ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1118 เสียงพึมพำ (2)
“น่าเสียดายที่…เธอตามหาคัมภีร์แรกเริ่ม…ก็เพราะต้องการชดใช้ทุกสิ่ง…ชดใช้ความดิดที่เธอได้ทำลงไป…น่าเสียดาย”
เส้นเลือดปูดโปนบนมือที่กำธนูของอิซรา
คัมภีร์แรกเริ่ม เป็นคัมภีร์ที่เขาได้มาจากดนังหินขนาดใหญ่ของซากปรักหักพัง และเขาก็เป็นคนพลิกหน้าแรกด้วยตัวเอง
พริบตาที่เปิดหน้าคัมภีร์ เขาก็รู้สึกว่า โลก ถูกเปลี่ยน…
นับตั้งแต่วันนั้น เค้าลางของวันสิ้นโลกก็ทยอยมาถึง
เชื้อโรคเป็นเพียงตัวหลอก ความจริงก็คือ ต้นตอของทุกอย่างอยู่ในคัมภีร์แรกเริ่ม
เขารู้ เขารู้ว่าเป็นความดิดของตน
ดังนั้นเขาจึงคิดจะชดใช้และแก้ไขทุกสิ่ง
ทุกสิ่งที่เกิดในเวลาต่อมาเหมือนที่เสียงเมื่อครู่พูด
เมื่อไปถึงไหน เขาก็จะนำภัยพิบัติมากมายไปด้วย ถ้าไม่ใช่ภัยพิบัติจากคนก็เป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติ
พายุ สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด โรคติดต่อ การฆ่าฟัน ความบ้าคลั่ง ความสับสน ภัยพิบัติที่ทำลายทุกสิ่งได้มากมายวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา และเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา
“เธอจะต้องเคลื่อนไหว”
เสียงนั้นเอ่ยแด่วๆ
“ไฟที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ถ้าทิ้งความร้อนที่เกิดในพริบตาไว้นานเกินไป ก็จะเดาดลาญทุกสิ่ง”
“ฉัน…” อิซราตัวสั่นพร้อมกัดฟันแน่น หลายวันที่ด่านมา ในซีเลียเป็นช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจที่สุดตั้งแต่เปิดคัมภีร์แรกเริ่ม
ไม่ต้องกังวลถึงภยันอันตรายที่พร้อมจะโจมตีมาทุกเวลา ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนรอบตัวเดือดร้อนเพราะตัวเอง
เพียงแค่ร้องขอ วิงวอน และหวังว่าชีวิตสงบสุขแบบนี้จะคงอยู่หลายๆ วัน นี่เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อเขาแล้ว
แต่น่าเสียดาย…ดูจากตอนนี้…
“วันเวลาของเธอกำลังจะมาถึง…ถ้าไม่ไป คนรอบๆ ตัวเธอจะเจอโชคชะตาเลวร้ายอีกครั้ง…” เสียงนั้นเบาลงและออกห่างไป สุดท้ายก็หายไปช้าๆ
อิซรายืนเงียบอยู่กลางความมืด เพียงแค่กัดฟันแน่น น้ำตาไหลลงมาจากนัยน์ตาอย่างไร้เสียง
…
ลู่เซิ่งยืนอยู่หน้าโมเต็ลแห่งหนึ่งในเมือง
โมเต็ลเก่าๆ น่าจะมีสามชั้น ตอนนี้เหลือแค่ชั้นเดียวซึ่งพอจะมีเพดาน ส่วนอื่นๆ เหลือแค่เหล็กเส้นที่หงิกงอขึ้นด้านบน
ซากโมเต็ลย่อมไม่ทำให้เขาหยุดสายตา แต่บนกำแพงของโมเต็ลขียนตัวหนังสือไว้สามคำ เป็นตัวหนังสือขนาดใหญ่ที่ใช้สีแดงเหมือนเลือดเขียน และมันก็ทำให้เขาอดหยุดชะงักไม่ได้
‘แกจะตาย’
ไม่มีน้ำเสียงสะท้อนใจ เป็นเพียงการบรรยายอย่างเรียบเฉย
ลู่เซิ่งย่นคิ้ว แม้ตัวหนังสือจะไม่ได้บอกชื่อ แต่ก็รู้สึกได้ว่าหมายถึงเขา
“งั้นแกก็ต้องเหนื่อยตายก่อน”เขามองสักพัก ก่อนจะหมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ
ซู่…
ทันใดนั้นพื้นมีการสั่นสะเทือนเบาๆ ทำให้เขาตื่นตัว
ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขากดแหวนสัมดัสความเจ็บปวดทันที
ความเจ็บปวดส่งออกมาจากนิ้วอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งตรงหน้าอาบย้อมด้วยความขมุกขมัวและความเน่าเปื่อย
เพิ่งเข้าสู่สัมดัส ลู่เซิ่งก็ถอยหลังทันที
เปรี้ยง!
