ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1071 ความโกลาหลจากสงคราม (1)
‘หมายความว่า อัลโฟเลตติและพ่อของเธอน่าจะเป็นหนึ่งในเสาหลักที่มีหน้าที่รับมือรากแห่งความว่างเปล่าในโลกใบนี้สินะ’
แม้โลกระดับพลังงานสุดยอดแห่งนี้จะไม่ได้มีแค่จักรวรรดิมอธ แต่ในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีอำนาจทางการทหารยิ่งใหญ่ไม่กี่ประเทศ ตำแหน่งของจักรวรรดิมอธจึงมีอิทธิพลสำคัญ
สามารถรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ พลัง บารมี และตำแหน่งของเขาไม่จำเป็นต้องบรรยายก็เป็นที่ทราบได้
ลู่เซิ่งทราบถึงตำแหน่งและอำนาจของอัลโฟเลตติอย่างรวดเร็ว ทั้งยังรู้คร่าวๆ ว่าเธอคนนี้อยู่ในตำแหน่งไหนของแสงดาวสีคราม
‘อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องพวกนี้ เริ่มแผนการช่วยเหลือในเวลาฉุกเฉินก่อน ดวงดาวถูกเราดึงลาวาออกมามากเกินไปเพื่อสู้กับศัตรู จนส่งผลต่อการโคจรและการทำงานตามปกติของดวงดาว จะต ต้องรีบดำเนินการช่วยเหลือทันที‘ ลู่เซิ่งก้มมองผืนดินด้านล่าง
เมืองแทบจะมองไม่เห็นแล้ว ยังมีซากสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง สั่นคลอนอยู่บนดินดำที่แตกระแหงและลอยไปมา
ลมพัดมาจากท้องฟ้า ปัดเป่าควันดำหนาหลายกลุ่มที่ลอยขึ้นจากพื้นจนส่ายไหว
ลู่เซิ่งได้กลิ่นเหม็นไหม้นับไม่ถ้วนผสมกัน ยังมีแก๊สที่ไม่รู้จักชื่อกระจายออกมาจากในเปลือกดาว
กลิ่นทั้งหมดผสมกันกลายเป็นกลิ่นเหม็นสุดทนทาน
“ไปเถอะ ไปช่วยผู้รอดชีวิต ชีวิตทุกชีวิตไม่ควรถูกทิ้งขว้าง” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงทุ้ม
“รับทราบ!” ร่างสีดำมากมายหมุนตัวพุ่งลงไปด้านล่าง
ลู่เซิ่งกระพือปีกบินวนเวียนในบริเวณรอบๆ คอยใช้สายตากวาดมองผ่านด้านล่างอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานเขาก็เห็นจุดสีดำกลุ่มหนึ่งดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่บนก้อนหินยักษ์ที่ง่อนแง่นก้อนหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของเปลือกดาวอันรุนแรงทำให้ก้อนหินพลิก จากนั้นก็กดทับใส่พวกเขา
ลู่เซิ่งวาดฝ่ามือขวาเบาๆ
ดาบอากาศที่บิดเบี้ยวและไร้รูปร่างสายหนึ่งพุ่งเข้าไปกระแทกใส่ก้อนหินยักษ์ที่กำลังพลิกดังเปลี้ยง กระแทกมันให้กลับไปหยุดอยู่ที่เดิมอย่างแผ่วเบา
จากนั้นเขาก็ชักมือกลับ แล้วบินเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบพบเจอภัยพิบัติเพราะเขาต่อ
เขาบินอยู่กลางอากาศสองชั่วโมงกว่าๆ
จากนั้นค่อยเข้าไปพักผ่อนกลางฐานทัพลอยฟ้าชั่วคราวที่อยู่ใกล้ๆ
ฐานทัพทางการทหารที่อยู่ใกล้ๆ ถูกทำลายไปในสงครามเมื่อครู่ ผู้รอดชีวิตถูกช่วยไว้แค่ไม่กี่พันคนด้วยการค้นหาและช่วยเหลือของสมาชิกหลักจากโถงเก้าชีวิต
