ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1079 ตามหา (1)
ลู่เซิ่งเดินไปตามถนน กลับไปยังข้างรถลอยฟ้าที่ตัวเองขับมา สุนัขสองหัวตัวหนึ่งกำลังก้มหน้าเคี้ยวกระดูกอยู่หลังรถ ไม่รู้เป็นกระดูกที่เหลือจากที่ไหน
ลู่เซิ่งดึงประตูเปิดแล้วพลิกตัวลงไปนั่ง เทเลอร์นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ
“นายท่าน จะกลับเลยไหมคะ”
“ยังไม่ต้อง” ลู่เซิ่งปิดประตูรถ “การรวบรวมเขตเหมืองใหม่เป็นยังไงบ้าง”
“เตรียมการขุดแล้วค่ะ รอเงินทุนของท่านพร้อม ก็สามารถสั่งเจ้าหน้าที่ทั่งหมดให้ทำงานได้ทันที” เทเลอร์สมกับเป็นผู้ดูแลระดับสุดยอด หลังจากถูกลู่เซิ่งเพาะเมล็ดทำลายจิต ก็ขา ายอัลโฟเลตติเจ้านายเดิมของตัวเองอย่างเต็มใจทันที
ลู่เซิ่งรู้ความลับของอัลโฟเลตติไม่น้อย ขณะเดียวกันในฐานะผู้ดูแลที่ดีที่สุด เทเลอร์สามารถสรุปงานหลายๆ งานของลู่เซิ่งได้แทบทุกที่ทุกเวลา ทำให้ตอนนี้เขาไม่ต้องการผู้ช่วย ยใดๆ
แค่เธอคนเดียวก็พอ
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ เทเลอร์มีอายุขัยแค่ยี่สิบปี
แต่นี่เป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้
เป็นเพราะกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเธอ เร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่า กระบวนการเผาผลาญพลังงานที่แข็งแกร่งแบบนี้ ได้มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูงสุดขีดให้กับเธอ แต่ก็ทำให้เธอใช ช้พลังงานเยอะกว่าคนธรรมดามากเช่นกัน
“อย่างนั้นบอกให้โถงหลักเตรียมเงินให้พร้อม” ลู่เซิ่งกำชับอย่างราบเรียบ
“ค่ะ” เทเลอร์ตอบก่อนจะเหยียบคันเร่ง รถพลันลอยขึ้นช้าๆ แล้วบินไปยังที่ไกลอย่างเงียบเชียบ
ลู่เซิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างสงบนิ่ง
ครึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้อยู่บนดาวดวงนี้เฉยๆ หากแต่ดูดซับหินกิเลนจำนวนมากไปพร้อมๆ กัน
ปริมาณพลังอาวรณ์ที่เขาดูดซับในตอนนี้มีถึงเก้าพันเจ็ดร้อยล้านแล้ว อีกนิดเดียวก็จะถึงหนึ่งหมื่นล้าน
ที่นี่แตกต่างจากดาวแฝดคู่ เป็นเพราะว่ามีสินค้ามากมายไหลเวียนอยู่ในตลาด ดังนั้นหินกิเลนที่ถูกเก็บไว้ในโกดังจึงมีน้อย ไม่เหมือนกับดาวแฝดคู่ที่จะตุนไว้เยอะๆ แล้วค่อยส่ งไปยังดาวดวงอื่นในทีเดียว
ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่งเพียงตรวจสอบสถานการณ์อย่างหยาบๆ ต่อมาหลังพบปัญหานี้ เขาก็ได้ปรับปรุงระบบทันที โดยเปลี่ยนการส่งหินกิเลนเป็นช่วงขนส่งที่ยาวนานกว่าเดิม
