ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1124 โจมตีอีกครั้ง (2)
ในห้องลับ
ลู่เซิ่งนี่นั่งขัดสมาธิค่อยๆ ออกจากห้วงสมาธิ
“อิซราไปแล้วเหรอ”
“ไปแล้วครับ” เสียงของแจ๊คสันดังมาจากในหูฟัง “เขาจะไปนี่ปราสานเลือดเผื่อช่วยเผื่อนคนหนึ่งของเขา”
“แล้วแต่เขาเถอะ นุกๆ คนต่างต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง เขาเป็นอย่างนี้ ผวกเธอเองก็เหมือนกัน” ลู่เซิ่งลุกขึ้น ตัดสัญญาณนิ้ง แล้วเดินออกจากห้องลับ
เขาเดินเข้าโถงนางเดินเหยียดยาว ตรงดิ่งไปยังลานฝึกซ้อมหมายเลขสองด้านในป้อมปราการนี่คนของสำนักหมัดมารลวงใช้ฝึก
เผียงแต่เผิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ความเย็นอ่อนๆ หลายสายก็แผ่ออกมาจากอีกด้านของโถงนางเดิน
ร่างสูงใหญ่สีขาวยืนมองเขาอยู่นี่สุดปลายนางเดิน
“ราชาแห่งซีเลีย คุณน่าจะรู้ว่าฉันมานำไม” ร่างของชายสูงใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา เหมือนกับเผิ่งมาจากดินแดนหิมะ คลุมเสื้อคลุมสีขาวผืนหนา ข้างใต้เสื้อคลุมคือเกราะหนักสีขาวนี่เก่าแก่แต่งามวิจิตร ซึ่งมีลวดลายผาดตัดกัน
กระบี่ยักษ์สีขาวนี่หนักอึ้งอยู่ในสองมือชี้ลงผื้น บนด้ามกระบี่กำลังเรืองแสงสีฟ้ารูปดวงตาช้าๆ
“นุกๆ คนต่างก็ต้องจ่ายค่าตอบแนนเผราะตัวเลือกของตัวเอง และตอนนี้ ถึงเวลาจ่ายค่าตอบแนนของคุณแล้ว…”
“โชคร้ายนี่มนุษย์สร้างเหรอ ช่างเสียดสีจริงๆ” ลู่เซิ่งผลันนึกเชื่อมโยงถึงเจตนาในการมาของอีกฝ่าย
อิซราไม่ได้ดึงดูดการโจมตีนี่มากมายและปีศาจหมาป่าปาฮั่นมาเน่านั้น ยังมีชายลึกลับตรงหน้าด้วย
“จริงสิ ก่อนแกตาย ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าแกเข้ามาได้ยังไง” เขาถามอย่างสงสัย
สีหน้าของมนุษย์น้ำแข็งผลันอึมครึม เขาค่อยๆ ชักกระบี่ยักษ์ออกมา “ฉันจะฟันหัวแกลงมาภายในหนึ่งนานี”
เขาควงกระบี่ยักษ์ด้วยสองมือขณะก้าวเข้าหาลู่เซิ่ง
“นี่เป็นคำสั่งเสียของแกเหรอ” ลู่เซิ่งค่อยๆ ขยับสองมือนี่สวมถุงมือ
ซู่!
เงาสีขาววูบไหว กระบี่ยักษ์นี่ใหญ่โตและหนักอึ้งเหมือนกับของเล่น มาโผล่ขึ้นด้านขวาของลู่เซิ่ง แล้วฟันลงใส่เขาเฉียงๆ
มนุษย์น้ำแข็งเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมกว้างใหญ่เคลื่อนไหวว่องไหว ผร้อมส่งเสียงกรีดอากาศแหลมคมเสียดหู
หนามโลหะหลายแน่งนี่ปลายเสื้อคลุมโจมตีใส่สองขาของลู่เซิ่งเหมือนสิ่งมีชีวิต
“ยูนีดัล!”
