ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1140 จากไป (2)
ลู่อีอีมองลูกผู้พี่ของตนอย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้เจอกันนานเลย ท่านพี่ พวกเราคิดถึงท่านมาก”
“ข้าก็คิดถึงพวกเจ้าเหมือนกัน”
ลู่เซิ่งกางแขนกอดทั้งสามไว้ในอ้อมอก
ร่างสูงสองเมตรห้าสิบเซนติเมตรของเขากางแขนยาวเกือบสามเมตร โอบกอดทั้งหมดได้สบายๆ
หมีก่วงอิงมองดูครอบครัวพบหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ขอบตาแดงเรื่ออยู่บ้าง
เพื่อทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับลู่เซิ่ง เธอไม่ได้เจอครอบครัวของตัวเองมาหลายร้อยปีแล้ว ในฐานะผู้เข้มแข็งอนธการคนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าลู่เซิ่งจะต้องชดเชยเวลา ความพยายาม และความ มเยาว์วัยที่เสียไปหลายปีให้เธอ
“เจ้าอีกคน” ลู่เซิ่งปล่อยทั้งสามแล้วลูบศีรษะของหมีก่วงอิง
“หลายปีมานี้ พึ่งพาเจ้าแล้ว”
“ข้าไม่ใช่ผู้เยาว์ของท่าน มาลูบศีรษะข้าทำไมกัน!” หมีก่วงอิงปัดมือลู่เซิ่งทิ้งอย่างโมโห
“ข้าขอบอกก่อนเลยนะว่า ต่อจากนี้เจ้าจะต้องชดเชยให้ข้า! ผลึกปฐมพลังอะไรนั่น ต้องให้ข้ามาสองสามล้านก้อน...”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะชดเชยผลึกปฐมพลังบนดาวเคราะห์หลายๆ ดวงให้เจ้าเลย” ลู่เซิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
หมีก่วงอิงพลันอ้าปากค้าง
ดาวเคราะห์หลายดวง!
ปริมาณสำรองต่ำสุดของผลึกปฐมพลังบนดาวสักดวงคือหลายหมื่นล้านแท่ง ทั้งยังเป็นดาวหลายดวงอีก! เธอสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่
ลู่เซิ่งกลับไม่สนใจเธอ หากมองไปยังตัวแทนของนิกายที่อยู่ด้านข้าง
“ฉันขอพาคนไป ส่วนเงื่อนไขของพวกคุณ ฉันจะพยายามจัดการอย่างเต็มที่ ห้าวันต่อจากนี้ ฉันจะเปิดช่องพิภพขนาดใหญ่ขึ้นที่ซีเลีย พวกคุณรีบส่งคนมาให้เร็วที่สุด”
ตัวแทนคนนั้นไม่รู้ว่าช่องพิภพหมายถึงอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เข้าใจท่าทีของลู่เซิ่ง
ตัวแทนรีบพยักหน้า
“เราจะบอกพระสันตะปาปาทันที ขอบคุณความใจกว้างของท่าน”
ลู่เซิ่งพยักหน้า ก่อนโบกมือ
ทั้งสี่คนและเขาลอยขึ้นฟ้า แล้วบินไปยังทิศทางที่มาด้วยความเร็วสูง
แม้จะเจอครอบครัวแล้ว แต่ก็สายเกินไป…ครอบครัวที่เหลืออยู่มีเพียงสามคน
ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ลู่เซิ่งก็ตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปถึง จะไปเปิดช่องพิภพทันที แล้ววางแผนให้ขุมกำลังใต้อาณัติออกจากจักรวาลที่กำลังจะพินาศแห่งนี้
ช่องพิภพคือรอยแยกเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นบนกฎของมิติเวลาจักรวาลที่เขาได้ทราบมาจากการสื่อสารกับสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งหลายชนิด
รอยแยกทางธรรมชาตินี้เป็นสัญลักษณ์ว่าจักรวาลพร้อมจะพังทลายดับสูญได้ตลอดเวลา
จักรวาลในเวลานี้เหมือนกับก้อนกระจกสีดำที่แตกร้าว สิ่งที่ลู่เซิ่งต้องทำคือการพาคนมุดออกจากรอยแยกบนผิวก้อนกลม ไปจากที่นี่
เรื่องนี้ไม่ยากมาก สิ่งที่ยุ่งยากคือศัตรูจากขุมกำลังความว่างเปล่าอาจปรากฏตัวขึ้นตอนคงสภาพรอยแยก
พวกเขาไม่มีทางมองดูชีวิตของจักรวาลแห่งนี้หลบหนีไปยังสถานที่อื่นเหมือนเมล็ดพันธุ์
