ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1116 ตัวแปร (2)
ใช้เวลาไปอาทิตย์หนึ่ง ลู่เซิ่งก็รวบรวมกำลังคนจากสามฐานที่มั่นเสร็จสมบูรณ์ เบ็ดเสร็จแล้วรวบรวมผู้ทับซ้อนได้สี่คนโดยไม่นับสองพี่น้องเบ็คแมน
สามคนในผู้ทับซ้อนสี่คนนี้ได้แก่ คนซื่อเบอร์รี่ เจ้าผอมเอนก้า คนตาบอดริชาร์ด อดีตลูกน้องของเบ็คแมนที่ถูกเลือกมา
พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องเลวทราม เพียงแค่มีลูกกับผู้หญิงสองคนในเมือง จึงช่วยเหลือปราการอย่างสุดกำลัง นี่ก็เพื่อทั้งปกป้องปราการ และเพื่อปกป้องครอบครัวของพวกเขาเอง
ลู่เซิ่งรับสามคนนี้เข้าสำนักมารลวงสิบดวงใจ แล้วเริ่มการฝึกฝนเสริมความแข็งแกร่ง
เมื่อฐานที่มั่นมากขึ้น อาณาเขตเพิ่มขึ้น พื้นที่ที่จำเป็นต้องกวาดล้างย่อมเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
เพื่อกำจัดการคุกคามรอบๆ ลู่เซิ่งได้จัดแบ่งผู้ทับซ้อนทั้งหมด โดยผู้ทับซ้อนหกคนรวมถึงพี่น้องเบ็คแมนถูกส่งไปยังหกทิศทางรอบๆ เพื่อดำเนินการค้นหาอย่างเป็นระบบ
ลู่เซิ่งกำชับให้พวกจดอันตรายทั้งหมดที่พบเจอเอาไว้
ส่วนตัวเขารับผิดชอบบุกเบิกเส้นทางสายตรงที่เชื่อมสามจุดเข้าด้วยกัน
แน่นอนว่า เขาไม่ลืมฝึกฝนวิธีควบคุมอัศวินดำอัญเชิญเหล่านั้นไปด้วย
…
ตูมๆๆๆ!
ต้นไม้ในป่าโค่นลงอย่างต่อเนื่อง อัศวินดำกลุ่มหนึ่งวิ่งตะบึงไปยังที่ไกลโดยไม่หยุดยั้ง พริบตาเดียวก็หายไปจากเส้นขอบฟ้า
ลู่เซิ่งมองอย่างอึ้งๆ อยู่ด้านหลัง แม้จะทอดตามองก็ไม่เห็นร่องรอยของอัศวินดำแล้ว
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกว่าบนเกราะมีควันดำหลายสายทะลักออกมา นี่หมายความว่าอัศวินดำไปถึงอาณาเขตขีดจำกัดที่ควบคุมได้แล้ว นั่นก็คือราวสามพันเมตร
เกิดออกจากอาณาเขต อัศวินดำทุกนายจะสลายกลับมายังเกราะเอง
‘ยังใช้ไม่ได้อีกเหรอ อัญเชิญออกไปก็พุ่งไปด้านหน้ามั่วๆ ทันที เรียกยังไงก็ไม่ฟัง หรืออัศวินดำที่อัญเชิญออกมาเดิมทีจะใช้สำหรับเป็นแนวหน้า’ ลู่เซิ่งคาดเดาในใจ
อัศวินดำซึ่งเป็นรองหัวหน้าที่ถูกเขากำจัดในตอนนั้น เพิ่งอัญเชิญอัศวินดำออกมาก็ถูกเขาแยกส่วนทันที
ตอนนั้นเขาเลยไม่ทันเห็นว่า อัศวินดำที่อัญเชิญออกมาเคลื่อนไหวแบบไหน
เขาเพิ่งออกจากปราการได้หนึ่งวัน ยังมีโอกาสหลายครั้งให้ลอง
ลู่เซิ่งไม่ได้รีบร้อน ออกจากสัมผัสความเจ็บปวด ก่อนจะพลิกตัวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่อัศวินดำบุกเบิกไว้
ทางปาร์คเกอร์ได้ใช้โดรนไร้คนขับบินเป็นเส้นตรงและวาดแผนที่ให้แล้ว
เวลานี้ยังมีโดรนไร้คนขับดำเนินการนำทางตามเวลาจริงอยู่บนฟ้า ไม่มีทางออกนอกเส้นทางอย่างแน่นอน
