ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1112 โลกที่สิ้นหวัง (2)
ลู่เซิ่งรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังโกหก โลกใบนี้จะมีหนูพอให้คนร้อยกว่าคนกินได้นานขนาดนั้นได้ยังไง
ความจริงแค่คิดก็จะรู้ว่า พวกเขาต้องใช้การกินศพคนประคับประคองสถานการณ์เอาไว้แน่
“ฉันไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้พวกนายอยู่กันยังไง แต่นับจากนี้ไป ฉันไม่อนุญาตให้ใครก็ตามกินคนอีก!” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ครับๆๆ!” พวกคลากรีบพยักหน้า
“ความจริง…ใกล้ๆ นี้มียุ้งฉางอยู่แห่งหนึ่ง…เป็นที่ที่เกษตรกรของที่นี่เอาไว้เก็บอาหาร...เคยมีคนเข้าไปมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ตายอย่างไร้สาเหตุ…ต่อจากนั้นก็ไม่กล้าเข้า าไปอีก”
ผู้ช่วยของคลากบอก
“หือ? ยุ้งฉางเหรอ” ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย ขอแค่มีอาหาร เขาก็จะดำเนินแผนการก่อนหน้านี้ต่อได้
“พาฉันไปดูหน่อย”
“มองจากตรงนี้ก็เห็นครับ” ผู้ช่วยคนนั้นรีบตอบ “คุณมองออกไปทางหน้าต่าง อาคารหลังใหญ่ๆ ใกล้ป่าที่อยู่อีกฝั่งคือยุ้งฉาง”
ลู่เซิ่งลุกเดินไปถึงข้างหน้าต่างแล้วมองออกไป
เป็นอย่างที่บอก มียุ้งฉางใหญ่ตั้งอยู่อีกฝั่งของหน้าต่างจริง
มันตั้งตระหง่านบนที่ราบเหมือนดินสอยักษ์สีขาว
เพียงแต่ลู่เซิ่งรู้สึกผิดปกติอยู่บ้างตอนมองยุ้งฉางแห่งนี้
เขากดแหวนบนมือซ้ายเบาๆ
ทันใดนั้นแหวนก็ส่งความเจ็บปวดเหมือนถูกเผามา ความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความเจ็บปวดถึงเกณฑ์ ทิวทัศน์ด้านหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
ยุ้งฉางยังคงเป็นยุ้งฉาง รอบๆ ยังเป็นที่นา เพียงแต่ดำขึ้นเล็กน้อย
ด้านหน้าประตูยุ้งฉางมีแมลงปีกแข็งสีขาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังขยับหนวดบนหัว ดวงตาทั้งสองข้างกวาดมองรอบๆ ไปมา
แมลงปีกแข็งตัวนั้นสูงสามเมตรกว่าๆ ทั่วร่างคือกระดองสีขาว มีขาที่เหมือนหนามแหลมอยู่หลายสิบข้างคล้ายตะขาบที่หดสั้น
“ว่าแล้วเชียว” ลู่เซิ่งหยีตา ในดวงตาปรากฏจุดสีขาวเล็กๆ
เขาหันมามองไปยังทั้งสาม
เดิมทีพวกคลากกำลังคุกเข่าอยู่ แต่คนทั้งสามกลับหายตัวไปจากสัมผัสความเจ็บปวด
ห้องสำนักงานเหมือนกับไม่ได้ถูกทำความสะอาดมานาน ทุกที่เต็มไปด้วยคราบสกปรกเหมือนน้ำมันสีดำ เหนียวเหนอะ ดำมะเมื่อม น่าขยะแขยงอย่างมาก
ลู่เซิ่งกดแหวนอีกรอบเพื่อหยุดความเจ็บปวด
ด้านหน้าพร่ามัวครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นทิวทัศน์เดิม ทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“พวกนายปลอบทุกคนซะ ไม่อนุญาตให้ใครออกไป อีกเดี๋ยวฉันจะกลับมา” ลู่เซิ่งสั่งแล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้องสำนักงาน
ความเร็วของหมัดลอบสังหายสายลวงจิตระดับสิบของเขาได้ก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์ไปแล้ว พวกคลากเพียงรู้สึกว่าด้านหน้าพร่าเลือน จากนั้นลู่เซิ่งก็หายตัวไป
ลู่เซิ่งออกจากจุดรวมพลมาถึงหน้าประตูยุ้งฉางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าสู่สัมผัสความเจ็บปวดอีกครั้ง เขาก็เห็นรายละเอียดของแมลงปีกแข็งขนาดใหญ่ที่สูงสามเมตรกว่าๆ ตัวนั้นได้ใกล้กว่าเดิม
บนกระดองของมันเต็มไปด้วยร่องรอยถูกดาบและกระบี่ฟัน เห็นได้ชัดว่าผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย
เหมือนสัมผัสได้ว่าเขาเข้าใกล้ แมลงปีกแข็งยืดตัวขึ้น ลูกตาสีอำพันสองข้างหมุนมาจับที่ตัวลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งขยับถุงมืออัศวินบนมือเล็กน้อยพร้อมชักกระบี่ยักษ์ออกมาจากกลางหลัง
ฉึก!
