ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1126 ความทรมาน (2)
“ครับ ในนิกายอีซิส เมื่อมีแสงย่อมมีความมืด แนวคิดของวิหารมืดคือทฤษฎีการบรรณาการที่สุดโต่งกว่าและรุนแรงกว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับฝ่ายกุมอำนาจที่เน้นวิธีการปรองดอง พวกเขาคิด ว่าหากอยากจะได้ชัยชนะในตอนสุดท้าย การเสียสละเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีแต่ต้องเสียสละผลประโยชน์และชีวิตของคนส่วนใหญ่เพื่อรวบรวมพลัง ถึงจะทำให้คนส่วนน้อยได้รับศักยภาพ พที่แข็งแกร่งมากพอ จากนั้นก็เอาชนะทุกสิ่ง ทำลายทุกอย่าง แล้วสร้างสรรพสิ่งขึ้นกลางซากปรักหักพัง”
“คิดจะชำระล้างคนที่ติดเชื้องั้นเหรอ” ลู่เซิ่งถามเบาๆ
“ใกล้เคียงครับ พวกเขาเป็นผู้สร้างการขจัดพิษขึ้น” ทางปาร์คเกอร์เหมือนกำลังอ่านข้อมูลอยู่ เสียงพลิกหน้าหนังสือดังมาไม่หยุด
“แถมคนที่อยู่ในนั้นยังเป็นคนบ้าทุกคน ด้านมืดเกือบทั้งหมดของนิกายอีซิสรวมอยู่ที่นี่”
“ใช้ได้แล้ว ข้อมูลของคนพวกนั้นที่ฉันขอไปก่อนหน้านี้ มีคนตอบกลับมาหรือยัง” ลู่เซิ่งถาม
ก่อนหน้านี้เขาได้วาดใบหน้าของหมีก่วงอิงและครอบครัวของตัวเองไว้บนภาพน้ำมันหลายภาพ จากนั้นก็พิมพ์ออกมาแล้วให้ลูกน้องออกค้นหาคนที่อยู่บนภาพวาด
“ไม่ครับ…มีหลายคนแอบอ้าง พอความแตกแล้วยังคิดจะปฏิเสธ เลยโดนลากไปยิงเป้าแล้ว” ปาร์คเกอร์กล่าวอย่างรังเกียจ
“ทำต่อไป ถ้าเป็นไปได้ให้เพิ่มรางวัลเข้าไป ฉันต้องการให้กลุ่มการค้าที่กล้าเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างจุดรวมพลกระจายข่าวนี้ออกไปด้วย” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่มีปัญหาครับ!”
…
ติ๋ง…ติ๋ง….
ร่างท่อนบนของอิซราอาบเลือด รูเลือดเท่านิ้วหัวแม่โป้งหลายรูมีเลือดหยดออกมาไม่หยุด
สิ่งที่แลกได้มาคือชิ้นส่วนสีดำที่กระจายไปทั่วพื้นรอบประตูปราสาท รูปปั้นทั้งหมดถูกทำลายทิ้งทีละตัวๆ ในสิบกว่านาทีสั้นๆ
“เป็นท่าร่างที่สมบูรณ์แบบจริงๆ…ขอต้อนรับแขกของฉัน”
ประตูโถงใหญ่ปรากฏหมีขาวที่ยืนสองขาตัวหนึ่ง มันยิ้มอย่างเป็นมิตรและมีมารยาท สวมทักซิโด้รัดตัว ถือหมวกทรงสูงสีดำที่เพิ่งถอดลงมาไว้ในมือ ดอกไม้กระดาษพับสีขาวเหน็บอยู ตรงหน้าอก ดูน่ารักเหมือนกับลูกหมีในนิทานเด็ก
“ค่อกๆ…” อิซราเดินเข้าใกล้หมีขาวด้วยความระวัง
“แมร์รี่อยู่ไหน” เขาถามเสียงทุ้มต่ำ
“อยู่ที่โถงบรรเลงเพลงชั้นสอง สุภาพสตรีคนนั้นรอคอยคุณมาโดยตลอด พระผู้ช่วยที่น่านับถือ” หมีขาวแสดงสีหน้าประชดประชันวราวมนุษย์
“พระผู้ช่วย พวกแกเรียกฉันแบบนี้เหรอ” อิซราหัวเราะเยาะตัวเอง
“ก็คุณพิเศษสุดในบรรดาคนเจ็ดคนไม่ใช่เหรอครับ” หมีขาวย้อนถาม
