ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1134 เจอกันอีกครั้ง (2)
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้นี่” ซีหนิงยิ้ม
“นี่คือสุสานจักรวาล สาเหตุที่จักรวาลแห่งนี้มีระดับพลังถึงขีดจำกัดสูงสุด ก็เป็นเพราะมิติเวลาของที่นี่ถูกบีบอัดถึงระบบดาวฤกษ์เล็กๆ แห่งนี้แล้ว ที่นี่ไม่มีแกแลคซีแห่งอื่นอ อีกต่อไป จักรวาลมหึมาในตอนแรกเหลือเพียงมิติแคบๆ น่าสงสารจริงๆ”
“งั้นเหรอ” ลู่เซิ่งปล่อยให้พยัคฆ์ดำที่อยู่ด้านข้างหลบหนีจากไปอย่างแตกตื่นหวาดกลัวโดยไม่สนใจ
ผู้ยิ่งใหญ่สองคนเผชิญหน้า แค่แรงกดดันก็ทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นเร็วแทบระเบิดแล้ว
ถ้าไม่หนีอีก หรือจะอยู่รอโดนลูกหลงจนตาย
“แน่นอนว่า” ซีหนิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การสะกดของที่นี่ได้ไปถึงระดับสูงสุดแล้ว แถมยังสะกดเรารุนแรงที่สุด ไม่อย่างนั้นแกคิดว่า แกจะยืนเผชิญหน้าข้าได้อย่างปลอดภัยแบบนี้อีกเหรอ ถ้าเป็นโลกธรรมดาทั่วไป เจ้ายังไม่ทันเข้าใกล้ด้านข้าง ก็ถูกแรงฉุดกระชากรุนแรงทางธรรมชาติฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว”
“ฉีกเป็นชิ้นๆ เหรอ ฉันกลับอยากเห็นว่า แกจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ ยังไง” ลู่เซิ่งแสยะยิ้มเช่นกัน
ฉัวะ!
ลวดลายแสงสีขาวสายหนึ่งฟันใส่เขาอีกครั้ง
ลู่เซิ่งกระโดดหายไปจากที่เดิม
เขาไปโผล่ด้านข้างซีหนิงในตอนที่ปรากฏตัวอีกครั้ง ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่
“ราชสีห์ขาว” ซีหนิงไม่ขยับ แสงโปร่งแสงรูปร่างสิงโตโผล่ขึ้นด้านข้าง ปกป้องเขาอย่างแน่นหนา
ตูม!
พอฝ่ามือนี้ฟาดลงไป
สิงโตขาวก็แหลกสลาย ทุ่งหญ้ามากกว่าร้อยเมตรรอบๆ คนทั้งสองถล่มลงหนึ่งเมตร
การสั่นสะเทือนที่รุนแรงและต่อเนื่องระเบิดจากใต้ฝ่ามือลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
“โง่เง่า แสงที่เขาครอบครองคือแสงแปลงวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุมีรูปร่างหรือไม่มีรูปร่าง พริบตาเดียวที่โดนสัมผัส ก็จะถูกหลอมละลายกลายเป็นน้ำหนอง” ซีหนิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“งั้นเหรอ” พละกำลังอันน่ากลัวจากมืออีกข้างของลู่เซิ่งสร้างแรงกระแทกรุนแรงด้วยความเร็วสูง ฟาดใส่แสงสีขาวอย่างหนักหน่วง
ตูม!