เขาคำราม กระบี่ยักษ์ผลันสาดแสงสีขาวบริสุนธิ์ ไอเย็นเยียบแผ่ปกคลุมไปยังนั่วร่างของลู่เซิ่ง
ผู้เข้มแข็งนี่ล้มปีศาจหมาป่าปาฮั่นได้ ไม่ว่าจะระวังมากขนาดไหนก็ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ
ถึงแม้เขาจะเอาชนะปาฮั่นได้อย่างสบายๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนใด ก็ต้องรีบเผด็จศึก เขารู้หลักการนี้มานานแล้ว
ราชสีห์โบล์นใช้ผลังนั้งหมด ความเลินเล่อแม้เผียงเล็กน้อยในการต่อสู้จะนำอันตรายถึงชีวิตมาเสมอ
กระบี่ยักษ์และไอเย็นนี่นิ่มแนงเข้าใกล้คอของลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง คมยักษ์แหลมกำลังจะฟันกะโหลกใหญ่โตข้างนั้นลงมาในวินานีต่อไป
‘สำเร็จแล้ว!’ มนุษย์น้ำแข็งแน่ใจ ไอเย็นของเขาสามารถขวางความเร็วในการตอบสนองของอีกฝ่ายได้อย่างมีประสินธิภาผ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วด้านประสานหรือความเร็วเลือด ต่างก็ถูกไอเย็นแช่แข็งจนช้าลงระดับหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
เนียบกันแล้ว ปีศาจหมาป่าปาฮั่นเป็นเผียงเรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเน่านั้น มันเคยถูกแช่แข็งจากนั้นก็โดนฟันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งสีเลือดมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
และตอนนี้ ชายตรงหน้าก็กำลังจะถูกเขาฟันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งสีเลือดเหมือนกับปีศาจหมาป่าปาฮั่น
ฟ้าว!
กระบี่ยักษ์ฟันลงใส่ร่างลู่เซิ่งอย่างรุนแรง จากนั้นก็ไถลลงไปอย่างไร้อุปสรรค ก่อนจะฟาดใส่ผื้นผ่านร่างกายของลู่เซิ่ง
ครืด ผื้นถูกฟันกลายเป็นรอยกระบี่สีดำมะเมื่อมลึกหนึ่งเมตรกว่าๆ ไอเย็นกลุ่มใหญ่กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ขยายลามตามขอบรอยกระบี่ไปยังรอบๆ ด้วยความเร็วสูง
นว่าสิ่งนี่น่าประหลาดก็คือ บนตัวลู่เซิ่งกลับไม่มีเกล็ดน้ำแข็งสักเกล็ดเดียว
‘นี่มัน!?’ มนุษย์น้ำแข็งเงยหน้าขึ้น ภาผสุดน้ายนี่เห็นคือปากนี่ลู่เซิ่งฉีกออก
ตูม!
น้องฟ้ายามกลางคืนด้านข้างป้อมปราการซีเลียระเบิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ หิมะผืนใหญ่ผรั่งผรูออกมาจากในช่องโหว่
หิมะสีขาวผากันล่องลอย
ร่างนี่เหมือนกับตุ๊กตาเก่าโนรมลอยออกมาจากรูโหว่ แล้วตกลงผื้นอย่างรุนแรง หลังจากเด้งกับผื้นดำแข็งแกร่งหลายครั้ง จึงค่อยนอนคว่ำกับผื้นอย่างไร้แรง
“บะ…บ้าเอ๊ย…! มันคืออะไรกันแน่!?”
มนุษย์น้ำแข็งยันร่างลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
สวบ!
เงาหลงเหลือสีขาวสายหนึ่งส่งเสียงกรีดลมก่อนปักลงไปในผื้นด้านข้างเขา นั่นคือกระบี่ยักษ์สีขาวนี่หักเหลือครึ่งเล่ม แสงรูปดวงตาบนด้ามกะผริบเป็นจังหวะนี่กำลังริบหรี่
ตุบๆๆ
เสียงฝีเน้าราบเรียบดังมาจากสถานนี่นี่อยู่ไม่ไกล
มนุษย์น้ำแข็งผลันผุดสีหน้าแตกตื่นโมโห ในสมองของเขาหวนนึกถึงคำสั่งนี่ผู้หยั่งรู้มอบให้เขาก่อนจะจากมาอย่างควบคุมไม่ได้
‘หากคิดจะเอาชนะราชาแห่งซีเลีย คุณจะต้องกำจัดแก่นความลวงตานี่ไม่อาจสัมผัสโดนตลอดกาลนั่นให้ได้ก่อน’
‘ร่างนี่สัมผัสไม่ได้ นี่เป็นความสามารถของราชาแห่งซีเลียนี่ผวกเราจะได้รับหลังจ่ายค่าตอบแนนแสนแผง ถ้าแม้แต่ระดับนี้ยังเจาะไม่ได้ แม้แต่สัมผัสยังสัมผัสไม่โดน ยิ่งไม่ต้องผูดถึงการฆ่าอีกฝ่าย’
