ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1096 ช่วยเหลือ (2)
ถังเอินไม่ได้หลับนานเท่าไหร่ ไม่นานก็ตื่นมาอย่างงัวเงีย
หลังทั้งสองเอาของกินออกจากซูเปอร์มาเก็ต ก็เจอรถยนต์สีดำแบบวินเทจจับฝุ่นหนาคันหนึ่งที่ลานจอดรถกลางแจ้งใกล้ๆ
รถในครั้งนี้ดูก็รู้ว่าไม่มีคนใช้
ถังเอินตรวจสอบสภาพรถ เติมน้ำมันไว้แล้ว ทั้งสองคำนวณของกินแล้วโยนไปไว้ในกระโปรงหลัง ก่อนจะออกจากห้างสรรพสินค้าเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังทางยกระดับ
หมอกบางตอนเช้ามีกลิ่นที่ขมุกขมัวและน่าอึดอัด รถแล่นอยู่บนถนน
ถังเอินเปิดวิทยุรถ เสียงเพลงดังๆ ดับๆ
ลู่เซิ่งขีดเขียนปากกาบนสมุด
รถแล่นไปจนถึงตอนบ่าย
ทั้งสองเจอจุดรวมพลที่คิดว่าน่าจะใช่ห้าแห่ง แต่ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ
ระหว่างทางเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันครั้งหนึ่ง สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ วันทั้งวันหาใครไม่เจอเลย
สุดท้ายถังเอินที่เหนื่อยอยู่บ้างจอดรถไว้บนถนนที่เปลี่ยวอยู่บ้างแห่งหนึ่ง
เขตถนนช่วงนี้ส่วนใหญ่มีสถานที่ที่คล้ายกับร้านทำผมและร้านนวด ใบปลิวโฆษณาและถุงพลาสติกกลิ้งอยู่บนถนนอันเงียบสงัด
วัชพืชงอกออกมาจากสองฟากข้าง ลู่เซิ่งเห็นรถยนตร์จอดขวางอยู่ข้างทางเป็นบางครั้ง
“หาที่พักผ่อนตรงนี้เถอะครับ ด้านหน้ามีตึกสำนักงานเต็มไปหมด แถมที่นี่ยังหาบ้านที่ใช้อยู่ได้บ้าง” ถังเอินเอ่ยอย่างจนปัญญา
หาอยู่ตลอดทั้งวัน กลับไม่เจอคนอื่นๆ นี่ทำให้เขาท้อแท้เล็กน้อย
“ตามใจ พวกเรามีของกินมากพอ แต่ต้องเตรียมน้ำมันไว้เยอะๆ หน่อย” ลู่เซิ่งตอบ
“ขอแค่ปั๊มยังทำงานได้ก็ไม่มีปัญหาครับ” ถังเอินตอบ “ตรงนั้นมีร้านขายยา ผมจะไปค้นดูสักหน่อยว่ามียาแก้ปวดไหม”
“อื้อ ไปเถอะ มีอะไรเรียกฉันด้วย” ลู่เซิ่งวางสมุดลง ยืดข้อมือ ก่อนจะหยิบน้ำส้มขวดหนึ่งจากที่นั่งด้านข้างขึ้นดื่ม
โครม
จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากร้านขายเสื้อริมถนนเบาๆ
ถังเอินมองไป เห็นร่างเล็กร่างหนึ่งปรากฏแวบในร้าน
“มีคน!” เขาอุทานอย่างไม่รู้ตัว
ร่างเล็กนั้นวิ่งไปยังด้านหลังกระจกโชว์ของร้านขายเสื้อ โบกมือให้พวกเขา การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วนั้นแตกต่างจากพวกตัวประหลาดเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เซิ่งมองตามไป เห็นรูปร่างของร่างร่างนั้นชัดเจนเช่นกัน
นั่นคือเด็กผู้หญิงที่อย่างมากสุดก็มีอายุสิบสามสิบสี่ปี สวมกระโปรงลูกไม้สีขาวสกปรก ผมสีทองยาวยุ่งเหยิง เหมือนจะไม่ได้สระมานาน บนใบหน้ามีเครื่องแต่งหน้าสีแดงส่วนหนึ่งสีน้ ำเงินส่วนหนึ่ง ถุงน่องขาวบนขาขาดเป็นรูขนาดต่างๆ
“ดูข้างหลังเธอสิ ตรงนั้นไปไม่ได้” ลู่เซิ่งย่นคิ้ว
เวลานี้ถังเอินก็สังเกตเห็นเช่นกันว่า ด้านหลังเด็กสาวคนนั้นมีร่างทะมึนและพร่ามัวบางส่วนเดินมา
การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้านั่นเป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของเจ้าพวกนั้น
เขาคำนวณเส้นทาง หากคิดจะช่วยคน จะต้องเข้าไปในร้านจากด้านข้าง จากนั้นตัดผ่านระหว่างกลางเจ้าพวกนั้น ถึงจะมีโอกาสช่วยเด็กสาวคนนั้นออกมาจากหลังกระจกโชว์ได้
