ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1120 ติดต่อ (2)
นิกายอีซิสเสนอการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่ง ซีเลียสามารถว่าจ้างผู้ช่วยเหลือจากพวกเขาให้มาช่วยดูแลฐานที่มั่นได้ โดยให้เงินพวกเขาทุกๆ ระยะเวลาหนึ่ง
และซีเลียจำเป็นต้องมอบผลประโยชน์และข้อมูลที่มากพอให้แก่นิกายด้วย
นิกายอีซิสเหมือนมั่นใจมากว่าจะมีสัตว์ประหลาดมาโจมตีฐานที่มั่น ดังนั้นท่าทีของเจ้าหน้าที่ติดต่อที่ส่งมาจึงหยิ่งทะนง
ศิษย์ของลู่เซิ่งคิดจะเข้าไปเล่นงาน ยังดีที่มีอิซราคอยเกลี้ยกล่อม เรื่องจึงไม่บานปลาย
แต่พอเกิดความขัดแย้งครั้งนี้ หากซีเลียคิดจะขอการคุ้มครองช่วยเหลือจากคนของนิกายอีก ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ลู่เซิ่งค้นพบว่า หลังตนถ่ายทอดหมัดลอบสังหารให้ คนในสำนักก็ใจร้อนขึ้นตามการยกระดับของค่าพลังต่อสู้
โดยเฉพาะหมัดมารลวงมีความสามารถหลบหลีกและระดับความแม่นยำที่ยอดเยี่ยมมาก สามารถยกระดับการใช้ปืนได้อย่างใหญ่หลวง และการยกระดับความเร็วการใช้ปืนในยุคสมัยของอาวุธสมัยใหม่ก็ หมายถึงพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูง
เพียงแค่เจ็ดวัน แม้ศิษย์สำนักนอกของสำนักมารลวงสิบดวงใจจะมีพัฒนาการด้านวิชาหมัดไม่มาก แต่การใช้ปืนกลับไปถึงขั้นมือปืนหัวกะทิแทบทุกคน
คนหลายคนที่เดิมทีเป็นมือปืนยิ่งไปถึงระดับพระกาฬที่แม่นเหมือนจับวาง
ลู่เซิ่งเลือกคนสิบห้าคนจากในซีเลียที่มีจำนวนประชากรมหาศาล ซึ่งแสดงตัวว่าอยากกราบอาจารย์เข้ามาเป็นศิษย์ในสำนัก จากนั้นก็สอนวิชาคำนวณซ้ำพื้นฐานในหมัดมารลวงขั้นพื้นฐานใ ให้
ในสามฐานที่มั่นยังมีสัตว์ประหลาดที่ค่อนข้างตึงมือบางส่วนเหลืออยู่ อิซราได้พาคนมุ่งหน้าไปโจมตีแล้ว
ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
‘ถึงเวลาแล้ว…’
ลู่เซิ่งค่อยๆ หลับตาลง ในที่สุดการปรับปรุงเล็กๆ ในร่างกายที่คอยปรับตัวและเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดก็สำเร็จแล้ว
การยกระดับพลังในสถานการณ์ปกติจะทำในส่วนใดส่วนหนึ่งหรืออาณาเขตใดอาณาเขตหนึ่ง และเพื่อแสดงอานุภาพทั้งหมดในระดับสูงสุด ทุกๆ ส่วนของร่างกายจะดำเนินการปรับปรุงตัวเองโดยยึด ดความสามารถทางร่างกายที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเป็นหลัก
เหมือนการระเบิดพละกำลังจำเป็นต้องใช้การประสานงานจากกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และโครงกระดูก เป็นองค์ประกอบการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนถึงขีดสุด
หลังจากยกระดับพละกำลัง ส่วนอื่นๆ ก็จะต้องตามให้ทัน ไม่อย่างนั้นจะสูญเสียการควบคุมพละกำลัง หรือถ้าไม่ระวังก็อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้
และเวลานี้ ในที่สุดพละกำลังของลู่เซิ่งก็ปรับตัวครบทุกส่วนแล้ว
นี่หมายความว่าร่างกายของเขาได้เตรียมการยกระดับและเสริมความแข็งแกร่งในขั้นต่อไปเสร็จแล้ว
นับตั้งแต่มาถึงโลกใบนี้ เขาก็มีความรู้สึกรีบเร่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากเห็นราชินีแมลงศพกำจัดงูดำที่เป็นมารสวรรค์เหมือนกัน ความรีบเร่งนี้ก็เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด
‘ดีปบลู’
ลู่เซิ่งคิดในใจ
อินเตอร์เฟซเด้งออกมาอย่างฉับพลัน
ลู่เซิ่งมองกรอบแรกในอินเตอร์เฟซ
[หมัดลอบสังหารสายลวงจิต หมัดมารลวงสิบดวงใจ: ระดับสิบเอ็ด (คุณสมบัติ: ปั่นป่วนสัมผัส, สิบแหวนลวงจิต, เคลื่อนไหวโดยไร้ความเฉื่อย)]
นี่เป็นความสามารถแข็งแกร่งจากระดับสิบเอ็ด
ปั่นป่วนสัมผัสกับสิบวงแหวนลวงจิตมีตั้งแต่ระดับสิบแล้ว มีแต่เคลื่อนที่โดยไร้แรงเฉื่อยเท่านั้นที่เป็นความสามารถสำคัญที่ทำให้ลู่เซิ่งไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในตลอดทางที่ผ่า านมา
ทั้งๆ ที่เป็นเพียงคุณสมบัติร่างกายระดับสิบ กลับเอาชนะสัตว์ประหลาดมากมายที่มีคุณสมัติร่างกายเหนือกว่าเขาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
เขาอาศัยการเคลื่อนย้ายโดยไร้แรงเฉื่อยนี่เอง
ความสามารถนี้ทำให้เขารักษาสภาพระเบิดความเร็วเหนือปกติได้ในระยะเวลาที่สั้นสุดขีด ถึงขั้นสามารถมองข้ามแรงเฉื่อย อยากหยุดเมื่อไหร่ก็หยุดได้ อยากเปลี่ยนทิศตอนไหนก็เปลี่ยน นได้
หลังจากลู่เซิ่งปรับปรุง หมัดมารลวงที่ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้น บวกกับความเร็วที่น่ากลัวและแปลกประหลาดนี้ กอปรกับลู่เซิ่งที่ขอบเขตมรรคายุทธ์ไปถึงระดับปรมาจารย์
องค์ประกอบแบบนี้ ขอแค่อีกฝ่ายไม่เร็วกว่าเขามากเกินไป เขาก็แทบไม่มีทางพ่ายแพ้
‘น่าเสียดายที่…นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่ทำลายไม่ได้…สุดท้ายก็ยังมีจุดอ่อน’ ลู่เซิ่งถอนใจพร้อมกดปุ่มปรับเปลี่ยนเงียบๆ
อินเตอร์เฟซดีปบลูกะพริบน้อยๆ ก่อนจะกลับมาชัดเจนอย่างรวดเร็ว
‘ยกระดับหมัดมารลวงสิบดวงใจถึงระดับสิบสอง’ ลู่เซิ่งยกระดับโดยตรง
ประสบการณ์ด้านมรรคายุทธ์จำนวนมากกำลังประสานกันอย่างรวดเร็วในสมองของเขา กลายเป็นวิชาหมัดแข็งแกร่งแบบใหม่ที่พัฒนาไปยังขั้นต่อไปได้ผ่านการคำนวณด้วยความเร็วสูง
พลังอาวรณ์มากมายทะลักออกจากทรวงอกของลู่เซิ่งแล้วไหลไปยังทั่วร่างกาย ก่อนจะเริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อวัยวะหลักๆ
ความรู้สึกสุขสมจากการถูกบังคับให้เพิ่มความแข็งแกร่งกระแทกกระทั้นสมองลู่เซิ่ง
เขาหลับตานั่งสมาธิ กล้ามเนื้อทั่วร่างขยับยุกยิกเหมือนกับหนู ทันใดนั้นเขาก็คันที่คอและหน้าอก
เขารีบลืมตาขึ้นมองดู เส้นสีแดงอ่อนเส้นหนึ่งโผล่ขึ้นบนทรวงอกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
บนคอก็มีเหมือนกัน
หลังผ่านไปราวสิบกว่านาที พลังอาวรณ์ก็ค่อยๆ หยุดลง
ในที่สุดอินเตอร์เฟซดีปบลูก็กลับมาชัดเหมือนเดิม
[หมัดลอบสังหารสายลวงจิต หมัดมารลวงสิบดวงใจ: ขั้นสิบสอง (คุณสมบัติ: เงาลวงตาสังหาร, ปั่นป่วนสัมผัส, สิบแหวนลวงจิต, เคลื่อนที่โดยไร้แรงเฉื่อย)]
‘เงาลวงตาสังหาร...’ ลู่เซิ่งสีหน้าเปลี่ยนแปลง การพัฒนาความสามารถการต่อสู้นี้ที่ออกมาอยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง
เขาสัมผัสสภาพร่างกายดู เหมือนว่าจะยังยกระดับได้อีก ภาระแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ของเขา
