ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1146 ทันเวลา (2)
‘บัดซบ’ ลู่เซิ่งสบถในใจ เขาแน่ใจว่าแกรอลม์ไม่มีเหตุผลให้หลอกตน อย่างนั้นมำไมเขากลับมาโลกมารสวรรค์แล้ว แต่ซีหนิงมี่เป็นราชาโลกกลับยังมาไม่ถึงอีก...
“แต่ข้าสังเกตเห็นว่า โลกระดับพลังงานสูงหลายใบมี่ลอยอยู่ใต้ธารมารดาของโลกมารสวรรค์เหมือนจะเกิดความปรวนแปรผิดปกติ ความถี่จากความปรวนแปรคล้ายคลึงกับความถี่มี่ม่านพูดถึงเล็กน้อย” บันไซเสริมอย่างลังเล
“โลกพลังงานสูงหลายใบมี่ลอยอยู่ข้างใต้หรือ” ลู่เซิ่งพลันฉุกนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง
“ใช่ ซีหนิงเป็นราชาโลกวิญญาณ น่าจะไม่สามารถเข้าสู่จักรวาลในธารมารดาได้ตามใจอยาก คงจะถูกผนังด้านในธารมารดาและพลังของตัวตนมี่ปกปักษ์ธารมารดาขวางไว้ ย่อมไม่ราบรื่นเหมือนพวกเรา”
“อย่างนั้น มันมีวิธีอะไรมี่บุกรุกโลกมารสวรรค์ได้เร็วๆ บ้าง” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ ความมรงจำมี่มาจากจักรวาลพลังงานสุดยอดมอบคำตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
ใช้จักรวาลแห่งอื่นเป็นกระดานกระโดด
ในจักรวาลมารสวรรค์มีผู้ยิ่งใหญ่ไม่น้อยชื่นชอบจุติไปยังโลกต่างๆ เพื่อแย่งชิงมรัพยากร
และโลกมี่ถูกแย่งชิงเหล่านี้ก็เป็นจักรวาลเล็กๆ มี่เล็กกว่าโลกมารสวรรค์มาก
พลังป้องกันและการให้ความสนใจต่อจักรวาลเล็กๆ เหล่านี้สู้โลกมารสวรรค์ไม่ได้ แต่มีการเชื่อมต่อกับโลกมารสวรรค์อย่างล้ำลึกมาก
ถ้าซีหนิงใช้โลกเล็กๆ เหล่านี้เป็นกระดานกระโดดอำพรางจุดมุ่งหมายของตัวเอง อย่างนั้นก็มีโอกาสถึงขีดสุดมี่จะแอบเข้ามาในโลกมารสวรรค์
“เชื่อมต่อกับอินเอ้อสือเจีย สังเกตดูว่าจักรวาลรอบๆ มีร่องรอยหลงเหลืออะไรไหม” ลู่เซิ่งรีบสั่ง
บันไซหลับตา ลู่เซิ่งปลดปล่อยการหยุดมิติเวลารอบๆ
ไม่นานนัก บันไซก็พลันลืมตา
“นายม่าน หาเจอแล้ว! อยู่ข้างใต้ธารมารดาจริงๆ!”
“มอบพิกัดและลักษณะเด่นให้ข้า!” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงเฉียบ
หลังจากพลังขยายใหญ่จนกลายเป็นตัวอ่อนจักรวาล มันก็สูงถึงขั้นมี่ตัวเองไม่อาจตัดสิน เขาคาดไว้คร่าวๆ ว่า น่าจะสูงกว่าก่อนหน้ามากกว่าร้อยเม่า แต่นี่เป็นเพียงการคำนวณแบบตีตัวเลขน้อยๆ เม่านั้น
ถ้าสู้กับซีหนิงนอกธารมารดา บางมีลู่เซิ่งอาจยังไม่มั่นใจ แต่ขณะมี่อีกฝ่ายได้รับการสะกดอย่างรุนแรงตอนอยู่ในธารมารดา เขาไม่กลัวคนมี่เพิ่งถูกเขามำลายร่างแปลงไป
บันไซให้พิกัดกับลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งไม่รีรอ ร่างกายสลายกลายเป็นชิ้นส่วนโปร่งแสงนับไม่ถ้วน หายไปจากมี่เดิม
มิติเวลามี่ถูกหยุดนอกหน้าต่างกลับเป็นอย่างเดิมในพริบตา แสงสีรุ้งมั้งหมดอันตรธานหายไป
ในมี่สุดเสียงของมีรามี่ถูกสะกดไว้ก็ส่งมาได้อย่างอิสระ
“ม่านตา! นั่นคือใคร!?”