เมื่อเป็นแบบนี้จะสั่งสมได้เยอะๆ แล้วค่อยส่งออกไปในทีเดียว
รถแล่นอย่างรวดเร็ว แต่แล่นไปบนไฮย์เวย์ตามกฎหมายกำหนด
โฆษณาส่องแสงที่ฉายภาพโฮโลแกรมวาดผ่านกระจกรถไปเป็นระยะ
ไม่นานนัก รถก็ค่อยๆ ลดความเร็วลง หลังจากเอียงไปเอียงมา ก็แล่นเข้าไปในเขตโรงงานที่มีกลุ่มสิ่งก่อสร้างเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง
รถบรรทุกหลายคันและเครื่องขนส่งลอยฟ้าหลายเครื่องจอดอยู่สองฟากข้างของถนนใหญ่ ไฟไซเรนสีแดงมากมายกะพริบอยู่ด้านหน้าประตูโรงงานสีดำสูงใหญ่
เมฆดำค่อยๆ ปรากฏเหนือท้องฟ้า โกดังหลายแห่งในเขตตั้งตระหง่านอยู่อย่างเงียบงันเหมือนกับสัตว์ยักษ์ในความมืด
เทเลอร์เปิดไฟรถ แสงสองสายส่องกระจัดกระจายออกไป ถนนด้านหน้าพลันสว่างโร่
“หินกิเลนทั้งหมดที่เก็บได้ในช่วงนี้ จะถูกขนส่งมาถึงที่นี่หลังถูกบีบอัดค่ะ”เทเลอร์อธิบาย
รถค่อยๆ จอดลงตรงหน้าประตูโกดังหลังคาโดมที่ใหญ่ที่สุด
ลู่เซิ่งผลักประตูลงจากรถแล้วเงยหน้ามองโกดัง
“อยู่ที่นี่หมดเลยเหรอ”
เทเลอร์ลงจากรถและพยักหน้า
“ค่ะ อยู่ที่นี่ทั้งหมดตามคำสั่งของคุณ”
“ดี เธอรอฉันอยู่นี่ ฉันจะเข้าไปตรวจสอบ” ลู่เซิ่งเดินไปถึงหน้าโกดัง โกดังที่อยู่รอบๆ นี้ เป็นกิจการของโถงเก้าชีวิต อุปกรณ์เครือข่ายที่ทำงานด้วยตัวเอง ทำให้ที่นี่ไม่ต้องให ห้ใครมาเฝ้า ทุกสิ่งทุกอย่างทำงานได้เอง
ติ๊ง…
ประตูใหญ่กะพริบไฟสีแดง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างรวดเร็ว ก่อนค่อยๆ แยกออกไปสองด้าน เผยให้เห็นพื้นที่โกดังสีดำสนิทขนาดมโหฬารด้านใน
ลู่เซิ่งสาวเท้าเดินเข้าไป
ตู้คอนเทนเนอร์กองเต็มอยู่สองข้างทางด้านใน บนตู้คอนเทนเนอร์สีขาวอมเทาระบุสัญลักษณ์ของโถงเก้าชีวิต
ประตูโกดังด้านหลังลู่เซิ่งค่อยๆ ปิดลง
เขากวาดตามองรอบๆ แล้วเดินไปด้านหน้า พลังจิตหลายสายแผ่ขยายออกจากตัวเขาไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะมุดเข้าตู้คอนเทนเนอร์รอบๆ เหมือนกับเส้นด้าย
ไม่นานนักบนตู้คอนเทนเนอร์ก็มีเสียงดังแกร๊กๆ เบาๆ นั่นเป็นเสียงที่เส้นด้ายพลังจิตเปิดตู้
พลังอาวรณ์ที่เหมือนเส้นด้ายเล็กๆ จำนวนมากไหลตามเส้นด้ายพลังจิตเข้ามาในตัวลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งหลับตาลงขณะยืนอยู่กลางโกดัง
‘ดีปบลู’ เขานึกในใจ
อินเตอร์เฟซสีฟ้าเด้งออกมาทันที
ลู่เซิ่งมองตัวเลขพลังอาวรณ์ที่กำลังเพิ่มขึ้นช้าๆ ด้านบนนั้น ในใจเกิดความรู้สึกปลอดโปร่งที่ยากบรรยาย
