ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1067 ศึกตะลุมบอน (1)
“ไอ้หนูน่าสงสาร ถ้าแกรีบกลับไปตอนนี้ อาจทันได้พบโฮรัสเป็นครั้งสุดท้าย” ลู่เซิ่งทิ้งแท่งแหลมที่แหลกละเอียดในมือ ก่อนเบือนสายตาไปยังตำแหน่งของหลี่เฉ่าจง
“เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะครับ พวกเรามาคุยต่อกันเถอะ”
“…” หลี่เฉ่าจงก้มหน้าลงมองมอร์ที่เหลือลมหายใจรวยริน ตกตะลึงจนแทบบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก
ผู้ใช้พลังจิตระดับสูงเชียวนะ…การระเบิดที่รวมพลังทั้งหมดไว้ด้วยกันในพริบตาเมื่อครู่กลับถูกมือข้างเดียวหยุดเอาไว้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ
หลี่เฉ่าจงรีบสงบจิตสงบใจ พร้อมเปลี่ยนแผนการที่ตนวางไว้ทันที
“ได้เห็นความองอาจเพียงชั่วพริบตาของประมุขโถงหวัง ถือว่าวันนี้พวกเราไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว ไม่ทราบว่าประมุขโถงหวัง สนใจจะสร้างหน่วยรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุดกับบริษัทจวี้อีของผมไหม บริษัทของพวกเราได้วิจัยยาทดลองที่ช่วยเพิ่มประสาทสัมผัสของมนุษย์ถึงระดับสูงสุดชนิดหนึ่งออกมาพอดี”
ลู่เซิ่งหวั่นไหว เขาได้รู้จากผู้กลับชาติมาเกิดในสังกัดว่า หลี่เฉ่าจงกำลังวิจัยยาลึกลับที่มีชื่อว่าพลังมายาลวงอย่างเป็นการลับ
เพียงแต่ยาชนิดนี้มีอัตราความสำเร็จต่ำมาก หลังกินแล้ว คนที่สำเร็จก็คือซีฟอร์ด เรดดี้ คนอื่นๆ ถ้าไม่เป็นบ้าก็ตายจากความเหนื่อยล้า
ดูจากตอนนี้ เขาน่าจะใช้การวิจัยยานี้เป็นฉากหน้า
พลังมายาลวง…
“แน่นอน ผมเชื่อมั่นในความสามารถด้านการวิจัยของบริษัทจวี้อีเสมอมา” ลู่เซิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
เพิ่งเจอกัน จะเอาความเชื่อมั่นมาจากไหน
แต่ทุกคนต่างก็พูดจาเกรงอกเกรงใจไป รอยยิ้มบนใบหน้าหลี่เฉ่าจงกว้างขึ้นกว่าเดิม
“อีกเดี๋ยวจะมีการทดลองยาล็อตหนึ่งในสิ่งมีชีวิตพอดี ถ้าประมุขโถงหวังยินดี ก็สามารถตามผมไปดูได้นะครับ”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา
ทั้งสองจับมือกันอย่างแรง ก่อนจะยิ้มพร้อมกัน
…
“สิบนาที พวกเรามีเวลาสิบนาทีในการแย่งชิงยา ผู้ใช้พลังจิตขั้นสูงเป็นพวกที่ห้ามหาเรื่อง ถ้าฝ่าการป้องกันไม่ได้ กองกำลังป้องกันของบริษัทจวี้อีจะมาถึงทันที”
ในห้องที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง
ร่างสีดำหลายร่างจับกลุ่มกันกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
“ในโครงเรื่องส่วนนี้ แม้พลังของมายาลวงจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นการรับประกันสูงสุดที่รับรองว่าตัวละครหลักเรดดี้ ซีฟอร์ดจะอยู่รอดปลอดภัย ในโครงเรื่องเขารอดจากทางตันหลายครั้งเพราะใช้สิ่งนี้”
“ดังนั้น พวกเราจะต้องเอามาให้ได้”
“ถูกต้อง ฉันได้ข่าวมาว่า เทวทูตกับปีศาจเริ่มศึกกันแล้ว ก่อนหน้านี้สมาชิกทีมย่อยของเทวทูตได้รับบาดเจ็บโดยไร้สาเหตุ ฝั่งปีศาจคว้าโอกาสลอบโจมตี ทำร้ายคนได้คนหนึ่ง เดิมทีทีมเทวทูตแข็งแกร่งกว่าทีมปีศาจนิดเดียว ครั้งนี้กลับไม่แตกต่างกันเท่าไหร่แล้ว”
