ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1061 ศึกสับสน (1)
ร่างหลายร่างที่บ้างบินบ้างวิ่ง ตัดผ่านเมืองที่เละเทะไปยังจุดที่ลู่เซิ่งอยู่
พื้นที่หนึ่งในสามของเมืองอันหมิงถูกทำลายไปในการต่อสู้อันสับสน การต่อสู้ระหว่างผู้กลับชาตมาเกิด และการกวาดล้างของเหล่าสมาชิกหลักของโถงเก้าชีวิตเพิ่มระดับการพังทลายให้ เมืองทั้งเมืองเป็นระยะ
แต่ไม่ว่าอย่างไร เนื่องจากหลักมนุษยธรรม และเพราะที่นี่เป็นอาณาเขตหลักของตัวเอง สมาชิกหลักและศิษย์ของโถงเก้าชีวิตจึงพยายามช่วยเหลือคนที่ยังรอดอยู่เท่าที่จะทำได้ในตอนก กวาดล้างซอมบี้และผู้กลับชาติมาเกิดใหม่
การช่วยเหลือของพวกเขา แทนที่จะบอกว่าช่วยเหลือ ควรจะบอกว่าเป็นแค่การช่วยกำจัดภัยคุกคามมากกว่า
เริ่มตั้งแต่ศูนย์ใหญ่ของโถงเก้าชีวิต สมาชิกหลักมากมายพาสมาชิกธรรมดารุกคืบไปยังมุมต่างๆ ของเมืองทีละขั้นๆ เขตปลอดภัยทั้งหมดให้ตำรวจผู้รอดชีวิตที่ตามมาทีหลังกับหน่วยทหารบ บางส่วนที่กองทัพทิ้งไว้ให้คอยคุ้มกัน
หลังจากหายอกสั่นขวัญแขวน พวกคนร่ำรวยที่ได้รับการช่วยเหลือบางส่วนได้โบกเช็คไปมา จะจ้างโถงเก้าชีวิตให้ช่วยครอบครัว ภรรยา และลูกสาวของพวกเขาออกมา
แต่โถงเก้าชีวิตไม่สนใจ
เหตุการณ์อุบัติขึ้นกะทันหันเกินไป ทำให้บุคคลระดับบนหลายคนไม่ทันได้เตรียมตัว
การกระจายตัวของไวรัส ดำเนินอยู่หนึ่งชั่วโมง เมืองอันหมิงทั้งเมืองถูกปนเปื้อนโดยสมบูรณ์ แต่ตามสถิติ ไวรัสชนิดนี้เหมือนจะมีคนที่มีภูมิคุ้มกันอยู่ไม่น้อย คนธรรมดาที่มีร่า างกายแข็งแกร่งต่างก็รอดผ่านวิกฤติการณ์นี้อย่างปลอดภัย แต่พวกที่น่าสงสารที่สุดคือพวกเด็กๆ
พวกเขามีร่างกายอ่อนแอ จึงติดเชื้อเร็วที่สุด
ครั้งนี้เด็กๆ ในเมืองอันหมิงที่มีอายุต่ำกว่าสิบขวบลงไปแทบไม่มีใครรอด
สิ่งก่อสร้างครึ่งหนึ่งปรากฏความเสียหายในระดับต่างๆ ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ถูกตรวจสอบร่างกายภายใต้การนำของโถงเก้าชีวิต หลังยืนยันได้ว่าไม่มีบาดแผล ค่อยได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ ด้านหลังในแนวป้องกัน
ไม่นาน ผ่านไปสองชั่วโมง พื้นที่ครึ่งหนึ่งของเมืองก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น เหลือแค่เขตภัยพิบัติสุดท้ายเท่านั้น
มันเป็นเขตศูนย์กลางของย่านการค้าที่มีซอมบี้และผู้กลับชาติมาเกิดใหม่รวมตัวอยู่มากที่สุด
…
