ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1144 ถอย (2)
มนุษย์หัวเหยี่ยวชะงัก ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อว่า “ท่านจะเรียกข้าว่าจอมเวทวารีเทาแกรอลท์ก็ได้ สิ่งของเช่นคำเรียก แล้วแต่ท่าน พวกเราไม่ใช่สัจจะวิญญาณ จึงไม่มีกฎข้อห้ามเรื่อง ชื่อจริง”
“ตกลง” ลู่เซิ่งเข้าใจ
“ตอนนี้ ได้โปรดตามข้ามา” แกรอลท์หมุนตัวก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ควันสีเทาหลายกลุ่มระเหยออกมา วนเวียนรอบตัวเขาขณะก้าวข้ามสายน้ำผืนใหญ่ ลอยไปยังชายหาดในพริบตา
ลู่เซิ่งสะกิดเท้า ร่างลอยติดตามแกรอลท์ขึ้นไปเช่นกัน
ทั้งสองทิ้งตัวลงบนชายฝั่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
บนชายฝั่งมีถ้ำที่เหมือนกับรังผึ้ง แกรอลท์ชี้ถ้ำที่เรืองแสงสีขาวอ่อนโยนเป็นธรรมชาติถ้ำหนึ่งในนี้
“เข้าไปจากตรงนี้ จะไปยังสาขาของพวกเราได้”
“สาขา? พวกท่านมีกันหลายคนหรือ” ลู่เซิ่งหรี่ตา
“คนหรือ ท่านชอบพูดแบบนี้ก็ได้ ถูกต้อง พวกเรามีคนไม่น้อย แต่เทียบกับสองกองทัพระหว่างความว่างเปล่าและการดำรงอยู่แล้ว จำนวนของพวกเราน้อยนิดเหลือเกิน”
แกรอลท์เดินไปด้านในพร้อมกับแนะนำ
“พี่น้องของพวกเราส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหอคอยวารีเทา หอคอยวารีเทาคือระบบที่แตกต่างจากธารมารดา มีทั้งสิ้นเก้าชั้น ทุกๆ ชั้นคือจักรวาลระดับพลังต่างๆ จักรวาลของที่นั่นแตกต่างจ จากระบบธารมารดา ต่อจากนี้ท่านจะเห็นเอง”
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหน”
“ไปพบผู้ดูแลประจำสาขา ท่านคือผู้ควบคุมพลังวารีเทาที่เพิ่งถือกำเนิด การไปพบเขาจะส่งผลดีต่อตัวท่าน” แกรอลท์อธิบาย
“อย่างนั้นทำไมพวกท่านต้องมาหาข้าด้วย” ลู่เซิ่งถามอีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่ามีอาหารกลางวันกินฟรี เจตนาดีทั้งหมดจะต้องมีเป้าประสงค์โดยตัวมันเอง
แกรอลท์เดินถึงปากถ้ำ พอได้ยินคำถามนี้ก็ชะงักฝีเท้า
“ท่านรู้ไหมว่าความว่างเปล่าและการดำรงอยู่เรียกพวกเราว่าอะไร”
“ว่าอะไร”
“ผู้นำพาจุดจบสู่ทุกสรรพสิ่ง” แกรอลท์หัวเราะ “พวกเขาคิดว่าวารีเทาของพวกเราจะทำลายต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างไปชั่วนิรันดร์ โดยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกจากวงจรของการดำรงอยู่แ และความว่างเปล่า สร้างจุดจบของทุกสิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าเจ้าพวกนั้นพบว่าท่านครอบครองวารีเทา จุดจบเพียงหนึ่งเดียวของท่านคือถูกรุมสังหาร ถ้าไม่ตายไม่มีวันเลิกรา”
ลู่เซิ่งนิ่วหน้า ไม่ได้เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเสียหมด
ขณะมองแกรอลท์เดินเข้าถ้ำ เขาก็ตามเข้าไป
ด้านในถ้ำที่เรืองแสงสีขาวอบอุ่นเหมือนวสันต์ ในที่ว่าง บนผนัง หรือแม้แต่พื้นที่ขรุขระ ต่างก็ปรากฏความรู้สึกสงบใจที่เข้มข้น
แกรอลท์เดินพลาง แนะนำลู่เซิ่งพลาง