แรงอันมหาศาลจากสองฝ่ามือทำให้ซีหนิงรับมือไม่ทัน แสงของสิงโตขาวแหลกสลายอย่างฉับพลัน เขาถูกโจมตีส่วนเอว ปลิวขวางออกไปหลายสิบเมตรท่ามกลางเสียงดังสนั่น ก่อนกระอักเลือดออกมา า
“ดูเหมือนจักรวาลแห่งนี้จะสะกดแกรุนแรงกว่าที่ฉันจินตนาการไว้นะ…” ลู่เซิ่งลุกขึ้นพลางหัวเราะเย็นชา
เวลานี้สองมือของเขาที่เมื่อครู่หลอมละลายเล็กน้อยกำลังสมานตัวฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
พริบตาที่สัมผัสด้วยความเร็วสูง ต่อให้สิงโตขาวตัวนั้นจะมีอานุภาพสูงอย่างไหร่ ก็จำเป็นต้องมีเวลาในการใช้มัน
แต่เขาส่งพลังในพริบตาเดียวได้
ซีหนิงลุกขึ้นจากพื้น เช็ดเลือดที่มุมปากอย่างเหลือเชื่อ
“ถึงกับมีปัญญาทำร้ายข้าได้…”
“ราชสีห์นรก...” ประกายเลือดในดวงตาของเขาเจิดจ้ากว่าเดิม
เส้นสีดำหลายเส้นเริ่มพรั่งพรูออกมาจากจมูกอีกฝ่าย
ครืน!
เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง เหมือนมีอะไรบางอย่างโมโห แสงสายฟ้าขนาดยักษ์วาดผ่านหลายเส้น หมายจะหยุดไม่ให้เขาปล่อยกระบวนท่าบางอย่าง
“บัดซบ!” ซีหนิงหน้าเปลี่ยนแปลง กลายเป็นสีแดงแวบหนึ่ง
พรวด!
เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“บัดซบๆๆๆ!” เขาเงยหน้าจ้องท้องฟ้า “ไอ้สวะใกล้ตาย! บังอาจหยุดข้าอย่างนั้นเหรอ!”
ลู่เซิ่งกลับต่างจากเขา พลันรู้สึกว่าพันธนาการใหญ่ที่อยู่บนร่างตัวเองมาโดยตลอดกำลังถูกปลดปล่อยอย่างรวดเร็ว
กฎด้านนอกเหมือนกับชุดพันธนาการหนักอึ้งหลายชั้นที่ถูกถอดทิ้ง ทำให้เขาเชื่อมต่อกับร่างหลักที่ซ่อนในส่วนลึกของหัวใจได้อย่างรวดเร็ว
“เห็นได้ชัดเลยว่า โลกใบนี้กำลังช่วยเราโดยสัญชาตญาณ” ลู่เซิ่งเข้าใจสาเหตุอย่างรวดเร็ว
ราชาโลกซีหนิงเป็นผู้รุกรานสำหรับจักรวาลที่หดตัวด้วยความเร็วสูงแห่งนี้ การที่เขาซึ่งเป็นศัตรูกับผู้รุกรานได้รับการช่วยเหลือจากจักรวาลจึงไม่นับว่ากะทันหันเกินไป
ลู่เซิ่งอาศัยจังหวะที่พันธนาการของร่างหลักถูกปลด แผ่ควันดำผืนใหญ่ออกมาจากผิวด้วยความเร็วสูง
อัคคีนรกสีม่วงเข้มและไฟหงส์ชาดสีทองแดงผสมผสานกัน แล้วปรับปรุงกายเนื้อของเขาในตอนนี้
ขีดจำกัดของระดับยี่สิบเก้าถูกทะลวงในพริบตา
สาเหตุที่ติดอยู่ระหว่างระดับยี่สิบเก้าถึงระดับสามสิบ ความจริงเป็นเพราะร่างกายร่างนี้มีขีดจำกัดทางธรรมชาติโดยกำเนิด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ของวิเศษบางอย่างเพื่อทำลายขีดจำกัดร่า างกายทิ้ง
พลังอาวรณ์มีผลเหมือนเครื่องเร่งความเร็วและเครื่องเรียนรู้การฝึกฝน แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีวิชาสำหรับเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ มันก็ไม่อาจทะลวงขีดจำกัดได้อยู่ดี
ดังนั้นจึงติดอยู่ในระดับยี่สิบเก้า
และตอนนี้ลู่เซิ่งเพียงแค่เปลี่ยนโครงสร้างก่อนกำเนิดของร่างกายร่างนี้เล็กน้อยเท่านั้น
คอขวดระดับยี่สิบเก้าค่อยถูกทะลวงอย่างรวดเร็ว
“พลังนี้มัน…มารสวรรค์” แสงสีแดงส่องสว่างในดวงตาซีหนิง เขาทำหน้าเครียด ยังคิดพูดอะไรอีก
แต่ไม่ทันกาลแล้ว
ลู่เซิ่งโผล่ขึ้นด้านหน้าเขาราวกับเคลื่อนย้ายในพริบตา ฝ่ามือดุจดาบ
ฉัวะ!