ลู่เซิ่งยืนอยู่บนหลังคาของคฤหาสน์สามชั้นหลังหนึ่งเงียบๆ ปีกเนื้อที่กว้างห้าเมตรกว่าๆ กระพือช้าๆ อยู่ด้านหลัง พัดกระแสลมแรงขึ้นเป็นระยะ
ด้านล่างมีร่างมากมายที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักปรากฏบนซากปรักหักพัง คุกเข่าข้างเดียวให้เขา
เมล็ดทำลายจิตไม่จำเป็นต้องให้ลู่เซิ่งควบคุมด้วยตัวเอง อาศัยแค่การกระตุ้นเพียงอย่างเดียว ขอแค่เป็นคนที่แพ้เขา ก็จะถูกทำลายแนวป้องกันจิตใจและโดนฝังเมล็ดทำลายจิตเอาไว้ ในก้นบึ้งจิตสำนึกทันที
โดยทฤษฎีแล้วมีแต่พวกที่มีปณิธานแรงกล้าเท่านั้นถึงจะต้านทานการฝังเมล็ดทำลายจิตได้ แต่ปัจจุบัน ลู่เซิ่งยังไม่เคยเห็นคนที่มีปณิธานแรงกล้าระดับนั้น
จำนวนคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักหน่วยเป็นหลักสิบ
ไม่นานบุคคลสำคัญสองคนก็ปรากฏตัว
ไบร์ทที่ก่อนหน้านี้ยังสู้กับคนอื่นและสร้างประตูปีศาจขึ้น ตัวสั่นงันงก ใช้ดวงตาที่หวาดกลัวจ้องมองลู่เซิ่ง แต่สองเท้ากลับก้าวเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
เขาจำเป็นต้องฟังคำสั่งของลู่เซิ่งแม้จะพรั่นพรึง
อีกคนหนึ่งคือไป๋ซ่งเตี๋ยที่ก่อนหน้านี้หนีรอดจากเงื้อมมือของลู่เซิ่ง
เลือดชโลมแขนสองข้างของเธอ เหมือนจะผ่านการต่อสู้บางอย่างมาก่อน ตอนนี้หน้าตาซีดเซียวจนน่าสงสาร เหมือนกับลูกสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งต้องการคำปลอบโยนและโอบกอดของคนอื่นอย่าง งเร่งด่วน
ลู่เซิ่งไม่รู้ว่าไวรัสเป็นฝีมือของไป๋ซ่งเตี๋ย เวลานี้จึงแค่กวาดตามองผ่านๆ
ไป๋ซ่งเตี๋ยที่ตอนแรกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจึงค่อยๆ ใจเย็นลง เรื่องที่เธอกลัวที่สุดคือลู่เซิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนปล่อยไวรัส
เวลานี้ข้อเสียของเมล็ดทำลายจิตได้ปรากฏออกมาชัดเจนแล้ว
ความหวาดกลัวที่เมล็ดทำลายจิตสร้างขึ้นจะทำให้คนยำเกรงและฟังคำสั่งลู่เซิ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ความหวาดกลัวนี้อาจทำให้คนอื่นๆ ปกปิดความลับสำคัญบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความกลัวที่ มากกว่าเดิม
รออีกสักพัก คนหลายคนก็ทยอยกันเดินออกมาจากรอบๆ ทั้งหมดเป็นผู้กลับชาติมาเกิดใหม่
รออีกสักพักก็ไม่มีใครมาแล้ว
ลู่เซิ่งค่อยเอ่ยปากช้าๆ
“ไม่ว่าพวกแกจะมาจากไหน ไม่ว่าพวกแกจะมีภารกิจอะไร ตอนนี้ พวกแกคือทาสของฉัน”
เขาเว้นเล็กน้อยและหยุดสายตาบนร่างไบร์ท
เปรี้ยง!