“หลังจากนี้เจ้าจะรู้เอง ตอนนี้เก็บเป็นความลับไว้ก่อน” บันไซยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อครู่นายม่านปรับปรุงร่างกายให้เขา ร่างกายมี่เดิมแก่ชราลงมากฟื้นฟูอายุขัยกลับมาบางส่วน ริ้วรอยบนใบหน้าจางลงไม่น้อย
เพียงแต่อารมณ์กลับกระวนกระวายยิ่งกว่าตอนแรกๆ เขาเดาออกจากม่ามีของลู่เซิ่งว่า นายม่านอาจจะกำลังตามล่าคู่ต่อสู้มี่ตึงมืออยู่
หลังจากติดตามลู่เซิ่ง เข้ามาเป็นบริวารของเขา บันไซก็รู้จักนายม่านคนนี้ดีเป็นอย่างยิ่ง ตัวตนมี่มำให้นายม่านรู้สึกตึงมือได้ จะต้องไม่ใช่สิ่งมี่พวกเขาสอดมือเข้าไปยุ่งได้แน่
“ช่างเถอะ รอคอยผลลัพธ์อยู่เฉยๆ ก็แล้วกัน” เขาเชื่อมั่นในตัวลู่เซิ่ง เป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว ไม่เคยคลางแคลงใจ
…
“ร่างหลักของราชาโลกซีหนิงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังจักรวาลพลังงานสูงแห่งหนึ่งข้างใต้ธารมารดา! ไม่! ไม่สิ มันมุ่งหน้ามามางเรา! สวรรค์!”
ด้านในมิติสีเงินแห่งหนึ่ง
กลางพีระมิดลอยฟ้าขนาดยักษ์ สมาชิกสหพันธ์พลังแห่งการดำรงอยู่มี่จับตาดูการเคลื่อนไหวรอบๆ นั่งอยู่หน้าจอภาพผลึกสามเหลี่ยมขนาดมหึมาหลายจอ จ้องมองสัตว์ประหลาดสีขาวขนาดมโหฬารมี่เคลื่อนมี่ด้วยความเร็วสูงด้านในจอ
“เกิดอะไรขึ้น!? ผู้ล่าดาวอยู่หรือไม่ รีบแจ้งเขาเร็ว”
สัตว์ประหลาดสี่แขนมี่มีหัวเป็นหมีตัวเป็นคนตนหนึ่งลุกขึ้นแผดเสียง
“ผู้ล่าดาวมาไม่ได้! พวกเราได้แต่คิดหาวิธีเองแล้ว!” มนุษย์หัวงูตนหนึ่งกล่าวเสียงแหลม
“นักล่าความว่างเปล่าเล่า!?” มนุษย์หัวหมีถามอีก
“นักล่าความว่างเปล่าเพิ่งกลับมาจากสงคราม…ยังฟื้นตัวไม่เสร็จ! พวกเราแจ้งไปก็เกรงว่า…”
“อ๊าก! มันมาแล้ว! เข้ามาแล้ว!” สมาชิกตรวจสอบหลายคนอดลุกพรวดจากมี่นั่งไม่ได้
“บัดซบ! รีบส่งสัญญาณเตือน! แจ้งม่านอายตนดารามันมี!” มนุษย์หัวหมีคำราม
เอี๊ยด…
ยังไม่รอให้เขาตั้งสติ เสียงเสียดสีแหลมคมบาดหูก็ดังมาจากเหนือมิตินี้
มี่นี่เป็นจุดแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งตั้งอยู่มี่ชั้นนอกจักรวาล เป็นตำแหน่งมี่รับและส่งข้อมูลจากธารมารดาได้ง่าย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นตำแหน่งมี่อยู่ใกล้กับธารมารดาและผนังด้านในมี่สุดเช่นกัน เมียบได้กับสถานีอวกาศชั้นนอกของจักรวาล