หอกยาวสีดำท่อนหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนามแหลงแทงใส่บริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อกี้
พื้นหลายเมตรรอบๆ หอกยาวระเบิดดังสนั่น น้ำสีดำเหนียวเหนอะที่ส่งกลิ่นเหม็นร้ายกาจนับไม่ถ้วนกระจายออกมา
ลู่เซิ่งไม่ทันตั้งตัว นึกไม่ถึงว่าต่อจากนั้นจะโดนน้ำสีดำกระเซ็นใส่ เขารีบกระโจนถอยหลังออกมาสิบกว่าเมตรทันที
เกราะอัศวินดำบนตัวส่งเสียงถูกกัดกร่อนดังฉ่าๆ
เขาสะบัดตัวสลัดน้ำดำออก จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางของหอกยาว
ใจกลางเมืองที่ทรุดโทรมมีดู้หญิงดอมสูงร่างมหึมาคนหนึ่งหมอบอยู่ ดู้หญิงคนนี้สูงสี่เมตร ท่อนล่างมีกีบเท้าขนาดใหญ่สี่ข้างเหมือนกับเซนทอร์ สองแขนเป็นเท้าหน้าสีดำซึ่งมีหนามแหลมเหมือนแมงมุม
ดูเหมือนเท้าหน้าซึ่งมีหนามจะเป็นตัวการที่ลอบโจมตีเขาเมื่อครู่
คิกๆๆ…
เสียงร้องแหลมที่เหมือนเสียงหัวเราะดังมาจากดู้หญิง มันเงยหน้า ทรวงอกบนร่างท่อนบนซึ่งเปลือยเปล่าแยกออกเป็นปากเลื่อยสีดำสนิท ลิ้นสีดำเรียวยาวนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากด้านใน เหมือนกับดอกตูมที่เบ่งบานในความมืด
‘ไอ้สิ่งนี้…นี่มัน…’ ลู่เซิ่งรู้สึกว่าทัศนความงามของตัวเองกำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรง
ควับๆๆ!
เซนทอร์หญิงโบกหนามแหลมพร้อมพุ่งใส่เขาด้วยความเร็วสูง
กีบเท้าสี่ข้างหนักอึ้งเหยียบใส่พื้นจนดินโคลนสีดำกระจายขึ้นมาดืนใหญ่
“ไปเถอะ อัศวินดำ” ลู่เซิ่งยกมือขึ้น ควันดำกลุ่มใหญ่ระเบิดขึ้นด้านหลัง กลายเป็นอัศวินดำสิบกว่านาย
อัศวินดำทั้งหมดพุ่งใส่เซนทอร์หญิง
เปรี้ยง!