ไบร์ทยังไม่ทันพูดอะไร ก็รู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะ จากนั้นด้านหน้าก็มืดมิด ไม่รู้สึกอะไรอีก
คนอื่นๆ เพียงเห็นร่างของไบร์ทระเบิดออกกลายเป็นหมอกเลือดกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็ถูกฝนเป่ากระจายหายไปกลางท้องฟ้าและผืนดิน
มีแค่กล่องสีดำที่งามประณีตสองสามกล่องตกลงพื้น
“คนอื่นๆ ให้ไปกวาดล้างเขตเมืองที่หลงเหลือในตอนนี้ จงจำไว้ด้วยว่าให้สับเปลี่ยนสัญลักษณ์พิเศษของโถงเก้าชีวิต” ลู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
คนด้านล่างพากันทำความเคารพ จากนั้นก็วิ่งออกไปยังที่ไกลอย่างเงียบๆ
ไป๋ซ่งเตี๋ยก็ทำอย่างเดียวกัน ในใจนึกโชคดีขณะกำลังจะหมุนตัวบินจากไป
“เธออยู่ก่อน” เสียงของลู่เซิ่งดังขึ้นข้างหูเธอ
ไป๋ซ่งเตี๋ยร่างสั่น เกือบจะชิงวิ่งหนีก่อน แต่ความหวาดกลัวและความยำเกรงต่อลู่เซิ่งที่เมล็ดทำลายจิตสร้างขึ้นบังคับให้เธอหยุดอยู่ที่เดิม
“เธอ…หัวใจเต้นเร็วกว่าคนอื่น นาทีละสิบสองครั้ง” ร่างของลู่เซิ่งลากภาพมายามาถึงด้านหลังเธอในพริบตา
“บอกฉันมาซะว่า คนของพวกเธอ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ลงมาในครั้งนี้ คือใคร เป็นตาแก่เมื่อกี้ใช่ไหม” ลู่เซิ่งคิดจะทำความเข้าใจความลับของผู้กลับชาติมาเกิดใหม่จากไป๋ซ่งเตี๋ย ย
“ฉันไม่…” ไป๋ซ่งเตี๋ยหมุนตัวมาด้วยใบหน้าเหยเก
“ใครเป็นคนปล่อยไวรัส” ลู่เซิ่งพลันถาม
“ฉะ…ฉัน…ไม่ใช่ฉันนะ! กรี๊ด!” ไป๋ซ่งเตี๋ยสะพรึงกลัว ถอยหลังติดกันด้วยอารมณ์ปั่นป่วน
ลู่เซิ่งที่เห็นภาพนี้ได้รับคำตอบแล้ว
“ยังมีอีกไหม เอาออกมา” เขากล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ไป๋ซ่งเตี๋ยผุดสีหน้าหวาดสะพรึง ถอยหลังหลายก้าว ใบหน้าแสดงความลังเลและความทรมาน สุดท้ายเธอก็ยื่นมือออกมา หลอดทดลองที่บรรจุของเหลวสีเงินซึ่งกำลังหมุนวนสองแท่งโผล่แวบขึ้ นกลางฝ่ามือเธอ
ลู่เซิ่งยื่นมือรับหลอดทดลองมา ก่อนเงยหน้าขึ้นตรวจสอบ
“ไปเถอะ พูดชื่อคนสำคัญที่เธอรู้จักออกมาซะ” เขาจิกผมของไป๋ซ่งเตี๋ยแล้วลากเธอกระโดดไปยังที่ไกล
…
ณ ย่านการค้า บนถนนที่มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งมารวมตัวกันมากที่สุด
เงาดำทะมึนของฝูงซอมบี้เดินพล่านอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันเดินเล่นบนถนนเหมือนตอนยังมีชีวิต
ผิวของพวกมันเน่าเปื่อยแล้ว เห็นเลือดเนื้อที่เน่าได้ จากหลายแห่งบนตัว อวัยวะและเนื้อเยื่อมากมาย นอกจากระบบย่อยสลายแล้ว ส่วนอื่นๆ ล้วนใช้การไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ถ้ามองจากที่สูงลงไป จะเห็นว่าอาณาเขตหลายร้อยเมตรในบริเวณใกล้ๆ มีแต่ฝูงซอมบี้นับไม่ถ้วน
เคร้ง
ทันใดนั้นประตูร้านขายเครื่องมือช่างแห่งหนึ่งก็เกิดเสียงดังเสียดหูอย่างชัดเจน
ฝูงซอมบี้พากันคำรามพลางเงยหน้าเดินไปยังต้นเสียง
เคร้งๆๆ!