ส่วนลู่เซิ่งก็ได้เตรียมเปิดศึกทุกเวลาเอาไว้แล้ว
ขณะที่ก่อนหน้านี้เขาใช้หัตถ์ที่มองไม่เห็นสื่อสารไปทั่ว ก็ได้ยกระดับหมัดลอบสังหารถึงขีดสูงสุดที่ไม่อาจยกระดับได้อีก
ระดับหลังๆ ของหมัดลอบสังหารทำให้ความสามารถต่างๆ ที่เขาครอบครองอยู่ในปัจจุบันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
แต่ไม่ได้ปรากฏความสามารถใหม่
นี่เป็นทั้งการควบคุมของตัวลู่เซิ่ง และเป็นทิศทางแนวโน้มหลักของวิชาหมัด
ไม่ได้มีความสามารถฉูดฉาด จะมีก็เพียงพละกำลัง ความเร็ว หัตถ์ที่มองไม่เห็น และร่างไร้มายาที่ถูกพัฒนาจนแข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุด
หลังพาคนกลับซีเลียแล้ว ลู่เซิ่งก็รีบติดต่อกับสัตว์ประหลาดมากมายที่ก่อนหน้านี้ได้นัดหมายกันไว้ ให้พวกมันกระจายกำลังรอบป้อมปราการ
ส่วนตัวเขาเริ่มแยกฝูงชน และเริ่มใช้รอยแยกจักรวาลในการเชื่อมต่อกับโลกรูปจิตของตัวเอง
ถูกต้อง โลกและจักรวาลที่เชื่อมต่อไม่ใช่ที่อื่นใด หากเป็นโลกรูปจิตอันมหึมาของลู่เซิ่งเอง
นี่เป็นแผนการที่ลู่เซิ่งใคร่ครวญเป็นเวลานานค่อยตัดสินใจดำเนินการ
โลกรูปจิตของเขามีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และจักรวาลแห่งนี้ก็เริ่มปล่อยพลังกำเนิดและแก่นสารของตัวเองออกมาผ่านรอยแยกจำนวนมากแล้ว แทนที่จะให้พลังกำเนิดและแก่นแท้พวกนี้ไหลเข้าไปใ ในธารมารดาอย่างเสียเปล่า มิสู้ให้เขาฮุบไว้คนเดียวดีกว่า
ส่วนจะกินได้หรือไม่ ย่อยสลายได้หรือไม่ ถ้าไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร
ผ่านไปสองวัน คนของเขตซีเลียก็รับรู้ข่าวที่กำลังจะเกิดการอพยพ
ไม่มีใครไม่ยอมจากไป
ในขณะที่สำนักมารลวงสิบดวงใจผู้ฝึกหมัดลอบสังหารซึ่งเป็นผู้คุ้มครองเพียงหนึ่งเดียวอพยพทั้งหมด ต่อให้จะอยู่ต่อ คนธรรมดาก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้
ลู่เซิ่งไม่มีความคิดขอความเห็นจากผู้อยู่อาศัย
เขาเริ่มใช้หัตถ์ที่มองไม่เห็นติดต่อกับสัตว์ประหลาด เพื่อหารอยแยกที่เหมาะสมในการสร้างทางเชื่อม
จักรวาลมีรอยแยกมากมายที่อาจพังทลายได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่นานลู่เซิ่งก็เจอรอยแยกที่ค่อนข้างใหญ่ในเขตซีเลีย
รอยแยกนั้นกว้างพันเมตร สูงสามพันเมตร รูปร่างเหมือนดวงตา
การสร้างความมั่นคงให้ทางเชื่อมของลู่เซิ่ง เป็นการใช้สัมผัสของร่างหลักกระตุ้นโลกรูปจิตให้เชื่อมต่อกับรอยแยกสายนี้
และในฐานะคนของจักรวาลพลังงานสุดยอดที่กฎสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า หลังเข้าไปในโลกรูปจิตระดับต่ำ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกันแน่
ลู่เซิ่งก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่เขาเชื่อมั่นว่า ต่อให้จะเกิดความผิดพลาดใดๆ ตนก็สามารถจัดการได้อย่างทันท่วงที
…
สามวันต่อมา
รอยแยกสีทองขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่กลางที่ราบทางตะวันตกของเขตซีเลีย
รอยแยกดูดกลืนที่ดิน อากาศ และวัตถุทั้งหมดที่อยู่รอบๆ อย่างต่อเนื่องเหมือนกับวังวน
ความเร็วในการดูดกลืนช้ามาก แต่มีความเสถียรถึงขีดสุด ไม่มีพลังใดๆ สามารถสกัดขัดขวางได้