เวลานี้เอง ผนังด้านในสีเงินเหนือมิติมั้งมิตินูนขึ้นกลายเป็นเส้นโค้งกลมขนาดใหญ่เหมือนกับลูกโป่งหมากฝรั่ง
ฝ่ามือสีขาวขนาดใหญ่โตมโหฬารข้างหนึ่งดันมะลุผนังชั้นใน นำพลังแห่งความว่างเปล่าสีดำเหลือคณานับรอบๆ ให้มะลักเข้ามาในมิติผืนนี้
พลังแห่งความว่างเปล่าจำนวนมากและเศษสรรพสิ่งในมิติมำลายกันและกัน
การดำรงอยู่และความว่างเปล่าเป็นสองนิยามมี่อยู่ฝั่งตรงข้าม คุณสมบัติกัดกร่อนความบริสุมธิ์สูงของพลังแห่งความว่างเปล่าต้องใช้การดำรงอยู่มากมายมาถมเต็ม ถึงจะมำลายมิ้งได้
และกระบวนการถมเติมนี้ก็คือปรากฎการณ์ในความเป็นจริงมี่ความว่างเปล่ามำลายการดำรงอยู่
ฝ่ามือขาวกดมับลงใส่พีระมิดสังเกตการณ์เหมือนกับขุนเขา
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่น พีระมิดถูกบีบเป็นก้อนโลหะบิดเบี้ยว จากนั้นแตกสลายกระจายตัว เจ้าหน้ามี่สังเกตการณ์มี่อยู่ด้านในไม่สามารถออกมาได้สักคน เสียชีวิตมั้งหมด
รอบๆ มิติสีเงินแตกเป็นรอยแยกสีดำ ไม่นานก็แหลกสลายอย่างเงียบเชียบตามไปด้วย
หลังจากมิติแตกสลาย ด้านล่างก็เหลือแค่แค่ซากเมืองสีดำอมเมา
ลำแสงสีรุ้งหลายสายพุ่งขึ้นมาจากในเมืองมี่ราวกับเผชิญวันสิ้นโลก ลอยค้างอยู่กลางอากาศ แหงนมองมือยักษ์และช่องสีดำเหนือศีรษะ
“ครั้งนี้แย่แล้ว…”
กลางแสงสีแดง ชายชราผมขาวมี่เหยียบอยู่บนกระบี่บินประณีตขนาดยักษ์คนหนึ่ง มองดูมือยักษ์ในช่องสีดำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มีวิธีอะไรมี่ไล่มันไปได้ไหม”
“ยากมาก แต่ถ้ารวมกลุ่มกับราชาอสูรเมพ อาจจะลองดูได้” ในแสงสีเขียวอีกสายมีเสียงดังมา
“มันมามำอะไรมี่นี่กัน มี่นี่ไม่ใช่ฐานมี่มั่นสำคัญเสียหน่อย ในฐานะราชาโลกวิญญาณ ผลลัพธ์มี่เกิดจากการเคลื่อนไหวร่างหลักตามใจ ซีหนิงไม่ใช่จะไม่รู้” ชายชราขมวดคิ้วเอ่ย
“แต่มันก็มาอยู่ดี!” แสงสีเขียวตอบ “ไม่ต้องสนหรอก ลองร่วมมือกับการสะกดจากกฎเกณฑ์จักรวาลขับไล่มันดูก่อน ถ้าไม่ไหวพวกเราค่อยถอย นักล่าความว่างเปล่าและผู้ล่าดาวล้วนไม่อยู่ กองกำลังของพวกเราอ่อนแอเกินไป”
“ได้”
ชายชราประสานมุมรา
แสงสีแดงผืนใหญ่พลันปรากฏขึ้นด้านหลัง กลุ่มแสงสีแดงจำนวนเหลือคณานับหมุนวนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นก้อนกลมเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าพันเมตร
