ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1076 โยกย้าย (2)
‘คาฟีลาเดีย อดีตนายกเทศมนตรีแห่งจักรวรรดิ ตอนนี้รับตำแหน่งหนึ่งในห้าดวงดาวศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงดาวสีครามซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่น่ากลัว มีอำนาจแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในผู้ท ทรงอำนาจหลักของแสงดาวสีคราม’
ข่าวใหม่ล่าสุดในบรรดาข่าวที่เด้งออกมาถูกลู่เซิ่งแตะเพื่อตรวจสอบ
‘เขาเคยนำกองยานทหารแห่งจักรวรรดิออกปราบเผ่าพันธุ์ต่างๆ สร้างผลงานการรบ แต่เพราะหัวรุนแรงเกินไป และอำมหิตเกินไป ทำให้เกิดการต่อต้านจากดวงดาวขนาดใหญ่ สุดท้ายต้องลงจากต ตำแหน่งอย่างเงียบๆ ลูกสาวของเขาอัลโฟเลตติเป็นผู้ใช้พลังจิตอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิซึ่งพันปีจะพบสักครั้ง’
ไม่มีค่าอะไรเลย
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วอ่านต่อไป แต่ก็ได้แต่ตรวจสอบข้อมูลระดับพื้นฐานไม่กี่ชิ้น
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำบอกเล่าเกี่ยวกับพลังมายาที่อัลโฟเลตติเคยพูดถึง
คาฟีลาเดียเป็นผู้สนับสนุนที่ยืนกรานในการต่อต้านพลังมายา ก่อนหน้านี้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีของจักรวรรดิ เขาได้ผลักดันนโยบายโฆษณาต่อต้านทางด้านนี้อย่างเต็มกำลัง
ต่อมาหลังจากลงจากตำแหน่งก็ได้หันไปเข้าร่วมกับแสงดาวสีคราม กลายเป็นหนึ่งในหัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่น่ากลัว และยังคงสนับสนุนการต่อต้านการผสานกับพลังมายาอย่างไม่หยุดยั้ง
‘ถ้าเชื่อมโยงถึงรากฐานของพลังมายาล่ะก็…’ ลู่เซิ่งมีการคาดเดาบางส่วนในใจ
เขาปิดจอภาพ จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปยังเขตพักผ่อนที่อัลโฟเลตติอยู่
ตอนที่เจออัลโฟเลตติ เธอกำลังสวมชุดว่ายน้ำนอนอยู่ริมสระว่ายน้ำในห้องอย่างเกียจคร้าน ชุดว่ายน้ำสีดำอำพรางยอดปทุมถันของเธอ ท่อนล่างคือผ้าชิ้นเล็กๆ สีดำ ดูเหมือนแค่เอีย ยงเล็กน้อยก็จะเผยสิ่งที่อยู่ข้างใต้ออกมาได้
แต่ไม่ว่าเธอจะขยับอย่างไร ผ้าชิ้นเล็กๆ ตรงจุดสำคัญนั้นก็ไม่ตกลงมา
“ชอบว่ายน้ำไหม” อัลโฟเลตติโบกมือให้ลู่เซิ่ง
“ไม่” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปใกล้ “มาถามเรื่องบางเรื่องกับคุณน่ะ”
“ว่ามาสิ ฉันฟังอยู่” อัลโฟเลตติถอดแว่นกันแดดลง หน้าอกที่น่าภาคภูมิใจกระเด้งน้อยๆ ขณะยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้และบิดขี้เกียจ
