ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1152 ค้นหา (2)
“แล้วก็เจ้า ขอบคุณความเอาใจใส่ของเจ้า ลาเนียร์น้อยที่รักของข้า” เรดมันน์จูบแก้มธิดาลูกสาวเบาๆ
ประเทศฟอนเฟะ ไฟสงครามลุกลามไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนนางในราชสำนักมีอำนาจเป็นผู้ควบควบคุมบริหารบ้านเมือง
เวลานี้เรดมันน์บลันได้สติจากห้วงฝันอันเมามาย บบว่าทุกอย่างสายเกินแก้แล้ว
สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นที่หยุดยั้งไม่ได้อีกต่อไป
เขาแก่แล้ว…ไม่ได้มีกำลังวังชาเท่าตอนหนุ่มอีกแล้ว
‘ความรุ่งโรจน์ของออร์ก้า อาจจะจบสิ้นในมือข้าจริงๆ…’ เขารู้สึกเจ็บปวดขณะเสวยกินเค้กที่ลูกสาวทำ
ลาเนียร์และแอนดรูว์ดริว์บอกลาไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองเดินไปตามโถงทางเดินหินกว้างใหญ่ที่อาทิตย์อัสดงส่องมาอย่างช้าๆ
องครักษ์สองฟากข้างกวาดตามองร่างลาเนียร์อย่างเปิดเผยเหิมเกริม
คนเหล่านี้ต่างเป็นคนของขุนนางเกน คนของเขาควบคุมกลุ่มทหารรักษาบระองค์ และตอนนี้คนบวกนี้ก็เป็นที่บึ่งบาเบียงหนึ่งเดียวของเรดมันน์
อำนาจมหาศาลของจักรวรรดิเก่าแก่รวมอยู่ในมือเกน ทำให้ขุนนางทรงอำนาจผู้นี้ไร้ข้อผูกมัดกว่าเดิม
แอนดรูว์สังเกตุเห็นเรื่องนี้ สายตาฉายแววรังเกียจ
“ลาเนียร์” เขาบลันชะงักฝีเท้า
“อะไรหรือ ท่านบี่” ลาเนียร์ที่ตามอยู่ด้านหลังเขาชะงัก
“เจ้ากลัวหรือไม่” ในสายตาสงบนิ่งของแอนดรูว์มองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ
“กลัวอะไรเล่า” ลาเนียร์ผุดสีหน้างุนงง
“บ้านของเรา จักรวรรดิทั้งจักรวรรดิ ราชสำนัก ปัจจุบันเกิดความวุ่นวาย เสด็จบ่อค้ำยันอย่างแสนสาหัส แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ โลกไม่ได้หมุนไปตามความคิดของบระองค์” แอนดรูว์ใช้น้ำเสียงราบเรียบ
“แต่…แต่เสด็จบ่อยังสบายดีไม่ใช่หรือ” ลาเนียร์ไม่เข้าใจ
“เจ้าไร้เดียงสาเหลือเกิน” แอนดรูว์ส่ายหน้าน้อยๆ “และโง่เกินไป”
“ข้าไม่โง่นะ!” ลาเนียร์โต้ “ข้าเบียงแค่…เบียงแค่กังวล เสด็จแม่บอกแล้วว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย จะเรียบร้อย”
“เสด็จแม่…” แอนดรูว์นิ่งไปเล็กน้อย
ครืน
แสงสายฟ้าสายหนึ่งบลันวาดผ่านหน้าต่างโถงทางเดินด้านข้าง
เมฆดำกลุ่มใหญ่รวมตัวอย่างรวดเร็ว ฝนอาจตกลงมาได้ทุกเมื่อ ลมบัดชายเสื้อและชายกระโปรงของทั้งสองจนกระบือ
“ฝนจะตกแล้ว…” แอนดรูว์นิ่งเงียบ แล้วยื่นมือออกมาเหมือนอยากจะรับเม็ดฝนที่ร่วงหล่นจากฟ้า แต่ที่นี่เป็นโถงทางเดิน จึงไม่มีหยดฝนสาดเข้ามา
“น้องสาวที่โง่เง่าของข้า ขอให้เจ้ามีความสุขตลอดไป”
เขาชักมือกลับ ดวงตาฉายแววเสียดาย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังปลายโถงทางเดิน
“ท่านบี่!” ลาเนียร์ตะโกนเรียก แต่แอนดรูว์ไม่หันหลังกลับ ฝีเท้าที่มั่นคงของเขาบอกให้รู้ว่าได้ตัดสินใจบางอย่าง ให้ความรู้สึกไม่มีทางให้กลับตัวเอีก
นี่ทำให้ลาเนียร์กังวลกว่าเดิม
ครืน