‘ยกระดับถึงระดับสิบสาม!’ ลู่เซิ่งถือโอกาสลองดูว่าตนจะยกระดับถึงขั้นไหนได้ในทีเดียว
ระดับสิบสามมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากเท่าไหร่ หลักๆ คือการยกระดับคุณสมบัติร่างกาย โดยยกระดับคุณสมบัติด้านพลังป้องกัน ความเร็ว และพละกำลัง
ต่อจากนั้นก็ตามด้วยระดับสิบสี่ ระดับสิบห้า จนถึงระดับสิบหก ร่างกายที่เดิมทีปรับตัวได้แล้วค่อยแสดงสัญญาณว่าทนรับภาระไม่ไหวอยู่บ้าง
ลู่เซิ่งค่อยหยุดลง
พลังอาวรณ์แทบทั้งหมดถูกใช้ไปกับการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อตั้งแต่ระดับสิบเอ็ดถึงระดับสิบหก
ความเร็ว พละกำลัง ความแข็งแกร่งและความทนทานของผิวหนังและกระดูก รวมถึงความสามารถรองรับแรงกดดันของอวัยวะภายใน ต่างก็ยกระดับอย่างมั่นคงในกระบวนการเพิ่มระดับ
การยกระดับนี้สุดโต่งและน่ากลัวยิ่งกว่าการยกระดับที่ผ่านมาของลู่เซิ่ง
การยกระดับนี้ยิ่งใหญ่เสียจน ต่อให้เป็นลู่เซิ่งก็คาดไม่ถึงว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน
ดูแล้วภายนอกเขาแค่กำยำขึ้น กล้ามเนื้อแผ่นหลังนูนขึ้นเหมือนว่าวสามเหลี่ยม หุ่นเหมือนสามเหลี่ยมกลับหัว ส่วนอื่นๆ ที่เหลือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
‘พลังน่าจะเพียงพอแล้ว การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายที่กำลังดำเนินอยู่ต้องการเวลาอย่างน้อยสองสามสัปดาห์ถึงจะจบ ใช้เวลาช่วงนี้เริ่มค้นหาพวกหมีก่วงอิงได้พอดี’
ลู่เซิ่งไม่ได้ลืมจุดมุ่งหมายที่ตนมายังที่นี่
การหาที่อยู่ของครอบครัวที่พัดพรากเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เขาใช้เวลาครึ่งวันก็ปรับตัวกับความเร็วและพละกำลังของร่างกายที่ยกระดับขึ้นได้ ถ้าบอกว่าพละกำลังและความเร็วเมื่อก่อนหน้านี้ยังเชื่อมโยงกับมนุษย์ได้ อย่างนั้นความเร็วและพ พละกำลังของเขาในตอนนี้ก็อลังการถึงขั้นพิสดารแล้ว
ลู่เซิ่งใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในสำนักคำนวณข้อมูลในปัจจุบันของเขาออกมา
การระเบิดความเร็วของเขาคือสี่เท่าตัวของความเร็วสูงสุดในหมู่นักกีฬา ส่วนขีดจำกัดของคนธรรมดาด้านความเร็วในการวิ่งระยะสั้นคือไม่เกินสิบเมตรต่อหนึ่งวินาทีโดยประมาณ นั่นเป็ นการคำนวณความเร็วเฉลี่ยเวลาวิ่ง
ส่วนความเร็วเฉลี่ยของลู่เซิ่งสามารถไปถึงสี่สิบถึงห้าสิบเมตรต่อวินาทีได้ พลังระเบิดในอาณาเขตเล็กๆ จะทำให้คนอื่นๆ เห็นเพียงเงาลวงตา
และแรงต่อยของเขาสามารถไปถึงสามตัน แต่แรงต่อยของคนธรรมดา ถ้าไม่เร่งความเร็วและดึงระยะต่อยให้กว้างขึ้น อย่างมากสุดจะมีน้ำหนักหนึ่งถึงสองร้อยกิโลกรัม หรือก็คืออยู่ระหว่า างหนึ่งส่วนสิบตันถึงหนึ่งส่วนห้าตัน
และพละกำลังที่ไปถึงได้หลังจากฝึกฝนวิชาหมัดซึ่งลู่เซิ่งดัดแปลงก็คือหลายสิบเท่าของคนธรรมดา
พลังทำลายล้างที่เกิดจากการเพิ่มพละกำลังด้วยความเร็วสูง ต่อให้เป็นลู่เซิ่งในตอนนี้ ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีอานุภาพรุนแรงขนาดนี้
แม้จะแตกต่างกับร่างหลักของเขาอย่างมหาศาล แต่ตอนนี้เพียงพอแล้ว
ตอนที่เขาเดินออกจากห้องกักตัว แจ๊คสันอุ้มเอกสารปึกหนึ่งคอยอยู่ที่ประตูแล้ว
พอเห็นลู่เซิ่งออกมา เขาก็รีบเข้ามาหา