ศีรษะของซีหนิงลอยขึ้นแล้วกลายเป็นทรายสีขาวนับไม่ถ้วนกลางอากาศ
ศพไร้หัวบนพื้นหยุดนิ่ง
“ยอดเยี่ยมมาก” เสียงอึมครึมสะท้อนกลางอากาศ
“ต่อไปฉันจะยอดเยี่ยมกว่านี้อีก ไม่ต้องเป็นห่วง”
ลู่เซิ่งยื่นมือออกไปทะลวงทรวงอกของศพ จับหัวใจอีกฝ่ายเอาไว้
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ หัวใจของซีหนิงเหมือนกับผลึกสีม่วง พริบตาที่ถูกกระชากออกมา ศพก็กลายเป็นทรายขาวนับไม่ถ้วนทันที
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อยขณะบีบหัวใจผลึกในมือ
แม้การแสดงออกเมื่อครู่ของราชาโลกวิญญาณอุดรจะมีดีแค่การโจมตีที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวเท่านั้น
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาอ่อนแอ
ตอนอยู่ในโลกเทพแห่งการทำลายล้างเมื่อก่อนหน้านี้ แค่สายตาของซีหนิงก็กดดันเขาในตอนนั้นจนเกือบลุกไม่ขึ้นได้แล้ว
และตอนนี้ จักรวาลระดับพลังงานสุดยอดแห่งนี้ก็ต้องรวบรวมพลังงานมิติเวลาทั้งหมด ค่อยสะกดเขาถึงระดับที่มีการโจมตีรุนแรงแบบนั้นได้
ไม่อย่างนั้นด้วยระดับของเขาในตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของอีกฝ่าย
‘ยุ่งยากจริงๆ แล้ว!’
ลูเซิ่งเก็บหัวใจ
การปลดเปลื้องกฎเมื่อครู่กลับมาอีกครั้ง
เหมือนกับแบกน้ำหนัก เมื่อครู่เพิ่งโล่งไปพักหนึ่ง จากนั้นน้ำหนักก็โผล่ออกมาพร้อมกับการดับสูญของร่างแปลงของซีหนิง
แต่ชั่วขณะสั้นๆ เมื่อครู่ทำให้ลู่เซิ่งปรับเปลี่ยนร่างกายร่างนี้สำเร็จแล้ว
พลังของอัคคีนรกและอัคคีหงส์ชาดได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พลังฟื้นฟูตัวเองและคุณสมบัติป้องกันในแต่ละด้านของกายเนื้อนี้ ด้านพละกำลังเพียงอย่างเดียวก็มีการยกระดับอย่างให หญ่หลวงเช่นกัน
แต่การยกระดับทางกายภาพนี้ไม่ทำให้ลู่เซิ่งพอใจอีกแล้ว
‘การรับมือกับเจ้าซีหนิง…แค่พละกำลังอย่างเดียว…ไม่เพียงพอ…ต้องรีบเปลี่ยนแปลง’
ลู่เซิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยล่วงเกินซีหนิง แถมตอนนี้ยังฆ่าร่างแปลงของอีกฝ่ายทิ้ง พวกเขาได้ผูกความแค้นกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
จำเป็นต้องรีบหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด
เมื่อครู่เป็นเพราะการช่วยเหลือภายใต้กฎเกณฑ์ของจักรวาลแห่งนี้ ค่อยฆ่าร่างแปลงของอีกฝ่ายได้
ลู่เซิ่งไม่เชื่อหรอกว่า หลังออกจากจักรวาลแห่งนี้ ถ้าได้เจออีกฝ่ายอีก ตนจะยังฆ่าอีกฝ่ายได้
