ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1066 พบหน้า (2)
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน พวกเราต้องการเวลา ทางแสงดาวสีครามสามารถถ่วงเวลาได้ แต่ทางสหพันธ์พลังจิตไม่แน่จะยอม ดูก่อนว่าจะรับมือสหพันธ์พลังจิตได้ไหม” ลู่เซิ่งรู้แผนการที่แสงดาว วสีครามมาเชิญชวนในเวลานี้เป็นอย่างดี
สหพันธ์พลังจิตกำลังจะลงมือแล้ว องค์กรข้ามกาแลคซีขนาดยักษ์อย่างนี้ไม่มีทางมองข้ามโถงเก้าชีวิตที่ต่อสู้กับพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่าแน่
อย่างไรนี่ก็เทียบได้กับการกำลังท้าทายบารมีของพวกเขาอยู่
ดังนั้นการแก้แค้นย่อมต้องมาถึง ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“พวกมันอยากจะส่งฟืนกลางหิมะ[1] แต่พวกเราไม่แน่ว่าต้องช่วยเหลือพวกมัน” เจิ้งฮวนที่นั่งบนที่นั่งเอ่ยเสียงราบเรียบ
“นอกจากนั้น ตอนนี้เจ้าคนที่ชื่อซีฟอร์ด เรดดี้นั่นได้กลายเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวประธานหลี่เฉ่าจงแห่งบริษัทจวี้อีไปแล้ว”
“บริษัทจวี้อีหรือ จวี้อีที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจสิ่งมีชีวิตกับยาใช่ไหม” ถึงลู่เซิ่งจะโฉดเขลามีประสบการณ์ตื้นเขิน เอาแต่ลุ่มหลงในวรยุทธ์ขนาดไหน ก็เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อ อน
ไม่ใช่เพราะสาเหตุใดอื่น แต่เป็นเพราะยาเกือบห้าส่วนบนดาวแฝดคู่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้
“ใช่ ธุรกิจของบริษัทพวกเขาเกี่ยวข้องกับหลายๆ ด้าน ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีสิ่งมีชีวิตเท่านั้น” เจิ้งฮวนอธิบาย “พวกเราต้องลงมือกับพวกเขาไหม”
“ทำไมต้องลงมือด้วย พวกเราคือพลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎหมาย พฤติกรรมทำลายกฎระเบียบแบบนี้เป็นสิ่งที่คนของโถงเก้าชีวิตอย่างพวกเราทำได้เหรอ” ลู่เซิ่งถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
“…” นอกจากฆ่าตัวตาย พวกเราก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ
เจิ้งฮวนบ่นอุบอิบในใจ ไม่กล้าบอกออกมา
“อีกเดี๋ยวถามซูฉินดูว่าพวกเธอมีความเห็นยังไง คนอย่างหลี่เฉ่าจงอาจจะเป็นบุคคลสำคัญก็ได้” ลู่เซิ่งว่า
มาถึงตอนนี้ โถงเก้าชีวิตมั่นคงแล้ว ถ้าสองขุมกำลังใหญ่มีพลังอย่างที่แสดงออกมาในตอนนี้ ศึกทำลายดาวในอีกหนึ่งปีไม่แน่ว่าจะทำลายได้จริงๆ
ลู่เซิ่งค่อยๆ พิงหลังกับเก้าอี้หนัง
…
ณ ทวีปตุนกู ดาวแฝดคู่
ศูนย์ใหญ่ของบริษัทจวี้อี
ในห้องสำนักงานที่โอ่โถงบนชั้นที่หนึ่งร้อย ด้านในตึกสีเงินทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่
หลี่เฉ่าจงนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังแท้ด้วยสีหน้าจริงจัง ประสานสิบนิ้ว วางแขนบนที่พักแขน
หญิงสาวผมยาว ร่างเพรียวสวมแว่นคนหนึ่งกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่ด้านหน้าโต๊ะ
“การปะทะกันที่เกิดขึ้นในเมืองอันหมิงของจังหวัดอานุสเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ยืนยันได้ว่า ฝ่ายหนึ่งคือผู้ติดเชื้อไวรัสชีวภาพขนาดใหญ่ที่อุบัติขึ้นอย่า างกะทันหัน อีกฝ่ายคือบริษัทรักษาความปลอดภัยขนาดใหญ่ ตำรวจ และทหารในพื้นที่ค่ะ”