ประชาชนจำนวนมากตายในการเคลื่อนไหวของเปลือกดาวอันรุนแรง
แม้โถงเก้าชีวิตจะช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงอันโหดร้ายได้
ลู่เซิ่งที่อยู่ในฐานทัพลอยฟ้ารีบติดต่อกับหน่วยป้องกันใหญ่ จากนั้นก็ทราบว่าผู้บัญชาการอัลโฟเลตติแห่งแสงดาวสีครามได้นำกองทัพไปรับช่วงดูแลหน่วยป้องกันใหญ่ของดาวแฝดคู่ ด้วยวิธีการพิเศษแล้ว
เครื่องกำเนิดสัญญาณบนเปลือกดาวขนาดใหญ่และตัวยึดสัณฐานดาวเริ่มทำงาน ทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากสงครามสงบลงอย่างรวดเร็ว
สงครามครั้งนี้ทำให้ไม่เพียงเมืองที่บริษัทจวี้อีอยู่ พบเจอความลำบากเท่านั้น ทวีปที่อยู่รอบๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไปด้วยเช่นกัน
ต่อให้เป็นอีกด้านหนึ่งของดาวที่หันหลังให้จังหวัดอานุสก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยบาดเจ็บล้มตายเพราะอาคารพังทลาย
เมืองติดทะเลถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดกลบไปเกือบครึ่ง ก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน
ดาวแฝดคู่โกลาหลและสับสนเช่นนี้
ลู่เซิ่งได้รับคำเชิญขอพบหน้าจากอัลโฟเลตติแห่งแสงดาวสีคราม
ในฐานะว่าที่สมาชิกกางเขน ในทางทฤษฎีเขาอยู่ในระดับเดียวกับอัลโฟเลตติ แต่ความจริงไม่ว่าจะเป็นพลังหรือบารมี อัลโฟเลตติล้วนเหนือกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นหน้าใหม่
ส่วนอัลโฟเลตติเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ตอนได้รับคำเชิญ อัลโฟเลตติที่อยู่ในวีดีโอคอลไม่ได้ให้ความรู้สึกคุกคามใดๆ เพียงแต่เชิญเขาไปปรึกษาอย่างเรียบเฉยเท่านั้น
เป็นการปรึกษากลยุทธ์รับมือโดยเน้นที่มาตรการซึ่งกองทัพประจำจักรวรรดิจะใช้ในเวลาต่อจากนี้
ความรู้สึกนี้เหมือนกับทำงานร่วมกัน
ลู่เซิ่งคำนวณพลังของอัลโฟเลตติคร่าวๆ ออกแล้ว ถ้าหากความแปรปรวนรอบนอกกองยานขนาดยักษ์เมื่อก่อนหน้านี้เป็นพลังทั้งหมดของเธอ ถ้าอย่างนั้นอัลโฟเลตติที่สามารถห่อหุ้มกองยาน นทั้งกองให้เคลื่อนไหวได้ด้วยพลังของตัวเอง
พลังของเธอก็เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่จะอยู่ในระดับเดียวกับร่างหลักของเขา
อย่างไรพวกนั้นก็ไม่ใช่ยานรบทั่วไป ทุกๆ ลำเป็นยานรบที่เทียบได้กับดาวเคราะห์ทั่วไปหลายดวง การขับเคลื่อนยานรบยักษ์หลายลำพร้อมกัน ต่อให้เป็นลู่เซิ่งเอง ก็ยังไม่มั่นใจว ว่าจะควบคุมวิถีการบินของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์
แต่อัลโฟเลตติทำได้
เธอใช้ยานหลักเป็นแกนในการเหนี่ยวนำให้กองยานทั้งกองพุ่งชนใส่กองยานของจักรวรรดิด้วยความเร็วสูง ลู่เซิ่งสัมผัสกระบวนการทั้งหมดนั้นได้อย่างชัดเจน
นี่เท่ากับใช้พลังของตัวเองห่อหุ้มดาวเคราะห์หลายสิบดวงพุ่งชนใส่ศัตรู
