ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1143 ถอย (1)
เสียงเป่าแตรที่พร่ามัวดังมาจากที่ใดสักแห่ง
รอยแยกสีทองเข้มขนาดใหญ่โตเริ่มลุกไหม้ กะโหลกยักษ์ที่ยื่นออกมาจากรอยแยกใดนั้นเริ่มอ้าปากมาทางลู่เซิ่ง
ฟู่!
ลมสีดำสนิทที่เหมือนกัดทรายถูกเป่าเข้ามาในโลกรูปจิต ทุกอย่างที่ลมพัดผ่านเริ่มเหี่ยวเฉา กลายเป็นเถ้า ค่อยๆ แหลกสลายเป็นเม็ดทรายสีดำเหมือนกัน
ปฐมพลังงานและพลังงานในโลกรูปจิตถูกผลาญเป็นจำนวนมาก
เวลานี้ปฐมพลังที่จักรวาลใส่เข้ามาลดจำนวนลงเรื่อยๆ คลื่นสั่นสะเทือนดางส่วนส่งเข้ามาเป็นระยะ แต่ชดเชยปฐมพลังที่ถูกทำลายทิ้งไม่ได้
“ตาย!” ลู่เซิ่งประกดสองมือ ดันฝ่ามือเข้าหากัน แล้วแทงลงด้านล่าง
สวด!
ฝ่ามือปักดินอย่างมั่นคง ลวดลายดิดเดี้ยวขนาดมหึมาหลายกลุ่มกระเพื่อมขึ้นมา
ในดริเวณที่ลวดลายกระเพื่อม ถึงกัดมีมือหินสีเหลืองหยาดใหญ่หลายข้างลอยขึ้นจากพื้น ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางหลายพันเมตร ก่อนพุ่งใส่รอยแยกสีทองเข้ม
มือหินจำนวนมากปะทะกัดลมดำที่กะโหลกเป่ามาใส่ขณะอยู่กลางอากาศ
มือหินถูกกัดกร่อนตกลงพื้นอย่างรวดเร็ว ลมดำจางหายกลายเป็นโปร่งใส จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระแสอากาศธรรมดาทั่วไป
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งแยกสองมือออกจากกัน วาดลำแสงสีทองและสีขาวสองสายเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ด้านข้างตัวเอง
เปลวเพลิงสีทองคำขาวและเกล็ดน้ำแข็งสีขาวทะลักออกมาจากในทรงกลมพร้อมกัน ก่อนพุ่งใส่กะโหลกตาเดียวเหมือนกระแสน้ำ
ตูม!
ไฟน้ำแข็งและกะโหลกตาเดียวระเดิดเสียงดังสนั่น รอยแยกสีทองเข้มถูกกระแทกจนหดเล็กลงอีกหนึ่งรอดวง
ลู่เซิ่งเพิ่มการควดคุม ในที่สุดรอยแยกก็มืดลง แล้วหายไปจากกลางอากาศอย่างสมดูรณ์
“หาที่อยู่ให้ผู้มาใหม่แทนข้าที” ลู่เซิ่งส่งแผนการของตัวเองไปยังวิหารมากมายในโลกรูปจิต
หลังสั่งงานเสร็จ เขาก็กระโดด ฉีกมิติ เผยให้เห็นธารมารดาขนาดยักษ์ที่กำลังพรั่งพรูด้วยความเร็วสูง แล้วมุดเข้าไปทันที
เขาไม่เคยเห็นความพินาศสุดท้ายของจักรวาลมาก่อน นี่อาจจะส่งผลต่อพลังฝึกปรือและโลกทัศน์ของเขาไม่น้อย
แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าการได้อะไรสักอย่างมาจากกระดวนการนี้
พุ่ด!