“หัวหน้า หากตัดผ่านป่าผืนนี้ไป ด้านหน้าจะมีหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่ง คุณเข้าไปตรวจสอบได้” ในหูฟังมีเสียงของเฒ่าปาร์คเกอร์ดังมา
ตอนนี้เขาที่อยู่ว่างๆ ทำการวิจัยเทคโนโลยีทั้งวัน และมีเวลามาดำเนินการบุกเบิกเส้นทางกับลู่เซิ่งด้วยตัวเอง
“หมู่บ้านเหรอ” ลู่เซิ่งกดหูฟังแล้วเร่งความเร็ว
มอเตอร์ของรถมอเตอร์ไซค์ครางกระหึ่มขณะเร่งความเร็วพุ่งไปยังด้านหน้า
ไม่นานบนที่ราบด้านหน้าก็ปรากฏหมู่บ้านสีเทากระจัดกระจาย
บังกะโลเตี้ยๆ ที่มีจำนวนสิบกว่าหลังประกอบเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างของหมู่บ้าน มีสี่แยกอยู่แห่งหนึ่ง และร้านค้าเล็กๆ สองแห่ง
ลู่เซิ่งลดความเร็วมอเตอร์ไซค์ขณะขับเข้าเขตถนนอย่างช้าๆ
บนถนนที่สะอาดว่างเปล่า มีเพียงรถตำรวจคันเล็กๆ จอดอยู่ริมทาง
ในหมู่บ้านเงียบเชียบ มีแค่ลมที่พัดมาปะทะหน้า
“มีคนไหม” ลู่เซิ่งจอดมอเตอร์ไซค์ พลิกตัวลงหลังรถ แล้วตะโกนเรียก
ไม่มีใครตอบ
เขาปัดเสื้อผ้าบนตัว อุปกรณ์ของอัศวินดำไม่ปรากฏในโลกความเป็นจริง มีแต่ต้องเข้าสู่สัมผัสความเจ็บปวดเท่านั้นถึงจะประกอบเป็นรูปเป็นร่างด้วยควันและหมอกสีดำ
เขาในตอนนี้สวมแค่เสื้อยืดสีดำเรียบง่าย กางเกงสีดำ เข็มขัดโลหะสีดำ
ลู่เซิ่งลงจากรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็เดินเข้าร้านค้าเล็กๆ ร้านหนึ่ง
เขาผลักประตูกระจก กลิ่นเหม็นโฉ่พลันลอยออกมาปะทะหน้า
‘กลิ่นอะไรเนี่ย’ ลู่เซิ่งกวาดตามอง บนเคาน์เตอร์มีหญิงชราผมเหลืองคนหนึ่งหมอบอยู่ นางมีตาแห้งผาก จ้องมองประตูเขม็ง หนังหุ้มกระดูก ผอมแห้งไร้ความเปล่งปลั่ง
ดูเหมือนจะตายมานานแล้ว
ลู่เซิ่งหาหีบเปล่ามาขวางประตูกระจกไว้ ให้อากาศไหลเวียน
จากนั้นก็ตรวจสอบไปตามเคาน์เตอร์ แต่ไม่เจอสิ่งที่กินได้
อาหารในฐานที่มั่นใช้ได้มากสุดหนึ่งเดือน ถ้าไม่รีบบุกเบิกเส้นทางโดยเร็ว จะต้องเกิดความวุ่นวายแน่
ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการอาหารปริมาณมากมาชดเชยความต้องการด้านสารอาหารของร่างกายร่างนี้เช่นกัน
เพิ่งจะดึงประตูกระจกของเคาน์เตอร์เปิด ลู่เซิ่งก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ดังมาจากด้านนอก
เขาเร่งฝีเท้าเดินออกจากร้าน
ก่อนจะเห็นรถบัสที่ถูกทาเป็นสีขาวคันหนึ่งแล่นมาในหมู่บ้าน
‘ไม่ใช่รถของซีเลีย’ ลู่เซิ่งย่นคิ้ว “ทางฉันมีรถโผล่มา ปาร์คเกอร์ คุณไม่ได้บอกฉัน”
“หา เป็นไปได้ยังไง ทางผมปกติดีทุกอย่าง ไม่เห็นรถผ่านมาสักคัน” เสียงของเฒ่าปาร์คเกอร์แสดงความตกใจเล็กน้อย “รอเดี๋ยว ขอผมดูก่อน!”
