ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1089 ง่ายดาย (1)
“ดาบตัดกระแส กระบี่ดาวแดงฉาน!”
รอยตัดไขว้ของดาบและกระบี่สีแดงที่เหมือนดาวตกสายหนึ่งฟันใส่ลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งต่อยรอยกระบี่และดาบแหลกสลาย จากนั้นร่างก็ไปโผล่ด้านหลังทูตพลังงานมืดด้านหน้าในพริบตาเหมือนสายฟ้าฟาด
“กำปั้นเงาปฐพี!”
เปรี้ยง!
ทูตพลังงานมืดมองไม่เห็นวิถีหมัด ถูกพลังทำลายล้างรุนแรงที่เหมือนลูกระเบิดกระแทกจนเลือดอาบร่าง
แรงสั่นสะเทือนอันยิ่งใหญ่สะท้อนในโล่พลังจิตของเขาอย่างต่อเนื่อง ต่อให้โล่จะไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ แต่การสั่นสะเทือนก็ทำให้เขาเวียนหัวตาลาย อยากจะอาเจียน
ลู่เซิ่งค่อยๆ พุ่งผ่านไปจากด้านหน้าเขา จากนั้นก็มีทูตพลังงานมืดคนหนึ่งควบคุมสัตว์ประหลาดสีเงินขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่เขา
“กำปั้นเงาปฐพี”
มองไม่เห็นเงาหมัด มีแค่แสงสีดำผืนหนึ่งระเบิด
สัตว์ประหลาดสีเงินระเบิดอย่างรุนแรง บนตัวทูตพลังงานมืดที่พุ่งเข้าไปแยกเป็นบาดแผลลึกหลายสาย เหมือนถูกคนใช้ดาบเฉือน
ที่นี่อยู่ห่างจากชั้นบรรยากาศสุดท้ายของดาวคุมขัง
อากาศสีม่วงเข้มที่อยู่รอบๆ เหมือนกับควันบางๆ หรือหมอกแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ในอากาศมีสนามแม่เหล็กแรงดึงดูดของดวงดาวขนาดยักษ์ผสมอยู่ คอยฉุดดึงลู่เซิ่งเข้าไปตลอดเวลา
“ยังคิดจะสู้อีกไหม” ลู่เซิ่งมองทูตพลังงานมืดคนสุดท้ายสองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สองคนนี้เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดจากกองทัพจักรวรรดิ พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดก่อนที่ระดับผู้บัญชาการกองพลจะลงมือ
คนหนึ่งอยู่ในระดับวีนาเกียร์ คนหนึ่งเป็นทูตพลังงานมืดตามมาตรฐาน
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ยอดฝีมือระดับวีนาเกียร์คนนั้นเหมือนจะเลื่อนระดับไปยังขอบเขตที่สูงกว่าได้ทุกเวลา
เขาอยู่ในสภาพอันมหัศจรรย์ อาจจะพัฒนาได้ตลอดเวลา
น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่ใช่ทีกักตัว
ไม่มีคำตอบ
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลอยผ่านไประหว่างคู่ต่อสู้สองคนที่บาดเจ็บสาหัส
พอตัดผ่านปราการชั้นสุดท้าย ดาวคุมขังก็โผล่มา
ดาวคุมขังที่ว่าเป็นดาวเคราะขนาดมหึมาที่ถูกจักรวรรดิปรับปรุง มีแรงดึงดูดเหนือกว่าดวงดาวทั่วไป
ที่เจาะแนวป้องกันได้ง่ายขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่า อีกฝ่ายเตรียมการไว้แต่แรก หรือควรบอกว่า ไม่คิดจะขวางคนไว้ด้านนอก
เพิ่งจะบินเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดาวคุมขัง ลู่เซิ่งก็ชะงักแล้วหันกลับไป
กลางอวกาศรอบๆ ดาวคุมขังมีแสงสีแดงเข้มกลุ่มหนึ่งโผล่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ
แสงนี้ห่อหุ้มดาวทั้งดวงไว้ด้านใน
‘ซุ่มโจมตีเหรอ’ ลู่เซิ่งละสายตากลับมาก่อนเร่งความเร็ว
พุ่งจากท้องฟ้าไปยังพื้นดินด้วยความเร็วสูง ผืนดินสีดำด้านหน้าเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ควันหนาหลายสายที่ลอยจากพื้นปรากฏให้เห็นถนัดตา
ลู่เซิ่งเห็นชาวโลกบางส่วนที่เหลือลมหายใจรวยรินนอนดิ้นอยู่บนก้อนหินสีดำ
ฟ้าว!