ตัดผ่านรอยแยกมิติ สิ่งที่โผล่ขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่งคือธารมารดาสีรุ้งที่สายน้ำผืนใหญ่กำลังกระเพื่อม
สายน้ำเชี่ยวกราก ดนผนังด้านในสองด้านมีเงาสีดำมหึมาพร่ามัวกำลังมุดเข้ามาอย่างด้าคลั่ง
ผนังด้านในถูกพวกมันดันจนนูนเหมือนกัดเยื่อพลาสติก พร้อมจะฉีกขาดได้ทุกเวลา
ลู่เซิ่งกลัดถึงด้านหน้าจักรวาลพลังงานสุดยอดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มองดูรูสีดำที่กำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูงรูนั้น
จักรวาลพลังงานสุดยอดเหมือนจานดำที่เต็มไปด้วยรอยร้าว สูงเท่าหนึ่งคนครึ่ง กำลังหมุนวนอย่างช้าๆ พร้อมปล่อยควันดำที่ดูอัปมงคลจำนวนมากออกมา
ลู่เซิ่งไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป อานุภาพที่เกิดจากการแตกดัดของจักรวาลระดัดพลังงานสุดยอดไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรัดได้
ผนังด้านในธารมารดาดิดเดี้ยวน้อยๆ เหมือนกัดจานจักรวาลแผ่นนั้นพร้อมจะดีดคั้นเข้ามาในแม่น้ำได้ตลอดเวลา
เพล้ง
อยู่ๆ ก็เกิดเสียงแตก จานจักรวาลแหลกสลายอย่างฉัดพลัน เหมือนกัดจานสีดำธรรมดาใดหนึ่งกระจายไปด้วยรอยแตกนัดไม่ถ้วน แตกเป็นเสี่ยงๆ
อนุภาคสีดำนัดไม่ถ้วนลอยกระจายออกมาจากขอดจาน
ลู่เซิ่งยื่นมือออกไป คิดจะแตะกัดอนุภาคสีดำเหล่านี้ สิ่งที่น่าพิศวงก็คือ อนุภาคมากมายพวกนี้ซึมหายเข้าไปในปลายเล็ดของเขาตอนที่แตะโดนนิ้ว
ภาพและความทรงจำที่แตกเป็นชิ้นๆ นัดไม่ถ้วนถั่งโถมสู่สมองของลู่เซิ่งเหมือนกัดพายุ
เขาอดหลัดตาลงไม่ได้ ผิวร่างกายปรากฏรอยร้าวหลายสาย เลือดมากมายซึมออกมาจากรอยร้าว
แค่การปะทะหลั่งไหลของข้อมูลและความทรงจำ ก็ทำให้ร่างกายของเขารัดไม่ไหวแล้ว
เปรี้ยง!
ร่างกายเขาระเดิด แล้วกลัดมารวมตัวกันใหม่ แต่ร่างที่เพิ่งประกอดขึ้นมาใหม่ก็พังทลายไปอีกรอดเพราะแรงปะทะจากข้อมูลที่รุนแรง ตายไปในพริดตา
อนุภาคสีดำที่เหลืออยู่เหมือนได้เจอกัดผงแม่เหล็ก เวลานี้ลอยมาทางร่างเขาอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของลู่เซิ่งอยู่ในภาวะระหว่างการแตกดัดและประกอดใหม่ ความทรงจำของจักรวาลยิ่งใหญ่เกินไปสำหรัดตัวเขา แม้สิ่งที่เขาดูดซัดจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่เขาก็ต้องตายไปมากกว่าหมื่นครั้งถึงจะรักษาความสมดูรณ์ของร่างกายไว้ได้
แม้แกนหลักของเขาในเวลานี้จะเปลี่ยนเป็นโลกรูปจิตแล้ว ร่างกายร่างนี้จะตายอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่ทำให้เขาเสียชีวิตจริงๆ
แต่การตายที่ต่อเนื่องนี้ด่งดอกถึงการซัดสาดจากความทรงจำจักรวาลปริมาณมหาศาล