“ทำไมพูดถึงบริษัทความปลอดภัยก่อน” หลี่เฉ่าจงถามเสียงขรึม
เขาเป็นผู้นำที่ปกติแล้วทำตัวเหลาะแหละ แต่เวลาทำงานกลับจริงจังรอบคอบ ศึกใหญ่ในครั้งนี้ส่งผลกระทบมากเกินไป
ระดับสูงในจังหวัดอานุสถูกสั่นสะเทือน หน่วยป้องกันใหญ่ของดาวแฝดคู่ส่งผู้ตรวจสอบจำนวนมากไปยังเมืองอันหมิงอีกครั้ง
เลขา แสดงสีหน้าราบเรียบ
“บริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นชื่อโถงเก้าชีวิต เป็นกองกำลังคุ้มกันภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอานุส ณ เวลานี้ ก่อนหน้านี้แสดงผลงานในเหตุก่อการร้ายขนาดเล็กๆ อย่างเยี่ยมยอดอยู หลายครั้ง”
“แสดงผลงานได้อย่างเยี่ยมยอดหมายถึงอะไร” หลี่เฉ่าจงหยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นจากโต๊ะ “กำจัดผู้ติดเชื้อสภาพเลวร้ายราวสองแสนสามหมื่นคนได้ในวันเดียวเนี่ยนะ ล้อกันเล่นอยู่ หรือไง บริษัทรักษาความปลอดภัยภาคเอกชนที่ไหนแข็งแกร่งถึงขนาดนี้กัน”
“สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมยังเป็นปริศนาค่ะ” เลขาก้มหน้าน้อยๆ “ฉันจะกระตุ้นให้หน่วยข้อมูลเอาข้อมูลมาให้มากกว่านี้โดยเร็วที่สุด”
“ไม่ต้องหรอก” หลี่เฉ่าจงลุกขึ้น “พวกเขายื่นเรื่องขอเข้าพบฉันแล้ว เธอออกไปก่อน”
“ค่ะ” เลขา รีบลุกออกจากห้องสำนักงาน
หลี่เฉ่าจงถอนใจก่อนกดปุ่มบนโต๊ะเบาๆ
“ท่านประธาน คนที่กำหนดเวลาพบหน้ามาถึงแล้วค่ะ” เสียงจักรกลผู้หญิงที่อ่อนหวานดังขึ้นช้าๆ
“ให้พวกเขาไปยังที่นัดหมายเลย”
“ค่ะ”
หลี่เฉ่าจงถอนใจเฮือกหนึ่ง แล้วหยิบบุหรี่สีขาวตัวหนึ่งจากลิ้นชักออกมาจุดไฟ
ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากด้านนอก
ตุบๆๆ
ประตูถูกเคาะ
“เชิญ” หลี่เฉ่าจงกล่าวอย่างราบเรียบ
เสียงแกร๊กดังขึ้นเมื่อประตูเปิดออก ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญกำยำผู้ไว้ผมสั้นเกรียนสีดำคนหนึ่ง ถือกระเป๋าเดินทางสีเงินขนาดกะทัดรัดเข้ามา
“บอส อยากพบผมเหรอครับ” เขาถามเสียงทุ้ม
“ใช่ อีกเดี๋ยวจะต้องพบกับคนที่ค่อนข้างยุ่งยากกลุ่มหนึ่ง ฉันต้องการการคุ้มครองจากนายและสมาชิกของนาย” หลี่เฉ่าจงบอกอย่างรวบรัด
“ใครเหรอครับ เบื้องหลัง พลังเป็นอย่างไร”
“เป็นระดับสูงของโถงเก้าชีวิตจากจังหวัดอานุส คนที่มาน่าจะเป็นหัวหน้าของพวกเขา”
“ไม่มีปัญหา” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
“คนใหม่ล่ะ ซีฟอร์ด เรดดี้ใช่มั้ย” หลี่เฉ่าจงถาม
“ใช้ได้ครับ เป็นคนหน้าใหม่ที่มีศักยภาพมากที่สุดในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เป็นคนของสหพันธ์พลังจิต” ชายวัยกลางคนแนะนำ
“ครั้งนี้ให้เขาไปด้วย” หลี่เฉ่าจงว่า “ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ แต่อีกฝ่ายเจาะจงชื่อให้พาไปด้วย”
“หา” ชายวัยกลางคนงุนงง
“ไปเถอะ อีกฝ่ายมาถึงแล้ว” หลี่เฉ่าจงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปนอกประตู
…
บนลานบินข้ามดวงดาวพอร์ฟ
หลี่เฉ่าจงพาบอดี้การ์ดหลายคนเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ แล้วเข้าไปในลิฟท์ที่อยู่ด้านข้างลานจอดเครื่องบิน
ลิฟท์พุ่งลงด้านล่างจนกระทั่งถึงสถาบันวิจัยใต้ดินที่ลึกหลายร้อยเมตร
