ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1106 ค้นหา (2)
“ผู้ซ้อนทับหรือ หมายความว่ายังไง” ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าถังเอินมีความพิเศษอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่รู้พิเศษตรงไหน
พอตอนนี้ได้ยินหญิงชราพูด ก็พลันเกิดความรู้สึกว่าได้ออกมาจากหมอก
“จุดที่ร้ายกาจที่สุดของผู้ซ้อนทับอยู่ที่การเป็นอมตะในโลกใบนี้” แองเจลายิ้มอย่างประหลาด
“สภาพแวดล้อมนี้มีอยู่ในโลกบิดเบี้ยวที่เจ็บปวดเต็มไปหมด หากผู้ซ้อนทับตายไปก็จะคืนชีพขึ้นมาใหม่ในจุดที่เขานำสัมผัสเข้ามา ขอแค่อยู่ที่นี่ พวกเขาจะไม่มีวันตาย”
“ไม่มีวันตายหรือ” ลู่เซิ่งุนงง
“ถูกต้อง…มีการบันทึกเรื่องผู้ซ้อนทับไว้ในนิกาย พวกเขามีจำนวนไม่มาก ตอนที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกได้ก่อความอึกทึกครึกโครมไม่น้อย เคยมีคนลองศึกษาผู้ซ้อนทับ แต่สุดท้ายก็คว้า าน้ำเหลว” แองเจลาอธิบาย
ลู่เซิ่งไม่พูดอะไรอีก มองถังเอินที่ซึมเซาอย่างละเอียด ไม่แสดงความเห็นใดๆ หญิงชราผู้นี้เลอะๆ เลือนๆ ใครจะรู้ว่าสิ่งที่นางพูดเป็นจริงหรือไม่
“คุณไปเถอะ ผมจะไปพักผ่อนก่อน” เขายื่นมือไปจับปลอกนิ้ว
การออกจากโลกแห่งความเจ็บปวดเป็นเรื่องง่ายๆ ขอแค่ถอดปลอกนิ้วออก ไม่ให้เข็มแหลมทำร้ายตนเองเพื่อส่งความเจ็บปวดก็เพียงพอ
กริ๊งๆ ลู่เซิ่งโยนปลอกนิ้วไปไว้บนโต๊ะ
โลกที่อยู่พลันพร่ามัว แล้วกลับเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็พิจารณาฝ่ามือหลังจากสวมปลอกนิ้ว
ข้างใต้เล็บห้าเล็บมีร่องรอยถูกแทงอย่างชัดเจน
‘ไม่มีเลือดเหรอ’ ลู่เซิ่งเห็นร่องรอยของผงยาจางๆ บนปากแผล
‘ในปลอกนิ้วน่าจะมีผงพิเศษ’ เขาหยิบปลอกนิ้วขึ้นมาดูอีกครั้ง พบว่าแม้ผิวของมันจะดูเรียบง่าย แต่โครงสร้างด้านในกลับมีกลไกเล็กๆ อยู่ไม่น้อย
ถังเอินนอนหลับอยู่ด้านข้าง ไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
หญิงชราแองเจลาหลบไปนั่งที่มุม แอบกินอาหารอีกรอบ
‘ตอนนี้เราสู้พลทหารทั่วไปในโลกแห่งความเจ็บปวดไม่ได้ ดูเหมือนต้องเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกแล้ว’ ลู่เซิ่งวางปลอกนิ้วลง เดินไปถึงมุมหนึ่ง ก่อนจะเริ่มการฝึกฝนรอบใหม่
แองเจลาไม่ได้โกหก ยานั้นมีผลจริงๆ
ถังเอินตื่นขึ้นมาหลังหลับไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆ หลังจากตื่นมา นอกจากเขาจะกุมฝ่ามือบอกว่าเจ็บแล้ว สติกลับกระจ่างใสและกลับเป็นปกติอย่างเหนือความคาดหมาย
ปลอกนิ้วสองปลอกกลายเป็นอุปกรณ์ที่ทั้งสองใช้เข้าออกโลกแห่งความเจ็บปวดอย่างเป็นทางการ
พวกเขาที่อยู่ในห้องใต้ดินกินสิ่งของเมื่อหิวกระหาย ล้มตัวนอนเมื่อเหน็ดเหนื่อย
ไม่ว่าจะเป็นลู่เซิ่งหรือถังเอิน หลังจากปรับตัวเข้ากับความเจ็บปวดนั้นได้ ต่างก็เริ่มแสดงความสนใจใคร่รู้ต่อโลกแห่งความเจ็บปวด