เขาทำลายดาวดวงหนึ่งและกาแลคซีแห่งหนึ่งได้ง่ายๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสร้างคุณภาพที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้
ลู่เซิ่งเกิดความคาดหวังต่อการพบหน้าครั้งนี้อย่างมาก
ในฐานะว่าที่สมาชิกที่ตอบรับจะเข้าร่วมกับแสงดาวสีคราม เขาสามารถทำความเข้าใจข้อมูลที่อยู่ในระดับพวกเธอจากการแลกเปลี่ยนกันได้
…
ด้านในยานรบยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือฐานทัพหน่วยป้องกันใหญ่
กลางห้องประชุมในยานรบที่เย็นยะเยือก
ลู่เซิ่งสวมเสื้อโคตสีดำ ด้านหลังมีตัวพิมพ์สีขาวเป็นคำว่าเก้าขนาดใหญ่ อันซาและหงซื่อติดตามมาด้วย
หงซื่อพยายามปกปิดร่างกายที่ใหญ่โตอย่างเต็มที่ แต่ส่วนสูงสามเมตรกว่าๆ ของเธอก็ยังคงดูดุร้ายและทรงพลังอย่างชัดเจนในเส้นทางของยานรบ
วี้ด
ประตูอัตโนมัติด้านหน้าลู่เซิ่งแยกออกไปสองฟากข้าง
จากนั้นลู่เซิ่งก็ก้าวเข้าไปในห้องประชุม
ในห้องประชุมมีโต๊ะยาวทรงรีขนาดใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง เส้นทางแสงสีน้ำเงินหลายเส้นกะพริบบนพื้น กรอบรูปที่เหมือนภาพน้ำมันหลายกรอบฝังติดอยู่บนผนังรอบๆ ด้านในมีภาพมากมายกำลังเปล ลี่ยนแปลง
มีกวางน้อยที่วิ่งตะบึงอยู่ในป่า
มีเมฆขาวลอยไปมาบนท้องฟ้า
และมีช้างเดินอย่างทุลักทุเลอยู่กลางธารน้ำแข็ง
สัตว์ยักษ์ที่ไม่รู้จักชื่อเงยหน้าคำราม
ยังมีกองยานรบอีกหลายกองกำลังห้ำหั่นกัน ผู้ใช้พลังจิตส่วนหนึ่งควบคุมหุ่นยนต์ที่หรูหราและมีรูปลักษณ์ทางศาสนาเข้าต่อสู้อย่างดุเดือด
“ยินดีต้อนรับ”
ร่างสีน้ำเงินที่สูงชะลูดลุกขึ้นยืนด้านหน้าโต๊ะประชุม
ลู่เซิ่งเพ่งสายตาไปจับอยู่บนร่างหญิงสาวผมยาวที่อยู่ตรงกลาง
หญิงสาวมีเค้าหน้าและผิวพรรณที่สมบูรณ์ไร้รอยตำหนิ ผมเรียวเล็กสีขาวสว่างเจิดจ้าราวกับหิมะซึ่งไร้อุณหภูมิ
เธอสวมเกราะสีน้ำเงินแนบเนื้อที่ขับรูปร่างของเธอ ไม่ได้ใส่หมวกเกราะ ยืนขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ดีใจมากที่พวกเราได้เจอกันในสภาพแวดล้อมที่สันติแบบนี้” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันอัลโฟเลตติ หนึ่งในสิบหกนายพลรุ่นปัจจุบันของแสงดาวสีคราม”
ลู่เซิ่งพยักหน้าน้อยๆ
“ผมหวังมู่ ว่าที่สมาชิกสภากางเขน ประมุขโถงเก้าชีวิตแห่งดาวแฝดคู่ เป็นเกียรติมากที่ได้พบกับอัจฉริยะแห่งจักรวรรดิผู้แข็งแกร่งในตำนาน ผู้บัญชาการอัลโฟเลตติซึ่งเป็นหนึ่งใน นห้าดาวศักดิ์สิทธิ์”
“เกรงใจแล้ว จะว่าไป ฉันเป็นคนลงคะแนนให้คุณเข้าร่วมสภานะ” อัลโฟเลตติยิ้ม
บรรยากาศพลันเป็นมิตรขึ้น ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนเดิมอีก
“ขอขอบคุณเสียงสนับสนุนของคุณด้วยครับ” ลู่เซิ่งหัวเราะ
ทั้งสองเร่งฝีเท้าเข้าใกล้กัน ก่อนจะยื่นมือออกมาจับกันอย่างแรง
เปรี้ยง!