“ไม่สนแล้ว!” ถังเอินแทบเสียสติ อุตส่าห์ได้เจอคนเป็นทั้งคน เขาไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
ยังไม่รอให้ลู่เซิ่งตอบ เขาก็จอดรถ เปิดประตูรถแล้วพุ่งไปทางนั้น
ลู่เซิ่งไม่ได้ตื่นเต้นเท่าถังเอิน การผลุนผลันวิ่งไปโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นมนุษย์หรือไม่ อาจจะเพิ่มปัญหาและอันตรายได้
ไม่นานเขาก็เห็นถังเอินหาผ้าผืนหนึ่งมาปิดดวงตาตัวเองไว้ พร้อมกับคลำทางไปถึงในร้านขายเสื้อผ้า ไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บตรงขาแม้แต่น้อย
สักพักหนึ่ง ถังเอินก็ฉุดเด็กสาวเดินออกมาท่ามกลางเงาคนเหล่านั้นจริงๆ
ลู่เซิ่งพิงที่นั่งขณะมองคนสองคนในร้าน เวลานี้ถังเอินกับเด็กสาวคนนั้นออกมาจากประตูร้านแล้ว
“ความกล้าไม่เลว” ลู่เซิ่งยิ้ม
เขาเดาไม่ผิดจริงๆ ถังเอินไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ หลังจากคนที่ดูเหมือนคนธรรมดาสามัญคนนี้ผ่านการชำระล้างอย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาหกปี ความจริงเด็กหนุ่มก็มีคุณสมบัติที่ไม่ธรรม มดาแล้ว
ลู่เซิ่งรอคอยทั้งสองเข้าใกล้รถอย่างเงียบๆ
โครม
จู่ๆ ในร้านทางขวามือก็มีคนสามสี่คนพุ่งออกมา มีทั้งชายทั้งหญิง ผมเผ้ากระจัดกระจาย ร่างกายมอมแมม ด้านในดวงตาระหว่างเส้นผมเต็มไปด้วยริ้วเลือดและความคลุ้มคลั่ง
“พวกล่วงเกินเทพเจ้า แกจะต้องได้รับการลงทัณฑ์!” หญิงแก่ที่มีผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงคนหนึ่งโบกสองมือพลางกรีดร้องอยู่ด้านหลัง
ชายหญิงรอบๆ ตัวเธอ ไม่ว่าจะสูงต่ำอ้วนผอม ต่างก็ถืออาวุธไว้ในมือ บ้างก็เป็นมีดพร้า บ้างเป็นพลั่ว มีแต่เธอที่ถือปืนสองลำกล้อง
“จับตัวนังนั่นไว้! มันทรยศพวกเรา ทรยศองค์เทพ!”
คนทั้งกลุ่มพุ่งเข้าไปหาถังเอินและเด็กสาว
ตอนแรกที่ถังเอินเห็นมนุษย์มากมายขนาดนี้ ยังแสดงสีหน้าแตกตื่นยินดี แต่พอเด็กสาวคนนั้นอธิบายให้ฟัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หมุนตัวพาเด็กสาววิ่งไปยังที่ไกล ไม่ได้วิ่งม มาทางลู่เซิ่ง
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากลากลู่เซิ่งไปเกี่ยวข้องด้วย
ลู่เซิ่งเงยหน้าดื่มน้ำส้มคำหนึ่ง พอเห็นเหตุการณ์นี้ก็วางน้ำส้มไว้บนหลังคารถ
โครม
เขาเปิดกระโปรงหลังรถ หยิบไม้เบสบอลออกมา แล้วหมุนตัวเดินไปหาคนกลุ่มนั้น
คนกลุ่มนั้นกำลังไล่ตามถังเอิน ไม่ได้สังเกตเห็นว่าด้านหลังมีคนเข้าใกล้
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งฟาดท้ายทอยผู้ชายคนหนึ่ง
คนคนนี้หมดสติล้มลงกับพื้นทันที
จากนั้นคนอื่นๆ ก็พบลู่เซิ่ง
“พวกหมิ่นเทพอีกคน ฆ่ามัน! ฆ่ามันซะ!”
หญิงชรากรีดร้อง
คนที่อยู่ข้างตัวเธอแยกออกมาสองคน พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องแปลกประหลาด พร้อมทั้งควงมีดพุ่งเข้ามาใส่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งหวดไม้เบสบอล ความเร็วที่เหนือคนธรรมดาทำให้เขาหลบมีดพร้าของทั้งสองได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ฟาดใส่ศีรษะพวกเขาคนละครั้ง
ทั้งสองล้มลงกับพื้นทันที
ลู่เซิ่งมุ่งหน้าต่อ แล้วหลบไปทางซ้ายอย่างฉับพลัน
ปัง!
