ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1130 ล่อลวง (2)
ภายใต้การนำทางของเจ้าหน้าที่ ทั้งสองคนเคลื่อนที่ผ่านเรือนกระจกที่ปลูกผักชนิดต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงด้านหน้าลิฟท์หมุนขึ้นลงที่เชื่ อมไปถึงใต้ดิน
ประตูลิฟท์เปิดออก มีแค่คุนดี้และลู่เซิ่งเดินเข้าไป
ลิฟท์สีเงินหมุนวนขณะมุดไปยังใต้ดิน
ไม่ถึงสิบนาทีก็ไปถึงหอคอยควินซี ฐานวิจัยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ลึกลงมาใต้ดินสามร้อยเมตร
ฐานของหอคอยควินซีเป็นทรงวงแหวน วงกลมขนาดยักษ์สามวงที่ฝังตัวอยู่ด้วยกันประกอบกันเป็นพื้นที่ฐานที่สมบูรณ์
ภายในค่ายสถาบันวิจัยทั้งหมดสามร้อยกว่าแห่งมีการใช้ทรัพยากรหลายชนิดในการดำเนินการวิจัยในหัวข้อต่างๆ
ทุกๆ วันต่างก็มีการคาดเดามากมายถูกทำให้เป็นจริงหรือไม่ก็ถูกปฏิเสธที่นี่
ภายใต้การผลักดันอย่างสุดกำลังจากสุดยอดอัจฉริยะหลายคน ที่นี่จะได้ผลลัพธ์การดำเนินการที่ใช้ประโยชน์อย่างทรงประสิทธิภาพได้แทบทุกครึ่งเดือน
นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ลู่เซิ่งให้ความสำคัญกับฐานทัพควินซีขนาดนี้
คุนดี้พาเขาตัดผ่านโถงทางเดินวิจัยสีเงิน ไม่นานก็มาถึงพื้นที่ทดลองที่มีขนาดเท่าสนามบาสเก็ตบอลภายใต้การช่วยเหลือของแกนวาร์ป
พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเขตอยู่อาศัยของมนุษย์ อีกส่วนเป็นเขตทดลองสิ่งมีชีวิตที่ใช้กระจกความแข็งแกร่งสูงกั้นไว้
แสงเย็นเยียบสีน้ำเงินเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียว อุปกรณ์ทดลองหลายชิ้นเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง ขณะควบคุมโปรแกรมหลายโปรแกรมที่ถูกออกแบบไว้ด้ว วยการสะท้อนจากแสงสีน้ำเงิน
นักวิจัยหัวล้านที่สวมแว่นตาสองคนยืนอยู่หน้าอุปกรณ์ กำลังบันทึกอะไรสักอย่างใส่แผ่นข้อมูลอยู่
“ศาสตราจารย์โกลด์ หัวหน้ามาถึงแล้วครับ” คุนดี้ทักทายเสียงดัง
นักวิจัยสองคนพลันตกใจ พอหมุนตัวมาเห็นลู่เซิ่ง ก็รีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันที
“ไม่ต้องทำอย่างนี้” ลู่เซิ่งกล่าว “ทำงานของพวกเธอไปเถอะ คุนดี้มาอธิบายที”
“ได้ครับ” คุนดี้พยักหน้า
เขาชี้กลุ่มเนื้อประหลาดที่เหมือนกับพืชซึ่งกำลังขยับขยุกขยิกอยู่ด้านในกระจกอย่างช้าๆ
“อย่างที่อาจารย์เห็น พวกเราได้รับดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่งผ่านการปรับแต่งและผสมผสานยีนหลายชนิด แต่ว่า…พวกเราสังเกตเห็นข้อมูลพิเศษบางส่วนบนด ดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่ง ปรากฏการณ์พิเศษน่ะครับ”
“ปรากฏการณ์อะไร” ลู่เซิ่งจ้องมองก้อนเนื้อที่งอกกิ่งไม้มากมายออกมาเกี่ยวซ้อนกันเหมือนกับพืชก้อนนั้น
“ข้อมูลและปรากฏการณ์พิเศษที่เหมือนกับฟาเตียนมากๆ” คุนดี้กดเสียงกล่าว
“หือ” ลู่เซิ่งงุนงง “ฟาเตียน
“ครับ ภายใต้การนำของศาสตราจารย์สองคน ตอนนี้หัวข้อวิจัยนี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด ถ้าราบรื่น พวกเราจะใช้เทคโนโลยียีนสังเคราะห์เพาะเลี้ยงฟาเตี ยนในรูปแบบอ่อนแอที่พวกเราเป็นผู้ควบคุมออกมาได้” คุนดี้ว่าต่อ
“ควบคุมผ่านอะไร” ลู่เซิ่งถามพลางย่นคิ้ว
“วิธีไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ แต่พวกเราพบตอนเก็บตัวอย่างหลายชนิดว่า ยีนของสัตว์ประหลาดพวกนี้มีการกดข่มโดยธรรมชาติ”
“การกดข่มโดยธรรมชาติ” คำศัพท์นี้เห็นได้ชัดว่าถูกเลือกใช้ชั่วคราวเพื่อบรรยายปรากฏการณ์อย่างเป็นรูปธรรม ลู่เซิ่งจึงไม่เข้าใจ
“ใช่ครับ เหมือนกับเราใส่ข้อมูลว่า ‘ตอนที่พบเจอตัวตนบางอย่าง ต้องละทิ้งการต่อต้าน การทำงานทางสรีระวิทยาจะต้องแสดงปรากฏการณ์ตามที่กำหนดไว้’ ในภาษาโปรแกรมของหุ่นยนต์” คุนดี้อธิบาย
“พวกเราค้นพบการใส่ข้อมูลอย่างนี้ในยีนพวกนี้ หากใช้ประโยชน์จากการเขียนเทคโนโลยีนี้ พวกเราจะเพาะเลี้ยงอาวุธชีวภาพชนิดพิเศษที่สะกดยีนตัวอย่าง ทั้งหมดออกมาได้”
“ทฤษฎีสมบูรณ์แบบมาก เคยลองหรือยัง” ลู่เซิ่งถามพลางขมวดคิ้ว
“ยังครับ…พวกเราต้องการตัวอย่างปริมาณมหาศาล รวมถึงทรัพยากรและการสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินหัวข้อวิจัยนี้ ดังนั้นพวกเราจึงรีบแจ้งอาจ จารย์ หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์” คุนดี้รีบเอ่ย
“อัตราความสำเร็จล่ะ” ลู่เซิ่งไม่ได้หวั่นไหวเพราะภาพที่อีกฝ่ายบรรยายง่ายๆ การทดลองใดๆ ต่างก็มีอัตราความสำเร็จและอัตราความล้มเหลว
“อยู่ที่ราวหกสิบเปอร์เซ็นต์ครับ ต่อให้จะล้มเหลว พวกเราก็สามารถชดเชยด้วยแหล่งจ่ายเนื้อที่ดีกว่าเดิมได้ หลังจากผ่านการวิจัยและวิเคราะห์ เนื้ อที่โดดเด่นกว่าเดิมสามารถกระตุ้นให้สมาชิกในสำนักเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเร็วกว่าเดิม นี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเราได้จากการเปรียบเทียบข้อมูลที่ เป็นรูปธรรม” คุนดี้เอ่ยเสียงทุ้ม
“ฉันจะอยู่ที่นี่สองวันเพื่อตรวจสอบกระบวนการวิจัยที่เป็นรูปธรรมของพวกเธอ” ลู่เซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ถ้าคนพวกนี้ นึกว่าเขาไม่รู้อะไรเลยก็เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงแล้ว
เขาไปยังโลกต่างๆ มามากมาย วิทยาศาสตร์พื้นฐานที่เขาสั่งสมไว้มีจำนวนมหาศาลถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ และตอนที่อยู่บนโลกเทพนอกรีต เขายังเป็นหนึ่งใ ในสุดยอดนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยด้วย
หลายวันต่อจากนั้น ลู่เซิ่งเริ่มตรวจสอบบันทึกการทดลองและบันทึกข้อมูลในด้านต่างๆ ของหัวข้อนี้ตั้งแต่เริ่ม
ใช้เวลาสามวัน เขาก็เข้าใจหลักการการสังเคราะห์ดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ใช้ดีปบลูสะสางความรู้ด้านชีววิทยา เคมี และพันธุศาสตร์ของโลก กใบนี้
เป็นอย่างที่คุนดี้บอก ความจริงดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่งไม่ได้มีข้อมูลบางส่วนที่เหมือนฟาเตียน พวกเขากล่าวคลุมเครือเกินไป ดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่ง มีรูปแบบข้อมูลอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ตรงกับฟาเตียน
หลังจากลู่เซิ่งเข้าร่วมการวิจัย เขาก็ได้ใช้ระบบความรู้จากโลกต่างๆ ไม่นาน ก็สร้างสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีคุณสมบัติโจมตีดีกว่าเดิมออกมาได้จากพื นฐานของดวงอาทิตย์หมายเลขหนึ่ง