ประตูลิฟท์เปิดออก เขาพาคนโดยสารลิฟท์เข้ารหัสอีกหลายแห่ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในโถงสีขาวที่ประดับประดาอย่างงดงาม
ด้านในโถง ชายฉกรรจ์ร่างล่ำสันคนหนึ่งถือไม้ฮ็อกกี้ตีลูกบอลสีขาวลงไปในหลุมขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่ไกลออกไปอย่างแผ่วเบา
หลี่เฉ่าจงเดินเข้าไปใกล้ เสียงไปถึงก่อนคน
“ฮ่าๆๆ คุณคือประมุขโถงเก้าชีวิต หวังมู่ใช่ไหม ดีใจที่ได้เจอๆ”
ลู่เซิ่งวางไม้ฮ็อกกี้ลงแล้วมองหลี่เฉ่าจง
“ประธานหลี่เกรงใจแล้ว ครั้งนี้ที่ผมมาก็เพราะอยากขอให้บริษัทของคุณวิจัยสารกลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสในมือผม”
“อ้อ ประมุขโถงต้องการเงื่อนไขกับเป้าหมายแบบไหน และต้องการผลลัพธ์กับความก้าวหน้ายังไง” หลี่เฉ่าจงหวั่นไหว เขากำลังติดต่อคนให้หาตัวอย่างนี้มาพอดี นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอา ามาให้เอง
“ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ผมก็อยากรู้ปัจจัยต่างๆ เช่นหลักการของไวรัสชนิดนี้ ยาต้าน และเวลาออกฤทธิ์ ผมต้องการถอนรากถอนโคนไวรัสชนิดนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนธรรมด ดาเกิดอันตรายมากกว่านี้” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างมีคุณธรรมแรงกล้า
“ประมุขโถงหวัง สมกับเป็นเทพผู้คุ้มครองที่รักษาความสงบสุขให้แก่ประชาชน” หลี่เฉ่าจงชม
“ประธานหลี่ก็สมกับเป็นผู้กุมหางเสือของบริษัทจวี้อีเหมือนกัน พวกเราต้องเรียนรู้จากคุณอีกมากในด้านการทำธุรกิจ” ลู่เซิ่งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลังเยินยอกันสักพัก ลู่เซิ่งก็กวาดตามองด้านหลังของหลี่เฉ่าจง ไม่นานก็เห็นคนที่ชื่อซีฟอร์ด เรดดี้
ซีฟอร์ด เรดดี้มีหน้าตาอ่อนโยน ร่างกายสูงชะลูดมีพลัง ไม่มีความอ่อนแอของคนหนุ่มๆ เขาให้ความรู้สึกสงบนิ่งซึ่งไร้อันตราย ทั้งๆ ที่ร่างกายบรรจุพลังที่แข็งแกร่งมากไว้ แต่กลับทำให ห้คนไม่นึกระแวง
นอกจากนั้นลู่เซิ่งยังสังเกตเห็นด้วยว่า ในกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังหลี่เฉ่าจงมีอยู่สามคนที่เป็นผู้ใช้พลังจิตขั้นสูง
กลุ่มแบบนี้หากอยู่ที่ดาวแฝดคู่ กลับเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน
ตอนนั้นหลี่เจ๋อที่เป็นผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงสามารถก่อตั้งองค์กรแสวงหาผลกำไรในรูปแบบบริษัทยักษ์ใหญ่ในอานุสได้
และหลี่เฉ่าจงกลับจ้างผู้ใช้พลังจิตมาเป็นบอดี้การ์ดได้
“ได้ยินมาว่าทางคุณหาซื้อกิจการเหมืองหินกิเลนทุกแห่งเลย พวกเราบริษัทจวี้อีก็มีช่องทางและผู้ร่วมงานทางนี้อยู่บางส่วนเช่นกัน ถ้าต้องการ พวกเราสามารถแนะนำให้ทางคุณได้นะ ครับ” หลี่เฉ่าจงเสนอความช่วยเหลือ
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังส่งสัญญาณว่ามีอันตรายให้แก่เขาหลายครั้ง
นี่หมายความว่า ถ้าอีกฝ่ายลงมือ พวกเขาไม่มีทางออกจากโถงแห่งนี้ได้ เพราะหัวหน้าทีมที่เป็นผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงสุดเก่งกาจ ก็ไม่อาจรับประกันความปลดภัยของเขาได้เช่นกัน
นี่ทำให้หลี่เฉ่าจงไม่เพียงไม่เกิดความหวาดกลัวต่อลู่เซิ่ง แต่กลับสนอกสนใจมากกว่าเดิม