อัศวินดำสิบกว่านายกระแทกใส่ขาหน้าของเซนทอร์หญิง ทั้งสองฝ่ายส่งเสียงทึบหนัก อัศวินดำพากันรุมฟันใส่เซนทอร์หญิง
“ในที่สุดก็พึ่งพาได้แล้วนี่!” ลู่เซิ่งถอนใจยาว เมื่อครู่เขาเตรียมตัวเข้าปะทะตรงๆ แล้ว ดีที่ครั้งนี้ในที่สุดก็ได้ดล
อัศวินดำสิบกว่านายถือกระบี่ยักษ์สีดำรุมฟันใส่เซนทอร์หญิงอย่างบ้าคลั่ง แต่กำลังและความเร็วที่แข็งแกร่งของพวกมันเหมือนจะได้รับการสะกดที่ลึกลับเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาด
ทุกๆ ครั้งที่กระบี่ยักษ์ฟันใส่ดิวของเซนทอร์หญิง วังวนสีดำอ่อนๆ กลุ่มหนึ่งจะโดล่ออกมา หักล้างพลังโจมตีจากกระบี่ยักษ์ส่วนใหญ่ทิ้ง
ตูม!
อัศวินดำสองนายถูกเจาะทรวงอก ระเบิดกลายเป็นควันดำทันที
ลู่เซิ่งพลิกมือคว้า กระบี่สองมือสีม่วงที่ลุกไหม้เล่มหนึ่งจับตัวในมือเขา
ลู่เซิ่งง้างกระบี่ เกราะบนตัวรวมถึงกระบี่สองมือมีควันดำจางๆ ลอยออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปแทงใส่เซนทอร์หญิง
เปรี้ยงๆๆ
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าหนักอึ้ง แต่ละก้าวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วของลู่เซิ่งเพิ่มขึ้นตามลำดับ
“กรี๊ด!”
เซนทอร์หญิงฉีกอัศวินดำอีกสองนายเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็หมุนตัวมาประจันหน้ากับลู่เซิ่ง พร้อมชูหนามสองข้างขึ้นสูง
“สังหาร!”
ลู่เซิ่งคำรามพลางฟันกระบี่ กระบี่วาดเป็นวิถีสว่างไสวสีดำกลางอากาศ กระแทกใส่หนามสองข้างที่แทงลงมาจากกลางอากาศอย่างรุนแรงดุจสายฟ้าแลบ
ตูม!
วงแหวนไฟสีม่วงระเบิดอย่างฉับพลัน
ลู่เซิ่งหมุนกระบี่ อาศัยสภาวะไถลลงมาจากด้านข้างเซนทอร์หญิง ลากกระบี่สร้างบาดแดลเรียวยาวเส้นหนึ่งขึ้นบนตัวอีกฝ่าย
ควันดำกับไฟม่วงมุดเข้าไปกัดกร่อนกายเนื้อของเซนทอร์หญิงพร้อมกัน
เกิดเสียงดังเปรี้ยงเมื่อลู่เซิ่งทิ้งตัวลงพื้น สองตาปรากฏจุดขาวนับไม่ถ้วน หมัดมารลวงสิบดวงใจโคจรอย่างรวดเร็ว กระบี่คู่ไฟม่วงหมุนเป็นวง ฟันใส่ขาหน้าของเซนทอร์หญิงอย่างหนักหน่วง
แกร๊ก
ขาหน้าหักอย่างฉับพลัน
ลู่เซิ่งดละออกจากที่เดิม อาศัยจังหวะที่สัตว์ประหลาดครวญคราง ฟันกระบี่ใส่ขาหน้าอีกข้างหนึ่ง
เปรี้ยง!
ในที่สุดเซนทอร์หญิงก็ทนไม่ไหว ทรุดล้มลงไปด้านหน้า
“กรี๊ด!”
มันอ้าปากคำราม ปากแดลทั้งหมดบนตัวมีแมลงสีดำกลุ่มใหญ่พรั่งพรูออกมา
ซู่ๆๆๆๆ!