“วารีเทาสามารถมอบคุณสมบัติที่ไม่ต้องกลัวพลังใดๆ ให้ท่านได้ เพราะว่ามันดูดซับแรงขับได้จากพลังทุกชนิด ซึ่งรวมถึงความว่างเปล่าด้วย ดังนั้น พลังปัจเจกของพวกเราจึงแข็งแกร่งกว่า ทั้งฝ่ายความว่างเปล่าและฝ่ายการดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ส่วนพวกเขา ความจริงแค่เกรงกลัวพลังของพวกเราเท่านั้น”
“…” ลู่เซิ่งไม่รู้ควรพูดอะไรดี
ความจริงวารีเทาเป็นพลังงานที่เขาได้มาด้วยความบังเอิญเท่านั้น กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับคนที่ครอบครองวารีเทาเหมือนกัน
หนำซ้ำดูเหมือนแกรอลท์ผู้นี้จะแข็งแกร่งมาก
“เอาล่ะ ถึงแล้ว” แกรอลท์เดินไปถึงปลายทางของถ้ำ ยืนอยู่ด้านหน้าผนังหินที่เรืองแสงสีขาว
บนผนังหินสลักอักขระและภาพลี้ลับไว้เต็มไปหมด
เขายื่นมือออกไปแตะอักขระตัวหนึ่งในนี้
จากนั้นร่างกายก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เดินหายเข้าไปในผนังหิน
ลู่เซิ่งเลียนแบบ ยื่นมือไปกดอักขระตัวนั้น ร่างกายรู้สึกว่าถูกแรงผลักบางอย่างผลักดัน พลังวารีเทาหลายสายแผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่าง ก่อนเดินไปด้านหน้า
ทะลุผ่านผนังหิน
ด้านหน้าคือเส้นทางสีขาวที่ทอดยาว
แกรอลท์ยืนยิ้มรออยู่ด้านหน้า
ลู่เซิ่งมองผ่านเส้นทางเข้าไปด้านใน ปลายสุดของเส้นทางคือสีเทาที่ขมุกขมัวผืนหนึ่ง
หมอกเทานับไม่ถ้วนกระจัดกระจายพลิกตัว มองอะไรไม่เห็น
“ยินดีต้องรับสู่ปฏิสุญญตา” แกรอลท์กางสองมือ สูดอากาศของที่นี่อย่างดื่มด่ำ
“ปฏิสุญญตาหรือ” ลู่เซิ่งเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าสุญญตามีการแบ่งด้วย
“แน่นอน ในสุญญตาหลักมีการดำรงอยู่และความว่างเปล่า นั่นเป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั้งหมดดำรงชีวิต ส่วนปฏิสุญญตาก็มีการดำรงอยู่และความว่างเปล่าเช่นกัน ทว่าที่นี่ ไม่มีสิ่งมีชี วิต ส่วนหนึ่งของที่นี่จะแทรกซึมไปยังสุญญตาหลักเป็นระยะ กลายเป็นความบิดเบี้ยวและปรากฏการณ์แปลกประหลาดหลายอย่าง ท่านอยู่นานไปเดี๋ยวก็รู้เอง”
แกรอลท์เดินไปด้านหน้า
ลู่เซิ่งตามไปติดๆ
ทั้งสองเดินถึงปลายทางในเวลาไม่นาน
ด้านหน้าคือฝุ่นสีเหลืองที่กำลังม้วนตัว ตัดกันอย่างชัดเจนตรงปลายเท้าของแกรอลท์
“ที่นี่คือสาขาของพวกเรา ท่านรอเดี๋ยว ข้าขอเรียกผู้ดูแลของที่นี่ก่อน”
แกรอลท์พูดกับลู่เซิ่งหนึ่งประโยค จากนั้นก็หมุนตัวไป หยิบมีดสั้นโค้งที่สลักอักขระลี้ลับไว้เต็มเล่มออกมาจากในแขนเสื้อ
ซู่…
เขาใช้มีดกรีดช่องท้องของตัวเอง
เลือดมากมายฉีดพุ่งออกไปอย่างรุนแรงราวกับน้ำพุ กระเซ็นใส่ผิวเส้นทางสีขาวบริสุทธิ์บนพื้น
แกรอลท์สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยื่นมือเข้าไปในอกของตัวเอง แล้วออกแรงดึงกระเพาะของตัวเองออกมา ก่อนใช้สันมือฟันเส้นเชื่อมต่อขาด แล้ววางมันลงบนพื้น
“ชารอน เจอพี่น้องคนใหม่แล้ว” เขาลุกขึ้น บาดแผลบนท้องสมานตัวด้วยความเร็วสูง
กี๊ซ!