“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นรอพวกเขาลงมือ พวกเราจะหมดโอกาสแล้ว”
“งั้นก็ลงมือเลย”
“อืม จะสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการปฏิบัติการนี้”
…
“ตามโครงเรื่องเดิม ห้องทดลองจะระเบิดตอนบ่ายสามโมง ตอนที่ยาทดลองจำนวนมากกลายเป็นควันกระจัดกระจาย ยาทดลองที่ระเบิดจะซึมเข้าไปในตัวซีฟอร์ด เรดดี้อย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเราต้องการชิงยา จะต้องลงมือก่อนการระเบิด”
ด้านนอกศูนย์วิจัยที่สามของสถาบันการทดลองของบริษัทจวี้อี
พวกซูฉินนั่งอยู่ในคาเฟ่ฝั่งตรงข้าม มองดูฝูงชนที่เข้าออกศูนย์วิจัย
“น่าเสียดาย ไม่รู้ทำไมซีเสียงถึงไม่ต่อสู้กับโถงเก้าชีวิต พวกเราหาโอกาสดีๆ หลายครั้งแต่ก็ลงมือไม่ได้สักที” เธอพูดอย่างเสียดาย
“ข่าวดีก็คือ ประมุขโถงใช้ความเห็นของพวกเรา เพียงแต่ฉันยังสังหรณ์ไม่ดี ไม่รู้ทำไม” หญิงสาวผู้มีความสามารถควบคุมจิตใจกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ลางสังหรณ์ของเซียงเซียง แม่นมาโดยตลอด นี่เป็นสาเหตุที่เราเลือกสังเกตการก่อน ในเมื่อประมุขโถงหวังมู่รู้ทุกเรื่องที่จะเกิดที่นี่แล้ว เขาจะต้องเตรียมตัวไว้แน่ อย่างนั้นยังมีอะไรที่ยุ่งยากยิ่งกว่าโถงเก้าชีวิตในตอนนี้อีก คงจะไม่ใช่ดาวแฝดคู่ทั้งดวงใช่ไหม”
เต๋อเอิ้นส่ายหน้าน้อยๆ
“พวกเราแค่ต้องให้ความร่วมมือกับประมุขโถง ในการเอาพลังแห่งมายาลวงมาเท่านั้น สร้างบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ ยิ่งโถงเก้าชีวิตแข็งแกร่งเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น”
ตอนนี้พวกเขาเข้าร่วมกับโถงเก้าชีวิตอย่างเป็นทางการ ออกจากแสงดาวสีครามเรียบร้อยแล้ว
ระบบเทพได้แจ้งเตือนว่าพวกเขาเข้าร่วมองค์กรสายมารอย่างโถงเก้าชีวิตสำเร็จเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจก็คือ โถงเก้าชีวิตเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยชัดๆ แล้วกลายเป็นองค์กรสายมารตั้งแต่ตอนไหนกัน
“มีคนลงมือแล้ว!” ทันใดนั้นซูฉินก็ตัดบท ก้มหน้าลงน้อยๆ
ทุกคนมองศูนย์วิจัยพร้อมกัน
เห็นสาวงามที่มีผมสีฟ้าคนหนึ่งสวมชุดคลุมรูปแบบช่วงศตวรรษกลางสีขาว ประกายไฟฟ้าสีน้ำเงินกลุ่มใหญ่ระเบิดเปรี๊ยะๆ ในมือ
เธอปล่อยลูกแสงสายฟ้าใส่ประตูของศูนย์วิจัยตรงๆ
ตูม!
ประตูระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ พลังแม่เหล็กขนาดใหญ่ถูกควบคุมให้กระจายไปรอบๆ
ร่างสีดำอีกหลายร่างพุ่งออกมาจากด้านหลังเธอแล้วหายเข้าไปในศูนย์วิจัย เธอเองลอยตัวไปยังด้านในเช่นกัน ทิ้งประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เอาไว้บนพื้น
“พวกโง่นั่น! อยากตายกันนักหรือไง” ซูฉินกุมหน้าผาก
ครึ่งนาทีต่อมาก็มีเสียงระเบิดและเสียงตะโกนเบาๆ ดังมาจากในศูนย์วิจัย
“ศูนย์วิจัยถูกบุกแล้ว! ชั้นใต้ดินสามชั้นถูกทะลวงแล้วสองชั้น” เซียงเซียงหญิงสาวผู้มีพลังควบคุมจิตใจรีบบอก
“มีสามกองกำลังลงมือพร้อมกัน!”