เขาทิ้งตัวลงพื้นเบาๆ เลือกพื้นที่นับว่าราบเรียบ ก่อนตั้งหลัก
พลังจิตกระจายออกไปรอบๆ เหมือนกับกระแสคลื่น
ทันใดนั้นสถานการณ์มากกว่าครึ่งของดวงดาวก็สะท้อนเข้าสู่สมอง
ดาวดวงนี้มีพื้นที่ใหญ่กว่าดาวสองดวงที่เขาเคยอยู่มาก
‘ตอนนี้ ตามหาที่อยู่ของอัลโฟเลตติก่อน’ ลู่เซิ่งไม่กังวลว่าจะออกไปได้ไหม
ในทันทีที่เห็นแสงสีแดงชั้นนั้น เขาก็คำนวณได้คร่าวๆ แล้วว่าพลังของตนทำลายได้หรือไม่
ผลลัพธ์ก็คือ แสงสีแดงนั้นมีผลขัดขวางอย่างรุนแรงต่อพลังจิต แต่กลับอ่อนแอต่อการปะทะทางกายภาพเป็นอย่างมาก
ผู้ใช้พลังจิตอาจจะลำบาก แต่กลับไม่ยากเย็นสำหรับเขา
ลู่เซิ่งใช้พลังจิตกวาดมองไปทั่วดวงดาว จากนั้นก็สะกิดเท้า พุ่งไปในอากาศของดวงดาวเหมือนสายฟ้าแลบ
พลังจิตที่ไพศาลขยายอย่างต่อเนื่องตามการเคลื่อนที่ของเขา
ไม่นานนัก
‘เจอแล้ว!’ ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย
เขาหักเลี้ยวบินไปยังจุดที่ตรวจสอบเจอ
เทือกเขาสีดำเชื่อมต่อกันเป็นลูกคลื่น วาดผ่านข้างใต้ร่างเขาไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเงาพร่ามัวผืนหนึ่ง
ฉากแบบนี้ดำเนินอยู่หนึ่งนาทีกว่าๆ ในที่สุดลู่เซิ่งก็ลดความเร็ว ลงจอดด้านหน้าเทือกเขาประหลาดที่กำลังลุกไหม้ด้วยไฟสีขาว
ไฟสีขาวดูเหมือนริบบิ้นสีขาวนับไม่ถ้วนกำลังลอยขึ้นด้านบน ไม่มีการกระจายตัวของอุณหภูมิ สีขาวบริสุทธิ์เหมือนกับไม่ใช่ไฟ
‘ที่นี่นี่เอง!’ สถานที่ที่พลังจิตของลู่เซิ่งสัมผัสได้ก็คือที่นี่
พลังจิตของอัลโฟเล็ตติกลับกระจายออกมาจากที่นี่อย่างต่อเนื่อง
ความจริงไฟสีขาวเหล่านี้ไม่ใช่ไฟ แต่เป็นพลังจิตอันยิ่งใหญ่ที่อัลโฟเลตติปล่อยออกมา
‘มีคนเคยมาแล้ว’ ลู่เซิ่งสังเกตเห็นว่าเทือกเขาแห่งนี้มีร่องรอยเล็กๆ จากการระเบิด
เขาลงจอดเบาๆ สายตาจ้องมองไฟสีขาวด้านหน้า ก้าวออกไปก้าวหนึ่งโดยไม่ลังเล
เดินเข้าไปกลางแสงไฟ รอบๆ ไม่มีอุณหภูมิใดๆ โจมตีเข้าใส่ สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยก็คือ ในอากาศมีสีขาวที่กำลังเดือดพล่านอย่างต่อเนื่อง
“ห้ามเข้ามานะ!” ทันใดนั้นเสียงพลังจิตก็พุ่งเข้ามาในสมองของเขา ดังขึ้นในสติชั้นนอกของเขาโดยตรง
ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า
“ที่นี่คือลิฟท์ก้นหอยหมุนวน ห้ามเข้ามาใกล้อีก!” เสียงของอัลโฟเลลติเตือนด้วยความเร่งร้อน
“ลิฟท์ก้นหอยหมุนวนหรือ” ลู่เซิ่งไม่เคยได้ยินถึงสิ่งนี้มาก่อน
“เทคโนโลยีตัดขาดมิติที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปราการสมบูรณ์ แทนที่จะบอกว่าเป็นเทคโนโลยีตัดขาด ควรบอกว่าเป็นเทคโนโลยีวาร์ประยะไกลมากกว่า” อัลโฟเลตติรีบเตือน “นี่เป็นปรากฏการณ์ตัดขาดมิติที่ใช้แรงโน้มถ่วงและสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดหลายชนิดสร้างขึ้น การเคลื่อนไหวทุกอย่างของคุณจะถูกส่งไปยังพื้นที่พิเศษที่ไม่รู้อยู่ไกลขนาดไหน”
ลู่เซิ่งเลิกคิ้ว “ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันมีผลแบบไหน”
เขายืนอยู่กับที่ ความบิดเบี้ยวโปร่งใสผืนใหญ่รวมตัวด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ความผิดเบี้ยวทรงจานหมุนวน แสงสายฟ้าสีม่วงเข้มหลายสายปรากฏตรงกลางตลอดเวลา
“ไป” เขาชี้เทือกเขาที่ปกคลุมด้วยไฟสีขาวด้านหน้า
ฮู่ม!
