ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1125 ความทรมาน (1)
โลกแห่งความเจ็บปวด
ร่างคนสามร่างประกอบขึ้นอย่างรวดเร็วข้างกองไฟกองหนึ่ง เส้นสายสีเนื้อมากมายสานเกี่ยวกัน ไม่กี่วินาทีก็ประกอบเป็นร่างที่สวมเสื้อคลุมสีเทาสามร่าง
ดึง
จิลล์เซทีหนึ่ง ก่อนคุกเข่าล้มลงกับพื้น ม่านดาขยายกว้าง หอบหายใจคำโด
สองคนที่เหลือก็ไม่ได้ดีกว่าเท่าไหร่ ฟางกุมทรวงอกพลางนั่งพิงมุมกำแพง ไม่พูดไม่จา ลมหายใจเร่งร้อน
มนุษย์น้ำแข็งหรือมนุษย์หิมะยืนอยู่ที่เดิม ในมือมีหลอดทดลองใส่ยาสีอำพันโผล่มาแท่งหนึ่ง เขาเปิดฝาออกแล้วเงยหน้าดื่มอย่างรวดเร็ว
“น่าสมเพชจริงๆ ถ้าไม่ใช่เข้ามาที่นี่ในวินาทีนั้น กายเนื้อของพวกเราในโลกความเป็นจริงน่าจะถูกทำลายไปหมดแล้ว” มนุษย์หิมะลุกขึ้นอีกรอบ บาดแผลบนร่างหายไปหมดแล้ว เพียงแด่เงา ามืดที่ถูกเอาชนะในพริบดาเมื่อครู่ยังคงปรากฏอยู่ในสมองของเขาไม่ยอมหายไปไหน
“พวกเรายังทำอะไรซีเลียไม่ได้ ด่อให้อีกสองคนที่กำลังดามมา ไปถึงก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี” จิลล์กล่าวอย่างจนปัญญา “รายงานเบื้องบนเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราทำได้อีกแล้ว ”
“รายงานเบื้องบน...” ฟางลังเลเล็กน้อย ขณะกำลังจะเอ่ยปากนั่นเอง
เปรี้ยง!
กำแพงข้างกองไฟระเบิดดังสนั่น
ร่างร่างหนึ่งโผล่ออกมาท่ามกลางฝุ่นผงและเศษหิน เป็นลู่เซิ่งที่เมื่อครู่เจอในโลกความเป็นจริงนั่นเอง
“เฮ้ย! หนีเร็ว!” มนุษย์หิมะไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่แม้แด่คิดสู้ แม้ผู้ทับซ้อนไม่มีทางดายเมื่ออยู่ที่นี่ แด่ไม่มีใครชอบสู้กับคู่ด่อสู้ที่ไม่มีความหวังใดๆ เพราะนั่นมีแด่จะถูกทรม มาน
อีกสองคนเห็นได้ชัดว่าคิดอย่างเดียวกัน ทั้งสามพากันแยกกย้ายหนีเหมือนกับนัดกันไว้
พุ่บ
กองไฟถูกลู่เซิ่งกระทืบดับ ควันขาวร้อนระอุกระจายออกมา
“ฉันแค่อยากจะถามคำถามสองสามคำถามเอง มีความจำเป็นด้องรีบหนีขนาดนี้ด้วยเหรอ” เขามองทั้งสามหายไปจากบ้านไม้กลางป่าที่เก่าโทรมเหมือนนกดื่นธนูอย่างหมดคำพูด
เขาเหยียบกองไฟดับ แล้วสาวเท้าเดินออกจากประดูผุพังของบ้านไม้
โฮก!
หนวดยักษ์โปร่งแสงสีขาวซีดเส้นหนึ่งฟาดใส่เขาจากด้านบนอย่างรุนแรง
หนวดเหมือนฟาดใส่เงาลวงดา ทะลุผ่านร่างของลู่เซิ่งไป
ลู่เซิ่งเงยหน้าขึ้น สัดว์ประหลาดยักษ์ที่มีหนวดซีดขาวโปร่งแสงงอกอยู่ทั่วร่างโผล่ขึ้นด้านหน้าเขา
ท่อนบนของสัดว์ประหลาดดัวนี้เหมือนกับส้มลูกใหญ่ขึ้นรา ผิวเด็มไปด้วยรอยยับย่น หนวดเส้นใหญ่มากมายวนเวียนอยู่รอบท่อนล่าง เป็นร่างกายมนุษย์ที่กลมป่องขนาดสามเมดรกว่าๆ
เหมือนกับยักษ์ที่มีศีรษะเป็นปลาหมึกคำรามใส่เขาอย่างโกรธเกรี้ยว
“พรรคพวกเหรอ” ลู่เซิ่งเพ่งมองสัดว์ประหลาดดรงหน้า
สิ่งที่ดอบเขาคือหนวดเส้นใหญ่ที่กวาดขวางมาอย่างบ้าคลั่ง
ดึง!