“สามกองกำลังหรือ!? บ้าจริง! พวกเขานัดกันไว้แล้ว!” ซูฉินสีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รีบลุกขึ้น
“ไป! พวกเราตามไปด้วย!”
…
ในเขตทดลองใต้ดิน
ลู่เซิ่งเดินตามหลี่เฉ่าจงขณะรับชมผลการวิจัยในสาขาต่างๆ ของเขตทดลองใต้ศูนย์วิจัย
หลายวันมานี้เดิมทีเขาใช้เวลาดูดซับหินกิเลนจำนวนมาก แต่จู่ๆ ซูฉินก็มาหาเขาแล้วบอกว่า ซีฟอร์ด เรดดี้จะได้รับความสามารถป้องกันตัวที่แปลกประหลาดสุดแสน จากสถาบันวิจัยแห่งนี้ในวันนี้
สุดท้ายลู่เซิ่งที่ตอนแรกกำลังเตรียมกักตนฝึกฝนก็หาเวลามาเยี่ยมหลี่เฉ่าจง
นึกไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านนอก
เขารับปากฝ่ายแสงดาวสีครามแล้วว่า จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกสภากางเขนระดับสูงสุด อีกสักพักก็จะเป็นเวลาแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว
เขาจะต้องมุ่งหน้าไปยังใจกลางกาแลคซีแบล็คเชอร์รี่อันเป็นศูนย์ใหญ่ของแสงดาวสีครามเพียงคนเดียว เพื่อลงทะเบียนการเป็นสมาชิก
นี่เป็นโอกาสที่จะได้ยลโฉมขุมกำลังแข็งแกร่งระดับสูงสุดบนโลกใบนี้…
เขาได้รู้จักตัวตนระดับทูตพลังงานมืดสุดแข็งแกร่งที่หยั่งรู้อนาคตของแสงดาวสีครามจากซีเสียง
ยังมีสมาชิกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์อีกต่อไป แต่รวมร่างกับระบบจักรกลโดยใช้สมองเป็นแกน และใช้พลังงานกระจายตัวในดาวเคราะห์หลายดวงเป็นแหล่งพลังงาน เพื่อสร้างร่างกายระดับดาวเคราะห์ใหญ่ขึ้นมา
ในตัวเขาบรรจุดาวขนาดใหญ่ระดับดาวเคราะห์ไว้เกือบห้าดวง
พลังที่ประสานวิทยาการเข้ากับพลังจิตนี้ทำให้ลู่เซิ่งถอนใจชมเชยอย่างอดไม่ได้
สมกับเป็นจักรวาลระดับพลังงานสุดยอด ดาวมรณะในโลกมารสวรรค์ แทบจะเทียบไม่ติด เขาในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นจริงๆ
ดังนั้นเขาที่มีเป้าหมายแล้วจึงมีแรงขับให้เริ่มเก็บรวบรวมหินกิเลนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
สถานการณ์ที่พบเจอในตอนนี้จึงไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงอีกเมื่อเทียบกับกองกำลังสุดยอดของแสงดาวสีคราม
ครืน!