จานขนาดยักษ์ด้านหลังหมุนวนพลางลอยเข้าหาเทือกเขา
“พลังจิตควบคุมระเบิด”
ตูม!
จานระเบิดอย่างฉับพลัน ความบิดเบี้ยวนับไม่ถ้วนและสายฟ้าสีม่วงระเบิดออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เทือกเขาที่ปกคลุมด้วยไฟสีขาวมืดลงครู่หนึ่ง เหมือนถูกระเบิดจนไฟอ่อนโทรมลงเล็กน้อย แต่จากนั้นไฟก็กลับมาสว่างตามเดิม
‘ไม่ไหวจริงๆ เหรอ’ นี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าเทคโนโลยีผู้ใช้พลังจิตที่ลู่เซิ่งได้มาจากในองค์กรแสงดาวสีคราม
มีแต่เทคโนโลยีทำลายล้างพื้นที่เล็กๆ ที่ทูตพลังงานมืดสามารถใช้งานได้จริงเท่านั้นถึงจะกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่มีอานุภาพด้านพลังจิตยิ่งใหญ่ถึงที่สุดในมือของเขา
แต่เวลานี้กลับไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น
“ไม่มีประโยชน์หรอก...ที่นี่ติดตั้งเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมิติขนาดใหญ่เอาไว้ การโจมตีของคุณจะถูกวาร์ปไปยังเขตดาวที่อยู่ไกลแสนไกล”
เสียงของอัลโฟเลตติว่าต่อ
“แม้จะซาบซึ้งมากที่คุณมาช่วยฉัน แต่นี่ไม่ใช่ระดับที่พลังของคุณจะจัดการได้ ไปเถอะ ฉันไม่ตายหรอก ท่านพ่ออยู่ที่นี่ เขาจะช่วยพาฉันออกไปเอง”
“อดีตนายกเทศมนตรีหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง อดีตนายกเทศมนตรีพาเลออนมาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้เชียว
“หรือคุณคิดว่า ฉันจะถูกจับง่ายๆ แบบนี้ล่ะ” ในน้ำเสียงของอัลโฟเลติมีความพิกลอยู่บ้าง
ลู่เซิ่งนิ่งไป
“ผมเข้าใจแล้ว”
ลู่เซิ่งกะพริบร่างถอยหลังด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็ถอยออกจากอาณาเขตที่ไฟปกคลุม ก่อนบินไปยังท้องฟ้าไกลออกไป
แต่เพิ่งบินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ พื้นผิวของดาวคุมขังที่เดิมสงบเงียบก็สั่นไหว
เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังมุดออกมาจากใต้ดิน
เสียงอันดังสนั่นที่พร่าเลือนค่อยๆ ดังขึ้น
“ง้าววารีคู่”
ลู่เซิ่งก้มมองไปเห็นง้าวสีฟ้าขนาดยักษ์เล่มหนึ่งแทงออกจากด้านในดาวคุกขังขึ้นไปในอวกาศ
ง้าวเล่มนั้นยาวเป็นหนึ่งในสามส่วนของดาวคุมขัง พอแทงออกมา ดาวทั้งดวงก็ถูกแยกเป็นสองส่วน ค่อยๆ แยกออกไปสองฟากราวกับแอปเปิ้ลที่ถูกตัด
ในตอนที่เพิ่งทะลวงสนามแม่เหล็กบนชั้นบรรยากาศออก การโจมตีที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้กลับถูกแสงสีแดงที่ดูเปราะบางชั้นนั้นขวางเอาไว้
ลู่เซิ่งเก็บงำกลิ่นอายโดยไม่ส่งเสียง
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นของแผนการร้าย
ง้าวและตาข่ายแสงสีแดงกำลังวัดกำลังกันอย่างดุดัน
ลู่เซิ่งเห็นอัลโฟเลตติและคาฟีลาเดีย อดีตนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นหนึ่งในห้าดวงดาวสักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ด้านบนง้าว
บนตัวทั้งสองมีไฟสีขาวมากมายลุกไหม้ พวกมันหายเข้าไปในตัวง้าวด้านล่างอย่างต่อเนื่อง
“แกมาจริงๆ ด้วย! คาฟีลาเดีย!”