ในเวลาแบบนี้ เขามักจะเกิดความรู้สึกสงบเป็นพิเศษทุกๆ ครั้ง
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ
ไม่นานนัก พลังอาวรณ์ก็กลายเป็นเก้าพันเก้าร้อยล้านหน่วย
ความรู้สึกที่มหัศจรรย์บังเกิดขึ้นในใจลู่เซิ่ง
เขาสัมผัสได้ว่าเครื่องมือปรับเปลี่ยนเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ตุบ
มีเสียงใสดังขึ้นในสมองลู่เซิ่ง
เขาตกใจ
หลังจากมาถึงระดับของเขา ก็ยากที่จะมีใครส่งเสียงเข้าสมองเขาได้โดยตรง
การส่งเสียงในสมองโดยตรงอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว
‘เสียงอะไรกัน’ ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ พลังจิตพลันหยุดนิ่ง
แต่ไม่นานเขาก็เห็นอย่างงุนงงว่า เสียงดังมาจากเครื่องมือปรับเปลี่ยน
ตัวเลขพลังอาวรณ์ที่ก่อนหน้านี้แสดงอยู่บนอินเตอร์เฟซดีปบลูกำลังเด้งขึ้นอย่างช้าๆ ตัวเลขยาวเหยียดพร่ามัวกลายเป็นเลข 1 มีสัญลักษณ์คริสตัลสีรุ้งที่กำลังหมุนวนอย่างต่อเนื่องอ อยู่ด้านหลังเลข 1
‘นี่มันอะไรกัน’ ลู่เซิ่งลังเลเล็กน้อย
หลังจากเขาปลุกความสามารถนี้ให้ตื่นขึ้นมา เครื่องมือปรับเปลี่ยนดีปบลูก็เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยมากๆ ตอนนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแบบนี้ เขาจึงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
‘หรือว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงหน่วยเลขเท่านั้น’ ลู่เซิ่งสังเกตเห็นว่า คริสตัลรุ้งนี้หมุนด้วยตัวเองตอนพลังอาวรณ์เพิ่มจำนวนถึงหนึ่งหมื่นล้านหน่วยพอดี
หรือหมายความว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่านี่จะเป็นสภาพของหน่วยวัดใหม่เท่านั้น
เขาพิจารณาสภาพของดีปบลู พอยืนยันได้ว่าไม่มีปัญหาใดๆ ไร้การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เขาก็โล่งอก
‘ดีปบลูไม่มีทางเกิดปัญหา’ ลู่เซิ่งถอนใจ ‘แม้อาศัยแค่พรสวรรค์และความเก่งกาจของเราจะทำให้เป้าหมายบรรลุได้เหมือนกัน แต่เมื่อมีความสามารถนี้ช่วยเหลือ ยังไงก็ช่วยประหยัดแรงได ด้นิดหน่อย’
ความจริงเมื่อมาถึงระดับในตอนนี้ เขาก็เริ่มพึ่งพาดีปบลูน้อยลงแล้ว
หากคิดจะทะลวงขอบเขตในตอนนี้ หลักๆ อยู่ที่การฝึกฝนของเขาเอง
หลังฝึกฝนหนักถึงระดับหนึ่งและทำความเข้าใจขอบเขต ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสำเร็จเอง
‘ยกระดับวิชาเกลียวเก้าชีวิตถึงชีวิตที่เจ็ด อวัยวะภายใน!’