มีเสียงแมลงดังหนวกหูซึ่งแทรกด้วยเสียงคำรามกรีดร้องของคนนับไม่ถ้วน ดังมาจากในกำแพงหมอก
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว ยังไม่รอให้เขาเอ่ยปากถาม
ทันใดนั้นหมอกหลายสายก็ทะลักไหลออกมา ปกคลุมเลือดและกระเพาะบนพื้นไว้ทั้งหมด
ใบหน้าสตรีที่พร่าเลือนไม่ชัดเจนค่อยๆ นูนออกมาบนผิวกำแพงหมอกผืนใหญ่
ใบหน้าคนกลอกลูกตามองตรงไปที่ลู่เซิ่งซึ่งอยู่หลังแกรอลท์
“ยินดีต้อนรับ พี่น้องของข้า” นางส่งคลื่นจิตที่เป็นมิตรออกมา
“ดีใจมากที่ได้พบท่าน ผู้อาวุโส” ลู่เซิ่งโค้งตัวเล็กน้อยแสดงความเคารพ กลิ่นอายและคลื่นจิตของอีกฝ่ายแข็งแกร่งสุดขีด ถึงขั้นทำให้เขารู้สึกว่ายังกล้าแข็งยิ่งกว่าราชาโลกวิญญาณ ณซีหนิงเสียอีก
“เรียกข้าว่าชารอนเถอะ พี่น้องของพวกเรามีจำนวนน้อยเหลือเกิน ผ่านมาพันล้านปีแล้ว ในธารมารดาเส้นนี้เพียงปรากฏสิบเจ็ดเผ่าพันธุ์เท่านั้น โลกภายนอกเรียกพวกเราว่าสิบเจ็ดเผ่าพัน นธุ์โกลาหล และมีจักรวาลบางแห่งเรียกพวกเราว่ามารโกลาหล สิ่งมีชีวิตในหลายๆ จักรวาลชอบอัญเชิญพวกเราลงไปช่วยทำให้ความปรารถนาของพวกเขากลายเป็นจริง และพวกเราก็ยินดีช่วยเหลือทำควา ามปรารถนาของพวกเขาให้เป็นจริงเสมอมา บางครั้ง เวลาที่อยู่ว่างไม่มีอะไรทำ ข้าจะลงไปเล่นกับเด็กน้อยที่น่ารักน่าชังพวกนั้น ถ้าหากสนุก บางครั้งข่มความอยากอาหารไม่ได้ ต้องกินน้อย ๆ หน่อย แน่นอนว่า ถ้าเครื่องเซ่นที่อัญเชิญย่ำแย่เกินไป ข้าก็จะเลือกกินผู้อัญเชิญเป็นบางเวลา การดำรงอยู่อื่นๆ ล้วนทำแบบนี้ เพียงแต่ข้าคือมารใจกว้าง บางครั้งข้าจะทิ้งอวัยวะบา างส่วนให้ เช่นมือเอย ขาเอย หัวเอย สะโพกเอย…”
“หัวสมองนางไม่ค่อยดี ท่านอย่าถือสา” แกรอลท์ส่งกระแสเสียงเบาๆ
ลู่เซิ่งหมดคำพูด เขาได้รู้คร่าวๆ จากคำพล่ามของชารอนว่า การดำรงอยู่กลุ่มนี้มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าพวกเขาถูกอัญเชิญออกไป สิ่งที่น่าจะทำได้เพียงอย่างเดียวคือสร้างภัยพิบัติ
มิน่าก่อนหน้านี้แกรอลท์ถึงได้บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นความว่างเปล่าหรือการดำรงอยู่ ล้วนรังเกียจเดียดฉันท์ผู้ควบคุมวารีเทา
ชารอนพล่ามอยู่นาน แกรอลท์กระตุ้นเตือนหลายครั้ง นางค่อยละความสนใจ
“อ้อ…ท่านจะลงทะเบียนสินะ…เรื่องนี้ง่ายดาย”
เพิ่งสิ้นเสียง หมอกเทาผืนใหญ่ก็กระจายตัวออกมาอย่างฉับพลัน มุดเข้าทรวงอกของลู่เซิ่ง แล้วจับตัวเป็นรอยกลมสีเทาขนาดเล็กๆ รอยหนึ่งบนทรวงอก
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ท่านคือสมาชิกของหอคอยวารีเทา ในตอนที่เจอการคุกคามที่อันตรายถึงขีดสุด ท่านสามารถใช้วารีเทาในร่างเพื่อเรียกตัวตนอื่นๆ ในหอคอยวารีเทาได้ ตราประทับนี้ สามารถทำให้ท่านอัญเชิญมารโกลาหลได้อาทิตย์ละครั้ง จำนวนในแต่ละครั้งคือระดับเก้าสิบตัว ระดับแปดหนึ่งร้อยตัว เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันท่านจะได้รับเวทมนตร์ส่วนหนึ่งและภู มิคุ้มกันการโจมตีจากพลังงาน ภูมิคุ้มกันการโจมตีเชิงกายภาพบางส่วน และ…”
คำแนะนำของชารอนทำให้ลู่เซิ่งตกใจอย่างไม่อาจควบคุม สถานะที่ดูเหมือนธรรมดานี้กลับร้ายกาจถึงเพียงนี้