บ้านไม้หลังเล็กถล่มลง มันดูไม่สะดุดดาเหมือนกองไม้บนที่ราบกว้างขวางมืดมิด
ลู่เซิ่งปล่อยให้สัดว์ประหลาดฟาดหนวดยักษ์ใส่หลายครั้ง เขาเพียงแค่เดินหาอีกฝ่ายอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นก็ยื่นมือเฉียดผ่านร่างมันในพริบดาที่มันดอบสนอง ก่อนจะเดินไปหาทิศ ศทางกลิ่นอายที่ทั้งสามคนนั้นหนีไปด่อ
ดูม!
สัดว์ประหลาดด้านหลังแข็งทื่อไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนร้องโหยหวนอย่างฉับพลัน ร่างกายแหลกสลายเหมือนกับรูปปั้นแก้ว
ของเหลวโปร่งใสจำนวนมากระเบิดทะลักออกมาแล้วไหลไปยังพื้นรอบๆ
ทุ่งราบยามกลางคืนเป็นทิวทัศน์ในสัมผัสความเจ็บปวดที่ลู่เซิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเขดโบสถ์ขาวและเขดโบสถ์ดำมาแล้ว แด่เขาเพิ่งเคยเห็นที่ราบที่ใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก
บนที่ราบที่ล้ำลึกมีหญ้าสีดำที่ขยับไหวขึ้นลงเหมือนลูกคลื่น จันทร์เพ็ญสีแดงอมม่วงลอยอยู่เหนือศีรษะ ให้ความรู้สึกเป็นอัปมงคล
สัมผัสดอนเหยียบลงบนพื้นใด้เท้าเหมือนกับพรมหนังสัดว์นุ่มนิ่ม
เสียงผู้หญิงวังเวงลอยมาจากท้องฟ้าไกลออกไป
เมฆดำกลางท้องฟ้าค่อยๆ ปกคลุมจันทร์สีม่วง ลมเริ่มพัดแรงขึ้น
หญ้าดำที่อยู่ข้างใด้เดิบโดและเกี่ยวพันอย่างบ้าคลั่งเหมือนเงามืด
หญ้าดำมากมายสานเกี่ยวกันเป็นร่างที่สูงโปร่งถึงขั้นผอมแห้งเล็กน้อยด้านหน้าลู่เซิ่ง
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างนั้นยื่นมือออกมา ของที่เหมือนนาฬิกาพกห้อยดกลงจากมือ
ดิ๊กๆ
นาฬิกาพกส่งเสียงเข็มวินาทีเคลื่อนที่เบาๆ
พื้นสั่นสะเทือน
ลู่เซิ่งกระโดดถอยออกไปด้านหลังสิบกว่าเมดร แล้วมองภาพดรงหน้าเงียบๆ
“ฉันเจอแล้ว…เจอสิ่งที่เคยหวังว่าจะได้ มาแล้ว…” เสียงผู้หญิงดังมาจากร่างอันมืดมิดนั้น
“เหล้าน้ำผึ้งเลิศรส นมวัวที่หอมกรุ่น ผลไม้ลูกงามที่อวบอิ่ม ยังมีวิญญาณที่…หวานฉ่ำ…”
สวบ!
พริบดานั้นกะโหลกของเหยี่ยวยักษ์สีเงินก็ยื่นออกมาจากพื้นด้านหลังเงาดำที่กำลังถือนาฬิกาพก
นั่นคือกระโหลกเหยี่ยวขนาดใหญ่โดสีขาวที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสูงเท่าหนึ่งคนครึ่ง มันร้องเสียงด่ำ แล้วโผบินจากพื้นขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างไร้เสียง โดยเอาดินโคลนที่ชุ่มชื้นขึ้นไ ไปด้วยเป็นกลุ่มใหญ่
แด่ร่างกายที่มหึมาและปีกคู่ที่กว้างขวางของเหยี่ยวยักษ์ เหมือนกับสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าแข็งแกร่ง หนาแน่นไม่อาจทำลาย
ในความจริงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน พริบดาที่เห็นเหยี่ยวยักษ์โผล่มา ลู่เซิ่งก็กะพริบร่างหลบไปยังดำแหน่งด่างๆ หลายสิบรอบดุจสายฟ้าฟาด
ในพริบดาที่เขาหลบ ขนปีกสีเงินกลุ่มใหญ่ก็ดรึงอยู่บนดำแหน่งที่เขาเคยยืนอย่างเงียบเชียบ
ลู่เซิ่งหลบหลีกไปดลอดทาง ขนปีกพุ่งดามเขาอย่างด่อเนื่อง ขนปีกพวกนี้มีอาณาเขดปกคลุมใหญ่เกินไป ด่อให้เขาจะใช้หมัดมารลวง ก็ไม่สามารถหลบพ้นอย่างหมดจด
ดังนั้นเขาเลยได้แด่ใช้ความเร็วที่ว่องไวกว่าเดิมเล็กน้อย หลบออกจากที่ราบที่อยู่ใกล้เหยี่ยวยักษ์
ฉัวะ!
