ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1111 โลกที่สิ้นหวัง (1)
“ไม่เลวนะ พวกคุณสองคน” ลู่เซิ่งเดินไปถึงกรงขังของทั้งสอง บีบแม่กุญแจเบาๆ
แกร๊ก แม่กุญแจบนกรงถูกบีบแหลกทันที
คนอื่นๆ ต่างตกตะลึง เบิ่งตาค้าง นั่นคือพละกำลังของคนธรรมดางั้นเหรอ
พวกเขาเคยเห็นผู้ทับซ้อนมาหลายคน พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาอมตะที่มีอุปกรณ์พิศวงหลายอย่างเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของผู้ทับซ้อนอยู่ที่ความเป็นอมตะ แต่ไม่มีใครสามารถใช้นิ้วมือกระชากแม่กุญแจขนาดใหญ่ได้อย่างสบายๆ เหมือนชายตรงหน้านี้เด็ดขาด
ลู่เซิ่งกลับไม่สนใจว่าคนอื่นๆ คิดอย่างไร เขากระชากประตูกรงเปิด ปล่อยทั้งสองออกมา
“ฉันคาดหวังในตัวพวกคุณนะ” ลู่เซิ่งตบไหล่ของชายหญิงคู่นี้ “ต่อจากนี้ให้ติดตามฉัน ฉันคิดจะสร้างสำนักพอดี ยังขาดคนอีกไม่น้อย แต่ก่อนหน้านั้น ขอดูคุณสมบัติพวกคุณก่อน”
“แล้วแต่เลยครับ!” ฝ่ายชายรีบตอบ หุ่นเขาค่อนข้างล่ำสันทีเดียว เป็นคนผิวดำ ผมสั้นเตียน นอกจากจะหน้าตาที่ขี้เหร่ไปหน่อยแล้ว ก็ไม่มีจุดอ่อนตรงไหนอีก
เวลานี้พอเห็นลู่เซิ่งกระชากแม่กุญแจหักด้วยมือเปล่า พลันเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นบ้าฌนปา แต่เป็นยอดคนที่มีสามารถจริงๆ เขาจึงฮึกเหิมขึ้น
การเรียนรู้ความสามารถเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกที่วุ่นวายแบบนี้ ยอดเยี่ยมกว่าอะไรทั้งหมด
ชั่วขณะนั้นสายตาที่เขามองไปยังลู่เซิ่งเร่าร้อนขึ้นมา
ลู่เซิ่งยื่นมือไปกดศีรษะ คอ และร่างกายเขาตามลำดับดุจสายฟ้าฟาด
“คุณสมบัติไม่เลว ดีกว่าคนธรรมดา ดูท่าทาง ฉันน่าจะพิจารณาถ่ายทอดวิชาต่อสู้ภายนอกบางส่วนให้คุณได้”
เขาบอก จากนั้นก็มองไปยังหญิงสาวด้านข้างโดยไม่สนใจสีหน้าที่ผิดหวังอยู่บ้างของชายผิวดำ
หญิงสาวคนนี้ก็ขี้เหร่เหมือนกัน ผอมแห้งเหมือนกับไม้ไผ่ แขนขาแทบไม่มีเนื้อ ยิ่งอย่าว่าแต่หน้าอก
ชวนให้คนรู้สึกเหมือนเอาท่อนไม้สองสามท่อนมายันสมองเอาไว้
“คุณว่าฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เวลานี้เธอมองออกแล้วว่าลู่เซิ่งเป็นคนมีความสามารถจริงๆ จึงรอการตรวจสอบจากอีกฝ่ายด้วยความคาดหวังและพะว้าพะวง
ลู่เซิ่งกดตัวเธอหลายครั้ง
“แย่กว่าเขาหน่อย แต่เรียนวิชาภายนอกได้” ลู่เซิ่งส่ายหน้าอย่างผิดหวังเล็กน้อย
แต่ก็เข้าใจได้ ความน่าจะเป็นที่จะเจอศิษย์คุณสมบัติดีๆ ในหมู่คนธรรมดามีเยอะขนาดไหนกันเชียว
ต่อมา เขาก็ปลดปล่อยทุกคน ระหว่างที่ปล่อยเขาได้ตรวจสอบคุณสมบัติของคนสิบหกคนไปด้วย
ในที่สุดก็เจอเมล็ดพันธุ์เม็ดหนึ่ง
ชายสวมแว่นที่ชื่อแจ๊คสันมีคุณสมบัติดีที่สุดในคนกลุ่มนี้ พอจะฝึกฝนวิชาหมัดลวงจิตฉบับปรับปรุงของเขาได้