“เกี่ยวกับพ่อของคุณ” ลู่เซิ่งบอกตรงๆ “ตอนนั้นทำไมพ่อของคุณถึงได้ต่อต้านพลังมายาล่ะครับ”
อัลโฟเลตติมองลู่เซิ่งอย่างประหลาดใจ ก่อนค่อยๆ หยุดสายตาที่ตาซ้ายของเขา
“พลังมายาจะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจและสติปัญญาของคน ฉันดูออกว่าบนตัวคุณมีพลังมายา แต่มันไม่ได้หลอมรวมกับแก่นหลักของคุณ ดังนั้นจึงไม่นับเป็นทูตพลังงานมืดใหม่”
“ทูตพลังงานมืดใหม่หรือ”
“ผู้ใช้พลังจิตที่ใช้ทางลัดเพื่อหลอมรวมกับพลังมายา” อัลโฟเลตติแสดงความรังเกียจออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอลุกขึ้นพร้อมโยนแว่นกันแดด ก่อนควบคุมให้มันลอยลงไปยังกล่องแว่นที่อยู่ไม่ไกลออกไป จากนั้นก็เดินไปถึงริมสระน้ำแล้วกระโดดลงสระเบาๆ
ซู่ม
ระลอกคลื่นหลายกลุ่มกระเพื่อมขึ้นในสระว่ายน้ำ
เธอโบกมือช้าๆ พร้อมกับพลิกตัวนอนหงายบนผิวน้ำ เริ่มตีขาเบาๆ
ขาที่เรียวยาวและขาวผ่องสว่างไสวจนตาลายใต้แสงไฟ
“พ่อของฉัน เป็นคนที่เข้มงวดมาก หัวโบราณ อนุรักษ์นิยม ดื้อรั้น คำบรรยายคนแก่ที่แย่ๆ ที่คุณพอจะนึกออกได้มีอยู่บนตัวเขาทั้งหมด”
เธอว่ายน้ำไปพลางพูดไปพลาง
“อย่างนั้น ตอนนี้เขายังสบายดีไหม” ลู่เซิ่งถามโดยเปลี่ยนมุมมอง
“แข็งแรงกว่าฉันเสียอีก” อัลโฟเลตติเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณเป็นห่วงอะไร ตระกูลพาเลออนไม่มีผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นฉัน หรือพ่อของฉัน”
“ผมได้ข่าวมาจากช่องทางพิเศษว่า พวกเราอาจจะเจอปัญหา” ลู่เซิ่งเล่าอย่างใจเย็น “คุณไม่ต้องสนใจแหล่งข่าว ผมแค่อยากยืนยันว่า ทางคุณคงไม่เกิดปัญหาในช่วงเวลาสั้นๆ ใช่ไหม”
“ไม่” อัลโฟเลตติตอบอย่างแน่วแน่
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ขอตัวก่อน” ลู่เซิ่งพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินไปทางออก
“อีกสักสองสามวัน ข้อมูลรายงานสถานะสมาชิกของคุณจะถูกส่งมา ถ้าคุณไม่อยากไปกาแลคซีแบล็คเชอร์รี่ ฉันช่วยเปิดการประชุมทางไกลให้คุณได้นะ” อัลโฟเลตติเอ่ยขึ้นด้านหลังเขา
“การประชุมทางไกลเหรอครับ”
“เทคโนโลยีโฮโลแกรมไม่ต่างอะไรกับการประชุมแบบเจอหน้าหรอก” อัลโฟเลตติเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ความจริงฉันไม่แนะนำให้คุณไปกาแลคซีแบล็คเชอร์รี่”
“ทำไมล่ะครับ” ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้าพลางถาม
“ที่นั่นมีแต่ผู้ที่หลอมรวมกับพลังมายา เป็นพวกขยะที่ใช้ทางลัดทั้งนั้น” อัลโฟเลตติแสดงความรังเกียจพร้อมขึ้นมาจากน้ำ