กระสุนพุ่งผ่านข้างตัวเขาไป โดนหน้าต่างรถคันหนึ่งด้านหลังแตก
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งฟาดหญิงชรา อีกฝ่ายตาเหลือก เลือดไหลออกจากศีรษะ ก่อนจะทรุดล้มลงกับพื้น
“มารร้าย! มารร้าย!”
“มันฆ่าผู้นำ!”
“ฆ่ามัน! ฮ่าๆๆ!”
แทนที่คนรอบๆ จะเสียสติกลับควงอาวุธล้อมลู่เซิ่งไว้
“รีบหนี! คนพวกนี้บ้าไปแล้ว!” ถังเอินที่อยู่ห่างออกไปวกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ร้องเตือนลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งหยิบบุหรี่ตัวหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อออกมาคาบ หลบการฟันของคนคนหนึ่ง แล้วฟาดไม้เบสบอลใส่
คนคนนั้นตัวสั่น หัวถูกฟาดยุบ พลันล้มลงหมดสติกับพื้น
จากนั้นลู่เซิ่งก็หมุนตัว แล้วฟาดคอของชายคนหนึ่ง
คนคนนั้นโซเซเล็กน้อย แล้วล้มแน่นิ่งกับพื้นโดยที่กุมคอเอาไว้
คนสุดท้ายร้องคำรามแล้วกระโจนเข้าใส่ลู่เซิ่ง กลับถูกเขาฟาดไม้เบสบอลเข้าใส่ ไม้เบสบอลหนักอึ้งที่ส่งเสียงกรีดลมสะบัดเข้าขมับของคนคนนี้อย่างจัง
เปรี้ยง!
เกิดเสียงโครมเมื่อร่างล้มฮวบลงกับพื้น
ทุกอย่างเงียบลง
ลู่เซิ่งหยิบไฟแช็กออกมาก้มหน้าจุดบุหรี่ในมือ แล้วหมุนตัวเดินไปหาพวกถังเอิน
ถังเอินขวางอยู่ด้านหน้าเด็กสาว มือถือพลั่วยาว ทำท่าเตรียมจะพุ่งเข้ามาเสี่ยงชีวิต
พอเห็นคนมากมายขนาดนี้ถูกลู่เซิ่งจัดการในเวลาไม่นาน เขาก็อ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่ห่านเข้าไปได้ทั้งฟอง
เด็กสาวที่อยู่ข้างเขาก็อ้าปากเงยหน้ามองลู่เซิ่งที่เข้าใกล้อย่างอึ้งๆ เช่นกัน การเคลื่อนไหวของทั้งสองกลับเหมือนกันอย่างยากจะอธิบาย
พวกเขายืนเรียงกันเหมือนกับมินเนียนที่ทำหน้าตกตะลึง
ลู่เซิ่งดูดบุหรี่เสร็จแล้วก็เดินไปหาคนทั้งสอง
“เรียบร้อยรึยัง น่าจะไปได้แล้วนะ”
“เอ่อ…ครับ…ครับ…” ถังเอินดึงเด็กสาวตามลู่เซิ่งขึ้นรถ
รถเคลื่อนที่อีกครั้ง
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นลู่เซิ่งขับรถ เขาดูดบุหรี่อีกหลายรอบค่อยโยนก้นบุหรี่ออกนอกหน้าต่างรถ พ่นควันเบาๆ ควันถูกลมที่พัดมาจากนอกหน้าต่างเป่ากระจัดกรจาย
“ความจริงฉันไม่ชอบสูบบุหรี่หรอก แต่พอสูบมากเข้าๆ ก็เริ่มสูบโดยสัญชาตญาณ” ลู่เซิ่งดูออกว่าเด็กสาวร้อนใจมาก จึงอธิบาย คำพูดนี้ไม่แปลกปลอม โทมัสคนเดิมเป็นคนชอบสูบบุหรี่คน นหนึ่ง
“ผมก็ไม่ชอบสูบบุหรี่เหมือนกัน เพียงแต่…โทมัส ไม่เห็นคุณเคยบอกเลยว่าคุณเก่งขนาดนี้!” ถังเอินตื่นเต้นอยู่บ้าง วาดมือวาดไม้อยู่บนที่นั่งข้างคนขับ
“ไม่ใช่ฉันเก่งหรอก คนพวกนั้นอ่อนแอเกินไปต่างหาก พวกมันเหมือนคนเยอะ ในมือถืออาวุธ แต่ความจริงเป็นสวะ” ลู่เซิ่งตอบขณะขับรถ “ไม่สามัคคี ไม่มีระเบียบ เหมือนผึ้งแตกรัง”
“นั่นก็เก่งมากแล้วนะครับ!” ถังเอินเอ่ยอย่างพลุ่งพล่าน “คุณสอนผมได้ไหม วิชาต่อสู้นั่น!”