สิ่งที่หายากยิ่งกว่าก็คือ ชายคนนี้เป็นอัจฉริยะที่แตกฉานหกภาษา มีปริญญาเอกจากสายฟิสิกส์ วิศวกรรมศาสตร์ และเครื่องกลประยุกต์
แจ๊คสันคนนี้ ยังมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นคือลูกศิษย์ของเฒ่าปาร์คเกอร์
หลังจากทุกคนถูกปล่อยตัวออกมา ก็เริ่มเก็บกวาดปั๊มน้ำมัน
ศพสองศพถูกพวกเขาลากไปโยนทิ้งในป่า
พวกผู้หญิงใช้ถังน้ำกับผ้าเช็ดทำความสะอาดรอบๆ ส่วนพวกผู้ชายรวบรวมอาหาร และตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทุกอย่างยังใช้การได้หรือไม่
สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งประหลาดใจก็คือ ในปั๊มน้ำมันเล็กๆ แห่งนี้มีเครื่องจ่ายไฟพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องจ่ายไฟพลังงานลม แถมด้านหลังยังมีสวนปลูกผักขนาดเล็กหรือเรือนกระจกอยู่อีกแ แห่งหนึ่ง
เฒ่าปาร์คเกอร์ไม่รู้ว่าขนเอาอาวุธและกระสุนหีบใหญ่มาจากไหน ในนี้ยังมีปืนกลหนักด้วย
ขณะมองดูกลุ่มคนทำงาน ลู่เซิ่งกับปาร์คเกอร์พักผ่อนอยู่ใต้ชายคาของอาคารนอกปั๊มน้ำมัน
“เป็นยังไงบ้าง ที่นี่ไม่เลวใช่ไหม” ปาร์คเกอร์หัวเราะเหอะๆ
“พึ่งพาตัวเองง่ายๆ น่ะไม่เลว แต่ความสามารถในการป้องกันอันตรายอ่อนแอเกินไป” ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“ผมเองก็รู้…แต่สัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่ใชสิ่งที่มนุษย์จะต่อกรได้ ไม่อย่างนั้นทำไมผมถึงเลือกมาสร้างฐานที่มั่นในป่าเขาแบบนี้ล่ะ” ปาร์คเกอร์เอ่ยเสียงจนปัญญา
“รู้ไหมว่าเป็นสัตว์ประหลาดพวกไหน” ลู่เซิ่งถาม
“ถ้าคุณพูดถึงเจ้าหญิงแมลงศพกับฟาเตียน ผมสามารถบอกคุณได้แน่ๆ ผมเคยเห็นมาก่อน ทั้งยังเคยหนีรอดจากเงื้อมมือพวกมันไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง” ปาร์คเกอร์กล่าวอย่างจนใจ
“สัตว์ประหลาดชนิดนี้ไร้เทียมทาน ดังนั้นได้แต่หาจุดอ่อนของพวกมันเพื่อที่จะได้เพิ่มโอกาสหนี”
“หือ คุณมีประสบการณ์ด้านนี้ด้วยเหรอ” ลู่เซิ่งกลับตกใจอยู่บ้าง
“อือ ผมก็เข้าสู่สัมผัสความเจ็บปวดเหมือนกัน ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่มนุษย์จะอยู่ได้ ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่าทำไมพวกผู้ทับซ้อนถึงได้รับสวัสดิการดีๆ เป็นเพราะมีแต่พวกเขาเท่านั้นถึง งจะดำรงชีวิตและเอาชนะสัตว์ประหลาดหลากหลายชนิดในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายและแปลกประหลาดอย่างนั้นได้” ปาร์คเกอร์ถอนใจ
“แล้วคุณคิดจะซ่อนตัวอย่างนี้ต่อไปเหรอ” ลู่เซิ่งถาม
“ไม่อย่างนั้นล่ะ” ปาร์คเกอร์จนปัญญาเช่นกัน
“จุดรวมพลที่อยู่ใกล้ที่สุดคือที่ไหน” ลู่เซิ่งถามอีก
“ชาร์เตอร์ จุดรวมพลขนาดเล็ก ผู้นำคลากเป็นพ่อค้าอาวุธ อาวุธมากมายที่อยู่ที่นี่ก็ซื้อมาจากเขานั่นแหละ” ปาร์คเกอร์อธิบาย
คนที่จัดระเบียบโกดังออกมาแล้ว