เพดานด้านบนศูนย์วิจัยเกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง
หลี่เฉ่าจงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แสดงความกังวลแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนพวกเราจะได้รับคำอวยพรจากดาวนำโชคจริงๆ ประมุขโถงหวังมาในเวลาอันตรายอย่างนี้ ครั้งนี้เจ้าโจรขโมยที่ไร้ดวงตาพวกนี้เตะใส่แผ่นเหล็กเข้าแล้ว” เขาถึงขั้นยิ้มแย้ม
“ประธานหลี่ก็ว่าไปนั่น ต่อให้ผมไม่อยู่ที่นี่ ด้วยพลังของบริษัทจวี้อี หน่วยรักษาความปลอดภัยก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามาเร็วอยู่ดีนั่นแหละครับ” ลู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอพูดตามตรงนะ ผู้ใช้พลังจิตที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยหลักเพิ่งจะไปจัดการเหตุการณ์บุกจู่โจมที่เกิดขึ้นในอีกส่วนของดาวแฝดคู่เมื่อบ่ายนี้พอดี” หลี่เฉ่าจงสารภาพ “ถ้าพวกเขาบุกเข้ามาจริงๆ ผมเองก็ได้แต่ยอมให้จับไปทรมานแต่โดยดี ดังนั้นครั้งนี้ประมุขโถงหวังเลยได้ช่วยผมจริงๆ”
“ก็อาจจะ”
ลู่เซิ่งมองเนื้อเยื่อสิ่งมีชีวิตที่ขยับอยู่ในกระจก
เวลานี้ด้านนอกโถงของโครงสร้างใต้ดินชั้นนี้มีเสียงตวาดดังมาเบาๆ เป็นระยะ คล้ายมีคนบุกมาถึงนี่แล้ว ทั้งยังต่อสู้กับบอดี้การ์ดที่อยู่รอบนอก
“จวิ้นเฉิง เธอไปจัดการหน่อย” ลู่เซิ่งไม่หันหลังกลับ
“ผมจัดการเอง” ไป๋จวิ้นเฉิงพ่นไม้จิ้มฟันที่กัดอยู่ในปากทิ้งก่อนสาวเท้าเดินไปยังนอกโถง
เปรี้ยง!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
ไม่นานเสียงด้านนอกก็เงียบลง
“สมกับเป็นสมาชิกหลักของโถงเก้าชีวิต พลังช่าง…” ยิ่งหลี่เฉ่าจงสัมผัสกับโถงเก้าชีวิต ก็ยิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขน เขารู้สึกอยู่บ่อยครั้งว่าตนเองกำลังคุยกับสัตว์ขนาดมโหฬารอยู่ ขอแค่อีกฝ่ายพลิกตัวเบาๆ ก็ทับตนเองให้ตายทั้งเป็นได้แล้ว
“พวกเรามาต่อกันเถอะ…” ลู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
…
ตูม!
ไป๋จวิ้นเฉิงกางมือข้างหนึ่งเป็นกรงเล็บหมาป่าแล้วคว้าใส่ลำคอของร่างสีดำสองร่างดุจสายฟ้าแลบ
ละอองเลือดโปรยปราย
ทั้งสองคนล้มลงกับพื้น
ปีกเนื้องอกออกมาจากแผ่นหลังของเขาดังแคว่ก สองมือฟาด ตะปบอย่างต่อเนื่อง แทบกลายเป็นเงาลวงตาในทางใต้ดิน
ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่คนแล้วคนเล่ายังไม่ทันกะพริบตาก็ถูกฉีกลำคอ บางคนถึงขั้นหัวหลุดออกจากบ่า
“บ้าเอ๊ย! ราชาหมาป่าไป๋จวิ้นเฉิงแห่งโถงเก้าชีวิต! รีบถอย!” มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไกล
ไป๋จวิ้นเฉิงกระพือปีก หมุนตัวครั้งหนึ่งแล้วบินไปยังต้นเสียง
ผู้กลับชาติมาเกิดหลายคนถึงขั้นไม่ทันใช้ความสามารถของตัวเองก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เสียก่อน
“อ่อนแอเกินไปแล้ว!” ไป๋จวิ้นเฉิงเร่งความเร็วด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
เขาพลันพุ่งไปด้านหน้า สองกรงเล็บพัดพากระแสลมแรงขึ้นหลายกลุ่ม
เคร้ง!
ทันใดนั้นก็มีกำแพงพลังจิตสีทองโผล่ขึ้นด้านหน้า ขวางการโจมตีนี้เอาไว้
แท่งสีทองหลายแท่งแทงใส่เขาจากสองฟากข้าง
ไป๋จวิ้นเฉิงวูบไหวร่างถอยหลังอย่างรวดเร็ว บินวนอยู่เหนือเส้นทางของศูนย์วิจัย
“ในที่สุดก็มีคนที่ใช้ได้แล้วนี่” เขาเลียเลือดบนมือพร้อมเผยจิตสังหารบ้าคลั่ง
“ฉันขวางมันไว้เอง พวกนายรีบบุกต่อ!” ชายผมขาวที่สวมหน้ากากสีขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากปลายทาง
“ได้!”
ร่างสีขาวหลายร่างพุ่งออกมาจากด้านหลังเขา
ไป๋จวิ้นเฉิงวูบไหวร่างคิดจะขัดขวาง แต่กลับถูกกำแพงพลังจิตสีทองขวางไว้อีกรอบ
“แกจะไปไหน” ชายผมขาวตวาดเสียงเฉียบขาด
……………………………………….