ลู่เซิ่งทดลองยกระดับชีวิตที่เจ็ด แต่ว่าพลังอาวรณ์มากกว่าหมื่นล้านหน่วยยังคงไม่พออย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ชีวิตที่หกของเขาก็ยังย่อยสลายไม่เสร็จ ร่างกายยังคงยกระดับอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันนี้ลู่เซิ่งไม่รู้เหมือนกันว่าไขสมองของตัวเองวิวัฒนาการถึงระดับไหนแล้ว เขาเพียงรู้สึกว่าพลังจิตทวีพลังขึ้นทุกวันๆ
พลังจิตของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งเลื่อนระดับร้อยเท่าตัว
ต่อจากระดับวีนาเกียร์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ระดับวีนาเกียร์อย่างเนเซียนควบคุมยานรบขนาดใหญ่ได้สองสามลำเป็นอย่างมากสุดเท่านั้น
เมื่อกลายเป็นทูตพลังงานมืด จะควบคุมกองยานรบเข้าร่วมการต่อสู้ระดับทำลายดาวได้
ถึงขั้นที่ควบคุมยานรบยักษ์ที่ใหญ่เท่าดวงดาวได้อย่างสบายๆ ด้วยซ้ำ
ลู่เซิ่งไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตนมีพลังจิตถึงระดับทูตพลังงานมืดหรือยัง แต่เมื่อผสานพลังจิตเข้ากับวรยุทธ์ เขากลับแน่ใจว่าตัวเองไปถึงระดับทูตพลังงานมืดที่แท้จริงแล้ว
ไม่นานลู่เซิ่งก็ดูดซับพลังอาวรณ์ในโกดังจนหมด เขาชักเส้นด้ายพลังจิตกลับมา ปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ แล้วหมุนตัวออกจากโกดัง
เทเลอร์ยืนนิ่งอยู่ด้านนอกตลอดเวลา เธอสวมชุดกระโปรงทำงานสีขาว ใส่ถุงน่องสีดำเนื้อบาง ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา ผมยาวถูกมวยสูง ดูงามสง่า
และสาวงามอีกคนด้านข้างเธอก็จ้องมองเทเลอร์อย่างไม่ชอบใจนัก ให้ความรู้สึกอยากจะไล่อีกฝ่ายไปจากที่นี่
“เสี่ยวอวี๋ มาด้วยเหรอ” พอลู่เซิ่งเดินออกมาก็เปรยขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ค่ะ อาจารย์ เรื่องที่อาจารย์มอบให้ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ” เว่ยเจินอวี๋รีบยืดหลังตรง เธอสวมชุดทำงานสีดำ ทั้งยังใส่ถุงน่อง เหมือนต้องการจะเปรียบเทียบกับเทเลอร์ แต่แทน นที่จะเป็นสีดำ กลับเป็น…สีชมพู
ลู่เซิ่งกวาดตามองถุงน่องบนขาเธอด้วยใบหน้าพิกล รู้สึกขัดๆ อย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะตอนเห็นลายลูกอมแท่งหนึ่งด้านข้างขาอ่อน ก็จนใจกว่าเดิม
“อาจารย์ ครั้งนี้ฉันสวยหรือยังคะ” เว่ยเจินอวี๋สังเกตเห็นสายตาเอือมระอาของลู่เซิ่ง กลับนึกว่าดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายสำเร็จ พลันเผยนิสัยเดิมอย่างลำพองเล็กน้อย พร้อมหมุนตั วอยู่ที่เดิมรอบหนึ่ง