ทางนั้นมีเสียงกดปุ่มดังมาแต๊กๆ “เป็นอิเล็กตรอนล่องหน! จุ๊ๆ ตอนนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ดีขนาดนี้เชียว! ผมเจาะไม่ได้ หัวหน้า ได้แต่พึ่งตัวเองแล้วครับ”
“ได้ รถเป็นสีขาว ด้านข้างมีสัญลักษณ์วงกลมสีแดง ในวงกลมมีเปลวไฟสีดำที่กำลังลุกไหม้” ลู่เซิ่งบรรยายรูปลักษณ์ของรถบัส “รู้ไหมว่าเป็นรถจากไหน”
“เป็นรถของนิกาย นิกายอีซิส!” ปาร์คเกอร์รีบตอบ “บ้าจริง นั่นเป็นรถตุลาการของนิกาย หัวหน้าระวังด้วย! พวกเขาต้องไปหาคุณแน่! ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเปิดใช้อุปกรณ์อิเล็กตรอนล่ องหนหรอก!”
“หือ? งั้นอีกเดี๋ยวค่อยคุยกัน” ลู่เซิ่งถอดหูฟังออกแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
จากนั้นเขาก็เดินจากประตูร้านไปยังรถบัส
บนรถบัสมีชายหญิงร่างกำยำหลายคนซึ่งสวมเกราะหนังสีขาวเดินลงมา
คนพวกนี้ต่างก็ถือปืนกล รัดเข็มขัดกระสุนไว้บนตัว มัดมีดยาวไว้บนน่อง สวมหมวกเกราะสีขาวที่มีความสามารถคล้ายการสแกนด้วยอินฟราเรด
“โทมัสหรือ” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าเดินออกมาก้าวหนึ่งพลางส่งเสียงถาม
“ฉันเอง” ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า “พวกนายเป็นคนของอีซิสเหรอ”
“ถูกต้อง พวกเราคือกลุ่มตุลาการของอีซีส” ชายฉกรรจ์กล่าวเสียงขุ่น “ฉันชื่อจอห์น ครั้งนี้มาตามหาคุณเพราะเรื่องของอิซรา”
“อิซราหรือ” ลู่เซิ่งแปลกใจ “เขาทำไม”
“อิซราเป็นคนพิเศษในหมู่ผู้ทับซ้อน การดำรงอยู่ของเขา และทุกสิ่งของเขาเกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของมวลมนุษยชาติ พวกเราต้องการให้คุณปล่อยตัวเขา ให้เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่ รับการพันธนาการใดๆ และคุณก็ห้ามให้การช่วยเหลือใดๆ กับเขาเช่นกัน” จอห์นเอ่ยเสียงทุ้ม
“ทำไมกัน” ลู่เซิ่งถามอย่างแปลกใจ
“บอกคุณไปก็ไม่เป็นไร” จอห์นว่า “อิซรา ครอบครองสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ทับซ้อน นั่นก็คือความเป็นไปได้ในการเสริมความแข็งแกร่งแก่ขีดจำกัด! ทุกคนต่างก็รู้ว่า ความ มจริงผู้ทับซ้อนไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกับคนธรรมดาเมื่ออยู่ในสัมผัสความเจ็บปวด ความแข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือร่างกายที่จำลองจากความเป็นจริงสามารถตายได้อย่างไร ร้ขีดจำกัด และมีแค่อิซราเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนทักษะจนกายเนื้อแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้อย่างต่อเนื่องจากการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ความแข็งแกร่งของเขาไม่มีขีดจำกัด” จอห์นก กล่าวเสียงทุ้ม
“ไม่มีขีดจำกัด…” ลู่เซิ่งหยีตา “พวกนายคิดจะชุบเลี้ยงให้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิม จากนั้นจะใช้เขาทำอะไร”