ทันใดนั้นลูกธนูลูกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทะลวงหน้าท้องของแมลงปีกแข็งอย่างรุนแรง
ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งถือคันธนูยาวกระโจนเข้ามาใกล้แมลงปีกแข็งอย่างรวดเร็ว
“ไม่อยากตายก็หลีกไป!” ชายคนนั้นกล่าวเสียงเฉียบขาด
ลู่เซิ่งหยีตาพร้อมถอยหลังหลายก้าว มองดูการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ
ชายคนนั้นต่อสู้ได้อย่างชำนาญ เหมือนจะรู้จักนิสัยของแมลงปีกแข็งเป็นอย่างดี คอยยิงลูกธนูใส่แมลงปีกแข็งขณะอ้อมวนไปมา
ลูกธนูของเขามีอานุภาพรุนแรงอย่างยิ่ง ทุกๆ ดอกทิ้งรูเลือดลึกเอาไว้บนตัวแมลงปีกแข็ง
แต่ว่าแมลงปีกแข็งนี้ มีพลังฟื้นฟูน่าตกตะลึงเช่นกัน หลังการต่อสู้ผ่านไปหลายนาที ทั้งสองฝ่ายยังตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้
“ในโลกที่สิ้นหวังนี้ เธอเจอความหมายที่ประคับประคองตัวเองได้แล้วเหรอ”
ในเวลานี้เอง เสียงผู้หญิงอ่อนโยนก็ลอยมาจากท้องฟ้าเหนือยุ้งฉาง
“อิซรา ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
ลู่เซิ่งเงยหน้า คิดจะหาต้นเสียง แต่บนท้องฟ้าไม่มีอะไรเลย
เสียงนั้นเหมือนดังมาจากความว่างเปล่า
ชายในเสื้อคลุมดำไม่ตอบ กัดริมฝีปากแน่น ยิงธนูทีละดอกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ แม้ด้วงขาวจะไม่เร็ว แต่แค่สะบัดนิดเดียว ก็ใช้กระดองป้องกันลูกธนูได้อย่างง่ายดาย
“อิซรา…” เสียงผู้หญิงดังมาอีกรอบ
ชายสวมเสื้อคลุมดำเคลื่อนไหวบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ สองตาของเขาปรากฏแสงสีแดงอ่อนๆ เริ่มมีสัมผัสที่ว่องไวถึงขีดสุดราวสัตว์ป่า
เขาหลบทุกๆ การโจมตีของแมลงปีกแข็งได้อย่างง่ายดาย
สวบ!
ในที่สุดเขาก็ใช้ปลายของคันธนูแทงเข้าไปตรงหัวของแมลงปีกแข็งไม่ต่างกับหนามแหลม
แมลงปีกแข็งสูงสามเมตรกว่าๆ ล้มตึงกับพื้น แขนขาชักดิ้นชักงอ
ในที่สุดประตูของยุ้งฉางก็ปรากฏออกมา
ชายสวมเสื้อคลุมดำทิ้งตัวลงพื้น สูดหายใจลึกพลางเดินเข้าใกล้ประตูยุ้งฉาง
ตูม!