“สวยแล้วๆ” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างจนใจ “เอาล่ะ ขึ้นรถ รายงานสถานการณ์ให้ฉันฟังด้วย”
“ค่ะ!” เว่ยเจินอวี๋รีบตอบ
เวลานี้เธอที่อายุราวยี่สิบเป็นผู้ใหญ่และสวยกว่าสองสามปีก่อนหน้ามาก
แม้ใบหน้าจะไม่งดงามเท่าผู้ดูแลอย่างเทเลอร์ แต่การฝึกฝนการต่อสู้เป็นประจำก็ทำให้ร่างกายเธอร้อนแรงสมส่วน
หน้าอก เอว ขา ทุกสัดส่วนต่างไปถึงมาตรฐานความยั่วยวนที่สมบูรณ์ที่สุด
ทั้งสามรีบขึ้นรถ ลู่เซิ่งหยิบเครื่องดื่มพลังงานสูงขวดหนึ่งออกมาจากตู้เย็นในรถ แล้วโยนให้เว่ยเจินอวี๋
“เล่ามาหน่อย ครั้งนี้เธอไปเจอสถานการณ์อะไรมา”
ความจริงเขาไม่ได้ใส่ใจพฤติกรรมของเธอมากนัก เวลาเว่ยเจินอวี๋ทำอะไรจะอาศัยโชคชะตาจัดหาให้ อารมณ์เหมือนอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ขอแค่รอคอยก็เพียงพอ
หลังจากล้มเหลวสี่ห้าครั้ง ลู่เซิ่งก็ยอมแพ้ที่จะให้เว่ยเจินอวี๋รับผิดชอบเรื่องอื่นๆ นอกจากการเป็นผู้ช่วย
“อาจารย์ ครั้งนี้ฉันทำสำเร็จแล้วค่ะ!” เว่ยเจินอวี๋แสดงสีหน้าจริงจัง
“หือ อะไรสำเร็จ” ลู่เซิ่งไม่ได้สนใจ ยัดเครื่องดื่มเข้าไปในปากแล้วเคี้ยวช้าๆ กระป๋องโลหะที่ผสมรสชาติของเครื่องดื่มอร่อยกรุบกรอบ ให้ความรู้สึกเหมือนกินข้าวเกรียบ
“เจอลู่หนิงสำนักนทีครามแล้วค่ะ!” เว่ยเจินอวี๋ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น “อาจารย์ ครั้งนี้อย่าคิดว่าฉันแค่ไปเที่ยวเล่นนะคะ ฉันทำสำเร็จแล้วจริงๆ ค่ะ! เจอคนชื่อลู่หนิงที่อาจาร รย์พูดถึงแล้ว”
“งั้นเหรอ” ลู่เซิ่งนั่งพิงเก้าอี้โซฟาด้านหลังอย่างเยือกเย็น “งั้นลอกงบอกมาหน่อยว่าเขาอยู่ไหน อายุเท่าไหร่ สถานะครอบครัวเป็นอย่างไร นิสัยเป็นยังไง””
“เอ่อ…” เว่ยเจินอวี๋สะอึก “เรื่องพวกนี้…ฉันไม่รู้หรอกค่ะ…”
“เธอเจอเขาแล้วนี่ น่าจะได้รูปของเขามาแล้วใช่ไหม” ลู่เซิ่งถามกลับ
“…มะ…ไม่มีรูปค่ะ…” สีหน้าของเว่ยเจินอวี๋แย่กว่าเดิม
“แต่ฉันสาบานนะคะว่าฉันหาเขาเจอแล้วจริงๆ! ฉันใช้กำลังคนและสิ่งของนับไม่ถ้วน ทั้งยังใช้กองทุนองค์กรในปีนี้ทั้งหมด ถึงได้หาเขาเจอได้!”
“เธอใช้กองทุนหนึ่งปีของตัวเองหมดไปแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอไง เดือนก่อนเธอยังขอยืมเงินจากพี่เธออยู่เลย นอกจากนี้ จำนวนคนของโถงเก้าชีวิตที่ออกไปทำงานยังดาวอื่นก็มีไม่เกินยี สิบคน เธอไปเอากำลังคนกับสิ่งของนับไม่ถ้วนมาจากไหน”
“แต่ฉันเจอคนแล้วจริงๆ นะคะ! ถึงจะไม่ใช่ในความจริงก็เถอะ!” เว่ยเจินอวี๋ร้อนรน
“หือ” ลู่เซิ่งลืมตาโต “ไหนว่ามาซิ”