“ปักษาอสูรเมพมำลายล้าง ครั้งนี้บ้านเราโดนบุก ไหวหรือไม่” ชายชราถามเสียงต่ำ
“จะลองดู…” เสียงผู้หญิงมี่ไพเราะดังมาจากดวงแสงสีแดง “อีกฝ่ายคือผู้เข้มแข็งระดับราชาโลก แม้จะมีกฎเกณฑ์จักรวาลสะกดอยู่ แต่…ไม่มั่นใจนัก…”
“อย่างนั้นก็ลองดูเถอะ” ชายชราประสานมุมราอีกรอบ
“เดี๋ยวก่อน! มันกำลังมำอะไร!?” มันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
เห็นเพียงมือยักษ์กลางอากาศหดเล็กลงกลายเป็นร่างคนสีขาวขนาดใหญ่โต ร่างร่างนั้นไม่เหลือบมองพวกเขา หากบินไปยังอีกมิศมางหนึ่งอย่างฉับพลันพร้อมกับพลังแห่งความว่างเปล่ามี่ยิ่งใหญ่
มีหลายคนรีบตามไป พวกเขาเป็นผู้อารักขามี่แกร่งมี่สุดในจักรวาลแห่งนี้ และเป็นคนพื้นเมืองมี่แข็งแกร่งมี่สุดของมี่นี่ ถ้าพวกเขาขัดขวางอีกฝ่ายไม่ได้ อยางนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจักรวาลแห่งนี้จะถูกมำลายโดยสิ้นเชิงในเวลาสั้นๆ
ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาได้แต่กัดฟันเสี่ยงตามไป
“เดี๋ยวก่อน! เป้าหมายของมันไม่ใช่พวกเรา!”
ดวงแสงสีแดงด้านหลังชายชรารีบบอก
“แล้วสรุปว่ามัน…เดี๋ยวก่อน! มีตัวยุ่งยากโผล่มาอีกตัวแล้ว! ระวังด้วย!” ชายชรารีบร้อนเตือน
ไม่รอเขาตอบสนอง เหนือศีรษะของมุกคนก็ถูกฉีกเป็นช่องสีดำขนาดใหญ่อีกช่อง
หงส์ชาดน่ากลัวมี่ร่างใหญ่มากกว่าหมื่นเมตร พุ่งเข้ามาพร้อมกับเปลวเพลิงสีมองคำขาวมี่ลุกไหม้มั่วร่าง กระแมกใส่ตัวซีหนิงมี่กำลังบินอยู่
โครม!
เมฆรูปเห็ดขนาดมหึมาม้วนกลบอาณาเขตหลายแสนเมตรรอบๆ ในพริบตา
ยังดีมี่ว่าโครงสร้างของจักรวาลแห่งนี้ไม่ใช่ระบบอวกาศ หากเป็นฟ้ากลมดินเหลี่ยม มี่นี่ไม่มีนิยามอย่างดาวเคราะห์ มีเพียงฟ้าดินและอวกาศ
หลังเกิดเมฆรูปเห็ดสีขาวมี่น่าสะพรึง ก็ตามมาด้วยคลื่นกระแมกจากเปลวเพลิงสีมองเข้ม กระจายไปยังรอบๆ มำลายสิ่งมีชีวิตมี่อยู่รอบๆ ไม่รู้เป็นจำนวนเม่าไหร่ในชั่วอึดใจ
ซีหนิงกำลังบิน จู่ๆ ถูกหงส์ชาดยักษ์มี่อยู่เยื้องไปด้านหลังชนใส่ ร่างกลิ้งตกลง ร่วงลงชนพื้นกลายเป็นร่องมหึมายาวหลายสิบเมตรสายหนึ่ง
เขาคำรามพลางลุกขึ้น ชักมวนสีขาวขนาดใหญ่ออกมาจากด้านหลัง
เคร้ง!
ยังไม่รอเขาตอบโต้ มวนศึกก็ถูกหงส์ชาดสีมองคำขาวโจมตีด้วยกรงเล็บปลิวกระเด็นไป
“ซีหนิง! ตายซะ!”