“ใช่แล้ว อิซราต้องผ่านการเคี่ยวกรำ อันตราย วิกฤตการณ์ และการกระตุ้นต่างๆ ทางด้านจิตใจและกายเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า” จอห์นพยักหน้า “มีแต่แบบนี้เท่านั้น เขาถึงจะมีโอกาสแข็ง งแกร่งขึ้นจนสู้กับสัตว์ประหลาดระดับความว่างเปล่าสีดำซึ่งแข็งแกร่งที่สุดได้”
“เรื่องนี้ให้ฉันพูดเถอะ” ตุลาการสาวผมทองที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมา ถอดหมวกเกราะออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งามสง่าและขาวผ่อง บวกกับอกตระหง่านที่เกราะหนังแนบเนื้อขับเน้น และเอวกิ่วกับขาเรียวยาว จึงเป็นอัศวินสาวสวยที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด
“พบเจอกันครั้งแรก ฉันชื่อเจอลิกา สถานที่สามแห่งของซีเลียอยู่ในการปกครองของคุณ นี่เป็นเรื่องดี แต่เมื่อไม่มีอ้อมกอดจากพระเจ้าของฉัน ก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน”
“ถ้าพวกเธอมาหาฉันเพื่อพล่ามคำพูดไร้สาระพวกนี้ อย่างนั้นก็รอฉันฆ่าพวกเธอทิ้งก่อนแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน…” ลู่เซิ่งเลียริมฝีปาก ตวัดลิ้นสีแดงฉานออกมา
“พวกเราไม่มีเจตนาร้าย ก็แค่อยากบอกเรื่องจริงเรื่องหนึ่งกับคุณ บนตัวอิซรามีสายตามากมายเกาะเกี่ยวอยู่ เขาไม่ใช่แค่ผู้ทับซ้อน หรือควรบอกว่า เขาข้องเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่ม มนุษย์จะดำรงอยู่ภายใต้การกดดันของสัตว์ประหลาดระดับความว่างเปล่าสีดำได้หรือไม่”
“อิซราเป็นแนวหน้าของนิกายในการสู้กับสัตว์ประหลาดความเจ็บปวดที่แข็งแกร่งที่สุด หรือระดับความว่างเปล่าสีดำมาโดยตลอด แต่ตอนนี้พวกเราเริ่มสู้ไม่ไหวแล้ว อิซราเป็นผู้ทับซ้อนท ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดซึ่งปรากฏตัวออกมาเมื่อสองสามปีก่อน เขาทำให้พวกเราเห็นความหวังในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับความว่างเปล่าสีดำ”
“ดังนั้นพวกเธอเลยวางแผนการระยะยาวที่เข้มงวดขึ้น ให้อิซราเติบโตตามเส้นทางที่พวกเธอกำหนดไว้ใช่ไหม” ลู่เซิ่งเข้าใจความต้องการของพวกเขาแล้ว
“ถูกต้อง ตามการคำนวณ วิธีการชุบเลี้ยงแบบนี้มีอัตราส่วนความสำเร็จสูงสุดที่จะทำให้อิซราไปถึงสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดตามทฤษฎีได้” เจอลิกากล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ
“แน่นอน พวกเราไม่ปฏิเสธว่าคุณแข็งแกร่งมาก อิซราที่พวกเราอยากได้เป็นมือธนูที่แข็งแกร่งมากพอ ไม่ใช่นักรบคลั่งที่เอาตัวเองไปแลก”
“โง่เง่า!” ลู่เซิ่งก้มหน้าลงน้อยๆ ดวงตาฉายประกายฆ่าฟัน “ขอแค่ฆ่าศัตรูได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดล้วนถูกต้อง”
“แต่เราจะสัมผัสแกนกลางของความว่างเปล่าสีดำได้ก็ต่อเมื่ออยู่ไกลๆ เท่านั้น” เจอลิกาเอ่ยเสียงเรียบ “ราชาแห่งซีเลียที่เคารพ พวกเรามานี้ก็เพราะต้องการให้คุณร่วมมือ แน่นอนว ว่า ถ้าคุณเลือกปฏิเสธ…พวกเราก็ได้แต่เลือกใช้วิธีรุนแรงจัดการ”
แกร๊ก
ปืนในมือคนสองคนด้านหลังเธอถูกยกขึ้นเล็งมายังลู่เซิ่ง
“ทั้งหมดนี้คือการจัดการของโชคชะตา พวกเราแค่อยู่ในวิถีของการคุ้มครองโชคชะตา…” จอห์นถอนใจเสียงดัง
ปังๆๆๆๆๆ!