ไฟสีม่วงผืนหนึ่งทะลักออกมาจากในประตู
กระบี่เพลิงสีม่วงที่ยาวสองเมตรเล่มหนึ่งพังประตูออกมา แทงใส่คันธนูยาวด้านหน้าเขา
ชายสวมเสื้อคลุมดำไม่ทันระวัง ถูกกระแทกกระเด็นออกไปหล่นลงบนที่นา
เปรี้ยง
เปรี้ยง
อัศวินเกราะดำที่สูงสองเมตรนายหนึ่งเดินออกมาจากยุ้งฉาง
เกราะดำบนตัวอัศวินนี้เหมือนถูกหลอมละลายมาเชื่อมติดกัน มีแต่กระบี่ยักษ์สองมือที่ลุกไหมด้วยเพลิงสีม่วงในมือมันเท่านั้นที่หนักอึ้งหากแต่ว่างดงาม
บนด้ามกระบี่ยักษ์ฝังอัญมณีสีม่วงซึ่งกำลังเปล่งแสงสีม่วง
แมลงสีดำตัวเล็กๆ นับไม่ถ้วนบินอยู่รอบตัวอัศวินเกราะดำ ตามมาด้วยควันดำเล็กๆ หลายสาย
“ทำไมกัน…ไม่ว่าฉันจะคืนชีพมากี่ครั้ง…ก็ต้องติดอยู่กลางทางทุกที!” ชายสวมเสื้อคลุมดำคำรามอย่างอดไม่ได้
“เพราะโชคชะตาของเธอ…หยุดอยู่เพียงเท่านี้…” เสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนเสียงนั้นดังขึ้นอีก
“โลกกำหนดไว้แล้ว ต่อให้เธอจะรวมคัมภีร์แรกเริ่มจนสมบูรณ์ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว…”
“ไม่ว่าเธออยากจะทำเรื่องอะไร ตามหาชิ้นส่วนอะไร อัศวินดำก็จะโผล่ออกมาหยุดเธอและฆ่าเธอ…” เสียงผู้หญิงกล่าวอย่างสงสาร
“อัศวินดำนั้น…ไร้เทียมทาน...”
เปรี้ยง!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น
อิซราที่กำลังจะพุ่งเข้าไปชะงัก เงาดำสายหนึ่งพุ่งผ่านศีรษะเขาไปหล่นลงบนที่นาที่เขาตกใส่
เขาเพ่งมองดู เป็นอัศวินดำ!
ตึก ตึก ตึก
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าแผ่วเบา ชายร่างกำยำที่สวมเกราะแขนสีขาวคนหนึ่งควงกระบี่ยักษ์สีขาวสาวเท้ามายังด้านนี้
“นาย…!?” อิซราอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
ทันใดนั้นก็เห็นชายตรงหน้ากะพริบร่าง ก้าวข้ามระยะห่างสิบกว่าเมตรในพริบตา แล้วฟันกระบี่ใส่อัศวินดำ
เขารีบหมุนตัวมา
เห็นร่างสีขาวร่างหนึ่งถือกระบี่ยักษ์สีขาวอยู่ด้านหน้าอัศวินดำ กระบี่ยักษ์สีขาวที่หนักอึ้งฟันใส่ร่างอัศวินดำอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วเกินมนุษย์จนเหมือนสายฟ้าฟาด
ฟันซ้ายฟันขวา หมุนควงดั่งพายุ ฟันลงล่าง งัดขึ้นด้านบน ทิ่มแทง ฟันต้านลม…
ร่างสีขาวเหมือนกับนักรบคลั่งในเทพนิยาย กระบี่ยักษ์สีขาวแทบกลายเป็นเงาสีขาวเริงระบำอยู่รอบอัศวินดำ
อัศวินดำถูกฟันถอยหลังติดต่อกัน กระบี่ยักษ์บนมือกันซ้ายกันขวาไม่หยุด ได้แต่ตั้งรับอยู่ชั่วขณะ
สะเก็ดไฟสีทองมากมายกระเด็นออกมาเมื่อกระบี่ยักษ์กระแทกใส่
อัศวินดำคำรามอย่างไม่ยอมแพ้ ไฟสีม่วงบนตัวกระบี่ลุกโหม รับกระบี่ของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นก็มีควันดำผืนใหญ่ถูกพ่นออกมาจากด้านหลัง
ควันดำนับไม่ถ้วนพากันรวมตัวในบริเวณรอบๆ กลายเป็นอัศวินดำที่ค่อนข้างเตี้ยจำนวนหนึ่ง
อัศวินดำพวกนี้รุมชายคนนั้นอย่างคลุ้มคลั่ง
“ภูตผีตัดสิน”
ชายคนนั้นหายตัวไปโผล่ด้านหลังอัศวินดำเหมือนเคลื่อนย้ายในพริบตา ควงกระบี่ยักษ์เหมือนกับลูกข่างจนเกิดประกายไฟโลหะ แล้วอ้อมไปฟันใส่คอของอัศวินดำ
เปรี้ยง ด้ามกระบี่ถูกชายคนนั้นจับกระชากออก
ฉัวะ!
