ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1141 จากไป (3)
ดวงอาทิตย์มืดสลัวลงทีละน้อย
พลังแห่งความว่างเปล่าสีดำแผ่ตลบอบอวลจากดวงอาทิตย์ไปยังด้านล่างเหมือนหมอกสีดำ
ซู่…
ยานรบสีดำขนาดมหึมาที่เหมือนกับกระสวยพลันปรากฏออกมาจากชั้นเมฆ แล้วทิ้งตัวลงมายังด้านล่างเหมือนกับดาวตก
ถัดจากนั้นก็ตามด้วยลำที่สอง ลำที่สาม…ไม่นานนัก ยานรบสีดำจำนวนเหลือคณานับก็ปรากฏแวบแล้วทิ้งดิ่งลงมาเหมือนกับฟองน้ำ
ยานขนาดยักษ์หลายลำเคลื่อนที่ออกมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง แล้วพุ่งไปยังพื้นดิน จากนั้นก็ปักเข้าไปในพื้นราวกับหนามแหลมนับไม่ถ้วน
ส่วนหน้าของยานรบปักลงดิน ส่วนหลักของยานรบแยกเป็นช่องหลายช่อง ร่างสีดำมากมายกระโดดออกมาจากด้านในยานพร้อมหมอกดำ ก่อนกระโจนเข้าไปต่อสู้กลางวงสัตว์ประหลาด
สถานการณ์กำลังเสียเปรียบ
ลู่เซิ่งยังคงนิ่งเงียบ
ในโลกรูปจิตมีบริวารและสาวกของเขาจำนวนไม่น้อย แต่ไม่สามารถแสดงประโยชน์ใดๆ ในจักรวาลระดับพลังงานสุดยอดแห่งนี้ได้
การที่ตัวตนของจักรวาลระดับพลังงานต่ำยังอยู่รอดปลอดภัยได้ เมื่อมาถึงจักรวาลระดับพลังงานสูงก็ถือว่าไม่เลวแล้ว นี่เหมือนกับเครื่องจักรที่ละเอียดถึงขีดสุดเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์สำคัญ หลายข้อให้กับคุณ
ความแตกต่างทางกฎเกณฑ์ระหว่างจักรวาลไม่ได้มีเพียงเท่านี้
นอกเสียจากตัวตนระดับพลังงานสูงลงมายังระดับพลังงานต่ำ ส่วนใหญ่จะรักษาพลังทั้งหมดของตัวเองไว้ได้ ขอแค่ไม่ถูกโลกสะกดก็พอ
ได้สติกลับมา ลู่เซิ่งรู้สึกว่าร่างหลักในหัวใจกำลังพองบวมขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูงเหมือนเติมลม
ปฐมพลังจักรวาลมากมายทะลักทลายเข้าสู่โลกรูปจิต
เขาไม่เคยเห็นพลังงานมากมายขนาดนี้รวมตัวกันมาก่อน
มีพลังงานน่ากลัวที่เทียบเท่ากับดาวฤกษ์หลายดวงเติมเข้ามาในโลกรูปจิตแทบทุกวินาที และความเร็วนี้ก็กำลังทวีขึ้นอย่างคลุ้มคลั่ง
กฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนกำลังปะทะกับโลกรูปจิต พร้อมกับทำให้มันสมบูรณ์กว่าเดิม ส่วนกฎเกณฑ์ของโลกรูปจิตก็กำลังรักษาโครงสร้างกฎเกณฑ์ตายตัวของตัวเองไว้
เกิดถูกปะทะถล่มเมื่อใด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกรูปจิตอาจเจอมหาภัยพิบัติ
ตูม!
สัตว์ประหลาดยักษ์ครึ่งคนครึ่งมังกร ถูกยานรบสีดำหลายลำรุมโจมตี คำรามล้มกับพื้นอย่างอ่อนระทวย
ลู่เซิ่งม่านตาหดตัว หมอกควันสีเหลืองอ่อนหลายสายกะพริบบนปลายนิ้ว
“ซิเซรอธ” เขาเรียกเบาๆ
ท่ามกลางความเลือนราง เสียงกรีดร้องประหลาดที่เหมือนทารกกระเพื่อมสะท้อนกลางอากาศ
ซู่!