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีคุณลักษณะเด่นส่วนใหญ่ของฟาเตียน นอกจากจะไม่มีการล่องหนแล้ว สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ถึงขั้นเหมาะกับการต่อสู้แบบกองทัพยิ่งกว่าฟาเ เตียนเสียอีก
ลู่เซิ่งตั้งชื่อมันว่าอาทิตย์แผดเผา
สองเดือนต่อมา เขาพาตัวอย่างอาทิตย์แผดเผาสิบห้าตัวออกจากฐานทัพหอคอยควินซีเพื่อกลับซีเลีย
ในเวลานี้เอง จดหมายจากอาโซมซึ่งเป็นฐานที่มั่นมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดก็ถูกส่งมายังห้องสำนักงานของลู่เซิ่งในซีเลีย
…
ใต้แสงอาทิตย์ใกล้ค่ำ
ลู่เซิ่งจิบกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จ ขณะมองดูจดหมายสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า
“จดหมายฉบับนี้ไม่มีที่อยู่ของคนส่ง วางอยู่ในตู้ไปรษณีย์มาครึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว แต่ไม่มีใครเอามา” แจ๊คสันอธิบาย “ต่อมาบุรุษไปรษณีย์ค้นพบที่อย ยู่ที่อาจารย์เคยอยู่บนหลังจดหมาย ที่นั่นไม่ได้อยู่ในขอบเขตการปกครองของซีเลีย ดังนั้นจึงส่งให้ฝ่ายข้อมูลวิเคราะห์ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นจดหมายท ที่ส่งให้อาจารย์”
“เนื้อหาเป็นยังไง” ลู่เซิ่งถามเสียงเฉยชา
“ผู้ทับซ้อนที่ชื่อถังเอินเป็นคนส่งครับ พวกเราตรวจสอบแล้ว ถังเอินเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มผู้ทับซ้อนชื่อคาโปในอาโซม คนคนนี้น่าจะเป็นคนท ที่อาจารย์รู้จักในตอนแรกสุด” น้ำเสียงของแจ๊คสันลังเลอยู่บ้าง
“ฉันเคยรู้จักจริงๆ” ลู่เซิ่งพยักหน้ายืนยันการคาดเดาของเขา “ถังเอิน ถือเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ฉันมีไม่กี่คน เอาล่ะเธอไปทำงานเถอะ อย่าลืมฝึกฝ ฝนล่ะ”
“ครับ” แจ๊คสันพยักหน้าก่อนหมุนตัวเร่งฝีเท้าผละไป
ประตูปิดงับและลงกลอน
ลู่เซิ่งยื่นมือไปหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา ก่อนหยิบกระดาษออกมาจากช่องที่กรีดออก จากนั้นก็คลี่อ่าน
ถังเอินเป็นผู้เขียนจดหมายจริงๆ เขาเกลี้ยมกล่อมลู่เซิ่งว่า ถ้าชีวิตลำบากสามารถไปหาเขาที่อาโซมได้ เขาได้ลงหลักปักฐานที่นั่น มีที่หยั่งเท้า แล้ว
เพียงแต่พออ่านถึงตอนสุดท้าย เมื่อลู่เซิ่งเห็นสัญลักษณ์สีดำที่ทั้งเหมือนมังกรและเหมือนงูตรงด้านล่างสุดของจดหมาย เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาอย่า างอดไม่ได้
เขากดแหวนเบาๆ สีสันของทุกสิ่งตรงหน้าหายไป ห้องหนังสือใหม่เอี่ยมกลายเป็นห้องรกเก่าโกโรโกโสที่จับฝุ่นสีดำ
จดหมายบนมือกลายเป็นพื้นจดหมายสีดำสนิทที่ไม่มีอะไรเลย
มีเพียงตำแหน่งสุดท้าย สัญลักษณ์สีดำวิจิตรที่บิดเบี้ยวกำลังปล่อยควันสีดำหลายสายออกมาช้าๆ ด้านหลังตัวอักษรท้ายสุดที่ถังเอินเขียน
‘ถังเอินเป็นคนเขียนจดหมายจริงๆ เพียงแต่ถูกคนใส่ลูกเล่นเข้าไประหว่างทาง’ ลู่เซิ่งตรวจสอบสัญลักษณ์อย่างละเอียด ไม่นานก็พบจากร่องรอยและกลิ่นอาย ยว่า สัญลักษณ์นี้ไม่ได้ถูกเขียนลงไปพร้อมกับตัวหนังสือเมื่อก่อนหน้านี้
‘แม้แต่ประวัติแค่นี้ก็ยังขุดออกมาอีก นิกายอีซิสพยายามเต็มที่จริงๆ’ ลู่เซิ่งแค่นหัวเราะ
ซีเลียและนิกายแห่งอื่นๆ กลายเป็นน้ำกับไฟไม่อาจอยู่ร่วมกัน