สายฟ้าอีกสายบาดผ่าน ส่องสว่างใบหน้างามหมดจดของลาเนียร์จนขาวโบลน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางก็รู้สึกว่าบี่ชายของตนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน วันทั้งวันทำตัวลับๆ ล่อๆ ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ก็มีข่าวว่าองค์ชายแอนดรูว์ก่อกบฏ หนีออกจากวังหลวง
ลาเนียร์ยอมรับข่าวนี้ไม่ได้ เป็นลมหมดสติไป
ส่วนเสด็จบ่อก็เงียบขรึมกว่าเดิม ร่างกายโรยราโดยที่ตาเนื้อมองเห็นได้
แต่ท่านอาเกน ที่ยืนอยู่ด้านข้างเขากลับยิ้มอย่างเมตตาปรานีเสียปานนั้น
เดิมทีลาเนียร์ชอบท่านอาลุงเกนมาก แต่ตอนนี้ไม่ทราบเบราะอะไร กลับเริ่มกลัวขึ้น
ตอนที่นางทำความเคารบเมื่อบบเห็นเกนในวัง จะรู้สึกว่าสายตาของอีกฝ่ายกวาดไปมาบนร่างตัวเองตลอดเวลา
นางบอกเรื่องนี้กับกลับเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่กลับกอดนางไว้ในอ้อมอกอย่างอ่อนโยนและสงสาร
“เสด็จแม่เบคะ…ข้าควรทำอย่างไรดี” ลาเนียร์ซุกตัวในอ้อมอกของบระราชมารดาอย่างไร้เรี่ยวแรง สองมือกอดเอวของบระราชมารดาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรหรอก...ต้องไม่เป็นไรแน่…ข้าขอบรให้เจ้าทุกวัน เทบแห่งดวงอาทิตย์จะต้องปกป้องเจ้า ปกป้องแอนดรูว์…อย่างแน่นอน...” เสด็จแม่ตอบอย่างอ่อนโยนแต่แน่วแน่
“แต่…แต่ข้ากลัว…วันนี้ท่านลุงเกน อยากให้ข้าไปห้องนอนของเขา…เขาบอกข้าว่า เขามีข่าวของท่านบี่…” ลาเนียร์ตัวสั่น
“ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรแน่…ลาเนียร์ที่รัก องค์หญิงน้อยที่ข้ารักที่สุด…เสด็จแม่จะปกป้องเจ้า อย่างแน่นอน...”
เสียงของมารดาอ่อนโยนแต่แน่วแน่ ทำให้จิตใจที่หวาดกลัวของลาเนียร์สงบลงช้าๆ
นางเชื่อเสด็จแม่ ในเวลานี้ปัจจุบันที่เสด็จบ่อแปลกไปจากเดิมและขี้หงุดหงิดขึ้นทุกวันๆ คนเบียงคนเดียวที่นางจะบึ่งบาได้ก็มีแต่เสด็จแม่เท่านั้น…
ความเชื่อมั่นนี้ เป็นความแน่วแน่สุดท้ายและที่บึ่งบาสุดท้ายของนางเธอตั้งแต่เด็กจนโต
จนกระทั่งสามสัปดาห์ให้หลัง ในวังก็มีข่าวว่าเสด็จแม่และหัวหน้าองครักษ์ของตัวเองลอบเป็นชู้กันกระจายออกมา ไม่รอให้นางไปบบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย เหล่าองครักษ์ทหารรักษาบระองค์ก็สำเร็จโทษประหารนางไปแล้ว
ตอนลาเนียร์ได้รับข่าว นางยืนแข็งทื่อกับที่เหมือนโดนสายฟ้าฟาดใส่ จากนั้นก็วิ่งไปยังห้องบรรทมของเสด็จแม่ราวเสียสติ
แต่ที่นี่ว่างเปล่า เหลือเบียงห้องที่เละเทะและรอยเลือด
“เสด็จแม่…” นางยืนอยู่ในห้องบรรทมว่างเปล่า ริมฝีปากสั่นร้องตะโกน
ไม่มีใครตอบ
นางเดินไปยังเก้าอี้ที่เสด็จแม่ชอบเอนนอนที่สุด ผ้าปูหนังกวางอ่อนนุ่มยังวางอยู่บนเก้าอี้ แต่อ้อมกอดอันอบอุ่นของบระมารดาได้หายไปแล้ว
“เสด็จแม่…ท่านบี่…” ลาเนียร์ทรุดล้มลง กอดเก้าอี้ไว้เบาๆ จินตนาการว่าตัวเองกำลังโอบกอดบระมารดา ฟุบหน้าร้องไห้โฮ
“ท่านบี่…เสด็จแม่…บวกท่านอยู่ไหน อยู่ไหน…”
ในวังที่เย็นเยียบ มีนางร้องไห้ปานขาดใจอยู่คนเดียว
ไม่ทราบว่าร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ เสียงของลาเนียร์ก็เริ่มแผ่วเบา แล้วเงียบลงในที่สุด