เงาสีดำมหึมาสายหนึ่งโผล่ขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนโถมตัวเข้าใส่กองยาน
เงาดำค่อยๆ เผยร่างจริง นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดใหญ่โตที่สูงมากกว่าร้อยเมตร
มันมีศีรษะมนุษย์เก้าข้าง ทั้งหมดถูกคอที่เหมือนหนามแหลมเชื่อมไว้ด้วยกันเป็นหน้ารูปพัดขนาดยักษ์ ท่อนล่างคือหางงูสีดำ มีหมอกสีดำมากมายห่อหุ้มอยู่รอบๆ ตัวเหมือนเงาตามตัว
ตัวตนอันแข็งแกร่งที่ถูกเรียกว่าเทพแห่งนักเดินเรือตนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดที่ลู่เซิ่งสัมผัสได้ ไม่มีตนอื่นอีก
มันเพิ่งเข้าร่วมการต่อสู้ ก็แผ่น้ำสีดำนับไม่ถ้วนจากรอบๆ ตัวไปยังสี่ทิศแปดทาง
เจ้าหญิงศพแมลงที่แตะโดนน้ำดำทยอยกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าหายใจไม่ออก
หลังการโจมตีนี้ ตัวซิเซรอธก็เหี่ยวลงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าการโจมตีเมื่อครู่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ
ศีรษะเก้าข้างของมันเริ่มกัดขย้ำไปรอบๆ ราวกับมีแขนเก้าข้าง ไม่มีใครสู้ได้ เจ้าหญิงแมลงศพก็ดี ยานรบสีดำและปีศาจความว่างเปล่าสีดำก็ดี ทั้งหมดถูกกลืนกินดูดซับอย่างสบายๆ
ทุกๆ ครั้งที่ปากใหญ่เก้าข้างอ้าเปิด จะเกิดวังวนโปร่งใสที่มีพลังดูดเท่ากัน ฉุดกระชากตัวตนที่อยู่รอบๆ เข้าไปในพริบตา
สถานการณ์การรบเริ่มยืดเยื้อ
ยานรบเข้าสู่สนามรบอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลังเจ้าหญิงแมลงศพจำนวนมากล้มลง ก็มีพวกเดียวกันเข้ามาเติม
“โคยันน์” ควันสีเหลืองสายหนึ่งลอยขึ้นจากมือลู่เซิ่งอีกครั้ง
โฮก!
น้ำทะเลสีฟ้าผืนใหญ่ม้วนมาจากท้องฟ้าไกลออกไปอย่างฉับพลัน
เหมือนกับผิวน้ำพลิกม้วนกลบถึงท้องฟ้า น้ำทะเลนับไม่ถ้วนม้วนท้องฟ้าและชั้นเมฆ กระแทกปกคลุมยานรบสีดำที่ปรากฏออกมาอย่างรุนแรง
ในน้ำทะเล แมงมุมยักษ์สีดำที่ดวงตากะพริบแสงดาวนับไม่ถ้วนพุ่งลงด้านล่างอย่างฉับพลันพร้อมน้ำทะเล
พร้อมกับการเข้าร่วมของแมงมุมทะเลลึกตัวนี้ สถานการณ์เริ่มเอนเอียงมาทางลู่เซิ่ง
เวลานี้เหล่าผู้รอดชีวิตในซีเลียต่างก็ตกตะลึงเพราะสถานการณ์อันน่ากลัวที่เหมือนกับวันสิ้นโลกนี้
แต่เมื่อมีคนของสำนักหมัดมารลวงสิบดวงใจคอยคุ้มกันอยู่รอบๆ พวกเขาเพียงแค่ปั่นป่วนในตอนเริ่มต้น จากนั้นก็เยือกเย็นลงอย่างช้าๆ
โดยเฉพาะตอนที่เห็นสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าเหล่านั้นฝ่าวงล้อมไม่ได้ หลายๆ คนก็เริ่มวางใจ เพียงแต่เร่งฝีเท้าติดตามศิษย์หมัดมารลวงเข้ารอยแยกเงียบๆ เท่านั้น