ด้านหลังตาข่ายแสงสีแดงมีชายร่างสูงใหญ่ที่ทั้งตัวเป็นสีแดงสด ปีกคู่แข็งแกร่งยืดตรงออกมาจากหลังเหมือนเหล็กกล้า กอดอกมองสองพ่อลูกที่อยู่บนง้าวด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ดีน...” สีหน้าของคาฟีลาเดียเปลี่ยนแปลง เหมือนจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “ทำไมแกมาอยู่ที่นี่!? แกถูกจักพรรรดิมังกร…”
“แกจะบอกว่า ฉันน่าจะถูกจักพรรรดิมังกรล่อไปยังกาแลคซีแห่งอื่นใช่ไหม” ชายคนนั้นเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ผ่านไปหลายปี แกก็ยังไร้เดียงสาเหมือนเดิม แกในตอนนั้นออกจากศูนย์กลางจักรวรรดิได้ยังไง หรือว่าเวลาน้อยนิดแค่นี้แกกลับลืมไปหมดแล้ว”
คาฟีลาเดียกำไม้เท้า สีหน้าอึมครึมกว่าเดิม แต่ในความอึมครึมเริ่มปรากฏความเศร้าใจ
“เป็นอย่างที่คิดไว้…จักรพรรดิมังกร…”
“ก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่เหรอคะ” อัลโฟเลตติไม่สนใจ “ในเมื่อมากันพร้อมหน้าแล้ว พวกคุณยังรออะไรอยู่อีก”
“ฉันรู้จักแกดี คาฟีลาเดีย เอาไพ่ตายของแกออกมาเถอะ แกไม่เคยฝากความปลอดภัยของตัวเองไว้กับคนอื่น” ผู้บัญชาการใหญ่ประจำจักรวรรดิดีนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ร่างสองร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
หญิงงามที่ท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็นปลา
อีกคนเป็นชายชราสูงศักดิ์ที่สวมเสื้อคลุม สีหน้าน่าเกรงขาม
“ซีล เบเลียน รบกวนด้วย” ดีนเอ่ยเสียงแผ่ว
“หากจับสมาชิกหลักของห้าดาวศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้ นี่จะเป็นชัยชนะอย่างงดงามของพวกเรา” หญิงสาวชื่อซีลเอ่ยเสียงใจเย็น
“เพื่อจักรวรรดิ” เบเลียนกล่าวอย่างสงบนิ่ง
แสงสว่างสีทองคำขาวขนาดมหึมาจับตัวขึ้นด้านหลังคนทั้งสอง นั่นเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นหลังจากพลังจิตนับไม่ถ้วนควบคุมผงโลหะ
บนง้าวขนาดยักษ์
คาฟีลาเดียหลับตาเบาๆ
“เอาระดับสูงสามคนจากหอคอยขุนพลพลดวงดาวมารุม ช่างให้เกียรติกันจริงๆ อัลตี้ พาคนถอยซะ นอกจากนี้ ให้เริ่มแผน B ได้เลย”
อัลโฟเลตติยิ้ม ในมือมีอุปกรณ์ควบคุมสีม่วงอมดำโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กดปุ่มสีแดงตรงกลางเบาๆ
ฮือ…
การสั่นสะเทือนเล็กๆ ส่งมาจากที่ไกลในทันที
ตูมๆๆๆๆ!
การระเบิดอันรุนแรงที่ต่อเนื่องบังเกิดขึ้นรอบๆ กาแล็คซีผืนนี้
ดาวคุมขังดวงอื่นๆ ในบริเวณรอบๆ พากันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ พังพินาศอย่างสมบูรณ์
……………………………………….