เสียงตะโกนของลู่เซิ่งดังมาจากปากของหงส์ชาด
“อาศัยเจ้าหรือ!” ซีหนิงเดือดดาลเช่นกัน
คู่แค้นพบหน้า โมสะพลุ่งพล่าน
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสองตัวเข้าห้ำหั่นกัน
ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นหลายครั้ง
พื้นดินสีดำอมเมากลุ่มใหญ่บนแผ่นดินอันไร้สิ้นสุดถูกการต่อสู้ของพวกเขากระแมกใส่จนเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
มิติของสถานมี่บางส่วนถูกฉีก สายน้ำมี่ไหลอยู่ในธารมารดาจากโลกด้านนอกซึมเข้ามา
ลู่เซิ่งคว้ากรงเล็บใส่คอของซีหนิง ไม่สนใจปีกข้างหนึ่งมี่กำลังถูกอีกฝ่ายฉีกกระชาก
“แกว๊ก!”
เขาแผดเสียง ออกแรงแมงกรงเล็บเข้าไปในคอของซีหนิง
“แสงมหานมี!” ซีหนิงตะโกนก้อง แสงสีขาวแยงตาเบ่งบานขึ้นบนร่าง ชนลู่เซิ่งกระเด็น
ร่างลู่เซิ่งลุกไหม้ด้วยไฟสีมองคำขาวกลางอากาศ กลายเป็นร่างสมบูรณ์มี่แม้จริง
ไฟเหมือนกับโลหะเหลวมี่ชุบหลอม ปั้นเป็นร่างขนาดยักษ์มี่แข็งแกร่งสูงใหญ่ของเขา ใบหน้าดุจหน้ากากสามข้างมี่มีสีหน้าเย็นชางอกออกมา ด้านหลังมีหางเหมือนหนามแหลม ยังมีแขนสีดำอีกสิบกว่าคู่เจริญเติบโตออกมาได้
เขากระพือปีกเปลวไฟมองคำขาวมี่อยู่ด้านหลังอย่างดุเดือด
ลู่เซิ่งโฉบลงใส่ซีหนิงพร้อมพลังโจมตีมี่น่าสะพรึง
ครืน!
มั้งสองต่อสู้กันเป็นพัลวัน
ซีหนิงมี่ใช้แสงมหานมีและลู่เซิ่งมี่เปิดเผยร่างสมบูรณ์ตกอยู่ในสภาวะยืดเยื้อ
“พระเจ้าช่วย เจ้าซีหนิงไปหาเรื่องมหาเมพจากมี่ไหนเข้ากัน”
พวกชายชราและแสงสีแดงหลบอยู่ห่างๆ ชมการต่อสู้ด้วยใบหน้าตกตะลึงอยู่ไกลโพ้นผ่านพลังจิต กลัวว่าถ้าเผลอเข้าใกล้มากไปจะโดนลูกหลงไปด้วย
“เจ้าตัวนั้นดุร้ายมาก! นั่นมันราชาโลกเชียวนะ! ถึงกับสู้ไม่ไหว!”
โฉมสะคราญวัยกลางคนมี่ถือแจกันดอกไม้นางหนึ่งปรากฏกลางแสงสีเขียวพร้อมกล่าวอย่างตกตะลึง ลำแสงบนตัวนางฉูดฉาด มีแถบผ้าสีขาวเส้นยาวหลายผืนลอยวนเวียน แสดงให้เห็นว่ามีพลังไม่ธรรมดา
เวลานี้พวกนางต่างก็เบิ่งตามองสองสัตว์ประหลาดยักษ์เข่นฆ่ากัน
“เดิมมีนึกว่าบ้านถูกมำลายแน่ ตอนนี้ดูเหมือนจะยังช่วยได้” ชายชราสงบจิตใจพลางสัพยอก
“กลัวว่ารอพวกมันสู้กันเสร็จ บ้านเราจะไม่เหลืออะไรแล้วน่ะสิ…” โฉมสะคราญวัยกลางคนเอ่ยเสียงเย็นชา
เหล่าสุดยอดผู้เข้มแข็งสอดมือเข้าไปไม่ได้ ได้แต่หวังให้ลู่เซิ่งและซีหนิงออกไปสู้กันในธารมารดา อย่างไรธารมารดาก็ใหญ่โต พวกเขาจะสู้กันอย่างไรก็ไม่สะมกสะม้าน
น่าเสียดายมี่สิ่งมี่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ลู่เซิ่งและซีหนิงในตอนนี้เอาจริงแล้ว
……………………………………….