“ได้อยู่แล้ว” ลู่เซิ่งผงกศีรษะ “เอาล่ะ ตอนนี้ตาเธอพูดแล้ว ยัยหนู” เขาเลื่อนสายตาไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลัง
พูดให้ถูกต้องคือ เด็กสาวเป็นหญิงสาวแล้ว ร่างที่สูงหนึ่งเมตรห้าสิบกว่าเซนติเมตรมีทรวดทรวงที่เจริญเติบโต เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไป
“ฉะ…ฉันแอนนี…ขอบคุณที่พวกคุณช่วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ อย่างหวาดกลัว
“ทำไมเธอโดนคนพวกนั้นไล่ตามล่ะ” ถังเอินถามคำถามสำคัญตรงๆ
“ฉัน…ฉัน…ขโมยของกินที่พวกเขาใช้บวงสรวงเทพน่ะค่ะ…” แอนนีก้มหน้ากล่าวอย่างละอายใจ
“บวงสรวงเทพหรือ พวกเขาบูชาเทพอะไร” ถังเอินถาม
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ…แต่พวกเขาไม่มีเทวรูปด้วยซ้ำ…มีแค่โคลนที่ปั้นขึ้น” แอนนีตอบ เธอคอยมองลู่เซิ่งตลอดเวลาตอนพูด
ท่วงท่าตอนที่ลู่เซิ่งเอาชนะคนมากมายเมื่อครู่ยังตราตรึงในสมองของเธอ
“นั่นก็คือลัทธินอกรีตงั้นเหรอ” ลู่เซิ่งถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…” แอนนีส่ายหน้า
เอี๊ยด
เวลานี้รถจอดลงตรงประตูห้างสรรพสินค้าใหญ่ทรงซุ้ม
ตรงประตูห้างสรรพสินค้าวางตุ๊กตาสีรุ้งขนาดใหญ่ไว้หลายตัว เป็นลูกแกะลูกหมู ลูกแกะลูกหมูที่สูงหนึ่งเมตรกว่าๆ พวกนี้สีถลอกเล็กน้อย ดูเก่าอยู่บ้าง แต่ยังคงสภาพดีไม่บุบส สลาย
ด้านในห้างสรรพสินค้าอันมืดทะมึน ประตูเปิดอ้าอยู่ รอบๆ เงียบสงัด มีความรู้สึกน่ากลัวที่ชวนหวาดหวั่นแผ่ตลบอบอวล
“ห้างสรรพสินค้าปู้ต๋า” ถังเอินเงยหน้าอ่านป้ายบนห้างสรรพสินค้า
“ที่นี่เป็นจุดรวมพลที่เป็นไปได้ที่สุดแถวๆ นี้ ถ้าไม่นับพวกสาวกลัทธินอกรีตเมื่อกี้” ลู่เซิ่งว่า
“จะไปดูไหมครับ” ถังเอินถาม
“ไปหาของที่มีประโยชน์หน่อย ดีที่สุดคือแบตเตอร์รี่ ถ้ามีแผงโซลาร์เซลล์ด้วยจะยิ่งดี” ลู่เซิ่งขับรถไปถึงที่ว่างที่สะดวกแก่การเข้าออกด้านข้าง จากนั้นก็ดับเครื่องยนต์แล้วลง งรถ
“ถ้าพวกนายเหนื่อยก็พักในรถก่อน ฉันเข้าไปคนเดียวได้ไม่มีปัญหา” เขาหันกลับไปพูด
“ผมจะไปกับคุยด้วย!” ถังเอินเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รีรอ
แอนนีลังเลเล็กน้อย เหมือนจะตามลงมาด้วย แต่ถูกถังเอินกดตัวไว้
“เธอพักผ่อนอยู่ที่นี่แหละ ฉันไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ ทางที่ดีซ่อนตัวอยู่ในรถห้ามให้ใครเห็น เข้าใจไหม” ถังเอินกำชับ
“อื้อ!” แอนนีพยักหน้าแรงๆ
เวลานี้ลู่เซิ่งหยิบถุงมือป้องกันหนามคู่หนึ่งออกจากกระโปรงรถมาสวมใส่ เทียบกับไม้เบสบอลและมีดพร้าแล้ว เขาชินกับของอย่างนี้มากกว่า
เขาจำเป็นต้องตามหาคนมากกว่านี้ เพื่อจะได้หาที่อยู่ของครอบครัวให้เจอ นอกจากนั้นทำไมโลกใบนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ การหาต้นตอของมันให้เจอก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขาเช่นกัน