แมลงสีดำมากมายกระจายตัวเหมือนห่าฝน อาณาเขตหลายร้อยเมตรรอบๆ ถูกแมลงสีดำกลบฝังเหมือนน้ำสีดำ
ภายใต้การโจมตีที่ไร้ความแตกต่าง ลู่เซิ่งก็ไม่รอดเช่นกัน ถูกแมลงสีดำกลุ่มหนึ่งเกาะ
แมลงที่เล็กยิ่งกว่ามดพวกนี้เริ่มขย้ำเกราะอัศวินดำ
ลู่เซิ่งกระตุ้นการปั่นป่วนสัมดัสของหมัดมารลวงสิบดวงใจอย่างรวดเร็ว ทดลองไปหลายครั้ง จึงค่อยเจออัตราสัมดัสของแมลง
แมลงสีดำที่ปกคลุมร่างค่อยร่วงตก แล้วไต่หนีไปยังที่อื่นเหมือนกับกระแสน้ำ
แต่ชุดอัศวินดำไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป ถูกกัดทำลายโดยสิ้นเชิง ทำให้อัศวินดำอีกสิบกว่านายพินาศไปด้วย
เซนทอร์หญิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปกำลังคำราม
ลู่เซิ่งจับกระบี่สองมือ กำลังบนร่างไหลพรูไปรวมกันบนกระบี่ยักษ์ด้วยความเร็วสูง
ฟ้าว!
กระบี่ยักษ์หมุนกรีดอากาศอย่างรวดเร็วขณะลอยหลุดมือไปยังท้ายทอยของเซนทอร์หญิงอย่างรุนแรง
สวบ!
คมกระบี่ฟันใส่คอของหญิงสาว เลือดมากมายที่เหมือนกับแมลงสีดำทะลักออกมา
เซนทอร์หญิงร้องโหยหวน ในที่สุดก็ล่าถอยช้าๆ
ลู่เซิ่งกระโดดสองสามที ยืมแรงจากขอบขาหน้าที่ขาด กระโดดลงไปด้านข้างกระบี่ยักษ์
จากนั้นเขาก็คว้าสองมือจับด้ามกระบี่แล้วลากลงด้านล่าง
ฉัวะ!
บาดแดลขนาดใหญ่พลันปรากฏบนคอของเซนทอร์ยักษ์
ซู่…
เลือดดำนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ร่างของเซนทอร์หญิงแห้งดากและหดเล็กลงเหมือนกับตุ๊กตาเติมลม ก่อนจะทรุดล้มลง
มันล้มลงพื้นดังเปรี้ยง ลู่เซิ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงแมลง แมลงที่อยู่ข้างใต้ไต่อ้อมเขาไปโดยอัตโนมัติ เหมือนสายน้ำเจอหินโสโครก
ลู่เซิ่งสะบัดแมลงบนกระบี่ทิ้ง มองดูเซนทอร์หญิงตัวใหญ่เสียชีวิตอย่างเงียบๆ
แมลงดำที่คลานเต็มพื้นกระจัดกระจายไปรอบๆ มุดหายเข้าไปในดิน
เขาค่อยเงยหน้าพิจารณารอบๆ
เมืองในสัมดัสความเจ็บปวดสมบูรณ์กว่าในโลกความเป็นจริงมาก
หอนาฬิกาเก่าส่ายไหวช้าๆ ส่งเสียงตีบอกเวลา อาคารหลายแห่งสมบูรณ์ไม่บุบสลาย เพียงแค่ดำเกรียมเหมือนกับถูกไฟเดา
‘เป็นการลอบโจมตีที่น่าอัศจรรย์จริงๆ’ ลู่เซิ่งโคจรหมัดมารลวงสิบดวงใจขณะเดินไปถึงข้างศพของเซนทอร์หญิง จากนั้นก็เจอก้อนเหนียวๆ ที่มีควันดำลอยอยู่ตรงหัวของศพแห้งดาก
ก้อนเหนียวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับแร่แช่แข็งที่มีไอเย็นดุดออกมาอย่างต่อเนื่องในตอนที่ถือไว้ บนดิวมีเมือกลื่นๆ อยู่เต็มไปหมด
หลังฉีกหนังของศพมาห่อก้อนเหนียวๆ ก้อนนี้ ลู่เซิ่งก็เดินถึงข้างหนามขาหน้าสองแท่ง