ขบวนทอดยาวที่แน่นขนัด ทยอยเดินเข้ารอยแยกขบวนแล้วขบวนเล่า ด้านบนยังมีอากาศยานอีกมากมายเข้าๆ ออกๆ รอยแยก ทำหน้าที่ขนส่งฝูงชนจำนวนมาก
เจ้าหญิงแมลงศพเริ่มต้านทานการอาละวาดของสองสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงไม่ไหว เป็นเหตุให้แนวรบเริ่มถอยร่น
ยานรบสีดำไม่สามารถโผล่มาได้อีกเพราะการรบกวนจากน้ำทะเลบนท้องฟ้านับไม่ถ้วน เมื่อไม่มีกำลังหนุน ขุมกำลังความว่างเปล่าบนพื้นดินก็ค่อยๆ เกิดความเสียเปรียบ
“ความพินาศ การพ่ายแพ้ วันสิ้นโลก...ไม่อาจหวนคืน ไม่อาจหยุดยั้ง…”
เงามืดมหึมาสายหนึ่งโผล่ออกมาจากท้องฟ้า แหวกน้ำทะเล พุ่งลงไปยังผืนดิน
เงามืดสายนั้นรวมตัวเป็นมือยักษ์ข้างหนึ่งกลางอากาศ ฝ่ามือเส้นผ่าศูนย์กลางหลายพันเมตรกดทับลงมายังป้อมปราการซีเลีย
ครืน
อากาศถูกบีบอัดอย่างรุนแรง กลายเป็นกระแสสุญญากาศชั่วขณะ
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเสียวสันหลัง
ผู้คนที่กำลังเข้าไปในรอยแยกเงยหน้ามองดูมือดำยักษ์ที่เข้าใกล้ศีรษะมาเรื่อยๆ อย่างตกตะลึง
เหล่าผู้ทับซ้อนที่กำลังต่อสู้เข่นฆ่าอยู่ เพิ่งจะเดินออกจากเมืองหลังคืนชีพ แหงนมองมือยักษ์สีดำที่ตกลงมาอย่างสั่นสะท้าน
ศิษย์หมัดมารลวงจำนวนมากที่กำลังรักษาระเบียบ มองดูมือยักษ์น่ากลัวที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายพันเมตรอย่างงุนงง
ท้องฟ้าเหนือซีเลียตกอยู่ในเงามืดอย่างสมบูรณ์ขณะมือยักษ์เข้าใกล้
ลู่เซิ่งแหงนมองมือยักษ์สีดำ เขาสัมผัสกลิ่นอายที่คุ้นเคยได้จากมือยักษ์
“ซีหนิงเหรอ”
ภายใต้สายตาตกตะลึงของหมีก่วงอิง เขายกมือขึ้น หมอกเทานับไม่ถ้วนรวมตัวเป็นก้อนเลือดเนื้อสีแดงเข้มก้อนหนึ่งด้านหลังเขา
ซ่า
หนึ่งอึดใจต่อมาก้อนเนื้อก็กระจายออก เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดหางยาวผู้มีร่างสูงโปร่งและใบหน้ามนุษย์สามข้าง
สัตว์ประหลาดลอยอยู่กลางท้องฟ้า หางเหมือนแส้และหนามแหลม เกราะหนังทั่วร่างเรียบเนียนเหมือนผิวกระจก ใบหน้ามนุษย์สามข้างแข็งทื่อเฉยชาราวกับสวมหน้ากากโลหะ แยกกันมองไปยังสามทิศทา าง
ซู่…แขนสิบกว่าคู่ที่แน่นขนัดยื่นกางออกมาสองด้านของลำตัว แขนทุกคู่จับดาบโค้งสีดำสนิทสองเล่มที่มีรูปร่างแตกต่างกัน
หนวดเลือดเนื้อสีแดงก่ำนับไม่ถ้วนรวมตัวเป็นดอกไม้เลือดเนื้อขนาดใหญ่ข้างใต้ตัวเขา รองรับให้เขายืน
“ทำลายล้าง ฆ่าฟัน กลืนกิน หวาดกลัว…ฮ่าๆๆ!” เสียงหัวแหลมที่บ้าคลั่งระเบิดออกมาจากกลางดอกไม้เลือดเนื้อข้างใต้ตัวเขา
พริบตานั้นแสงทองหกกลุ่มอันเจิดจ้าสว่างขึ้น ดวงตาหกข้างบนศีรษะสัตว์ประหลาดตัวนั้นลืมขึ้นช้าๆ
ตูม!