“งั้นก็รบกวนคุณด้วย” ลู่เซิ่งเองก็ไม่อยากเจอปัญหาเช่นกัน แม้อยากจะไปดูสักหน่อยว่าฐานทัพมิติย้อนกลับที่ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องจัดการเรื่องที่สำคัญกว่าเช่นกัน
หากครอบครัวและญาติๆ ของหวังมู่ที่อยู่ในยานรบยักษ์ไปที่นั่นแล้วเกิดเรื่อง เขาต้องรับผิดชอบ
“จริงสิ คุณน่าจะยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม” อันโฟเลตติโพล่งถาม
“ยัง แต่ผมมีคนที่ชอบแล้ว” ลู่เซิ่งรีบตอบ
“งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ” อัลโฟเลตติกล่าวอย่างเสียดาย
ลู่เซิ่งเดินออกจากห้องว่ายน้ำ ก่อนจะผละจากที่อยู่อาศัยไปยังเขตทดสอบของยานรบยักษ์
ในยานรบยักษ์ของแสงดาวสีครามลำนี้ มีห้องทดสอบพลังงานที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุด
การทดสอบเป็นการทดสอบที่ใช้การทำงานของยานรบยักษ์เป็นความสามารถหลัก
ผู้ใช้พลังจิตจะใส่พลังจิตของตัวเองเข้าไปในแกนทดสอบ หลังจากพลังจิตที่ใส่เข้าไปถูกกรองหลายชั้นจนกลายเป็นพลังงานทางเคมีระดับพื้นฐานสุดแล้ว ก็จะถูกใส่เข้าไปในโกดังพลังงาน ของยานรบยักษ์
ระบบของยานรบยักษจะดำเนินการประเมินระดับคร่าวๆ ให้แก่ผู้ใช้พลังจิตผ่านการทดสอบนี้
ระหว่างทาง ความจริงลู่เซิ่งวินิจฉัยออกคร่าวๆ แล้วว่าปัญหาที่ว่าคืออะไร
พ่อของอัลโฟเลตติกำลังต้านทานแรงกดดันจากขุมกำลังความว่างเปล่าตัวคนเดียว
การแทรกซึมของพลังความว่างเปล่าต่อโลกใบนี้ได้ไปถึงขั้นอลังการถึงขีดสุดแล้ว ตอนนี้ผู้ที่กำลังต่อสู้ในจักรวรรดิมอธก็คือฝ่ายที่อัลโฟเลตติและพ่อของเธอเป็นผู้นำ
ทว่าในความเป็นจริง พ่อลูกพาเลออนไม่ใช่ฝ่ายธรรมะตามความหมายจริงๆ พวกเขามีนิสัยแข็งกร้าว เลือดที่เปื้อนมือไม่ได้น้อยกว่าผู้หลอมรวมกับพลังแห่งความว่างเปล่าคนอื่นๆ เลย
‘นี่ก็คือที่เขาเรียกว่าความขัดแย้งภายในล่ะมั้ง องค์การก่อการร้ายก็ไม่ได้ดีกว่าขุมกำลังความว่างเปล่าเท่าไหร่หรอก’ ลู่เซิ่งวิจารณ์ในใจ
‘สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้เหมือนเรา แม้จะใช้วิธีการชั่วร้าย แต่จิตใจกระจ่างใสตลอดเวลา’
ลู่เซิ่งสะท้อนใจ
ความจริงคนดี หลายๆ ครั้งก็ไม่มีที่ยืน
เหมือนกับเขา ถ้ามองแค่รูปลักษณ์ภายนอก อาจจะถูกหน้าตาที่ชั่วร้ายหลอก แต่ความจริง ด้านในใจเขากลับเป็นคนยุติธรรม
ซู่ๆ…ทันใดนั้นก็มีพลังจิตเล็กๆ พุ่งเข้ามาในลักษณะล่องหน แล้วเชื่อมต่อกับจอพลังจิตด้านหน้าเขา
“ประมุขโถง เพิ่งจับคนแปลกๆ ที่แอบขึ้นยานรบได้กลุ่มหนึ่ง สิ่งที่ประหลาดก็คือ ในยานบันทึกสถานะของพวกเขาเอาไว้ นอกจากนี้…”
“ฉันรู้ โยนลงไปให้หมดซะ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบๆ
“แต่ว่า…นี่เป็นความสูงมากกว่าหมื่นเมตรนะครับ…” ผู้ใช้พลังจิตฝั่งนั้นลังเลเล็กน้อย
“ในเมื่อแอบขึ้นมาบนยานรบเงียบๆ ก็หมายความว่าพวกเขาต้องมีความสามารถในการบินแน่ ดังนั้น ไม่เป็นไรหรอก” ลู่เซิ่งเสริม
“แต่…ผมเห็นในหมู่พวกเขามีคนธรรมดาอยู่หลายคนนะครับ…”
“งั้นก็ซื้อประกันภัยให้พวกเขา ถ้าตายจะได้ทิ้งประกันให้ครอบครัว” ลู่เซิ่งเตือน “ต้องทำให้พวกเขาสัมผัสเองว่า โถงเก้าชีวิตของพวกเราไม่ใช่องค์กรก่อการร้าย แต่เป็นสถาบันรักษา าความสงบภาคเอกชนที่คิดเพื่อประชาชน”
“เอ่อ…ครับ…” อีกฝั่งไร้คำพูดโต้ตอบ
ลู่เซิ่งตัดการเชื่อมพลังจิตแล้วถอนใจเบาๆ
ความจริงถ้าไม่จำเป็น เขาก็ไม่อยากจัดการคนจากทีมเทพเจ้าพวกนี้ แต่ในเมื่อพวกเขาวางแผนขึ้นเรือ ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องมีภารกิจพิเศษแน่นอน
และภารกิจ ก็หมายถึงความยุ่งยาก
เขาหยุดนิ่งเล็กน้อยแล้วเดินไปยังเขตทดสอบที่ใช้ทดสอบพลังจิตต่อไป
…
กองยานเงาของแสงดาวสีครามจอดอยู่ที่ดาวแฝดคู่หนึ่งเดือน ก่อนจะค่อยๆ บินไปยังอวกาศไกลออกไป
สมาชิกหลักส่วนใหญ่ของโถงเก้าชีวิตล้วนจากไป พวกที่เหลืออยู่เป็นสมาชิกรอบนอกที่อยากได้กิจการบางส่วนที่เอาไปไม่ได้
พวกเขาหวังว่าตัวเองจะโชคดี คิดว่าหากดาวแฝดคู่ไม่เกิดเรื่อง พวกตนที่รั้งอยู่จะเข้าครอบครองกิจการที่โถงเก้าชีวิตทิ้งไว้ทันที
ผู้ที่ออกไปพร้อมกับกองยานยังมีครอบครัวและมิตรสหายของสมาชิกโถงเก้าชีวิต รวมถึงข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจบางส่วนจากโลกต่างๆ มีคนทั้งหมดราวสามแสนกว่าคน
คนสามแสนกว่าคนเป็นตัวเลขกระจิดริดของดาวแฝดคู่ คนส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ การสั่นสะเทือนเมื่อก่อนหน้านี้ถูกคิดว่าเป็นเพียงภัยพิบัติเท่านั้น
กองยานเงาค่อยๆ แล่นจากไป หลังวาร์ปผ่านมิติย้อนกลับเป็นระยะทางไกลติดต่อกันหลายครั้ง ครื่งเดือนต่อมา ระดับสูงของแสงดาวสีครามก็ส่งตัวแทนสมาชิกสามคนมาตรวจสอบคุณสมบัติของลู่ เซิ่งผ่านการขอยื่นเรื่องตรวจสอบสมาชิกใหม่ในสภากางเขน
ในขณะเดียวกัน อัลโฟเลตติได้จัดให้กองยานแยกกลุ่ม ยานรบยักษ์ไม่กี่ลำนำยานคุ้มครองกลับดาวเคราะห์ ส่วนกองกำลังหลักส่วนใหญ่เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังกองยานจักรวาลที่สามของ งเบอเลียน
…
แกร๊ก
ในโถงประชุมที่กว้างขวาง จอภาพบนพื้น แสดงภาพของจักรวาลและกาแลคซีขนาดยักษ์ ดาวหางสีขาวและสีแดงหลายดวงวาดผ่านพื้นที่มุ่งหน้าไปยังกาแลคซีไกลโพ้นอย่างช้าๆ
ลู่เซิ่งเปิดประตูเดินเข้าไป
ในโถงใหญ่มีเก้าอี้โลหะสีขาวที่มีพนักพิงสูงมากสามตัว
