศาจระดับเจ้าปีศาจย่อมแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
‘จะต้องรีบไปแล้ว เกิดเจ้าปีศาจออกมาเมื่อไหร่ เราก็ควบคุมไม่ได้เหมือนกัน’ ไบร์ทเก็บขาที่เพิ่งแหลกเละขึ้นมากดเข้ากับตัว
ชั่วพริบตาเมื่อครู่ เขาถึงขั้นยังไม่เห็นคนก็ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
ในช่วงเวลาที่ก้อนความมืดกลางท้องฟ้ายังคงอยู่ ขอแค่ไม่ถูกฆ่าตายติดกันสามครั้งในครึ่งชั่วโมง เขาก็ไม่มีวันตาย
เมื่อครู่เขาถูกกำจัดไปแล้วสองครั้ง
ฮือ…
เวลานี้หิมะสีขาวบริสุทธิ์กลางท้องฟ้าวนเวียนรอบตัวลู่เซิ่งด้วยความเร็วสูง
ชั้นน้ำแข็งรอบๆ ที่มีลู่เซิ่งเป็นศูนย์กลางหนาขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่
ลู่เซิ่งถูกแช่แข็งไว้ด้านใน หากมองผ่านก้อนน้ำแข็งใส จะเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างแจ่มชัด
เดอแลนด์ยกกระบี่ยาวขึ้นในแนวขาว แล้วชี้ปลายไปยังลู่เซิ่ง
“ไปตายซะ ไอ้สารเลว!” เธอกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าคลุ้มคลั่งถึงขีดสุด
แกร๊ก
ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก็แตกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง
เดอแลนด์สีหน้าเปลี่ยนแปลง แทงกระบี่ไปด้านหน้าทันที
หมับ!
คมกระบี่ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไว้
“ฝ่ามือพิฆาตเทพ”
ลู่เซิ่งผลักฝ่ามือขวาทะลวงชั้นน้ำแข็งผืนใหญ่ออกมาใส่หน้าผากของเดอแลนด์อย่างแรง
ทุกสิ่งพลันเงียบสนิท
เปรี้ยง!
หมอกเลือดกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นกลางท้องฟ้าอย่างฉับพลัน
ศีรษะของเดอแลนด์ระเบิดออกเหมือนลูกระเบิด
ศพไร้หัวของเธอลอยค้างอยู่กลางท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยแยกส่วนกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนอย่างฉับพลัน
ร่างจักรพรรดิน้ำแข็งขนาดยักษ์ค่อยๆ สลายไป
ชั้นน้ำแข็งรอบตัวลู่เซิ่งหายไปด้วยความเร็วสูง
เขาชักมือกลับ บนร่างไม่มีคราบเลือดแม้แต่นิดเดียว
“ต่อจากนี้ ถึงรอบแกแล้ว” เขาก้มหน้ามองไบร์ทที่กำลังหลบหนี
ไบร์ทในตอนนี้กลายเป็นเส้นแสงสีเงิน กำลังบินไปยังที่ไกล
ขณะประตูปีศาจกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง การคืนชีพของเขาก็ใกล้จะจบลงแล้วเช่นกัน หากยังไม่ไปอีกคงได้ตายจริงๆ แน่
ลู่เซิ่งสะกิดเท้าใส่อากาศ กระแสอากาศกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นด้านหลังดังตูม ร่างพุ่งเข้าหาไบร์ทเหมือนสายฟ้าแลบ
ฮึ่ม!