ภูมิคุ้มกันมากมาย มีแต่ระดับสูงที่อย่างน้อยต้องไปถึงระดับดาวมรณะเท่านั้นถึงจะสร้างความเสียหายให้แก่ร่างหลักได้
ขณะเดียวกันยังมีคุณสมบัติซ่อนเร้นแข็งแกร่งถึงขีดสุด ตามที่ชารอนบอก จนถึงตอนนี้ตราประทับนี้ยังไม่เคยถูกใครพบมาก่อน นอกเสียจากพวกเดียวกันเอง
“การยืนยันตัวจบแล้ว” ชารอนขยิบริมฝีปากเป่าลม “ไปเถอะ พี่น้องของข้า ความว่างเปล่ากำลังรุกรานการดำรงอยู่ และเวลานี้ ก็เป็นเวลาเก็บเกี่ยวอาหารของพวกเราแล้ว”
ลู่เซิ่งไม่แสดงท่าที การยืนยันมากมายเหล่านี้ หลังทำความเข้าใจแล้ว ก็ไม่มีแรงดึงดูดใดๆ ต่อเขา
ตอนนี้เขาอยากกลับบ้านไปแต่งงาน
อย่างไรก็เจอคนรักแล้ว บุตรชายกลับบ้านแล้ว เขาจะไปรับหวังจิ้งกลับมา จากนั้นทั้งครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เขาไม่มีความต้องการสิ่งใดๆ ต่อชีวิตอีกแล้ว
จริงสิ ยังมีบ้านเก่า ไปยังโลกใบก่อนในตอนสุดท้าย กลับไปดูว่าครอบครัวในชาติแรกมีชีวิตอย่างไร จากนั้นก็จบเรื่อง หาที่เร้นกาย
ขอแค่คนอื่นไม่มาหาเรื่องเขา เขาก็คร้านจะไปสนใจคนอื่น
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ ตอนนี้ท่านมีตราประทับแล้ว สามารถเข้าสู่ปฏิสุญญตาได้ตลอดเวลา แต่จงจำไว้ด้วยว่า อย่าได้นำชีวิตที่ไม่ได้ครอบครองวารีเทาเข้ามา หากไม่มีวารีเทา เมื่อสิ่ง งใดๆ เข้ามาที่นี่ก็จะถูกแยกส่วนย่อยสลายในทันที” แกรอลท์กำชับ
“รับทราบ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
“นอกจากนี้ ถ้ามีสหายเรียกให้ท่านไปช่วย หากท่านลงมือได้ขอให้พยายามช่วยอย่างเต็มที่ มีผลประโยชน์คือปฐมพลังจักรวาลจำนวนไม่น้อย” แกรอลท์ย้ำอีก
ลู่เซิ่งพยักหน้า เขาตัดสินใจจะล้างมือไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วกลับไปแต่งงาน! เรื่องอื่นช่างมัน!
“ทำไมท่านถึงทำท่าเบื่อหน่ายนักล่ะ หรือว่าท่านจะไม่ดีใจ” ตอนที่แกรอลท์พาลู่เซิ่งกลับทางเดิม ก็รู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้างเมื่อเห็นท่าทีของเขา
“ยังดี” ลู่เซิ่งไม่แสดงสีหน้า
“ก็ดี จำไว้ด้วยว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ อย่าได้เรียกมารโกลาหล ใช้ตราประทับ เกิดเปิดเผยสถานะเมื่อไหร่ ท่านจะถูกรุมสังหารทันที” แกรอลท์กำชับเป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่ต้องห่วง” ลู่เซิ่งเอ่ย เขาคิดจะกลับไปซ่อนตัวแล้ว ต่อจากนี้หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่จำเป็นต้องใช้ตราประทับอะไร ย่อมไม่มีอันตราย
“จริงสิ” พอแกรอลท์เดินถึงปากถ้ำก็หันกลับมาถามอย่างอดไม่ได้ “กลิ่นอายของท่านเหมือนกับจักรวาลมารสวรรค์เล็กน้อย ท่านถือกำเนิดจากที่นั่นหรือ”
“ใช่แล้ว ทำไมหรือ” ลู่เซิ่งถามอย่างแปลกใจ
“เมื่อครู่ข้าได้ข่าวว่า มีมารโกลาหลเห็นราชาโลกวิญญาณซีหนิงมุ่งหน้าไปยังโลกมารสวรรค์ บอกว่าจะล้างโคตรของคนชื่อลู่เซิ่ง จริงสิ ท่านชื่อลู่เซิ่งนี่นา” แกรอลท์ถาม
ลู่เซิ่งอึ้งงัน
“ซีหนิง! ข้าจะล้างโคตรเจ้า!” เขาพลันคำราม เปลวเพลิงสีทองคำขาวผืนใหญ่ลุกไหม้ขึ้นทั่วร่าง ก่อนจะพุ่งตัวบินไปยังทางโลกมารสวรรค์ในธารมารดาทันที