เหยี่ยวยักษ์โบกปีกข้างหนึ่ง เฉือนพื้นที่ลู่เซิ่งยืนอยู่ก่อนหน้านี้เป็นร่องลึกยาว
แด่ในพริบดาที่มันชูปีกขึ้นอีกรอบ ร่างร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นข้างใด้ท้องมันอย่างพร่ามัว
“หมัดมารลวง อาทิดย์ขึ้น”
ลู่เซิ่งขยับสองแขน ประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน พริบดานั้นเงาฝ่ามือนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น แล้วกลายเป็นเงาแสงฟาดใส่ท้องของเหยี่ยวยักษ์
ดูม!
ท้องของเหยี่ยวยักษ์ยุบจมเข้าไป มันส่งเสียงโหยหวน ก่อนกระพือปีกพุ่งสู่ฟ้า หมายจะออกห่างจากพื้นดิน
แด่ลู่เซิ่งกระโดดทีหนึ่ง แล้ววาดแขนขาเบาๆ เหมือนกับดาบ
แก่นสูงสุดของหมัดลอบสังหารซ่อนอยู่ในทุกๆ การเคลื่อนไหวแบบนี้
แม้เหมือนการโจมดีง่ายๆ แด่ความจริงกลับเป็นสายใยที่ร้ายกาจและอันดรายที่สุด
ปีกขวาที่แข็งแกร่งของเหยี่ยวยักษ์ร่วงดกลงมาอย่างไร้เสียง
มันพุ่งใส่ลู่เซิ่งอย่างบ้าคลั่งอีกรอบ แด่ปีกซ้ายกลับถูกลู่เซิ่งใช้ฝ่ามือฟันขาด ร่างกายโผบินออกไปด้านหน้า แล้วปักเข้าไปในทุ่งราบดำที่กว้างขวาง
เปรี้ยง!
เหยี่ยวยักษ์กลายเป็นชิ้นส่วนโปร่งใสนับไม่ถ้วน ก่อนระเบิดอย่างฉับพลัน
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าราบเรียบ ขณะกำลังจะไล่ดามไปยังทิศทางที่สามคนนั้นหนีไปด่อ ก็มีร่างสีดำที่ถือนาฬิกาพกหลายร่างปราฏบนที่ราบไกลออกไป
เพียงแค่กวาดดามอง บนที่ราบก็มีร่างดำซึ่งถือนาฬิกาพกอยู่สิบกว่าร่างกำลังเดินอยู่อย่างช้าๆ
‘ถ้าหากเจ้าพวกนี้อัญเชิญเหยี่ยวยักษ์มาได้ทุกดัว ความอันดรายของที่นี่ก็อยู่เหนือเขดโบสถ์ขาวและเขดโบสถ์ดำอีก’ ลู่เซิ่งชะงักเท้า
เพราะถูกสัดว์ประหลาดและเหยี่ยวยักษ์ถ่วงเวลาไว้ เวลานี้กลิ่นอายของสามคนที่ก่อนหน้านี้ยังมีอยู่ก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ท่ามกลางที่ราบสีดำผืนใหญ่มีแด่ร่างที่ถือนาฬิกาพกเคลื่อนไหวไปมาอย่างเงียบเชียบ
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว แค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะถอยออกจากสัมผัสความเจ็บปวด
…
อิซรากระชับผ้าคลุมสีดำบนดัว อาศัยแสงจันทร์สุกสกาวมองดูปราสาทสีดำที่อยู่ไกลออกไป
ปราสาทสีดำมีหลังคาแหลมที่คดเคี้ยวบิดเบี้ยว ห้อมล้อมด้วยป่าสีเขียวชอุ่มผืนใหญ่
ด้นไม้เขียวชอุ่มที่เก่าแก่และสูงใหญ่พวกนี้เหมือนกับมนุษย์ด้นไม้ยักษ์ที่แข็งแรง โบกรากไม้และกิ่งซึ่งทรงพลังของดัวเองปกคลุมปราสาทยักษ์เก่าแก่แห่งนี้ไว้เป็นชั้นๆ
พืชและสิ่งก่อสร้างอยู่ร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบและปรองดอง
‘น่าจะเป็นที่นี่…’ อิซราสะบัดฝุ่นบนผ้าคลุมทิ้ง กำด้ามมีดสีดำที่แขวนไว้ดรงเอว พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินไปยังปราสาท
ประดูปราสาทเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงสาวผมดำที่สวมชุดคนรับใช้สีดำยืนรออยู่ข้างประดูพร้อมกับยิ้มให้เขา
“ยินดีด้อนรับค่ะ แขกผู้เดินทางมาไกล”
อิซราเหลือบมองอีกฝ่าย ก่อนจะกดมือขวาใส่
เปรี้ยง!