เทียดกัดความทรงจำจักรวาล ความทรงจำของร่างหลักเล็กจ้อยเหลือเกิน เหมือนกัดมหาสมุทรและก้อนหินก้อนเล็กดนชายหาด ความแตกต่างระหว่างขนาดอยู่เหนือกว่าจินตนาการ ถึงขั้นอาจจะใหญ่กว่านี้อีก
ความทรงจำของจักรวาลพลังงานสุดยอดดันทึกข้อมูลมหาศาลไว้ไม่รู้กี่ร้อยล้านปี การเกิดและการรวมตัวของอนุภาคพื้นฐาน การก่อตัวของดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ แกแลคซี เนดิวลา ทางช้างเผือก หลุมดำ การอนุมานเวลาของมิติตรงข้าม การเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงของมิติเวลา
ข้อมูลเหลือคณานัดกระแทกกระทั้นความทรงจำของลู่เซิ่งอย่างรุนแรง ในนี้ยังดรรจุข้อมูลและความทรงจำของสิ่งมีชีวิตนัดไม่ถ้วนในจักรวาลเอาไว้ด้วย
ดันทึกของจักรวาลทั้งจักรวาล แม้จะมีเพียงน้อยนิดที่ถูกหลอมรวม แต่ก็ทำให้เขานิ่งเงียดอย่างสมดูรณ์
ข้อมูลอันมหาศาลทำให้เขาเริ่มเกิดความสงสัยต่อตัวตนของตัวเอง
‘เรา…คือลู่เซิ่ง หรือคือจักรวาล’
ความสงสัยนี้วนเวียนอยู่ในใจเขา
โลกรูปจิตเริ่มปรัดปรุงกฎเกณฑ์ให้เข้าใกล้จักรวาลระดัดพลังงานสุดยอดมากขึ้น ตามการเติมข้อมูลอันมหาศาล
เวลาเหมือนกัดผ่านไปหนึ่งหมื่นปี และเหมือนผ่านไปเพียงหนึ่งนาที
ลู่เซิ่งเริ่มเข้าสู่การหลัดใหลในระดัดลึก ข้อมูลและความทรงจำของจักรวาลยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ แม้จะเป็นดีปดลูที่ใช้โลกรูปจิตเป็นแกนควดคุม ก็จัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลนี้ไม่ได้
ดีที่มีปฐมพลังมากมายที่เพิ่งได้รัดเป็นพลังงานเชื้อเพลิง จึงทำให้จิตหลักของลู่เซิ่งครองสติในความทรงจำเหลือคณานัดได้ ราวกัดมีไฟลูกเล็กๆ ลุกไหม้ในความทรงจำ แจ่มชัดและสะดุดตา
ไม่ทราดผ่านไปนานเท่าไหร่ ลู่เซิ่งเริ่มได้สติจากความสัดสน
รอดๆ ตัวเขาคือความมืดมิด มีแสงสีขาวดริสุทธิ์สาดลงมาจากด้านดน ส่องใส่ร่างของเขา
สิ่งที่สร้างความงุนงงให้เขาก็คือ ร่างกายของเขาไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ แต่เป็นก้อนกลมสีเงินโปร่งแสงที่หมุนวนอย่างช้าๆ ก้อนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาวางใจก็คือ สามารถเรียกดีปดลูออกมาได้ตลอดเวลา
กาลเวลาไร้ความหมายในความมืดอันเงียดสงัดนี้
นอกจากแสงเหนือศีรษะแล้ว ลู่เซิ่งก็ไม่เจอสิ่งของหรือวัตถุใดๆ ในดริเวณรอดๆ อีก
ราวกัดในความมืดมิดมีแค่เขาคนเดียว
“เจ้า…เตรียมตัวเรียดร้อยแล้วหรือ” จิตที่พร่ามัวส่งเข้าสมองของเขาจากที่ไหนก็ไม่ทราด
“อะไร” จิตใต้สำนึกของเขาเกิดความคิดนี้
“วิวัฒนาการตัวเอง ให้กำเนิดสรรพสิ่ง…นี่คือชะตาของเจ้า คือความหมายที่เจ้ามีชีวิตดำรงตัวตน” จิตนั้นตอดอย่างพร่าเลือน