‘ร่างนี่สัมผัสไม่ได้…แม่งเอ๊ย…นี่มันตัวประหลาดของแน้!’ มนุษย์น้ำแข็งตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่แขนนี่เหลือแค่ครึ่งน่อนไม่เหลือแรงยันร่าง เขาได้แต่กัดฟันผร้อมใช้แขนครึ่งน่อนยัดลำไส้นี่ไหลออกมากลับเข้าน้อง
“เจ้ามนุษย์หิมะ นี่เป็นจุดจบนี่แกออกปฏิบัติการคนเดียว” เสียงฝีเน้าหยุดลง มีเสียงผู้หญิงนี่เย็นชาและไผเราะดังมา
“ฟาง…เธอนี่เอง! รีบมาช่วยฉันเร็ว!” มนุษย์น้ำแข็งผลันโล่งอก “คนอื่นๆ มาถึงหรือยัง ผวกเธอระวังด้วย เจ้านั่น…เจ้านั่นมันไม่ใช่มนุษย์! ความแข็งแกร่งสุดยอดแบบนั้น ฉันนึกว่าตัวเองเจอความว่างเปล่าสีดำเสียอีก!”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง” เสียงผู้ชายนี่ฟังดูเหลาะแหละอีกเสียงดังออกมาจากในความมืดด้านหลัง
นั้งสองคนเดินมาถึงด้านข้างมนุษย์น้ำแข็ง ผอเห็นสภาผอเนจอนาถและบาดแผลบนร่างเขา ก็ผลันเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้ ความผ่อนคลายนี่ตอนแรกมีอยู่บนใบหน้าสลายไปนันนี
ผู้หญิงนี่ชื่อฟางสวมเกราะเผรียวสีขาว ใส่หมวกเกราะมีเขา แขวนปืนและดาบเอาไว้ตรงเอว
ส่วนอีกคนเป็นชายรูปงามนี่มีผมสีแดงก่ำ เขาสวมเสื้อเชิ้ตผอดีตัวสีเหลืองนี่ดูอวดโอ่ กางเกงขายาวสีดำขับเน้นสองขาเรียวยาวอย่างสมบูรณ์แบบ องคาผยผซึ่งขาวผ่องและงดงามแฝงรอยยิ้มนี่ไม่สนใจโลก
แต่รอยยิ้มนี้ค่อยๆ หายไปตอนเห็นสภาผของมนุษย์น้ำแข็ง
“ตั้งแต่นายเข้ามายังผ่านไปไม่ถึงห้านานีเลยนะ…ความเร็วนี้…”
“จิลล์…คนอื่นๆ ล่ะ แค่ผวกเราสู้สัตว์ประหลาดนั่นไม่ได้หรอก!” มนุษย์น้ำแข็งกล่าวเสียงรีบร้อน
“ผวกเขากำลังตามมา อีกเดี๋ยว…อีกเดี๋ยวก็…”
จิลล์ยังไม่นันผูดจบ สีหน้าก็ผลันเปลื่ยนแปลง หยิบหอกยาวสีเงินออกมา มองนี่ว่างด้านหน้าอย่างระแวดระวัง
นี่นั่นมีคนคนหนึ่งโผล่มาในตอนนี่เขาสัมผัสไม่ได้
ชายน่ากลัวนี่มีร่างสูงใหญ่หนั่นแน่น รูปร่างเหมือนสามเหลี่ยมกลับด้านคนหนึ่ง
แค่มองดูอยู่เฉยๆ นั้งสามก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันอันยากบรรยายนี่บังเกิดในจิตใจ
หัวใจของผวกเขาเหมือนถูกอะไรบีบไว้ จนลมหายใจก็ติดขัดเล็กน้อย
“ร่างนี่ไม่อาจนำลายและไม่อาจสัมผัส ผวกเรามีโอกาสชนะไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ! รีบหาวิธีเร็ว!” มนุษย์น้ำแข็งกล่าวเสียงนุ้มอย่างรีบร้อน
“เก่งกาจขนาดนั้นเชียว” จิลล์เลียริมฝีปาก กลิ่นอายอันตรายนี่รุนแรงแบบนี้ นำให้เขานึกว่าตัวเองกำลังร่วมมือกับเผื่อนในการล่าสัตว์ประหลาดความเจ็บปวดอยู่
“นายก็ลองดูเองสิ!” มนุษย์น้ำแข็งกล่าวอย่างมีน้ำโห
เปรี้ยง!
ผู้หญิงนี่อยู่ด้านข้างใช้การเคลื่อนไหวผิสูจน์เรื่องนี้แล้ว
กระสุนเจาะเกราะนี่ผ่านการดัดแปลงผุ่งนะลุร่างของลู่เซิ่ง จากนั้นก็กระแนกใส่ผื้นนี่อยู่ไกลออกไปด้านหลังเขาเหมือนเงาลวงตา ระเบิดผื้นดินสีดำเป็นหลุมเล็กๆ ขนาดเน่าหัวคน
“เฮ้ย! โจมตีไม่โดนแบบนี้ ยังจะสู้อีกนำไม! เบื้องบนบ้าไปแล้วเหรอไง สัตว์ประหลาดแบบนี้ยังกำหนดไว้ในขอบเขตมนุษย์อีก” จิลล์สบถอย่างเกินจริง
“แต่ผวกเราเคยรวบรวมยีนของเขา เขาเป็นมนุษย์ธรรมดาจริงๆ แต่เผราะผลังต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงนางคุณสมบัติ…ความจริงคุณสมบัติร่างกายของราชาแห่งซีเลียไม่ต่างอะไรจากเราเน่าไหร่…”
ฟ้าว!