“หัวหน้า คุณปาร์คเกอร์ อาหารเหลือพอให้พวกเรากินสี่วัน ของในเรือนกระจกถูกไอ้พวกชาติชั่ววิคเตอร์ทำลายไปแล้ว พวกเราต้องหาวิธีอื่น”
ลู่เซิ่งกังวลอยู่บ้าง
โลกใบนี้อันตรายและพิศวงเกินไป หากคิดจะหาร่องรอยกับที่อยู่ที่ครอบครัวเหลือเอาไว้ให้ในโลกใบนี้ให้เจอ ก็ไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทร
อาศัยพลังของเขาคนเดียวย่อมไม่ไหว จำเป็นต้องสร้างฐานที่มั่น รวบรวมพลังของทุกคน ใช้ประโยชน์จากกองกำลังของผู้รอดชีวิตในการตามหา จึงค่อยมีความเป็นไปได้
“อีกเดี๋ยวให้ใครสักคนวาดแผนที่ไปยังจุดรวมพลที่อยู่ใกล้ที่สุดแห่งนั้นให้ฉัน ฉันต้องการซื้อของบางส่วน” สุดท้ายลู่เซิ่งก็ตัดสินใจแล้ว ต้องซื้อตัวคนพวกนี้กลับมาโดยเร็ว วที่สุด
“สิ่งที่ควรซื้อ ผมได้ซื้อไว้หมดแล้ว คุณต้องการอะไรอีกล่ะ” ปาร์คเกอร์ถามอย่างสงสัย
“ฉันตรวจสอบแล้ว พวกคุณไม่มีสิ่งที่ฉันต้องการ ยังไม่เพียงพอ ”
ลู่เซิ่งตกลงใจ
ปาร์คเกอร์อ้าปากค้าง รู้สึกว่าลู่เซิ่งจะไปทำเรื่องที่มีปัญหามากเรื่องหนึ่ง
ห้าโมงเย็น ก่อนท้องฟ้าจะมืด ลู่เซิ่งขับรถไปยังจุดรวมพลชาร์เตอร์ที่ปาร์คเกอร์พูดถึง
เขาขับรถไปตามถนนใหญ่ราวยี่สิบกิโลเมตร ก่อนจะถึงจุดรวมพลชาร์เตอร์
ปัง
ลู่เซิ่งปิดประตูรถ มองผ่านถนนไปยังอาคารสีขาวทางขวามือ
เสียงคนแผ่วเบาดังมาจากชั้นใต้ดินของเขตที่อยู่อาศัยซึ่งดูเหมือนไม่มีคนแห่งนี้
‘ซ่อนอยู่ใต้ดินงั้นเหรอ’ เขากระชับถุงมือ กระโดดลงจากถนน เหยียบย่ำพื้นหญ้าราบเรียบ มุ่งหน้าไปยังอาคารสีขาว
“หยุด!” กระบอกปืนสีดำยื่นออกมาจากหน้าต่างของอาคารหลังหนึ่ง เล็งมาที่ลู่เซิ่ง
“ถ้าคิดจะเข้ามาต้องจ่ายค่าเข้าก่อน!” ชายไว้เคราคนหนึ่งตะโกนใส่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งเงยหน้าขึ้นแล้วกระโจนไปด้านหน้า ร่างเข้าใกล้ปากกระบอกปืนอย่างฉับพลัน
…
เปรี้ยง!
ถังเอินถูกแมลงปีกแข็งขนาดยักษ์ชนกระเด็นออกไปกระแทกใส่รั้วด้านข้างเหมือนกระสอบทราย ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
คาโปดึงเกราะบังหน้าลง ชูกระบี่ยักษ์ พร้อมกับก้าวเท้าดังตึงๆๆ เข้าหาแมลงปีกแข็ง
ฉึก!
กระบี่ยักษ์ถูกแทงเข้าไปผ่านร่องแยกระหว่างกระดองของแมลงปีกแข็งที่สูงสามเมตรกว่าๆ ลวดลายสีดำจำนวนมากระเบิดออกมาจากกลางบาดแผล แล้วขยายไปรอบตัวแมลงปีกแข็งอย่างรวดเร็ว
ของเหลวสีขาวกลุ่มใหญ่ทะลักออกมาจากปากแผลระหว่างร่องแยก
“มันทนได้อีกไม่นานแล้ว! สู้ๆ!” คาโปตะโกนพร้อมยกโล่ขึ้นกันด้านหน้า
เปรี้ยง!
แมลงปีกแข็งถีบขาหลังใส่โล่ของเขาอย่างรุนแรง
พละกำลังอันมหาศาลทำให้แขนของเขาหักดังกร๊อบ
ลูกธนูลูกหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกลก่อนเจาะตาซ้ายขนาดใหญ่ของแปลงปีกแข็งอย่างแม่นยำ สิ่งที่เหมือนกับสายฟ้าสีขาวกลุ่มใหญ่ระเบิดออกมาจากปลายลูกธนู
กี๊ซ!