สัตว์ประหลาดหกตาพุ่งออกไปปะทะกับมือดำอย่างหนักหน่วง
ดาบสีดำนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นกลางฝ่ามือของมือดำในทันใด
มือดำกดทับลงมาด้านล่างพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล รอยแผลบนฝ่ามือกำลังสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าไร้อารมณ์ กำมือเบาๆ อีกรอบ
ซู่…
ไฟสีทองขาวกลุ่มหนึ่งพลันโผล่ขึ้นกลางฝ่ามือของเขา ไฟถูกบีบออกมาผ่านร่องนิ้วแล้วสานกันเหมือนเส้นด้าย กลายเป็นดอกไม้เปลวเพลิงที่สมบูรณ์หากแต่ลวงตา กลีบดอกค่อยๆ บานชี้ออก
หงส์ชาดร่างงามสีทองคำขาวตัวหนึ่งหมอบนิ่งอยู่กลางเกสร
หงส์ชาดเงยหน้า เปลวเพลิงสีทองพลันลุกไหม้ในสองตา
“จงเผาผลาญ”
ลู่เซิ่งยื่นมือบีบ จับหงส์ชาดไว้กลางฝ่ามือ
แกว๊ก!
เปลวเพลิงสีทองคำขาวที่เหมือนกระบี่คมกริบระเบิดจากกลางฝ่ามือ พุ่งสู่ฟากฟ้า แบ่งท้องฟ้าจากหนึ่งเป็นสอง ราวกับฟ้าดินเปิดเป็นประตูรอยแยกที่เชื่อมไปยังโลกเปลวเพลิงสีขาว!
มือดำร้องโหยหวน ถูกฟันแยกเป็นสองส่วนก่อนจะระเบิด เศษสีดำที่กระจัดกระจายหดเล็กหายไปกลางเพลิงผลาญสีทองคำขาว
“ตาย!”
เงาดำสายหนึ่งทิ้งตัวลงมาจากด้านหลังมือดำ ส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราด มุ่งตรงมาหาลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเรียบเฉย เกล็ดน้ำแข็งนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นเหนือศีรษะแล้วระเบิดกลายเป็นหิมะสีขาวปลิวโปรยปราย
หิมะนับไม่ถ้วนรวมตัวเป็นวังวนยักษ์ ร่างสีขาวมหึมาที่มีขนาดหลายร้อยเมตรร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากวังวน
โฮก!
ร่างขาวเผยโฉมหน้า เป็นหมาป่าร้อยเศียร! สัตว์ประหลาดยักษ์ที่มีศีรษะอยู่นับไม่ถ้วน
หมาป่าปีศาจเงยหน้าสูดลมหายใจลึก แสงขาวมากมายรวมตัวในปากของมัน
ลมหายใจวันสิ้นโลก!