‘ตามเหตุผล ราชาโลกวิญญาณน่าจะต่อสู้กับขุมกำลังด้านการดำรงอยู่สุดกำลังสิ ซีหนิงเป็นเสาหลักด้านหนึ่ง การที่แบ่งร่างแปลงมายังจักรวาลแห่งนี้ ไม่มีทางปล่อยลูกศรโดยไร้เป้าแน่’ ลู่เซิ่งขยำหัวใจผลึกในมือ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง
ร่างหลักในส่วนลึกของหัวใจเหมือนกำลังปล่อยความกระหายต่อหัวใจดวงนี้ออกมาอย่างเลือนราง
‘การล่อลวงจากพลังแห่งความว่างเปล่า…’ เขาเคยเห็นพลังชนิดนี้มาก่อน กลิ่นอายพลังที่กระจายออกมาจากหัวใจดวงนี้เหมือนกับกลิ่นอายพลังแห่งความว่างเปล่าที่เขาเคยสัมผัสได้ไม่มีผิ ด อย่างไรร่างหลักของเขาก็มีดวงตาข้างหนึ่งบรรจุพลังชนิดนี้เอาไว้
เพียงแต่กลิ่นอายที่หอมหวนนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนถ้ากินสิ่งนี้ไปจะทำให้ตัวเองเกิดการวิวัฒนาการได้…สิ่งใดเป็นตัวกระตุ้นกันแน่
ลู่เซิ่งย่นคิ้ว
…
ธารมารดา ทะเลสาบโหมวโปเสิน
เกาะสีดำเกาะหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือเส้นทางสีรุ้งขนาดมหึมากำลังปล่อยแสงสีฟ้าออกมาหลายสาย
ผู้เข้มแข็งแปลกประหลาดที่สวมใส่เสื้อผ้าต่างกันและมีหน้าตาต่างกัน พากันนั่งลงรอบโต๊ะประชุมตัวยาวกลางเกาะ
ผู้เข้มแข็งพวกนี้ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม บางครั้งยังเห็นผู้วิเศษหรือพุทธะที่มีแสงเรืองรองอยู่ด้านหลังได้
บางคนมีปราณมารที่สุดโต่งและน่ากลัวจับตัววนเวียนบนร่าง ทั้งยังสัมผัสได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกำลังโหยไห้คร่ำครวญอยู่บนกระโปรงที่สตรีบางคนสวม
ตัวตนที่นั่งอยู่ต่างก็เป็นราชันในจักรวาลต้นกำเนิดของตัวเอง เป็นสุดยอดราชาที่แข็งแกร่ง ไม่มีใครสู้ได้
สาเหตุสำคัญที่พวกเขามารวมตัวกันอยู่ที่นี่มีอยู่ข้อเดียว
“โลกมารสวรรค์ทนไม่ไหวแล้ว” มนุษย์หัวจระเข้ตนหนึ่งที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าแม้แต่สัตว์โบราณและพันธมิตรดาวยังทนไม่ไหว จักรวาลอสูรของพวกเราก็ไม่ไหวเช่นกัน! คร รั้งนี้ข้ามาขอความช่วยเหลือ หวังว่าทุกท่านจะส่งการช่วยเหลือที่สัญญาไว้ไปถึงโดยเร็วที่สุด”
“โลกวิญญาณทักษิณมีพันธมิตรเซียนคอยถ่วงเวลา โลกวิญญาณประจิมมีเหล่าสัจจะวิญญาณคอยสนับสนุน ทางบูรพาและอุดรมีปัญหาที่สุด โลกหลายใบเช่นโลกมารสวรรค์ที่เดิมทีประคับประคองทิศอุดร ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ส่วนจักรวาลอสูรก็มีการสะกดไม่แรงพอ ต่อให้พวกเราส่งกำลังทหารไป ก็ยากจะรักษาไว้ได้”