ลู่เซิ่งมองภาพนี้อยู่ไกลๆ ตอนนี้เขายืนอยู่บนหอคอยสูงสามชั้นแห่งหนึ่ง ด้านข้างคือหมีก่วงอิง และหกมารลวงตา กำลังสั่งคนในสำนักหมัดลวงตาจัดการประชาชนหลายแสนคนเข้าไปในรอย ยแยก
“รอยแยกนั่นเข้าไปได้จริงๆ หรือ” หมีก่วงอิงกล่าวอย่างเป็นห่วง
“แน่นอน ข้าจะจัดการประตูข้ามมิติ โดยขัดขวางภาระหนักตอนข้ามมิติเอง ตอนนี้เป็นเพียงการโน้มเอียงไหลเวียนทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพราะข้อมูลต่างๆ ระหว่างจักรวาลไม่สมดุลกันอย่างร รุนแรงเท่านั้น หลักการในการเกิดเหมือนกับลมในธรรมชาตินั่นเอง”
ลู่เซิ่งอธิบาย
“ในเมื่อฟังดูปลอดภัยนัก เจ้าจะยังระวังสิ่งใดอีก” หมีก่วงอิงเอ่ยอย่างไม่เชื่อ
“ข้ากำลังระวัง ตัวตนที่ไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น…” ลู่เซิ่งหยีตากล่าว
เขาสัมผัสได้ว่า พลังของร่างหลักกำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าพรั่นพรึง
พริบตาที่โลกรูปจิตเชื่อมกับรอยแยกจักรวาล ปฐมพลังมากมายในจักรวาลแห่งนี้จะทะลักไหลเข้ามาในโลกรูปจิตด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง
ปฐมพลังนั้นไร้สีไร้รูปร่าง หลายๆ ครั้งไม่อาจสัมผัสได้
แต่ครั้งนี้ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่เขากำลังดูดซับปฐมพลัง หากแต่จักรวาลกำลังใส่ปฐมพลังเข้ามาในโลกรูปจิตด้วยตัวเอง
“กฎเกณฑ์ กำลังพังทลาย…”
ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา เปลวไฟที่เหมือนกับเส้นด้ายสีดำหลายสายปรากฏขึ้นกลางฝ่ามืออย่างช้าๆ เปลวไฟไหวระริกลอยสู่ด้านบน
หมีก่วงอิงหัวใจเต้นกระหน่ำในทันทีที่เห็นไฟสีดำ ราวกับหัวใจจะหลุดออกมาจากอกได้ตลอดเวลา
เพียงแค่จ้องดู ก็รู้สึกว่าไฟสีดำกำลังพองตัวอย่างรุนแรง
“ท่านทนไหวหรือ” เธออดเลื่อนสายตาหนีไม่ได้
“ไม่รู้สิ แต่ไม่น่ามีปัญหาชั่วขณะ” ลู่เซิ่งตอบเสียงทุ้ม
นับตั้งแต่พลังหมอกเทาหลอมรวมเชื่อมต่อร่างหลักและร่างนี้เข้าด้วยกัน อัคคีอนธการที่เขาครอบครองอยู่ก็กลายเป็นร่องรอยสุดท้ายในอดีต
พลังหมอกเทาสร้างหัตถ์ที่มองไม่เห็นและร่างไร้มายาออกมาได้ นี่เป็นความสามารถน่ากลัวที่ใกล้เคียงกับเกมที่มีข้อผิดพลาด
อีกทั้งมันยังดูดซับพลังแห่งความว่างเปล่าและพลังที่ดำรงอยู่ทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นตัวเองได้
ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมไหน ต่างก็แข็งแกร่งกว่าพลังต่างๆ เมื่อก่อนหน้ามาก
ซู่…
ทันใดนั้นบนเส้นขอบฟ้าไกลออกไปก็ปรากฏเส้นเล็กๆ สีขาวซีดขึ้น
เส้นเล็กๆ ไต่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว รวมตัวเป็นหญิงกระโปรงขาวร่างยักษ์ที่สูงสิบกว่าเมตรหลายคน หญิงสาวพวกนี้มีแมลงสีขาวมากมายบินวนรอบตัว
“เจ้าหญิงแมลงศพมาแล้ว…พลังแห่งความว่างเปล่าไม่อนุญาตให้ข้ากินปฐมพลังของจักรวาลโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนอย่างที่คิดไว้”
ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าหญิงแมลงศพเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าคิดจะทำอย่างไร” หมีก่วงอิงเป็นห่วง
ลู่เซิ่งไม่ตอบหากปรบมือเบาๆ
ครืน…
ที่ราบด้านหน้าซีเลียพลันนูนขึ้นช้าๆ ตามเสียงปรบมือ ดินโคลนสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วแยกไถลลงไปสองฟากข้าง
ตึงๆ!