ตูม
แสงเย็นเยียบสีขาวหลายร้อยสายรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงต้นหนึ่ง ระเบิดพุ่งออกไปกระแทกใส่เงาดำที่กำลังทิ้งดิ่งลงมา
“ไม่มีใครหยุดข้าได้” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงเรียบ “ต่อให้จะเป็นเจ้าก็ตาม”
ผมยาวของเขาค่อยๆ ลอยขึ้น สองตาแผ่สีทองเข้มหลายสายออกมาเลือนราง
โลกรูปจิตกลืนกินจักรวาลพลังงานสุดยอดเกือบเต็มอิ่มแล้ว
ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือ จักรวาลระดับพลังงานสูงกำลังเติมปฐมพลังจักรวาลใส่โลกรูปจิตอย่างบ้าคลั่งต่อไปอีก
มันเหมือนจะสัมผัสได้ว่าจุดจบของตนกำลังมาถึง จึงคิดจะปล่อยร่องรอยสุดท้ายของตนให้ทะลักเข้าไปในโลกรูปจิตของลู่เซิ่ง
โลกรูปจิตที่แก่นแท้อยู่ในภาวะกึ่งจริงกึ่งลวง บวมพองขยายใหญ่ภายใต้การเติมปฐมพลังนับไม่ถ้วน
เวลานี้มันเกือบจะไปถึงขีดจำกัดแล้ว
แสงสีทองเข้มในดวงตาลู่เซิ่งยิ่งมายิ่งสว่าง ยิ่งมายิ่งเจิดจ้า
เขารู้สึกว่าตนเองอาจจะทนไม่ไหวแล้ว ร่างกายและร่างหลักเหมือนกับลูกโป่งที่พองตัวถึงขีดจำกัด อาจระเบิดได้ทุกเวลา
“ดูเหมือนจะหมดวิธีแล้ว” เขายื่นมือออกมา ขณะกำลังจะปิดการเชื่อมต่อระหว่างโลกรูปจิตและรอยแยกนั่นเอง
ทันใดนั้นเขาก็สะดุดใจ
“ไม่สิ ยังมีวิธี!” ความคิดนับไม่ถ้วนแวบผ่านสมองของเขา
‘ดีปบลู!’
อินเตอร์เฟซเครื่องมือปรับเปลี่ยนสีฟ้าเด้งออกมาอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งจ้องมองกรอบด้านหน้า
“จากบรรดาโลกทุกใบ กายเนื้อที่อยู่ในจักรวาลระดับสุดยอดแห่งนี้ถือว่าครบด้านที่สุด หากใช้มันเป็นแกนหลักในการขยายโลกรูปจิตและความจุของร่างหลัก น่าจะประหยัดแรงได้มากโข ”
พอคิดได้ก็ทำทันที
ลู่เซิ่งมองกรอบหมัดมารลวง
เขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่หมัดมารลวงถึงระดับเก้าสิบเก้าซึ่งเป็นขีดจำกัดเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นระดับสูงสุดที่กฎเกณฑ์บนโลกใบนี้อนุญาต
แต่นั่นเป็นตอนที่กฎยังสมบูรณ์ ตอนนี้ รอยแยกกฎเกณฑ์ทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จักรวาลยิ่งมายิ่งสูญเสียการควบคุมและการสะกดของตัวเอง
ลู่เซิ่งกวักมือ
พลังหิมะสีขาวบริสุทธิ์หล่นลงมาจากฟ้าแล้วหลอมรวมเข้ากับร่างเขา
พลังของเทพนอกรีตซึ่งเป็นเลือดเนื้อสีแดงเข้ม ลอยมาถึงร่างเขาจากทางซ้าย
ถัดจากนั้นก็มีเปลวไฟสีทองคำขาวที่ร้อนระอุถึงขีดสุดจากทางขวามือ หลอมรวมเข้ามาในร่างกาย
พลังหมอกเทามากมายพลิกตัวเกี่ยวกระหวัดด้านหลังเขา หลอมรวมกลืนกินพลังทั้งหมดใหม่
พลังหลายชนิดต่างก็เป็นสิ่งที่พลังหมอกเทาสร้างออกมา เวลานี้หลอมรวมกันอีกครั้ง ทำให้ความแข็งแกร่งของร่างกายร่างนี้ของลู่เซิ่งยกระดับขึ้นอีกขั้น
แต่การยกระดับนี้ไม่มีค่าให้พูดถึงเมื่อเทียบกับรอยแยกจักรวาลที่กำลังเร่งเติมปฐมพลัง