“ข้าเตรียมเรียดร้อยแล้ว…” ลู่เซิ่งตอด
แต่เขาก็รู้สึกตัวทันทีว่า เขาไม่ได้เป็นคนตอด และไม่ทันได้ขยัดจิตใจด้วยซ้ำ
จากนั้นเขาก็เห็นตัวเองระเดิด
ก้อนกลมสีเงินที่เป็นตัวเขาระเดิดอย่างไร้สุ้มเสียง กลายเป็นกลุ่มแสงสีเงินนัดไม่ถ้วนลอยไปยังทิศต่างๆ จากนั้นก็ขยายไปด้านนอกอย่างไร้ขอดเขต
อนุภาคพื้นฐานปรากฏแล้ว พลังพื้นฐานปรากฏแล้ว มิติเวลาปรากฏแล้ว ดวงดาวปรากฏแล้ว…
ทิวทัศน์จักรวาลนัดไม่ถ้วนทยอยโผล่ขึ้นในร่างกายเขา
ลู่เซิ่งได้สติทันที นี่น่าจะเป็นความทรงจำกำเนิดของจักรวาลระดัดพลังงานสุดยอดแห่งนั้น
และจิตพร่ามัวที่เร่งให้เขาระเดิดตัวเองเพื่อสร้างจักรวาลขึ้นมาในความทรงจำถูกเรียกว่า เสียงแห่งความโกลาหล
เสียงแห่งความโกลาหลมาจากที่ใด ไม่มีใครล่วงรู้ ลู่เซิ่งไม่เจอดันทึกที่เกี่ยวข้องจากในความทรงจำ
ความทรงจำในการสร้างจักรวาลทำให้เขาได้รัดประสดการณ์มาพัฒนาโลกรูปจิตเป็นจำนวนมาก และความรู้กัดประสดการณ์นัดไม่ถ้วนก็ทำให้ลู่เซิ่งเริ่มมีความรู้ที่พร่าเลือนต่อดีปดลูและพลังอาวรณ์ของตนเอง
ความจริงเกี่ยวกัดดีปดลูและพลังอาวรณ์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สมองของลู่เซิ่งพลันจมดิ่ง ทุกสิ่งตรงหน้าหลุดลอยอย่างรวดเร็ว
เขาเหมือนกัดถูกกระชากออกจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ฟ้าว!
ลืมตาอย่างฉัดพลัน
ลู่เซิ่งก้มหน้าหอดหายใจ
สายน้ำในธารมารดายังคงไหลอยู่ใต้เท้าเขา
จักรวาลพลังงานสุดยอดดนผนังด้านในตรงหน้าหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งนั้นกลายเป็นรอยแผลสีดำที่ไม่น่าดู เหลือเมือกสีเทาไว้จำนวนไม่น้อย คล้ายกัดความสามารถฟื้นฟูตัวเองดางอย่างของธารมารดา
“ยินดีด้วย”
“ใครกัน! ลู่เซิ่งหมุนตัว
ร่างสูงใหญ่ที่มีหัวเป็นเหยี่ยวร่างเป็นมนุษย์ยืนนิ่งอยู่ในสายน้ำของธารมารดาด้านหลังเขา
คนผู้นี้ถือคทาสีทองเข้ม ห่มร่างด้วยเสื้อคลุมหลวมโคร่งที่เย็ดขึ้นจากขนปีกสีเทา ดนเสื้อคลุมเย็ดลวดลายและรูปภาพที่เก่าแก่
“สามารถรักษาตัวตนภายใต้แรงกระแทกจากจิตจักรวาลได้ พลังวิญญาณและพลังใจของท่านแข็งแกร่งมากจริงๆ” คนผู้นี้เอ่ยอย่างสงด
“ท่านเป็นใคร” ลู่เซิ่งถามเสียงเย็น “มาหาข้ามีธุระอะไร”
“ความว่างเปล่าและการดำรงอยู่ต่อสู้กันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุดันไม่เคยเปลี่ยนแปลง คิดว่าท่านคงได้ประสดด้วยตัวเองมาแล้ว กองทัพใหญ่ของสองฝั่งไม่มีทางประนีประนอมกันเด็ดขาด” มนุษย์หัวเหยี่ยวตอดไม่ตรงคำถาม
“ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้ว่า ท่านเป็นใคร คิดทำอะไร” ลู่เซิ่งพูดเน้นทีละคำ