แขนสีดำหยาบใหญ่ที่ยาวถึงสามเมตรกว่าๆ สองข้างยื่นออกมาจากดิน แล้วจับสองด้านของผิวดิน
เกิดเสียงดังซู่ม ยักษ์สี่แขนสีดำที่ร่างสูงร้อยเมตรค่อยๆ มุดออกมาจากผืนดิน
ด้านหลังแบกศีรษะไว้นับไม่ถ้วน ยักษ์มีตาข้างเดียว ยึดครองใบหน้าไปแปดส่วน
โฮก!
มันคำรามใส่เจ้าหญิงแมลงศพ พร้อมสาวเท้าพุ่งไปทางนั้น
พื้นดินรอบๆ ที่ราบแตกออกพร้อมกับฝีเท้าของมัน สัตว์ประหลาดรูปร่างพิลึกมากมายพากันมุดออกมา ประจัญหน้ากับเจ้าหญิงแมลงศพตรงๆ
“นั่นมันเจ้าหญิงแมลงศพเชียวนะ! พวกมันไม่กลัวตายหรือ” หมีก่วงอิงถามอย่างเหลือเชื่อ
“ย่อมกลัว แต่ถ้าข้ารับประกันว่าพวกมันไม่มีทางตายเล่า” ลู่เซิ่งยิ้ม
ข้างใต้หอคอยด้านหลังเขา อิซราและร่างห้าร่างวูบไหวปรากฏตัว ทอดตามองศึกใหญ่ระหว่างเจ้าหญิงแมลงศพและสัตว์ประหลาด
อิซราที่มีร่างอมตะชักกระบี่ยักษ์ออกจากหลังแล้วสาวเท้าเดินไปยังสมรภูมิ
คนที่เหลือตามไปติดๆ
ผู้ที่เข้าร่วมสงครามระดับนี้ได้ มีแค่ผู้ทับซ้อนอย่างพวกเขาเท่านั้น
นอกจากอิซรา ผู้ทับซ้อนที่เหลือทยอยเข้าสัมผัสความเจ็บปวด พวกเขากลายเป็นเงาบิดเบี้ยวพร่ามัวเมื่ออยู่ในสภาพนี้ พริบตาเดียวก็พุ่งข้ามระยะห่างมากกว่าร้อยเมตรไปหาสัตว์ประหลาด
“ต้องทนให้ได้ครึ่งชั่วโมง” ลู่เซิ่งสัมผัสปฐมพลังที่ไหลสู่โลกรูปจิตอย่างต่อเนื่อง อีกครึ่งชั่วโมง สองฝ่ายน่าจะเกิดสมดุลแบบฝืนๆ
การไหลเวียนของพลังงานจะไม่ได้ช้าแบบเดิม ไม่มีทางเกิดผลกระทบใดๆ
แต่เขาจะต้องพยายามค้ำยันไว้ก่อนถึงเวลานั้น แม้จะเป็นเพียงการยกระดับโลกรูปจิตให้มีระดับกฎเกณฑ์เท่ากับโลกพลังงานสุดยอดใบนี้
แต่แค่นี้ก็สร้างแรงกดดันให้ลู่เซิ่งอย่างมหาศาลเช่นกัน
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ากายเนื้อตนเองอาจไม่แข็งแกร่งพอ ร่างหลักก็ดี ร่างกายนี้ก็ดี ต่างก็เกิดความเจ็บปวดราวถูกฉีกขาดเนื่องจากบวมพองมากเกินไป
สัตว์ประหลาดและหกมารลวงตาที่อยู่ไกลออกไปกำลังสู้กับเจ้าหญิงแมลงศพ ในหมู่สัตว์ประหลาดมีทั้งแข็งแกร่งอ่อนแอ แต่โดยรวมยังสู้ค่าเฉลี่ยพลังของเจ้าหญิงแมลงศพไม่ได้ เพิ่งจะปะทะกั นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
แต่ลู่เซิ่งเพียงมองดูเงียบๆ ไม่มีความตั้งใจจะลงมือ เขารู้ว่า ขุมกำลังความว่างเปล่าไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้
ตอนนี้ยิ่งเขาทนได้นานเท่าไหร่ พลังที่ยกระดับขึ้นก็จะยิ่งมากเท่านั้น แต่เกิดถูกขัดขวางเมื่อไหร่ โอกาสแบบนี้จะไม่มีครั้งที่สองอีก