ทันใดนั้นเสียงเคาะโลหะที่รุนแรงกว่าเดิมก็ดังขึ้นติดต่อกัน
ครั้งนี้ซอมบี้มากมายรู้ตำแหน่งแล้ว จึงเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปยังทางต้นเสียงทันที
ซอมบี้หลายฝูงรวมตัวกันกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่กว่าเดิมขณะเดินไปยังที่มาของเสียง
อันซาควงมีดสั้นในมือ พร้อมเคาะใส่ท่อโลหะหลายท่อที่อยู่บนพื้นด้านหน้าร้านขายเครื่องมือช่าง
เขาจ้องมองฝูงซอมบี้ดำทะมึนที่เข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย
“ถึงได้บอกไงว่า ขยะที่ไร้ความหมายแบบนี้ ต่อให้มากี่ตัว ก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้น…”
ไม่นาน ซอมบี้ก็มารวมตัวกันพอประมาณ
เขาหยุดเคาะ ตั้งมีดสั้นขึ้นโดยหันสันมีดเข้าหาตัวเอง แล้วดีดนิ้ว
เพล้ง!
ทันใดนั้นมีดสั้นก็แตกสลายกลายเป็นชิ้นส่วนโลหะนับไม่ถ้วน
ชิ้นส่วนระเบิดเป็นเม็ดสีเงินที่เล็กกว่าเดิม ก่อนจะพุ่งเข้าไปในฝูงซอมบี้เหมือนกับมังกรหมอกเงิน
ฟ้าว…
มีเสียงดังพรุ่บๆ ดังขึ้นเบาๆ หลายครั้ง
ชั่วขณะนั้นฝูงซอมบี้แข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน
อันซาหมุนตัวเดินไปยังที่ไกลโดยไม่มองด้านหลังอีก
ด้านหลังคือฝูงซอมบี้ที่ล้มลงกับพื้นแล้วแตกออกเป็นเนื้อเละๆ
…
ณ ขอบห้างสรรพสินค้าอีกแห่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของชั้นในห้างสรรสินค้าทรงสามเหลี่ยมค่อยๆ ถล่มลงด้านล่าง พัดฝุ่นควันสีเหลืองอมเทาขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
เปรี้ยง!
ชั้นอีกครึ่งที่ยังสภาพดีอยู่ พลันถล่มตามและระเบิดออกเป็นชิ้นๆ อย่างฉับพลัน
ร่างมหึมาที่สูงถึงสี่เมตรกว่าๆ ของหงซื่อค่อยๆ ปรากฏออกมากลางฝุ่นควัน จากนั้นเธอก็กระโดดลงไปอยู่กลางซากปรักหักพังเบาๆ
บนผิวของเธอปรากฏเส้นสีเขียวที่เหมือนกับเส้นเลือดหลายเส้น ท่อสีเขียวบนใบหน้าส่งของเหลวสีเขียวเป็นจำนวนมหาศาลให้
กล้ามเนื้อที่น่ากลัวอยู่ในลักษณะเกือบตะปุ่มตะป่ำ ราวกับตุ่มมากมายนับไม่ถ้วนกองรวมกัน และเหมือนรากไม้กับตาของต้นไม้ใหญ่ที่งอกสะเปะสะปะอยู่ใต้ดิน กล้ามเนื้อบางส่วนถึงขั้นใ ใหญ่ยิ่งกว่าหัวของเธออีก
“ไสหัวออกมาซะไอ้พวกชั่ว!” หงซื่อเดินอยู่บนเศษหินของซากตึก พร้อมส่งเสียงตะโกนจนพื้นสั่นไหว
“อ๊าก!”
ชายหญิงหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกกำแพงตกใจ พากันมุดหัวออกมาอย่างหวาดกลัวด้วยความทุลักทุเล และหนีไปยังที่ไกล
หงซื่อไม่มอง เพียงกวาดตามองรอบๆ หาผู้กลับชาติมาเกิดใหม่หลายคนที่เมื่อครู่เพิ่งสู้กับเธอไป
ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ อาจารย์หวังมู่บอกพวกเธออย่างนี้ เธอไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่จะไปสนใจความหมายทำไม อย่างไรก็เป็นคนตาย จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่สำคัญ
“เป็นแค่ตัวประกอบแท้ๆ!” เสียงอึมครึมเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
ขณะเดียวกัน ร่างสีเทาร่างหนึ่งก็พุ่งมาหาหงซื่อด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ร่างสีเทาอีกสองร่างยืนอยู่ไกลๆ เผยร่างออกมาท่ามกลางฝุ่นควัน พวกเขาถืออุปกรณ์ซับซ้อนที่เหมือนกับหน้าไม้ไว้ในมือ เวลานี้เล็งมาที่หงซื่อแล้ว
“มังกรสายฟ้า!”
ตูม!
ลูกศรสองเล่มหลุดออกจากสาย กลายเป็นมังกรสายฟ้าสีน้ำเงินสองตัวกลางอากาศ
“หาที่ตาย!”
หงซื่องอตัว ฝ่ามือสั่นไหวด้วยความเร็วสูงพร้อมรวมกลุ่มแสงสีเขียวเข้มกลุ่มใหญ่ออกมา
“ดาวมรณะ…โผทะยาน!”
เธอผลักฝ่ามือไปยังพื้นดินอย่างฉับพลัน กลุ่มแสงสีเขียวเข้มกลุ่มใหญ่แผดคำรามพลางมุดเข้าไปในพื้นดิน
ทุกอย่างเงียบลงชั่วพริบตาหนึ่ง
ตูม!
ดินโคลนกลุ่มใหญ่บนพื้นระเบิดอย่างฉับพลัน ก้อนหินนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปรอบๆ เหมือนกระสุนปืนใหญ่ พริบตาเดียวก็กระแทกใส่มังกรสายฟ้าและร่างสีเทาที่อยู่ใกล้จนกระอักเลือดกระเด็น นออกไป
…
เว่ยหานตงสวมสูทหนังสีดำ ทรวงอกกำยำที่เผยออกมาด้านนอก ห้อยจี้หยกดำที่น้องสาวมอบให้เขา รูปร่างเหมือนจันทร์เสี้ยวกลับหัวดูแปลกประหลาด
เขาลากหญิงสาวคลุมหน้าที่ร่างอาบเลือดไว้ในมือ ส่วนที่จับอยู่คือขาของเธอ แม้หญิงสาวจะดูเหมือนงดงามอยู่หลายส่วน แต่นอกจากน้องสาวตัวเองแล้ว เว่ยหานตงไม่สนใจผู้หญิงคนอื่ นๆ
ดังนั้นตอนที่ผู้หญิงคนนี้ใช้ความงามล่อลวง เขาก็พุ่งเข้าไปใช้กระบวนท่าพยัคฆ์ดำควักหัวใจทันที ชัยชนะจึงถูกตัดสินโดยสมบูรณ์
“เสี่ยวเหลียน! อ๊ากกก! ฉันจะฆ่าแก!”
ร่างสีดำร่างหนึ่งโผล่แวบออกมาจากด้านหลัง ก่อนฟันขวานยักษ์ที่อยู่ในมือใส่กะโหลกเว่ยหานตงพร้อมกับแสงสีขาว
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นที่เหมือนเสียงตีระฆังดังขึ้น
พื้นข้างใต้เว่ยหานตงแตกออก แต่เขามองคนตรงหน้านิ่งๆ
เป็นเพราะภาพแบบนี้ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก
คนคนนี้ใช้ทักษะที่เหมือนเคลื่อนย้ายในพริบตา ทำให้เขาจับตัวไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ฟันเขาไม่เข้าเช่นกัน
เขาจึงคร้านจะลงมือ ปล่อยให้อีกฝ่ายฟัน