ความเสี่ยงมาพร้อมกับผลประโยชน์เสมอ มีความเสี่ยงมากเท่าไหร่ ก็มีผลประโยชน์มากเท่านั้น
หลี่เฉ่าจงเชื่อมั่นในหลักการนี้มาโดยตลอด
เขาไม่เพียงไม่รีบจบการพบปะ กลับเริ่มตีสนิทกับลู่เซิ่งด้วยการพูดถึงประสบการณ์ในการดูแลบริษัท
ขณะที่ทั้งสองคุยกันเรื่องงานรักษาความปลอดภัย ลู่เซิ่งก็แสร้งถามสถานการณ์ของซีฟอร์ด เรดดี้
หลี่เฉ่าจงตอบทีละข้อๆ แต่ในตอนที่ลู่เซิ่งเสนอตัวขอประมือกับซีฟอร์ด เรดดี้ หลี่เฉ่าจงก็ปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม
ในโอกาสแบบนี้ หากประมือกันแล้วชนะก็ใช่ว่าจะดี แพ้ก็ไม่ดีเช่นกัน
“ถ้าเป็นการประมือง่ายๆ ผมว่าผมน่าจะลองดูได้” ชายหนุ่มผมสั้นสีทองคนหนึ่งในกลุ่มรักษาความปลอดภัยของหลี่เฉ่าจงเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มอร์ นาย!?” สีหน้าของหัวหน้าทีมที่อยู่ด้านหลังเขาเปลี่ยนแปลง
“ได้ยินมานานแล้วว่าประมุขโถงเก้าชีวิตมีพละกำลังช้างสาร วันนี้มีโอกาสได้เห็นพอดี” ชายผมทองกล่าวอย่างแน่วแน่
ลู่เซิ่งหัวเราะ แค่ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงคนเดียว คิดจะสู้กับเขา ไม่ต้องให้เขาลงมือเองหรอก
“ฉันเอง” หญิงสาวผมสีดำไม่โดดเด่นคนหนึ่งด้านหลังลู่เซิ่งก้าวออกมา
มอร์ยังคิดจะพูดอะไร แต่จากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงน้อยๆ
“ช่างเถอะ ขอแค่เป็นยอดฝีมือของโถงเก้าชีวิต ผมก็ยินดีสู้ด้วย”
เขาเดินผ่านด้านข้างหลี่เฉ่าจง ก้าวเท้าด้วยจังหวะแปลกประหลาด กระแทกกระเทือนจิตใจผู้คน
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้า พื้นแตกร้าว ร่างกายพุ่งใส่ลู่เซิ่งดุจสายฟ้าแลบ
พรุ่บ!
ประกายเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งสาดขึ้น
เขาเร็วเกินไป เร็วจนยอดฝีมือมากมายด้านข้างลู่เซิ่งตอบสนองไม่ทัน
ความเร็วนี้ถึงขั้นเร็วกว่าไป๋จวิ้นเฉิงที่เร็วที่สุดในบรรดาพวกเขาหนึ่งเท่าตัวกว่าๆ
มอร์ที่เพิ่มความเร็วในระยะเวลาสั้นๆ เลือดเริ่มทะลักออกมาจากปากและจมูก นี่หมายความว่าอวัยวะภายในของเขาเลือดตกเพราะทนการเร่งความเร็วเกินพิกัดไม่ไหว
แต่เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย พลังจิตในมือ ควบคุมแท่งสีเงินแท่งหนึ่ง แทงใส่ศีรษะของลู่เซิ่งสุดกำลัง
“มือสังหาร!”
“ฆ่ามันซะ!”
บอดี้การ์ดหลายคนด้านหลังหลี่เฉาจงสีหน้าเปลี่ยนแปลง รีบเข้าไปลงมือขัดขวาง
แต่มอร์กลับเร็วเกินไปแล้ว
แสงสีเงินพุ่งผ่าน เหมือนกับสายฟ้าสีเงินที่โผล่ในห้วงฝันยามราตรี
มันไปถึงหน้าผากลู่เซิ่งในชั่วพริบตา
“โฮรัสฝากทักทาย” ดวงตาของมอร์ฉายแววอำมหิตเป็นครั้งสุดท้าย เสียงกระจายตัว
แท่งสีเงินหักโค้งพุ่งใส่ดวงตาของลู่เซิ่ง
เคร้ง!
เสียงสั่นสะเทือนหนักอึ้งดังขึ้นทันที
ลู่เซิ่งนั่งนิ่ง ยกมือขึ้นจับแท่งเงินไว้เบาๆ
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาไม่ทันได้ขยับตัว เหมือนกับการลอบสังหารในครั้งนี้เป็นละครที่เกิดความผิดพลาด
เปรี้ยง!
แท่งเงินแตกละเอียด มอร์เหมือนถูกค้อนยักษ์ไร้รูปร่างฟาดใส่ ร่างปลิวออกไปพร้อมกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนชนใส่ผนังแล้วไหลลงไปกองกับพื้น
……………………………………….
[1] ส่งฟืนกลางหิมะ หมายถึง ช่วยเหลือในยามยาก