“อาจารย์ครับ เมื่อคืน มีคนของฐานที่มั่นเจอการลอบโจมตี ตายไปหนึ่ง บาดเจ็บสาม” เขาส่งรูปภาพสีปึกหนึ่งให้
ลู่เซิ่งรับมาดู ภาพด้านบนคือบาดแผลของผู้ที่ถูกโจมตี
บาดแผลโชกเลือดเหมือนถูกอะไรสักอย่างคว้านเนื้อออกไปก้อนใหญ่
“ส่งคนไปตรวจสอบหรือยัง” เขาถามพลางขมวดคิ้ว
“ส่งไปแล้วครับ กลุ่มศิษย์หมัดมารลวงสองกลุ่มไปตรวจสอบสถานการณ์ตามขั้นตอนที่อาจารย์กำหนดไว้แล้ว เพียงแต่น่าจะตอบกลับมานานแล้ว ทว่าถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวเลย” แจ๊คสันเอ่ยเ เสียงทุ้ม
“ด้านการติดต่อล่ะ”
“หูฟังเหมือนจะตกไปที่ไหนสักแห่ง ไม่มีเสียงอะไรดังมาครับ”
ลู่เซิ่งพลันนึกเชื่อมโยงถึงการบีบคั้นของวิกฤติการณ์ที่อิซราพูดถึง
“นอกจากนี้ ตัวแทนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าผู้มีวจนลับต้องการพบอาจารย์ พวกเขานำอาหารที่พวกเราต้องการเร่งด่วนมาด้วย เยอะมากครับ” แจ๊คสันสำทับ “ทั้งยังไม่ต้องการอะไรตอบแทน”
“หือ?” ลู่เซิ่งแปลกใจ
“บนโลกใบนี้ไม่เคยมีอะไรไม่ต้องการค่าตอบแทน พวกเขาอยากเจอฉันไปทำไม ได้บอกจุดประสงค์ไหม”
“ไม่ได้บอกครับ คนพวกนี้ประหลาดอยู่บ้าง บางทีอาจารย์อาจต้องไปดูเอง”
“อยู่ไหนล่ะ ตอนนี้”
“ผมจัดที่อยู่ให้พวกเขาแล้ว อยู่ในเมืองครับ”
“พาฉันไปที”
ลู่เซิ่งคิดจะไปตรวจสอบสถานการณ์โดยไม่รีรอ
เขากำลังขาดอาหาร อีกฝ่ายกลับส่งอาหารมาเหมือนรู้ใจ
“ได้ครับ”
แจ๊คสันพาลู่เซิ่งออกจากที่กักตัว โทรศัพท์บอกคนที่อยู่กับผู้มีวจนะลับ
ทั้งสองเจอคนลึกลับที่เรียกตัวเองว่าผู้มีวจนลับกลุ่มนี้ในห้องประชุมพิเศษแห่งหนึ่ง
…
“พวกเราคือเผ่าพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเขาลึก หลายปีก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ในป่าเขามาโดยตลอด จนกระทั่งภัยพิบัติใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ จึงถูกกดดันให้ออกจากป่า”
หญิงผิวดำที่เจาะห่วงจมูกและมีสีหน้าจริงใจยืนเอ่ยเบาๆ อยู่ด้านหน้าลู่เซิ่ง
“ชะตากรรมกำลังหมุนวน บุตรแห่งความโกลาหลเริ่มต้นการเดินทาง ที่พวกเรามอบอาหารให้ เพราะอยากให้ท่านเข้าใจความลำบากของพวกเรา และยอมปล่อยตัวอิซราไป”
“ปล่อยตัวอิซราหรือ” ลู่เซิ่งไร้คำพูดเพราะตรรกะที่ไร้ความเชื่อมโยงของอีกฝ่าย
“รอบตัวอิซรามักเกิดการโจมตีที่แปลกประหลาดมากมาย ก่อนหน้านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น กองกำลังของซีเลียแข็งแกร่งมาก แต่ก็เพียงเท่านั้น ถ้าคุณยืนกรานไม่ยอมแพ้ อย่างนั้น. …” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าจืดจาง
“คัมภีร์แรกเริ่มคืออะไร” ลู่เซิ่งโพล่งถาม
“ต้นตอของภัยพิบัติใหญ่ หากว่าได้มาและหลอมรวมมันเข้ากับร่างกาย จะได้รับพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด” หญิงผิวดำตอบโดยไม่ลังเล “และอิซรา ก็ได้หลอมรวมคัมภีร์แรกเริ่มหน้าหนึ่ง เข้าไปในตัว ดังนั้นเขาจึงเป็นคนพิเศษ”
“ยังมีคนอื่นอีกไหม”
“มีค่ะ แต่อิซราเป็นคนพิเศษที่สุด สัตว์ประหลาดระดับความว่างเปล่าสีดำ มีแต่พลังของคัมภีร์แรกเริ่มเท่านั้นถึงจะเล่นงานพวกมันได้” หญิงผิวดำอธิบาย