เสียงปืนที่ชัดเจนดังระงมโดยไม่รอลู่เซิ่งเอ่ยปาก
กระสุนปืนห่าใหญ่ทะลักออกมาพร้อมไฟสีเหลืองสองสาย
ลู่เซิ่งฉีกยิ้มน้อยๆ ร่างหลบซ้ายหลบขวา บนพื้นด้านหลังปรากฏรูกระสุนกลุ่มใหญ่ เขายกมือขึ้นดุจสายฟ้าแลบแล้ว เปรี้ยง!
หน้าผากจอห์นปรากฏรูเลือด ก่อนที่จะล้มหงายหลัง
คนอีกสองคนเข้าใกล้โดยไม่ส่งเสียง พร้อมกราดปืนกลไปรอบๆ
เจอลิกาถอยหลังติดต่อกัน ก่อนจะเขวี้ยงลูกระเบิดสีดำออกมา
ตูม!
ระเบิดมือระเบิดดังตูม สะเก็ดระเบิดจำนวนมากกระจัดกระจายอย่างบ้าคลั่ง
ลู่เซิ่งโค้งตัวข้ามระยะห่างสิบกว่าเมตรเหมือนกับเงาลวงตา แล้วไปโผล่หลังเจอลิกาในพริบตา
เปรี้ยง!
ทั้งสองประสานหมัดและฝ่ามือ ประมือกันหลายสิบรอบดุจสายฟ้าแลบ
เจอลิกาแค่นเสียง ก่อนกระโดดไปด้านหลังเพื่อดึงระยะห่าง ดีดคมมีดสีขาวออกจากแขนขวา แล้วฟันใส่ด้านหลัง
ลู่เซิ่งที่เพิ่งโผล่ขึ้นด้านหลังเธอ ยกปืนพกขึ้นกันคมมีด
กระบอกปืนถูกฟันขาด
“น่าสนใจนะ” เขาโยนปืนพกทิ้งแล้วพนมมือ สิบนิ้วประสานกัน จากนั้นก็หลบไปมาท่ามกลางการฟาดฟันของเจอลิกา พร้อมกับท่องบทสวดไปด้วย
สัมผัสสามชั้นของสิบแหวนลวงจิตบังเกิดผลอย่างรวดเร็ว
พอเจอลิกาฟันมีดใส่ความว่างเปล่าก็รีบหลับตา แสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งกะพริบบนท้ายทอยแล้วหายไป
เคร้ง!
เธอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ฟันมีดใส่เส้นทางที่ลู่เซิ่งต้องผ่านในการหลบ
“ยอมแพ้เสียเถอะ ราชาแห่งซีเลีย” เช้ง อีกมือหนึ่งของเธอดีดมีดสีขาวออกมา
ลู่เซิ่งหยีตา ก่อนจะสะกิดปลายเท้าถอยหลังหลายก้าว
ทั้งสองคนกลับมาอยู่ในสภาพคุมเชิงกันเหมือนตอนแรก
“ไม่สนใจพรรคพวกของเธอแล้วเหรอ” ดวงตาลู่เซิ่งฉายแววยิ้มเยาะ
เจอลิกางุนงง กวาดตามองรอบๆ ค่อยพบว่าลูกน้องสองคนล้มอยู่กลางแอ่งเลือดตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ อาการบาดเจ็บของทั้งสองคือบนหว่างคิ้วปรากฏรูเลือดหนึ่งรู
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!” สายตาเธอคมกริบขึ้น
“เธอไม่เข้าใจ สัจธรรมของวิชาหมัด” ลู่เซิ่งขยับข้อมือ “คิดว่าการเปลี่ยนแปลงร่างกาย โดยฝังชิปและชิ้นส่วนลงไป จะสามารถทลายขีดจำกัดจนแข็งแกร่งกว่าเดิมได้เหรอ”
“วินาทีนี้ฉันคือเทพ!” เจอลิกางอตัว บนแก้มปรากฏลวดลายสีฟ้าช้าๆ นั่นคือชิปและเส้นแสงที่ฝังไว้ใต้ผิวกำลังกะพริบ
“ร่างสุดท้าย ร่างแปลงแห่งเทพ”
เปรี้ยง!
เจอลิกาหายไปจากที่เดิม
ลู่เซิ่งยิ้มๆ ก่อนจะแตะนิ้วชี้เข้าหากัน
“หมัดมารลวงสิบดวงใจ สูญสิ้น”
ฟ้าว!
มีดสีขาวทะลวงหว่างคิ้วของลู่เซิ่งเหมือนสายฟ้าแลบ