ในเวลานี้เอง เสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นที่หนักอึ้งสุดเปรียบปานก็ดังออกมาจากในก้อนสีดำขนาดยักษ์บนท้องฟ้า
ลู่เซิ่งชะงักร่างแล้วเงยหน้ามองไป
ใบหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่โตที่มีเขางอกออกมาค่อยๆ มุดออกมาจากในก้อนสีดำ
เหมือนกับรูปสลักที่คลุมด้วยผ้าสีดำชั้นหนึ่ง
ใบหน้าเหมือนกำลังดิ้นให้หลุดจากการสะกดของพลังบางอย่าง พร้อมส่งเสียงคำรามที่ไร้ความหมายออกมาเป็นระยะ
“เจ้าแมลงต่ำต้อย…โลกสมมติเอ๋ย…จงให้ข้า ชาโตว์ ฮัลส์ผู้ยิ่งใหญ่ มอบบทสรุปให้แก่โลกที่ไร้ความหมายแห่งนี้เถอะ…”
ใบหน้าของยักษ์ที่กว้างหลายร้อยเมตรยกสูงขึ้น ดันผิวของก้อนสีดำให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนพร้อมจะดันให้ทะลุได้ตลอดเวลา
ลู่เซิ่งวูบไหวร่างไปลอยอยู่กลางอากาศด้านหน้าปลายจมูกของมัน กระแสอากาศสีขาวหลายกลุ่มระเบิดขึ้นด้านล่างอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อกี้แก…ว่าอะไรนะ”
เขาพูดด้วยภาษาปีศาจเช่นกัน
ใบหน้าปีศาจขนาดยักษ์ตะลึงอย่างฉับพลัน ก่อนเพ่งมองร่างลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหน้า
“มารสวรรค์!? มารสวรรค์ไร้รูป!?…”
ชาโตว์ ฮัลส์ตกใจ
บนโลกปีศาจบรรพกาลมีเผ่าพันธุ์มารสวรรค์เช่นกัน แต่พวกที่บรรลุถึงระดับมารสวรรค์ไร้รูปได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
นี่เป็นระดับที่เกือบจะเรียกได้ว่าเข้าใกล้ราชามารสวรรค์ที่สุด
เป็นตัวตนน่ากลัวที่แทบฆ่าไม่ตาย อยู่ในระดับเดียวกับเขา
ต่อให้เขาจะเป็นโอรสปีศาจ อยู่เหนือกว่าเจ้าปีศาจแห่งโลกปีศาจระดับสูง เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งหนึ่ง ในโลกปีศาจบรรพกาล ไม่มีทางล่วงเกินตัวตนที่รับมือยากแบบนี้ง่ายๆ
เพียงแต่มารสวรรค์ในโลกปีศาจบรรพกาลอยู่กันกระจัดกระจายมาก มารสวรรค์ไร้รูปทั้งหมดมีแค่ไม่กี่ตน ทั้งยังอ่อนแอกว่าเผ่าปีศาจเผ่าอื่นไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมมันถึงจำไม่ได้ว่าเขต มารเขตนี้มีมารสวรรค์ไร้รูปที่มีพลังยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่
“ในเมื่อที่นี่มีเจ้าปีศาจโลกพิภพมารท่านหนึ่งยึดครองอยู่แล้ว ถือว่าข้าเป็นฝ่ายเสียมารยาทเอง” มันไม่คิดจะสร้างความขัดแย้งกับตัวตนที่ฆ่าแทบไม่ตายแบบนี้ ใบหน้าใหญ่ยักษ์หดกลั บเข้าไปในก้อนสีดำทันที
ก้อนสีดำหดเล็กลงอย่างรวดเร็วในเวลาพร้อมกัน ไม่นานก็เหลือขนาดเท่าหัวมนุษย์เหมือนในตอนแรกสุด จากนั้นก็สลายหายไป
ประตูปีศาจที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับเรื่องตลกที่เพิ่งปิดฉาก
วิญญาณสีขาวนับไม่ถ้วนกระจายออกมาแล้วพุ่งลงไปยังที่เดิม โอรสปีศาจตัวนี้ถึงขั้นคืนวิญญาณกลับมามากกว่าครึ่ง นับว่าให้เกียรติกันพอสมควร
ลู่เซิ่งลอยอยู่กลางท้องฟ้า บนร่างกายเริ่มกระจายคลื่นพลังที่เหมือนกับหนวดสีดำหลายเส้นออกมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนถูกกระตุ้น
ตอนแรกเขาเตรียมจะปะทะกับเจ้าตัวใหญ่ตัวนี้ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายถอยไปเอง
เขาย่อมพูดภาษาปีศาจได้ ในอดีตเคยกินปีศาจไปตั้งมากมาย และได้แอบเรียนมาตอนซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาใหญ่สุดสองอย่างถูกแก้ไขแล้ว ต่อจากนี้ก็ควรเป็นเวลากวาดล้างทุกอย่างเพื่อหาต้นตอสักที”
ฮึ่ม!