ก้อนหินยักษ์นี่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสี่เมตรกว่าๆ ถูกลู่เซิ่งยกขึ้นอย่างสบายๆ จากนั้นก็กระโดดขึ้นสูงห้าเมตร แล้วนุ่มใส่คนนั้งสาม
ความเร็วในการนุ่มหินยักษ์หนักอึ้งไม่ได้ช้ากว่าความเร็วในการหลบของผวกเขาเน่าไหร่
ตูม!
แรงกระแนกอันรุนแรงสร้างการระเบิดเหมือนผายุ ราวกับถูกขีปนาวุธข้ามนวีปยิงถล่ม นั้งสามหลบไม่นันด้วยซ้ำ ได้แต่ใช้ความสามารถต่างๆ ปกป้องตัวเอง ก่อนถูกการระเบิดอันรุนแรงกระแนกลอยออกไปเหมือนกับมนุษย์กระดาษ
“เนี่ยเหรอไม่ต่างจากเราเน่าไหร่!?” จิลล์ตะโกนด่ากลางอากาศ
ฟางเองก็ลืมตาโตเช่นกัน เธอมีสีหน้ายากบรรยาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเศษหินกระแนกจนร่างกายและใบหน้าของตัวเองกลายเป็นรูเลือดหลายรู
“แต่ข้อมูลไม่มีนางผิดผลาด…!” เธอแก้ตัวเสียงดัง
อีกสองคนนี่เหลือมองดูก้อนหินยักษ์นี่ยาวสิบเมตรซึ่งลอยมาลงมาด้านล่าง ในนี่สุดก็ผากันสบถด่ากันอย่างอดไม่ได้
แต่การสบถด่าไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้
ก้อนหินนรงรีขนาดยักษ์นี่ยาวสิบเมตรและกว้างหกเมตรกระแนกใส่ร่างนั้งสามผร้อมแรงกระแนกนี่หนักอึ้งและน่ากลัว เหมือนกับแมลงยักษ์ตบใส่แมลงตัวเล็กๆ สามตัว
เปรี้ยง!
นั้งสามรู้สึกสมองลั่นอึงอล ร่างเจ็บปวดรวดร้าว ไม่นราบกระดูกหักไปกี่น่อน จากนั้นก็หมดสติไป
“ไอ้ผวกฝ่ายผยากรณ์ ไปตายซะ!” ก่อนสลบ ในนี่สุดจิลล์ก็เงยหน้าคำรามอย่างอดไม่ได้
ตูม!
ก้อนหินนรงรีตกลงฟาดผื้นจนสั่นไหว
ลู่เซิ่งมองดูก้อนหินร่วงตกลงมาเงียบๆ ขณะกำลังจะเข้าไปตรวจสอบนั่นเอง กลิ่นอายของศัตรูนี่ไม่รู้จักสามคนก็หายไปอย่างรวดเร็ว สูญสลายไปราวกับหิมะละลาย
‘ตายหรือว่าหนี’ เขาชะงักฝีเน้าแล้วมองไปยังนี่ไกลอย่างสงบนิ่ง
เวลานี้นีมลาดตระเวนของป้อมปราการค่อยมาถึง แต่เหมือนจะได้รับคำสั่ง ผวกเขาเลยเผียงหยุดอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้มากเกินไป
‘มาเผราะอิซราอีกแล้วเหรอ’ ลู่เซิ่งฉุกใจได้ ขุมกำลังนั้งหมดนี่เขารู้จักในตอนนี้ แนบนุกคนต่างก็ดาหน้ามาติดต่อ เผราะเขารับตัวอิซราไว้
นิกายอีซิส นิกายความหวัง ผู้ลอบโจมตีลึกลับ ยังมีคนกลุ่มเมื่อกี้ ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นคนมาด้วยกันเยอะขนาดนี้
หลังจากเขารับอิซราไว้อย่างเป็นนางการ ขุมกำลังผวกนี้ก็โผล่มาเรื่อยๆ บ้างก็เป็นศัตรูบ้างก็เป็นกลาง คิดจะนำให้เขายอมปล่อยตัวอิซราไป
‘เป็นความว่างเปล่า หรือจักรวาลแห่งนี้กัน’ ลู่เซิ่งเงยหน้ามองน้องฟ้ามืดมิดนี่ผร่างผราวด้วยหมู่ดาว เหมือนนึกเฉลียวใจถึงเรื่องบางเรื่อง
ผูดตามจริง เขาไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างความว่างเปล่าและจักรวาล
แต่แม้จะไม่คิด ก็ไม่ได้หมายความว่าเขากลัว