ชายฉกรรจ์ผมดำที่เล่นจอกสุราหยกสีดำในมือกล่าวเสียงทุ้ม
“ต้องดึงขุมกำลังที่ดึงเป็นพวกได้ไปป้องกัน ใต้รังที่ตกคว่ำไม่มีไข่เหลือ ถ้ากองกำลังป้องกันหลักของพวกเราพ่ายแพ้ ธารมารดาทั้งหมดจะล่มสลาย ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบห้ากาลดาราก ก่อนแล้ว” ชายชราผมทองคนหนึ่งกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ข้าแนะนำให้เสียสละจักรวาลอสูร ใช้เป็นกับดักในการระเบิด ถ้าสามารถล่อระดับสูงอย่างราชาโลกเข้ามาจองจำได้ เราลำบากครั้งเดียวจะได้ผลตลอดกาล”
“บังอาจ!” มนุษย์หัวจระเขพลันตะโกนด้วยความโมโห
พวกเขาสามฝ่ายเป็นตัวแทนสามกองทัพมาตรฐาน
ฝ่ายช่วยเหลือ ฝ่ายละทิ้ง รวมถึงฝ่ายตกตายร่วมกันที่สุดโต่งที่สุด
ตัวแทนมากมายที่อยู่รอบโต๊ะประชุมบ้างก็เงียบเสียง บ้างก็ผุดสีหน้าเย็นชา บ้างก็แสดงอารมณ์รุนแรง
“ร่างแปลงของซีหนิงราชาโลกวิญญาณอุดรแตกดับไปแล้ว”
จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งพุ่งมาถึงชายขอบแล้วกลายเป็นหญิงงามคนหนึ่ง เดินเข้ามารายงาน
โต๊ะประชุมเงียบลงทันที
“ร่างแปลงตรงตำแหน่งไหน” ชายชราผมทองถาม
“ร่างแปลงในจักรวาลต้องห้าม พวกเราตรวจสอบเจอกลิ่นอายการแตกดับเลยตามรอยไป สุดท้ายพบว่าราชาโลกรุกรานที่นั่น” หญิงสาวตอบ
“ผู้ล่าดาวล่ะ”
“คนที่ผู้ล่าดาวสู้ด้วยยังเป็นร่างแปลงเดิม สามารถตัดสินได้อย่างแม่นยำว่า ร่างแปลงนี้เป็นร่างอื่นที่แบ่งออกไป” หญิงสาวยืนยัน
“จักรวาลต้องห้าม ที่นั่นอยู่ใกล้พลังแห่งความว่างเปล่ามาก จักรวาลทั้งจักรวาลถูกความว่างเปล่าแทรกซึมจนพรุน ถึงกับมีคนฆ่าร่างแปลกราชาโลกที่นั่นได้ด้วยหรือ” มีคนไม่เชื่อ
“สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าไป ล้วนถูกสะกดจนน่าอนาถทั้งนั้น แถมเจอทางตันที่แก้ไขไม่ได้แต่แรก ร่างแปลงราชาโลกตายได้ยังไง”
“จะสนทำไมว่ามันตายอย่างไร แค่รู้ว่าตายก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“กลัวว่าจะเป็นกับดักน่ะสิ”
“ต่อให้เป็นตัวล่อ เจ้ากล้าเข้าไปในจักรวาลต้องห้ามเหรอ”
“ไม่กล้า…”
“แล้วมันจะเป็นตัวล่ออยู่อีกไหมเล่า”
พวกผู้เข้มแข็งแห่งจักรวาลโวยวายเหมือนกับแม่ค้าในตลาด
“ส่งคนไปสืบดู ไม่ต้องเข้าไปจริงๆ ใช้วิธีอื่นได้” มนุษย์หัวจระเข้เสนอ
ครั้งนี้ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนต่างก็เห็นด้วย