แมลงปีกแข็งเงยหน้าส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด อาละวาดหนักกว่าเดิม
คาโปฉวยโอกาสเข้าไปแทงกระบี่ใส่ร่องแยกบนตัวแมลงปีกแข็งอีกหลายรอบ เลือดสีขาวมากมายไหลออกมา
แมลงปีกแข็งดิ้นสักพัก ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ค่อยๆ ล้มกับพื้น ก่อนหมดลมหายใจไป
คาโปและผู้หญิงผมดำเริ่มเก็บสินสงคราม
ถังเอินที่อยู่ด้านข้างตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้วเดินไปถึงข้างๆ คนทั้งสอง
“นี่เป็นตัวที่สาม นับว่ากำจัดด้วงขาวที่อยู่ใกล้ๆ หมดแล้ว ไขสมองของด้วงขาวเอาไปใช้กระตุ้นอุปกรณ์ชีวิตของพวกเราเพื่อดำเนินการวิวัฒนาการขั้นต่อไปได้ มีประโยชน์กับเมล็ดชีว วิตของนายเหมือนกัน” คาโปแนะนำถังเอิน
“ครับ!” ถังเอินพยักหน้า
“คาโป” ผู้หญิงผมดำส่งเสียง “เมื่อกี้ฉันเห็นร่องรอยของเจ้าหญิงแมลงศพใกล้ๆ นี้ พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“เจ้าหญิงแมลงศพ…” คาโปสูดหายใจ “ต้องรีบออกไปจริงๆ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ผู้ทับซ้อนอย่างพวกเราไม่ใช่ไม่กลัวตายเหรอครับ ทำไมถึงได้กลัวสัตว์ประหลาดตัวอื่นล่ะ” ถังเอินถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“มีสัตว์ประหลาดบางชนิดที่ถูกประเมินว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน เอาชนะไม่ได้ และก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้ว เจ้าหญิงแมลงศพเป็นประเภทนี้ ถ้านายไม่อยากฟื้นขึ้นมาแล้วอ่อนแอไปอีก กหนึ่งเดือนหลังถูกฆ่า ทางที่ดีที่สุดก็ควรถอยพร้อมกับเรา” คาโปอธิบาย
“นอกจากนี้ฉันยังเห็นสาวสามหัวอยู่ไกลๆ ตอนลาดตระเวนเมื่อกี้ด้วย” หญิงชุดดำเอ่ยเสียงทุ้ม
“สาวสามหัว…แย่แล้ว เจ้านั่นแพร่เชื้อทางจิตใจได้รุนแรง ทั้งไวทั้งแรงเยอะ รับมือค่อนข้างยาก พยายามอย่าไปหาเรื่องดีกว่า” คาโปพยักหน้า
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอะไรกัน” ถังเอินถาม
“ไปหาฟาเตียน เป้าหมายของพวกเราคือการออกตามหาฟาเตียนแล้วกำจัดพวกมันทิ้ง” คาโปสูดหายใจก่อนผ่อนลมหายใจยาว
“ฟาเตียนค่อนข้างฆ่ายาก แต่ไม่ได้หมายความว่าฆ่าไม่ได้ ปลดอุปกรณ์มันทิ้งก่อน แล้วเตรียมอาวุธชีวิตสักสี่ห้าอย่างก็ฆ่ามันได้แล้ว แม้พวกมันจะมีแรงเยอะมาก แต่พอจะรับมือความค คล่องแคล่วได้”
“ฟาเตียนที่ผมเจอก่อนหน้านี้น่ะเหรอครับ” ถังเอินถาม
“ใช่ ไอ้ตัวนั้นแหละ”
“ไปเถอะ สาวหัวโตหลายตัวแถวๆ นี้ถูกฉันกำจัดไปแล้ว มุ่งหน้าไปยังจุดสัมผัสโดยตรงได้เลย” ผู้หญิงเสื้อดำส่งเสียง
คาโปพยักหน้า ขยับแขนเล็กน้อย แขนที่หักไปเมื่อครู่หายดีแล้ว
…
ลู่เซิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังเสือของคลาก ผู้นำแห่งจุดรวมพลชาร์เตอร์ มองดูสองชายหนึ่งหญิงที่ตัวสั่นอยู่ด้านหน้า
สามคนนี้เป็นผู้ปกครองตัวจริงของจุดรวมพลแห่งนี้
ชายชราผมทองที่หัวเถิกเล็กน้อยคือคลาก หัวหน้าของที่นี่
หนึ่งชายหนึ่งหญิงที่เหลือเป็นผู้ช่วยและชู้รักของเขา
“ทรัพยากรทั้งหมดอยู่ที่โกดัง มีแค่นั้นแหละครับ” คลากกล่าวเสียงสั่น
“เพียงพอให้คนคนเดียวใช้แค่หนึ่งเดือนเหรอ ก่อนหน้านี้พวกนายใช้ชีวิตกันยังไง” ลู่เซิ่งเคาะโต๊ะอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
คลากตกใจตัวสั่นเพราะเสียงเคาะโต๊ะ
“ก่อนหน้านี้…อาศัยจับหนูจับแมลงที่อยู่รอบๆ…แล้วออกไปล่า…”