ระลอกคลื่นโปร่งใสจางๆ กลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นในพริบตาที่ทั้งสองจับมือกัน กระแทกพื้นโลหะที่อยู่ใกล้ที่สุดให้จมลงไปเล็กน้อย
“พละกำลังไม่เลวเลย” อัลโฟเลตติแสดงความชื่นชมออกทางใบหน้า
“เทียบกับพวกขยะตุ้งติ้งอย่างขุนนางจักรวรรดิแล้ว ฉันชื่นชมชายแข็งแกร่ง อย่างคุณมากกว่า” เธอผายมือให้ลู่เซิ่งนั่งลง
ทั้งสองและบริวารที่อยู่รอบๆ ต่างนั่งประจำที่
อัลโฟเลตติไม่คิดจะมีพิธีรีตรอง รีบพูดว่า
“เพราะศึกใหญ่ครั้งนี้ คุณจะต้องจากไปพร้อมกับพวกเราแล้วล่ะ”
“ผมเข้าใจ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
“คุณเข้าใจก็ดี ฉันรู้ดีว่าการจากบ้านเกิดมันยาก แต่เรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องทำ ดาวแฝดคู่ได้กลายเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ระหว่างพวกเราและสหพันธ์พลังจิตแห่งจักรวรรดิไปแล้ ว มันพร้อมจะพังทลายได้ทุกเวลา”
อัลโฟเลตติมีสีหน้าเรียบเฉย
“ทุกๆ วินาทีในจักรวาลแห่งนี้ มีดวงดาวนับไม่ถ้วนถูกทำลาย ดาวแฝดคู่เป็นแค่หนึ่งในนี้เท่านั้น คุณปลงซะเถอะ โลกของเราไม่ได้จำกัดอยู่ที่ดาวดวงเดียว”
“ขอบคุณที่ปลอบครับ ผมแค่หนักใจว่าจะหาที่อยู่ให้ครอบครัวยังไงดี” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“เรื่องนี้ไม่ยากหรอก คุณมีสองทางเลือก ทางเลือกแรกคุณหาที่อยู่เอง ทางเลือกสองคือไปยังศูนย์ใหญ่ แกนกลางขององค์กร”
“ขอผมพิจารณาก่อน” ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ศูนย์ใหญ่อยู่ที่กาแลคซีแบล็คเชอร์รี่ แม้จะรู้จักชื่อ แต่ต่อให้เป็นฉันก็ไม่รู้ว่ากาแลคซีแห่งนี้อยู่ไหน มันอยู่ในมิติย้อนกลับ เป็นกาแลคซีขนาดเล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยีลึก กลับสร้างขึ้นในมิติย้อนกลับน่ะ”
“มีมิติย้อนกลับอยู่จริงๆ เหรอครับ” ลู่เซิ่งไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้มากนัก
“แน่นอน เงื่อนไขการเข้ามิติย้อนกลับโดยพื้นฐานคือความเร็วแสง หลังจากไปถึงความเร็วแสง ก็จะเข้าออกด้านในได้อย่างอิสระ เมื่อครอบครองเทคโนโลยีมิติย้อนกลับได้ ก็จะควบคุมกฎของอ อนุภาคเวลาได้” อัลโฟเลตติเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อย่างฉันนี่ คุณเดาดูสิว่าฉันอายุเท่าไหร่แล้ว” เธอตั้งนิ้วชี้ขึ้น “ใบ้คุณหน่อยก็แล้วกัน”
อายุเท่าไหร่เหรอ ลู่เซิ่งพิจารณาอีกฝ่ายก่อนกล่าวช้าๆ
“ร้อยปีใช่มั้ย”
“คุณว่าฉันอายุร้อยปีแล้วยังรักษาสภาพนี้ได้อยู่อีกเหรอ” อัลโฟเลตติกลับไม่แสดงความขุ่นเคืองเหมือนผู้หญิงทั่วไป เพียงยิ้มจางๆ
“เอ่อ…ขอโทษที่จินตนาการผมตื้นเขินเกินไป” ลู่เซิ่งเพียงแค่เคยศึกษาความรู้ด้านเทคโนโลยีบางส่วนจากหนังสือในห้องสมุดเหวินต๋าเท่านั้น แต่ระบบความรู้เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นระบบ บล้าหลัง
เทคโนโลยีสุดยอดอย่างมิติย้อนกลับย่อมไม่มีการบันทึกไว้
“สิบเก้าปี” อัลโฟเลตติเฉลยด้วยรอยยิ้ม
“ผ่านมาสองพันปีแล้ว…แต่ฉันก็ยังอายุสิบเก้าปี ทุกๆ ปีฉันจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในมิติย้อนกลับ อนุภาคเวลาของที่นั้นไหลย้อนกลับ เนื้อเยื่อและเซลล์ของฉันจึงอยู่ใน นสภาพสมดุลตอนอายุสิบเก้า ดังนั้นฉันจึงอายุสิบเก้าตลอดกาล”
อัลโฟเลตติยิ้มบาง
“น่าอัศจรรย์จริงๆ…” ลู่เซิ่งถอนใจชมเชย
ปรากฏการณ์นี้ เขาไม่เคยพบเห็นจากจักรวาลใดๆ ที่เขาเคยจุติ ต่อให้จะเป็นโลกมารสวรรค์และโลกเทพนอกรีตที่อยู่ในระดับพลังงานสูง ก็มีความสามารถและวิชาบางส่วนเท่านั้นที่ส่งผล ต่อเวลาได้ แต่ก็ยังห่างไกลจากที่นี่มากอยู่ดี
เทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ใช้มิติย้อนกลับได้อย่างเป็นสากลแบบนี้ ได้ยกระดับถึงนิยามการควบคุมเวลาแล้ว