นอกจากฝึกฝน ลู่เซิ่งก็แช่ตัวอยู่ในโลกแห่งความเจ็บปวดเกือบตลอดเวลา
ถังเอินไม่กล้าเหมือนเขา เพราะรับความเจ็บปวดรวดร้าวนั่นไม่ได้ ทุกๆ สามวันถึงจะเข้าไปครั้งหนึ่ง
ทั้งสามคนใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้ดินเกือบสองสัปดาห์กว่าๆ
ในที่สุดลู่เซิ่งก็ออกสำรวจเขตโบสถ์ขาวจนทั่ว
ขนาดของเขตโบสถ์ขาวในโลกแห่งความเจ็บปวดใหญ่เท่ากับเมืองเมืองนี้ในโลกความเป็นจริง ด้านในมีอัศวินขาวที่เดินเร่ร่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
หลายๆ สถานที่มีสิ่งก่อสร้างนิรนามที่กำลังลุกไหม้ สิ่งก่อสร้างพวกนี้มีอัศวินขาวที่อยู่ใกล้ๆ น้อยมาก
พวกมันเหมือนจะไม่ชอบไฟ
เขาพบแค่อัศวินขาวในเขตโบสถ์ขาวเท่านั้น ไม่เจออย่างอื่น
ส่วนเขตโบสถ์ดำเป็นเนินลานที่เดินไปด้านล่างได้เรื่อยๆ เป็นเส้นทางลาดที่คล้ายไม่มีจุดสิ้นสุด
ครั้งที่ลู่เซิ่งไปไกลที่สุด เขาเดินไปตามเนินลาดนั้นเกือบสี่ชั่วโมงกว่าๆ แต่ก็ยังคงไม่เจอปลายทาง และไม่เจอสิ่งมีชีวิตใดๆ ระหว่างทาง
เพียงแต่ยิ่งเดินลงล่าง หมอกก็ยิ่งหนา โซ่ที่ล่ามสิ่งก่อสร้างและโบสถ์สองฟากข้างหนาขึ้นเรื่อยๆ
เขตโบสถ์ดำเหมือนจะปลอดภัยกว่าเขตโบสถ์ขาว แต่เวลาเดินอยู่ในเขตโบสถ์ดำลู่เซิ่งมักรู้สึกว่าอันตรายยิ่งกว่าเขตโบสถ์ขาว
โลกแห่งความเจ็บปวดและนิยามเกี่ยวกับเขตโบสถ์ขาวและเขตโบสถ์ดำ ต่างทำให้ถังเอินและหญิงชราแองเจลารับได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขารู้สึกสนใจในเขตโบสถ์ขาวยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะพวกอัศวินขาว
ถังเอินรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ทับซ้อนในช่วงเวลานี้ ไม่รู้เขาคิดอะไร ดันไปท้าทายอัศวินขาวในการแยกกันค้นหาครั้งหนึ่ง สุดท้ายถูกอัศวินขาวฟันร่างขาดเป็นสองท่อน
และเพราะครั้งนั้นเองที่ทำให้ลู่เซิ่งเห็นว่า ความอมตะของผู้ทับซ้อนเป็นอย่างไร
เขาไม่ทันหยุดยั้งการหาที่ตายของถังเอิน เพราะตอนนั้นเขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายไกลเกินไป
เห็นแต่เพียงอัศวินขาวสะบัดเลื่อยออกไปฟันใส่ถังเอินผู้อยู่ห่างออกไปสองเมตรกว่าๆ และนึกว่าตัวเองจะหลบได้แยกเป็นสองท่อน
ทุกสิ่งในตอนที่ถังเอินตายไม่แตกต่างอะไรกับคนปกติ
แต่ความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ศพบนพื้นค่อยๆ หลอมละลายหายไป ทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าและข้าวของจิปาถะบนตัวเขาเท่านั้น
ถังเอินที่เกิดใหม่เดินออกมาจากห้องใต้ดิน นอกจากไม่ได้สวมเสื้อผ้า ทุกสิ่งล้วนเหมือนตอนแรก
ความรู้สึกนั้นเหมือนคืนกลับสภาพเดิม นี่ทำให้ลู่เซิ่งนึกถึง ผู้เล่น คำศัพท์อันแปลกประหลาด
ถูกต้อง สภาพของถังเอินเหมือนกับผู้เล่นในโลกแห่งความเจ็บปวด ไม่มีวันตาย แต่หลังตายไปจะสูญเสียเสื้อผ้า
นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่สนใจพฤติกรรมหาที่ตายของถังเอินในโลกแห่งความเจ็บปวดอีก ตั้งสมาธิไปกับการเพิ่มพลังของตัวเอง
ในที่สุดหมัดลอบสังหารสายลวงจิตของเขาก็ยกระดับถึงระดับเก้าหรือระดับสูงสุดในเวลาสองสัปดาห์กว่าๆ
นี่เป็นระดับสูงสุดที่มนุษย์สามารถไปถึงได้ ผลาญพลังอาวรณ์ของเขาไปเกือบหนึ่งพันหน่วย
แต่แม้จะเสียพลังอาวรณ์ไปมหาศาล ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปอย่างใจ
ลู่เซิ่งทดลองอีกรอบ ยังคงสู้อัศวินขาวไม่ได้
เขามีความเร็วและพละกำลังเท่าอัศวินขาวแล้ว แต่ความอึดที่น่าตกตะลึงของอีกฝ่าย ยังมีทักษะยุ่งยากหลายอย่างที่ใช้อย่างฉับพลัน ทำให้เขาปวดหัวอย่างยิ่ง
ความสามารถหนึ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือการป้องกัน
พลังป้องกันของอัศวินขาวนั้นน่าตกตะลึงและได้ไปถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อแล้ว กระบี่ยักษ์ของพวกเขาไม่สามารถดันเกราะบนตัวขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ
และสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือ เกราะของพวกเขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้
ลู่เซิ่งเคยลองพกปืนเข้าไป แต่ไม่มีประโยชน์ ปืนที่พกเข้าไปบิดเบี้ยวเป็นก้อน ไม่รู้กลายเป็นอะไร
ต่อให้จะเป็นมีดพร้าธรรมดา หลังใส่เข้าไป ก็จะกลายเป็นของแปลกประหลาดหลากหลายชนิด
บางครั้งจะกลายเป็นกระบี่ บางครั้งกลายเป็นแส้ บางครั้งก็กลายเป็นกาน้ำ
ต่อให้จะเป็นมีดเล่มเดียวกัน หากนำเข้าไปในโลกแห่งความเจ็บปวด ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพียงหนึ่งเดียวคืออาวุธที่อยู่ในโลกแห่งความเจ็บปวด
…
ตูม!
ลู่เซิ่งสวมสนับมือสีดำซึ่งมีโซ่เชื่อมไปถึงไหล่ไว้ที่มือขวา ต่อยหมัดใส่กลางหลังอัศวินขาวด้านหน้า
อัศวินขาวที่ไม่ทันตั้งตัวถูกต่อยเซ
พอลู่เซิ่งต่อยใส่เสร็จก็เผ่นทันที รอจนอัศวินขาวโต้กลับ เขาก็อยู่ห่างออกไปห้าหกเมตรแล้ว
ระยะห่างนี้เป็นระยะปลอดภัยที่เขาศึกษามาจนรู้ว่า อัศวินขาวจะหยุดการไล่ล่าไปเอง
และก็เป็นอย่างที่คาด อัศวินขาวหันมองรอบๆ เมื่อไม่พบศัตรู ก็กลับไปเดินต่ออย่างไร้จุดหมาย
ลู่เซิ่งยืนห่างออกมา มองดูกลางหลังของอัศวินขาวที่ถูกตนต่อยยุบ
ร่องรอยที่ชัดเจนนั่นดีดกลับมาเป็นเหมือนเดิมในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามอึดใจ ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
‘เกราะแข็งเกินไปแล้ว…’ เขาปวดหัวเล็กน้อย
ยกระดับถึงระดับเก้ามาได้สองวันแล้ว ความเร็วและพละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะความเร็ว
ในการเคลื่อนไหวเป็นระยะทางสั้นๆ เขาเร็วกว่าอัศวินขาวไม่น้อย
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ความเร็วระเบิดชนิดนี้ก็ไร้ประโยชน์ยามเผชิญหน้ากับอัศวินขาวอยู่ดี
เกราะของพวกเขาแข็งเกินบรรยาย