อิซรากระชับมีดแน่น เร่งฝีเท้าพุ่งผ่านด้านข้างหมีขาวเข้าไปในโถงใหญ่
พื้นของโถงใหญ่คือเลือดสีแดงฉานเหนียวเหนอะหนะ เป็นเลือดที่เหมือนพรมสีแดง เพียงแค่เหยียบลงไป เขาก็รู้สึกว่ารองเท้าบู๊ทของตัวเองถูกดูดติดพื้นจนขยับเขยื้อนไม่ได้
ร่างสะโอดสะองที่สวมกระโปรงยาวสีขาวร่างหนึ่งโผล่ขึ้นช้าๆ บนพรมสีแดงเลือดในโถงรับแขกชั้นหนึ่ง เธอสวมสร้อยไข่มุกแวววาว ชายกระโปรงปักด้ายสีเงินเป็นรูปดอกไม้หลายดอกอย่าง งดงาม ผมสีดำสนิทสวมผ้าคลุมศีรษะสีดำที่ติดอัญมณีเหมือนดวงดาวกะพริบบนท้องฟ้า
“ดีใจมากที่ได้พบคุณ อิซรา พระผู้ช่วยในตำนาน” ใบหน้างดงามของหญิงสาวสวมกระโปรงขาวยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ดีใจที่ได้เจอคุณมากเหมือนกัน คุณผู้หญิง” อิซราตอบกลับอย่างมีมารยาท “คุณมาขวางฉันอย่างนั้นหรือ”
“ไม่…นี่เป็นแค่เกมและการทดสอบเท่านั้น…” หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ กระโปรงข้างใต้ตัวเธอเริ่มรินไหล หยดร่วง และหลอมละลายไปรอบๆ เหมือนกับของเหลว
น้ำสีขาวที่มากมายจนแทบไร้สิ้นสุดไหลลงมาจากกระโปรงของเธอ แล้วเข้าปกคลุมพื้นรอบๆ โถงใหญ่
“ตอนนี้พี่ฉันยังไม่มีเวลามาพบคุณ เลยให้ฉันมาต้อนรับคุณตรงนี้ก่อน” หญิงสาวกางแขนสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวออก
“แม้จะไม่ยิ่งใหญ่พอ แต่ก็งดงามและสมบูรณ์แบบเช่นกัน…หวังว่าคุณจะพอใจ”
อิซราถูกน้ำสีขาวกดดันให้ถอยหลังจนถึงประตูใหญ่
แต่ตอนที่เขาไปถึงประตูใหญ่ก็ค่อยพบว่า บานประตูถูกปิดล็อกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ”
“จงเดือดพล่าน” หญิงสาวฮัมทำนองเบาๆ
ทันใดนั้นน้ำสีขาวบนพื้นโถงก็เหมือนมีชีวิต ต้นไม้แห้งสีขาวหลายต้นงอกออกมาจากพื้น กิ่งไม้เกาะเกี่ยวกันกลายเป็นดอกตูมสีขาวหลายช่อ
ดอกตูมเบ่งบานออก แล้วระเบิดหนามแหลมสีขาวมากมายออกมา
พื้นดิน กำแพง เพดาน ทุกแห่งถูกเมือกสีขาวกระเซ็นปกคลุม
อิซราหลบหลีกติดต่อกันหลายรอบ ในที่สุดก็หลบไม่ได้อีก ถูกหนามสีขาวหลายแท่งแทงทะลุต้นขาข้างซ้าย
เลือดกระเด็นออกมาใส่พื้นสีขาว ทำให้เกิดฟองมากมายราวกับกำลังเดือด
เขารีบปลดธนูลงจากหลัง แล้วทิ่มนิ้วใส่รอบๆ บาดแผลสองสามครั้งเพื่อหยุดเลือด
“พระผู้ช่วยมีปัญญาแค่นี้เองเหรอ” หญิงสาวผิดหวังเล็กน้อย “ไม่อย่างนั้นคุณก็จงตายอยู่ที่นี่…กลายเป็นหนึ่งในของสะสมของฉันเถอะ รู้สึกดีกว่าการถูกสัตว์ประหลาดภายนอกกินแล้วก กลายเป็นความว่างเปล่าเป็นไหนๆ”
“ขอโทษที ฉันยังต้องรับเพื่อนฉันกลับไป ไม่มีเวลามาสู้กับเธออยู่ที่นี่หรอก” อิซราหายใจกระหืดกระหอบพลางยืดตัวขึ้น
พรึ่บ!
เขาพลันดึงสายธนู
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
เปรี้ยง!