ต่อให้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่สุดท้ายศาสนาพิเศษที่เขาลอบผลักดันในหมู่ผู้อยู่อาศัยก็จะปะทะกับศาสนาท้องถิ่นพวกนี้ซึ่งหน้า
ควันดำหลายสายที่ลอยออกมาจากสัญลักษณ์นั้นเริ่มเกี่ยวกันเหมือนสิ่งมีชีวิต ประกอบเป็นกิ่งไม้วิจิตร
ปลายกิ่งไม้ยื่นมาถึงด้านหน้าลู่เซิ่ง แล้วค่อยๆ รวมตัวเป็นดอกตูมสีม่วงเข้ม
ซู่…
ดอกตูมเบ่งบาน เผยให้เห็นด้านในดอกไม้ที่แปดเปื้อนเมือกสีดำหลายชั้น หญิงสาวตัวเล็กผิวสีดำสนิทขดร่างเปลือยเปล่าอยู่ตรงกลาง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ไม่มีอวัยวะบนใบหน้า มีเพียงบาดแผลสีเลือดจากบนถึงล่างสายหนึ่ง
“ขออภัยอย่างยิ่งที่ใช้วิธีการนี้ในการพบเจอกับคุณ ราชาแห่งซีเลียผู้แข็งแกร่ง” เสียงของหญิงสาวแหลมเล็กแปร่งหู หางเสียงทอดยาวและสั่นเครือ ราวกับแม่มดชั่วร้ายที่ทำให้คนหวาดกลัว และเหมือนชายชราที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวเก่าแก่
“เธอไม่ใช่คนของนิกายอีซิส” ลู่เซิ่งหยีตา “เธอเป็นใคร หรือควรถามว่า เธอเป็นตัวแทนของใคร”
หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากดอกตูม ยืดตัวตรง
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ”
เธอใช้มือประคองขอบดอกตูมไว้แผ่วเบา
“สิ่งสำคัญคือ ฉันทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงได้…”
“ความปรารถนาของฉัน” ลู่เซิ่งยกยิ้มมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชา “เธอรู้เหรอว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร”
“แน่นอน”
หญิงสาวยืนยัน
“คนที่คุณตามหาอย่างครึกโครมพวกนั้นจะต้องสำคัญกับคุณมากแน่ใช่ไหม”
“เธอรู้เหรอว่าพวกเขาอยู่ไหน” ลู่เซิ่งเลิกคิ้ว
“ถึงจะไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจนเป็นพิเศษ ทว่า พวกเราก็เจอตำแหน่งคร่าวๆ ของคนที่คุณตามหาแล้ว” หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะทุ้มต่ำชั่วร้าย
“เธอมีเงื่อนไขอะไร” ลู่เซิ่งถามอย่างสงบ
“ไม่มีเงื่อนไขอะไร…ขอแค่คุณปกป้องอิซราต่อไป…พวกเราลงมือช่วยคุณตอนนิกายอื่นบุกมาโจมตีได้ด้วยซ้ำ” หญิงสาวเสริม “แน่นอนว่า…ถ้าคุณยินดี พวกเราถึงขั้นทำให้คุณได้รับพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมได้ด้วย…”
“ฉันเข้าใจจุดยืนของพวกเธอแล้ว แต่นั่นแล้วจะทำไม ฉันก็แค่อยากหาคนที่ต้องการตามหา ตอนนี้ บอกพิกัดมาซะ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ไม่มีพิกัดที่ชัดเจน ฉันบอกคุณได้แค่ว่า คนที่คุณต้องการตามหา อยู่ที่เขตผู้อยู่อาศัยใต้ดินทางเมืองเหนือของอาโซม”
หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายอีกครั้ง
“นอกจากนี้ ข้อมูลก็มีผลชั่วคราว พวกเขาเป็นคน อาจจะเคลื่อนย้ายหรือผละไปยังเขตอื่นๆ ได้ตลอดเวลา หากคิดจะหาคน คุณต้องรีบเคลื่อนไหวให้เร็วท ที่สุด”
เพิ่งสิ้นเสียง หญิงสาวสีดำก็ค่อยๆ ละลายเหมือนกับเทียนไข ดอกตูมและกิ่งสีดำกลายเป็นเมือกสีดำหลายหยด
เมือกหยดลงบนโต๊ะ สุดท้ายก็ระเหยกลายเป็นควันดำ มุดกลับไปในสัญลักษณ์สีดำ
ทุกอย่างกลับมาสงบเงียบเหมือนเดิม
ลู่เซิ่งจ้องมองจดหมายอย่างเรียบเฉย สีหน้าไร้อารมณ์อยู่ชั่วขณะ
……………………………………….