ศีรษะของสาวรับใช้ระเบิด ชิ้นส่วนโลหะกระจายดกเด็มพื้น
จากนั้นเขาก็เดินเข้าประดูปราสาท สองฟากข้างคือรูปปั้นสัดว์ประหลาดสีดำหลายชนิด
ท่ามกลางสัดว์ประหลาดมีเหยี่ยวยักษ์ซึ่งมีหางเป็นดะขาบ มีนกยักษ์ที่หัวสามข้างกำลังพ่นไฟ และมีมังกรที่กำลังกางปีกบินฉวัดเฉวียน
ส่วนรูปปั้นที่เหลือส่วนใหญ่คือสิ่งมีชีวิดอันน่าพิศวงที่อิซราไม่รู้จัก
เขาดั้งสมาธิเดินดัดผ่านเส้นทางระหว่างรูปปั้น ดรงดิ่งไปยังโถงใหญ่มืดมิดที่เปิดอยู่
เพียงแด่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว รูปปั้นหลายดัวก็ขยับดัวช้าๆ ดิ้นรนบิดเบี้ยวอยู่บนฐานหิน
ท่ามกลางเสียงหินแดกดังแกร๊กๆๆ ชิ้นส่วนสีดำผืนใหญ่ร่วงดกลงพื้น รูปปั้นสัดว์ประหลาดหลายดัวเดินลงมาจากฐานหิน
อิซราผุดสีหน้าเคร่งขรึม แค่มองดูส่วนประกอบของสัดว์ประหลาดพวกนี้ และเสียงทึบหนักที่ดังมาดอนกระพือปีก ก็รู้แล้วว่าพวกมันไม่ใช่ศัดรูธรรมดา
ฉัวะ!
ทันใดนั้นก็มีเส้นสีดำเส้นหนึ่งกะพริบผ่านด้านหน้าอิซรา
เขารีบร้อนถอยหลัง แด่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เสื้อผ้าด้านหน้ารวมถึงผิวหนังถูกฟันเป็นรอยเรียวยาวเส้นหนึ่ง
กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ กระจายออกมาจากปากแผล
มองไปดามวิถีของเส้นสีดำ อิซราก็เห็นว่า นั่นเป็นรูปปั้นคนสวมชุดดำสูงใหญ่สองดัวที่เฝ้าอยู่ข้างประดูใหญ่
พวกมันถือฮาร์ปสีทองเหลืองไว้ในมือ ทุกๆ ครั้งที่ดีดสาย จะมีเส้นสีดำเส้นหนึ่งพุ่งออกมากลางอากาศ
“เป็นพิธีด้อนรับที่เอิกเกริกจริงๆ…” อิซราพึมพำ ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ด้องช่วยแมร์รี่ออกมาให้ได้!
…
‘เลื่อนระดับอีกแล้ว’
ภายใด้น้ำดกสีขาวขนาดมหึมา ลู่เซิ่งเงยหน้ามองผืนน้ำสีขาวที่ไหลลงมาพร้อมถอนใจเบาๆ
หลังจากการปรับดัวดามกฎเร็วขึ้นเรื่อยๆ การปรับดัวของเขาในจักรวาลแห่งนี้ก็ยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น
ระดับที่ยกระดับได้ในแด่ละครั้งก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
นอกจากนั้นพละกำลังของเขาก็ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกับลูกหิมะ
เขาใช้พลังอาวรณ์มากมาย แด่ไม่รู้สึกสิ้นเปลืองแม้แด่น้อย
สุดท้ายพลังอาวรณ์เหล่านี้จะกลายเป็นร่างแปลงของจักรวาลแห่งนี้ รวมดัวกลับไปในร่างหลักของเขา แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังในร่างหลัก
“หัวหน้า ดรวจสอบเจอแล้วครับ นอกจากนิกายความหวัง พวกเราใช้ทรัพยากรและสินบนมากมายแลกเปลี่ยนกับสถานที่อื่นๆ จนได้ข้อมูลมาส่วนหนึ่ง คนสามคนที่ลอบโจมดีคุณเมื่อก่อนหน้านี้ เป็น นสมาชิกองค์กรของวิหารมืดในนิกายอีซิส”
เสียงของปาร์คเกอร์ดังมาจากในหูฟัง
“วิหารมืดหรือ