เก้าอี้ทั้งสามตัวจัดเรียงในโถงประชุมที่มืดสลัวอยู่บ้างเป็นรูปสามเหลี่ยม
ลู่เซิ่งเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้ามเก้าอี้ทั้งสามตัวอย่างสงบนิ่ง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้หนังธรรมดาที่เตรียมไว้แล้ว
“ดีใจมากที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ในฐานะผู้ตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกของปรมาจารย์หวัง” เสียงของชายชราที่เยือกเย็นและทรงพลังดังมาจากเก้าอี้ตรงกลาง
“ฉันชื่อลอร์การ์ คุณเรียกฉันว่าศรพิษก็ได้”
คนที่นั่งบนเก้าอี้มีร่างผอมโปร่ง แต่ศีรษะค่อนข้างใหญ่
เขาชี้ไปที่สองฟากข้าง
“สองคนนี้เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติเหมือนกัน ทางซ้ายคือเมอร์คิวรี ทางขวาคือฟูโอล่า พวกเขาเป็นคนในสภากางเขนเหมือนกัน” ศรพิษลอร์กาแนะนำ
“ดีใจมากที่ได้พบทั้งสามท่าน อย่างนั้น ขอถามหน่อยว่าการตรวจสอบผมจะเน้นด้านไหนบ้าง” ลู่เซิ่งวางสองมือลงบนที่พักแขนด้วยสีหน้าราบเรียบ
สมาชิกสภากางเขนอย่างแย่ที่สุดต้องเป็นผู้ใช้พลังงานมืด จึงหมายความว่า สามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาเป็นทูตพลังงานมืด
ทั้งสามคนเป็นผู้ใช้พลังจิตที่แข็งแกร่ง เพียงยกมือก็สามารถทำลายดาวแฝดคู่ได้สบายๆ
“การตรวจสอบของคุณง่ายมาก” ศรพิษอธิบาย “ก่อนหน้านี้คุณต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่เบอเลียนและกองยานจักรวาลที่สามแห่งจักรวรรดิซึ่งหน้า คุณสู้เบอเลียนไม่ได้แท้ๆ แต่กลับเลือกต่อ อสู้กันตรงๆ สุดท้ายเกือบตาย สิ่งที่ผมอยากถามคือ ตอนนั้นคุณคิดอะไรอยู่ ทำไมคุณถึงพุ่งเข้าสู้กับเบอเลียนโดยที่คุณไม่กลัวตาย”
ลู่เซิ่งนิ่งไปสักครู่
“ทุกคนต่างก็ต้องตาย ความตายนั้นไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือความกลัวต่างหาก”
“ดังนั้นตอนนั้นคุณเลยพุ่งเข้าไปตรงๆ เหรอ” สมาชิกเมอร์คิวรีที่อยู่ทางซ้ายส่งเสียง
“ถ้าผมตายแล้วแลกความปลอดภัยของดาวทั้งดวงได้ อย่างนั้น ผมเต็มใจ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรในใจสักอย่างเดียว ผมรู้ว่าถ้าผมโจมตีผมอาจตายได้ แต่ นั่นจะทำไมล่ะ เพื่ออุดมคติและความถูกต้องในใจ หลายๆ ครั้ง สิ่งที่พวกเราต้องการก็แค่การถามใจตัวเอง”
“ใจของคุณช่าง…น่านับถือจริงๆ” โฟอูล่าที่อยู่ทางขวาอดส่งเสียงชมเชยไม่ได้
“ไม่ ความจริงผมก็แค่ทำเรื่องที่ผมทำได้เฉยๆ” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างถ่อมตน “แม้ผมจะใช้ชะตาชีวิตของผมเป็นเดิมพัน แต่สุดท้ายผมก็เดิมพันชนะไม่ใช่เหรอ”