ซอมบี้มากมายกลางเมืองด้านล่างรวมตัวกันเป็นก้อน กลายเป็นสัตว์ประหลาดทรงก้อนเนื้อขนาดยักษ์ที่สูงมากกว่าพันเมตรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ จากนั้นมันก็ยื่นมือออกมาหาเขากลางอา ากาศ
ลู่เซิ่งพลิกมือฟาดลงไป
เปรี้ยง
มือยักษ์ปลิวกลับไปถึงพื้นดุจสายฟ้าแลบ ก่อนจะกระจัดกระจายกลายเป็นเลือดเนื้อของซอมบี้เล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
สัตว์ประหลาดร้องครางอย่างเจ็บปวดขณะล้มลงกับพื้น ไม่นานก็ถูกสมาชิกหลักที่ร่างสูงสามเมตรกว่าๆ หลายคนเข้าไปรุมล้อม
ผ่านไปสักพัก สัตว์ประหลาดก็ถูกยักษ์พลังช้างสารฝูงหนึ่งแยกศพ
ยานรบหลายลำบินผ่านลู่เซิ่งไป นักบินทำความเคารพลู่เซิ่งผ่านกระจกนักบิน
ยานรบค่อยๆ ล่าถอย แม้ด้านล่างยังมีซอมบี้อีกมากมาย แต่เพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อโถงเก้าชีวิต ผู้บัญชาการกองทัพจึงได้สั่งถอนกำลังไปยังสถานที่ที่จำเป็นต้องปิดกั้น
“ตอนนี้” ลู่เซิ่งลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ส่งเสียงถึงพื้นดินเหมือนการกระเพื่อม
“จงเข่นฆ่าเถอะ…โลหิตแห่งข้า”
ไบร์ทที่อยู่บนพื้นพลันสัมผัสบางอย่างได้ แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้าทันที
ฟ้าว
ร่างสีดำหลายร่างที่ใหญ่โตเหมือนเขาลูกย่อมๆ ทะยานขึ้นมาบนฟ้าจากรอบๆ ตัวลู่เซิ่ง
พวกมันกระพือปีกเนื้อที่อยู่ด้านหลัง ยักษ์ผู้มีปีกสีดำเหมือนในเทพนิยายคำรามใส่เมืองรอบๆ โดยมีลู่เซิ่งเป็นศูนย์กลางพร้อมกลับบินลงไป
“พระเจ้าช่วย เทพเจ้ายกระดับความยากถึงระดับไหนกันแน่…!!?” ไบร์ทร้องโอดครวญอย่างอดไม่ได้
“แม้แต่โอรสปีศาจยังถูกไล่กลับไป…ที่นี่มันร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ”
ถ้าให้เขาเลือกอีกครั้ง เขาจะต้องไม่ยอมใจร้อนลงมายังโลกใบนี้แน่
“สัตว์ประหลาดที่แม้แต่วิญญาณแช่แข็งของจักรพรรดิน้ำแข็งในจักรพรรดิฟ้าจตุรทิศยังฆ่าไม่ตาย ไอ้ตัวประหลาดแบบนี้ให้ทีมเทวทูตกับทีมปีศาจมาจัดการเถอะ ฉันไม่อยู่แล้ว” เขาหมุนตัว กลายเป็นแสงสีเงินบินไปยังที่ไกลอีกครั้ง
แต่เพิ่งบินออกไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ความรู้สึกหวาดกลัวและความรู้สึกกดดันที่เกิดขึ้นในจิตใจก็ครอบคลุมหัวใจของเขา
“ฉัน…ฉัน…” สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสูง ก้อนสีดำที่มีรูปทรงแปลกประหลาดลูกหนึ่งกำลังแทงรากเข้าไปในส่วนลึกของสติ ณ ก้นบึ้งของห้วงจิตสำนึก
“การเข่นฆ่าใดๆ ล้วนทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น”
เสียงของลู่เซิ่งดังมาจากท้องฟ้า แต่ไบร์ทในเวลานี้ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว ตัวเขาตกสู่ความรู้สึกมายาอันแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ไม่อาจถอนตัวออกมาได้
“จงกลับมาเถอะ ทาสของข้า…”
เสียงของลู่เซิ่งกระจายไปรอบๆ เป็นชั้นๆ ราวกับลูกคลื่น