ลู่เซิ่งเคยล่ออัศวินขาวสองคนมา แล้วให้การโจมตีของพวกเขาฟันใส่เกราะของแต่ละฝ่ายอย่างพอดิบพอดี
ผลลัพธ์คือ พวกเขาไม่เป็นอะไร รอยกระบี่ที่เพิ่งปรากฏกลับเป็นอย่างเดิมในไม่กี่อึดใจ จากนั้นทั้งสองก็ไล่ล่าลู่เซิ่งต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘ดูเหมือนจะต้องข้ามขีดจำกัดมนุษย์ถึงจะไหว…’ ลู่เซิ่งถอนใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องใต้ดิน
เขาจะกลับไปดูว่าถังเอินเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เด็กหนุ่มไปค้นหาที่อีกฝั่ง
ถังเอินเล่าว่า ในช่วงนี้เขารู้สึกร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายในโลกแห่งความเจ็บปวดมีปานสีม่วงผุดขึ้นมาเยอะมาก เหมือนกับรอยปานที่ลู่เซิ่งเคยเห็นบนร่างตัวเอง
แต่ของถังเอินมีสีเข้มกว่าของเขา
นี่ทำให้ลู่เซิ่งย้อนนึกถึงผู้ติดเชื้อที่เวลลิงตันเคยพูดถึง
ลู่เซิ่งสลัดความคิดทิ้ง สัมผัสสภาพร่างกาย ราวๆ บ่ายของวันพรุ่งนี้ ร่างกายหลังยกระดับถึงระดับเก้าจะปรับตัวเสร็จ สามารถยกระดับต่อได้อีกขั้น
เขาเลิกแขนเสื้อขึ้น รอยปานบนแขนยังอยู่ แต่จางลงกว่าเดิมไม่น้อย เทียบกับสีในตอนแรก จางลงไม่รู้เท่าไหร่ หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็ไม่แน่ว่าจะเห็น
เขากลับถึงห้องใต้ดินอย่างรวดเร็ว พอเปิดประตูก็เห็นแสงไฟสีเหลืองที่ส่องสว่างไหวระริกอย่างช้าๆ
เขาพลันงุนงง เพราะไม่เคยเห็นอะไรที่ติดไฟได้ในสถานที่แห่งนี้มาก่อน ไฟบนสิ่งก่อสร้างในเขตโบสถ์ขาวที่ลุกไหม้พวกนั้นก็ไม่สามารถนำติดตัวไปไหนได้เช่นกัน
พวกเขาเคยลองเอาของไปจุดไฟแล้วนำกลับมายังห้องใต้ดิน ผลลัพธ์คือไม่มีอะไรที่อยู่รอบๆ ติดไฟได้เลย
ตอนนี้ เขากลับเห็นไฟในห้องใต้ดิน
แองเจลาขดตัวพลางพึมพำทำท่าเหมือนคนเป็นประสาทอยู่ตรงมุมห้องเหมือนเคย
ถังเอินสวมเสื้อคลุมสีดำอมเทาขาดวิ่น ยืนคุยกับคนแปลกหน้าสองคน
พอได้ยินเสียง ถังเอินก็หันมาหาลู่เซิ่งแล้วโบกมือให้
“เฮ้ รีบมาสิโทมัส! ดูสิว่าผมเจอใคร!?”
เขามีสีหน้าดีใจเป็นอย่างยิ่ง คล้ายรู้สึกหายโดดเดี่ยวเพราะเจอมนุษย์อีกสองคน
ลู่เซิ่งเดินลงจากบันได มองไปยังคนแปลกหน้าสองคน
คนผมทองคนหนึ่ง สองตาสีฟ้าเป็นประกาย สวมเกราะสีขาวหนาหนัก ไม่ได้ใส่หมวกเกราะ ร่างกายนับว่าสูงใหญ่กำยำ แบกกระบี่คมกว้างเล่มหนึ่งไว้บนหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนอัศวินตะวั นตก
อีกคนเป็นผู้หญิง ใส่ชุดหนังแนบเนื้อแสนยั่วยวน ด้านนอกกางเกงหนังสีน้ำตาลเสียบอาวุธที่เหมือนกับลูกดอกเอาไว้เต็มไปหมด สะพายธนูพับสีดำคันหนึ่งไว้บนหลัง
เธอมีหน้าตางดงาม แต่สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย ผมยาวสีน้ำตาลเข้มม้วนลอน ระอยู่บนไหล่เหมือนลูกคลื่น
“มาเร็ว! ผมจะแนะนำให้รู้จัก พวกเขาเป็นผู้ทับซ้อนเหมือนกัน!” ถังเอินลากลู่เซิ่งเข้าใกล้อย่างกระตือรือร้น