ศีรษะของอัศวินดำถูกตัดหล่นลงพื้นดังโครม
“จุดอ่อน แค่พริบตาก็พอแล้ว”
การหยุดนิ่งในพริบตาตอนที่อัศวินดำอัญเชิญอัศวินดำตัวอื่นออกมา เป็นจุดอ่อนที่อันตรายถึงชีวิตสำหรับลู่เซิ่ง
ภายใต้การกระตุ้นด้วยสิบแหวนลวงจิต เขาสร้างภาพหลอนของการเคลื่อนย้ายในพริบตาขึ้นมา ก่อนตัดหัวของอัศวินดำทิ้ง
อัศวินดำที่สูงสองเมตรกว่าๆ ยืนนิ่งอยู่กับที่ ตรงคอผุดควันดำขึ้นมามากมาย
โครม มันคุกเข่ากับพื้น ก่อนจะพุ่งล้มลงไป อัศวินดำนายอื่นที่อยู่รอบๆ กลายเป็นควันดำแล้วหายไป
ลู่เซิ่งมองกระบี่ยักษ์สีขาวในมือ ก่อนจะมองกระบี่ไฟม่วงบนมืออัศวินดำ
เขาทิ้งกระบี่ยักษ์สีขาวอย่างแน่วแน่ ก่อนจะก้มลงเก็บกระบี่ไฟม่วงขึ้นมา
“ไอ้นี่อานุภาพไม่เลว น้ำหนักเบากว่าที่จินตนาการไว้หน่อยหนึ่ง” เขาพึมพำ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงแล้วเริ่มปลดเกราะบนตัวอัศวินดำ
ไม่นานนัก ศพอัศวินดำก็ถูกเขาแยกเป็นหลายส่วน
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ ด้านในตัวอัศวินดำคือร่างมนุษย์สีดำมะเมื่อม เป็นศพที่ถูกเผามาก่อน
อิซรายืนอึ้งอยู่ใกล้ๆ เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ยากบรรยายขณะมองลู่เซิ่งแยกส่วนอัศวินดำจนไม่มีอะไรเหลือ
ตอนที่มองเห็นลู่เซิ่งเตรียมจะใส่เกราะของอัศวินดำนั่นเอง
เขาสะดุ้ง รีบพุ่งเข้าไป
“ห้ามใส่อุปกรณ์บนตัวสัตว์ประหลาดพวกนี้เด็ดขาด! ของพวกนี้ทั้งล้วนมี…!”
แกร๊ก
ลู่เซิ่งขยับแขน โบกเกราะแขนของอัศวินดำ
“มีพิษร้ายแรง…” อิซราพูดครึ่งประโยคสุดท้ายไม่ทันจบ
“พิษร้ายแรงหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง ก่อนจะรีบถอดออกมาดูผิว
“มิน่าช่วงนี้ถึงรู้สึกว่าผิวดำไปหน่อย” เขายืดเหยียดร่างกายที่ก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้ว
“คุณไม่รู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกเผาเหรอ” อิซราถามอย่างตกตะลึง
“อวัยวะภายใน จะเป็นไปได้ยังไง” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ตอนหลับฉันยังไม่ถอดเลย ถ้าเป็นอย่างนายฉันคงหลับไม่ได้”
เขาตบไหล่อิซรา
“เจ้าหนุ่ม ความตั้งใจไม่เลวนี่ สนในเรียนวิชาหมัดกับฉันไหมล่ะ”
“เรียนวิชาหมัดหรือ” อิซราถามอย่างอึ้งๆ
“อิซรา เธอควรโอบรับอ้อมกอดของเทพเจ้า! ไม่ใช่มารับการล่อลวงจากคนนอกรีตที่นี่!” เสียงผู้หญิงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
อิซราหลับตาตัดการเชื่อมต่อที่อยู่ไกลออกไปนั้นทิ้ง
พุ่บ
เสียงผู้หญิงหายไปทันที
“ถ้าคุณทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นได้ อย่างนั้น ผมก็ยินดีครับ!” เขาลืมตาขึ้น สายตากระจ่างใสแน่วแน่