อิซราถูกพละกำลังมหาศาลกระแทกกระเด็น กลิ้งไปชนใส่มุมบันไดที่เชื่อมไปยังชั้นสอง
เขากระอักเลือดออกมา ก่อนเงยหน้ามองหญิงสาวกระโปรงขาวที่เพิ่งระเบิดตัวตาย
สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้นี้ แต่แม้อีกฝ่ายจะพ่ายแพ้ บาดแผลที่ได้รับกลับไม่หนักเท่าเขา
เขาไม่มีความสามารถป้องกันพลังระเบิดในตอนสุดท้ายด้วยซ้ำ จึงโดนกระแทกใส่เต็มๆ
“แค่กๆๆ…”
อิซราตะเกียกตะกายลุกขึ้น หยิบถุงหนังออกมาจากย่ามสะพายหลัง แล้วเทยาเม็ดสีแดงเม็ดหนึ่งออกมากลืนกิน
พักผ่อนครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาค่อยดีขึ้นเล็กน้อย
ปราสาทสีเลือดเป็นฐานที่มั่นที่ผีดูดเลือดยึดครองมาหลายปี อดีตเคยมีคนมากมายมาที่นี่เพื่อคิดเอาชนะผีดูดเลือด แล้วนำคัมภีร์แรกเริ่มหน้าหนึ่งไปครอง
แต่พวกเขาล้วนล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
‘แต่เป้าหมายของเราไม่ใช่การเอาคัมภีร์แรกเริ่มไป อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ ดังนั้น…เราจะต้องช่วยแมร์รี่ออกจากที่นี่ให้ได้’ เขาผุดสีหน้าราบเรียบ ทำให้เลือดลมที่พลุ่งพล ล่านอยู่ในร่างกายสงบลงโดยวิธีทำสมาธิ ก่อนจะยันบันไดขึ้นไปด้านบน
บันไดที่คดเคี้ยวทอดขึ้นด้านบนไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นนิรันดร์ไม่มีปลายทาง
อิซราปีนขึ้นอย่างชาด้าน เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก็ยังไม่ถึงชั้นสองสักที
เขาส่ายศีรษะไล่ความมึนงง การเสียเลือดมากเกินไปเริ่มทำให้สติเขาเลือนราง แต่ไม่เป็นไร
เขามีร่างอมตะ
ร่างอมตะของจริง
บางทีผู้ทับซ้อนทั้งหมดที่หลอมรวมเข้ากับหน้ากระดาษของคัมภีร์แรกเริ่มต่างก็มีร่างอมตะ
พวกเขาเดินอยู่ใต้แสงสว่าง เดินอยู่ในความมืด อยู่ระหว่างรอยแยกของความดีและความชั่ว สิ่งที่พันธนาการพวกเขาไว้มีเพียงจิตใจของพวกเขา
‘ในบรรดาผู้หลอมรวมทุกคน เราคงเป็นคนที่น่าอนาถที่สุด…’ อิซรายิ้มขื่นขณะใคร่ครวญ หลังปีนบันไดเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดเขาก็ขึ้นถึงชั้นสองของปราสาท
ทุกสิ่งทุกอย่างของปราสาทชั้นสองตั้งแต่ผนัง พื้น เพดาน ไปถึงเครื่องเรือน ต่างก็สร้างจากการหลอมเทเลือดสดๆ
เวลานี้ผนังที่เดิมทีแข็งแรงกลายเป็นเลือดที่ถูกตรึงภายใต้พลังบางชนิด
อิซราสามารถเห็นเลือดที่ไหลเวียนด้วยความเร็วสูงอยู่ข้างใต้พื้นได้
“ไม่เจอกันนานนะ อิซรา”
ร่างสีเลือดร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่งบนโถงทางเดินชั้นสอง ก่อนจะหันมามองเขา
นั่นคือชายหนุ่มหล่อเหลาผมยาวสีเลือด ตาข้างหนึ่งของเขาถูกควักทิ้ง เหลือรูเลือดสีดำ แขนขวาติดตั้งตะขอสีเงิน เห็นได้ว่าแขนท่อนปลายข้างขวาของเขาถูกตัดไปตั้งแต่ตอนไห หนก็ไม่ทราบ
“ออร์…! ทำไมเป็นแกล่ะ! อิซราสีหน้าเปลี่ยนแปลงพร้อมถอยหลังก้าวหนึ่ง
“แกจะถามว่า ทำไมฉันถึงเป็นผีดูดเลือด หรือฉันที่ตายไปในตอนนั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกได้ยังไง กันล่ะ” ชายหนุ่มผมแดงยิ้ม
“ตอนนั้นแกนึกว่าแกฆ่าฉันตายไปแล้ว…แต่ว่าต่อมาฉันถูกผีดูดเลือดรุ่นก่อนที่ผ่านทางมาช่วยไว้”
“ฉัน…ไม่ได้อยากทำ…ตอนนั้น…” ดวงตาของอิซราฉายความรู้สึกผิดและความเจ็บปวด
“ฉันรู้ ฉันไม่โทษแกหรอก ตอนนั้นถ้าฉันเป็นแก ฉันก็จะทำอย่างเดียวกับแกนั่นแหละ” ออร์กล่าวอย่างสงบนิ่ง ก่อนหุบรอยยิ้มบนใบหน้า
“แต่เข้าใจก็ไม่ได้หมายความว่ารับได้…” เขาเปลี่ยนหัวข้อ “มาตัดสินแพ้ชนะกัน อิซรา”
เขาชักมีดสีแดงเข้มออกมาช้าๆ พร้อมเร่งฝีเท้าเดินมาทางนี้
“ออร์…” อิซรากัดริมฝีปากล่าง สีหน้าเหยเกเล็กน้อย “อย่าบังคับฉันเลย…”
“บังคับแกหรือ”
ออร์หัวเราะเย็นชา จากนั้นก็สลับเท้า ความเร็วเพิ่มขึ้น พริบตาเดียวก็มาถึงหน้าอิซรา
“เงาโลหิต!” เขาฟันมีดออก มีดกลายเป็นแส้ยาวสีเลือดสิบกว่าเส้น ห่อหุ้มอิซราไว้จากทุกทิศทุกทาง
เปรี้ยง!