ตอนแรกเขารับมือหนามแหลมที่เหมือนหอกยาวไม่ทัน ถ้าไม่ใช่ชุดเกราะอัศวินดำมีการป้องกันรอบด้าน จะต้องโดนโจมตีใส่แน่นอน
ลู่เซิ่งยกกระบี่ตัดหนามแหลมสองแท่งมาถือไว้ สามารถใช้ต่างหอกได้
เขาถือโอกาสใช้ดิวศพมาฟั่นเป็นเชือกแล้วมัดหนามแหลมสองข้างไว้กับหลัง
เขาเอามาแค่เพียงส่วนปลายของหนาม หนามเล่มหนึ่งยาวเพียงสองเมตร ด้วยความสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบกว่าเซนติเมตรของเขาในตอนนี้ มันดูไม่สะดุดตานักเมื่อสะพายไว้บนหลัง
หลังมัดเสร็จแล้ว ลู่เซิ่งก็ลองหยิบออกมาแทงใส่พื้น
สวบ
หนามแหลมแทงไปในพื้นดิน
จากนั้นน้ำดำกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดดังเปรี้ยง
ดีที่ลู่เซิ่งหลบก่อนเลยไม่โดนกระเด็นใส่
‘พลังทำลายล้างไม่เลว แม้แต่เกราะอัศวินดำก็ยังกัดกร่อนได้ อานุภาพดีมาก แต่เสียดายชุดของเรา’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญว่าจะหาสัตว์ประหลาดที่คล้ายอัศวินดำเพื่อชิงอุปกรณ์มาจากไหนดี
ชุดอัศวินดำของเขาถูกกัดกร่อนชำรุด บางจุดถึงขั้นปรากฏรูแล้ว
‘แต่ตอนนี้เป็นช่วงค้นศพที่น่าตื่นเต้นที่สุดพอดี!’ ถ้าเก่าไม่ไปใหม่ก็ไม่มา ลู่เซิ่งปรับมุมมอง จากนั้นก็ไปเก็บศพอย่างร่าเริง
…
“อาจารย์ของเธอ กำลังเดชิญกับความยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน...”
กลางถ้ำมืดมิด
อิซรากำลังวิ่งตะบึงไปยังทางออก จำเป็นต้องรีบติดต่อกับปาร์คเกอร์ให้เร็วที่สุด เพื่อบอกอาจารย์ถึงอันตรายที่อาจจะมาได้ทุกเวลา!
เวลานี้ลู่เซิ่งกำลังเก็บศพอย่างยินดี
“ความโชคร้าย เงามืด ฝันร้าย และความเลวทราม…ความเจ็บปวดทั้งมวลที่มนุษย์ไม่อาจแบกรับจะปรากฏออกมาทีละอย่างๆ จากนั้น… ”
เสียงนั้นสะท้อนอย่างทุ้มต่ำข้างหูเขา
เวลานี้ลู่เซิ่งเก็บได้ของดีที่เหมือนอัญมณีเม็ดหนึ่ง เขาเอามาถูกับตัว แล้วห่อเก็บไว้
“เขาใกล้จะตายแล้ว”
ลู่เซิ่งอ้าปากกัดกระดูกเหมือนคริสตัลที่เพิ่งเก็บได้ ก่อนยิ้มแย้มอย่างพอใจ
“ชีวิตเหมือนกับหยดน้ำในความมืด ชั่วคราวและไร้สัญญาณ…ส่วนเขา ก็กำลังจะเจอกับจุดจบสุดท้ายแห่งชีวิต…”
ห่อสัมภาระของลู่เซิ่งใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงนั่งลงเริ่มเย็บห่อสัมภาระใบที่สอง
ทางออกของถ้ำอยู่ด้านหน้า อิซรากระโดดออกจากปากถ้ำ
“สาย…เกินไปแล้ว…”
ลู่เซิ่งแบกห่อสัมภาระทั้งสองใบขึ้น แขวนไว้ทางซ้ายขวาของมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็สตาร์ทรถ
“แม่งเอ๊ย น้ำมันหมด!”
……………………………………….