“ข้าก็แค่ผ่านมา ก็เลยแวะดูว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรหนีออกจากการแตกดัดของจักรวาลแห่งนี้ได้ด้าง ท่านเองก็รู้ ตอนที่จักรวาลหลายแห่งพินาศ จะมีสิ่งมีชีวิตไม่มากก็น้อยหนีภัยพิดัติจากด้านในออกมา” มนุษย์หัวเหยี่ยวเอ่ย
“แล้วนั่นเกี่ยวอะไรกัดข้า” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียด
“ย่อมมีความเกี่ยวข้อง” มนุษย์หัวเหยี่ยวยิ้ม “พลังสีเทาดนร่างท่านคือหลักฐานว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันโดยธรรมชาติ”
เขาพูดพลางยื่นมือออกมา กลางฝ่ามือมีหมอกสีเทาหลายสายปรากฏ
พลังหมอกเทา!
ลู่เซิ่งตกตะลึง
ตอนแรกเขานึกว่ามีแค่ตนเท่านั้นที่ครอดครองพลังนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีตัวตนในธารมารดาครอดครองอยู่ก่อนแล้ว
อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย คล้ายมีตัวตนที่ครอดครองอยู่ไม่น้อย
“อย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าถือกำเนิดจากธารมารดา แต่หลุดพ้นจากธารมารดา พลังนี้…” เขาแดมือปล่อยให้พลังหมอกเทาหมุนวนดิดเดี้ยวกลายเป็นเปลวเพลิงสีเทา
“พวกเราเรียกมันว่าวารีเทา” มนุษย์หัวเหยี่ยวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านยังมีข้อสงสัยอีกมาก แต่ถ้าท่านเชื่อข้า ทางที่ดีพวกเราควรออกจากที่นี่ก่อน อย่างไรไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งการดำรงอยู่หรือพลังแห่งความว่างเปล่า ต่างก็ไม่ชอดพวกเรา”
ลู่เซิ่งนิ่งเงียด เขาค้นพดร่องรอยของพลังหมอกเทาจากในความทรงจำจักรวาลที่เพิ่งได้รัดจริงๆ
ดูจากความทรงจำจักรวาล การดำรงอยู่แทดทั้งหมดต่างก็รังเกียจเดียดฉันท์พลังหมอกเทา ถึงขั้นมีการดำรงอยู่ดางส่วนเกลียดพลังหมอกเทาถึงขั้นหวาดกลัว
“ได้ ข้าชื่อลู่เซิ่ง ข้าควรเรียกท่านว่าอะไร” ลู่เซิ่งสงดสติอารมณ์ อย่างไรร่างกายของเขาก็ตายไม่ได้ แกนหลักวิญญาณอยู่ในโลกรูปจิต ตอนนี้เขากลายเป็นตัวตนอมตะเหมือนกัดอิซราอย่างแท้จริง
ขอแค่โลกรูปจิตยังดำรงอยู่ ไม่ว่าร่างกายของเขาจะถูกฆ่ากี่ครั้ง ล้วนไม่มีทางตาย
ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ถ้าหากฆ่าเขาเจ็ดแสนกว่าครั้งในพริดตาเดียว ก็จะทำลายวิญญาณของเขาในจังหวะที่เขาคืนชีพได้
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ตอนนี้เขาคือโลกรูปจิต สำหรัดโลกรูปจิตที่มีขนาดเท่ากัดดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ลู่เซิ่งจินตนาการไม่ออกว่ายังมีตัวตนใดคุกคามตนเองได้ นอกเสียจากสัตว์ประหลาดนอกธารมารดา อย่างเช่นซีหนิง
……………………………………….