อิซราถีบใส่ทรวงอกของออร์ ก่อนจะพลิกมือฟาดคันธนูออกไป
เปรี้ยง ตัวธนูถูกออร์รับไว้ แต่พละกำลังอันมหาศาลก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจควบคุม
“แก!
อิซราไม่ให้โอกาสเขาพูด ทั้งสองสู้ระยะประชิดกันอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาไม่กี่นาทีสั้นๆ ก็ทำลายเครื่องเรือนบนโถงทางเดินชั้นสองทิ้งทั้งหมด
โครม!
ออร์ถูกพละกำลังมหาศาลเหวี่ยงกระเด็นไปชนผนังสีเลือด ก่อนจะกลิ้งตกลงมาแล้วกระอักเลือด
“บอกฉันมาว่าแมร์รี่อยู่ไหน! อิซราพุ่งเข้าไปจับคอเสื้อของออร์
เคร้ง! สะเก็ดไฟสีทองกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นตรงแขนระหว่างคนทั้งสอง ออร์ควงมีดพลางถอยหลังหลายก้าว ตีลังกากลางอากาศสิบกว่าตลบ แล้วทิ้งตัวลงบนกรอบหน้าต่างที่เปิดอ้าตรงปลา ายโถงทางเดิน
ฉึก!
ไม่รอเขาตั้งหลัก ลำแสงสีดำสายหนึ่งก็กะพริบ แทงเข้าไปในไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยำ
เปรี้ยง!
ลูกธนูที่ยิงโดนระเบิดแสงไฟกลุ่มหนึ่ง ทำให้ออร์ตกลงมาจากกรอบหน้าต่าง
“ฮ่าๆๆๆ!” ออร์ที่ถูกระเบิดกลับหัวเราะอย่างผิดปกติ
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น
“แกคงไม่คิดจริงๆ หรอกใช่ไหมว่าฉันเป็นคนล่อแกมาที่นี่”
สีหน้าของอิซราเปลี่ยนไป เขารีบโถมตัวใส่อีกฝ่าย เกิดลางสังหรณ์ร้ายเล็กน้อย
ในตอนนี้เอง ห้องห้องหนึ่งทางซ้ายของออร์เปิดออก ชายชราผมขาวที่สวมเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งเดินออกมา แล้วยกมือให้เขา
“คัมภีร์แรกเริ่ม…ฉันขอไปล่ะ!”
มือที่ชูมาทางเขาข้างนั้นสาดแสงเย็นเยียบสีขาวซึ่งเจิดจ้าแยงตา ท่ามกลางความขมุกขมัวเหมือนมีวัตถุขนาดใหญ่สีขาวบริสุทธิ์กำลังยื่นกรงเล็บออกมาหาอิซราอยางช้าๆ
โถงทางเดินพองขยายและระเบิดภายใต้แรงบีบอัดที่รุนแรงและน่าสะพรึง รวมถึงปรากฏรอยร้าวหลายรอยจากการรับภาระไม่ไหว
อิซราขยับตัวไม่ได้ เพียงรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต ร่างกายและวิญญาณค่อยๆ แยกออกจากกัน ร่างกายร้อนผ่าวและคล่องแคล่วกว่าเดิม ทว่าวิญญาณกลับสงบกว่าเดิมเหมือนถูกแสงตรงหน้ากดท ทับ
กรงเล็บใหญ่ที่เรืองแสงสีขาวข้างนั้นเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีขาวบริสุทธิ์
ความหวาดกลัวและความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ที่ไม่อาจบรรยายถั่งโถมออกมาเหมือนกระแสน้ำ
ขณะมองดูกรงเล็บแหลมข้างนั้นเข้าใกล้หว่างคิ้วตัวเองเรื่อยๆ นั่นเอง
“แกคิดจะทำอะไรลูกศิษย์ฉัน”
ในชั่วขณะที่เลือนราง มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังอิซรา คว้าจับกรงเล็บสีขาวไว้อย่างมั่นคง