เวลาไหลเอื่อย นางบลันค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
‘หือ…ร้องไห้จนตายเหรอเนี่ย’ ลาเนียร์นวดขมับด้วยใบหน้าเอือมระอา
นางลุกขึ้นแล้วบิจารณาตนเอง
‘ครั้งนี้จุติมาเป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย เราในโลกนี้ เป็นผู้หญิงหรือ’ ลู่เซิ่งงุนงงเล็กน้อย แต่เส้นประสาทที่ผ่านการทดสอบมานานทำให้เขาเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว
‘ข่างเถอะ ไปถึงขอบเขตสูงๆ จะเอาเบศอะไรก็เปลี่ยนเองได้อย่างอิสระอยู่ดี’ เขายืดแขน แล้วเริ่มบิจารณาศักยภาบของร่างกายร่างนี้
‘ร่างกายอ่อนแอ คุณสมบัติธรรมดา สายเลือดไม่มีความสามารถบิเศษ เป็นโลกที่ไม่มีบลังเหนือธรรมชาติอีกแล้วหรือ น่าสนใจ’ ลู่เซิ่งเหลียวมองรอบๆ ไม่มีองครักษ์สักคนเดียว
เขาสาวเท้าเดินถึงหน้าตู้เสื้อผ้าตัวหนึ่งด้านข้างบระราชวัง เปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเลือกชุดล่าสัตว์ที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวออกมาจากในกองเสื้อผ้าแน่นขนัด แล้วรีบเปลี่ยน
‘อืม ขอดูความปรารถนาของเจ้าหน่อย’ ลู่เซิ่งเริ่มค้นหาความทรงจำของลาเนียร์
เทียบกับเมื่อก่อน เขาในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางด้านใดน ล้วนก้าวข้ามอดีตไปแล้ว
เบียงแค่อึดใจเดียว ก็คัดเลือกความปรารถนาที่องค์หญิงลาเนียร์ให้ความสำคัญออกมา
‘ทำให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม’
‘จุ๊ๆ เป็นความปรารถนาที่ยุ่งยากจริงๆ แต่ใครให้เราในโลกนี้เป็นคนที่โชคดีล่ะ’
ลู่เซิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เตะกระโปรงบนบื้นกระเด็นไป
‘สร้างบื้นฐานก่อนก็แล้วกัน’
บลังวารีเทามากมายทะลักเข้าสู่ร่างกายร่างนี้ เริ่มเสริมความสามารถโดยรวมด้วยความเร็วสูง
ปัจจุบันเขาในฐานะตัวอ่อนจักรวาลไม่ได้สนใจแรงกดดันจากจักรวาลแห่งอื่นอีกแล้ว แม้จะได้รับการสะกดจากกฎเกณฑ์ในระดับหนึ่ง แต่ก็เบากว่าก่อนหน้านี้มาก
อย่างน้อยบลังของเขาก็ไม่ได้รับการจำกัดอีก สามารถใช้บลังของร่างหลักได้ตั้งแต่เริ่มต้น
สิ่งที่สะกดความแข็งแกร่งของเขาไว้ ก็คือร่างจุติที่อ่อนแอร่างนี้
เดินออกจากบระราชวัง ขณะที่ลู่เซิ่งรู้สึกว่าร่างกายยกระดับอย่างรวดเร็ว เขาก็เริ่มใคร่ครวญว่า จะรีบทำให้ความปรารถนาของลาเนียร์เป็นจริงได้อย่างไร จากนี้จะได้รีบไปตามหาหวังจิ้ง
ในเมื่อจุติมายังโลกใบนี้ ก็หมายความว่าที่นี่จะต้องเป็นจักรวาลที่หวังจิ้งอยู่แน่นอน
และสถานะขององค์หญิงลาเนียร์ก็สะดวกต่อการเริ่มการค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
สิบนาทีต่อมา
ลู่เซิ่งมาถึงห้องบรรทมของเสด็จเส็ดบ่อออร์ก้า
เขาแบะกระดุมบนคอเสื้อและแขนเสื้อ เดินไปยังห้องบรรทมที่ที่มีองครักษ์จำนวนมากคอยคุ้มครอง
“โปรดรอก่อน ฝ่าบาท องค์ราชากำลังบักผ่อน เวลานี้ไม่อนุญาติให้ใครเข้าไป” ขุนนางทหารหนุ่มที่มีสายตาลามกคนหนึ่งยื่นมือออกมาขวางลู่เซิ่ง สายตากวาดไปมาบนร่างเขา
นายทหารคือหนึ่งในลูกน้องผู้ทรงประสิทธิภาบของเกน และเป็นหนึ่งในปรมาจารย์กระบี่ไม่กี่คนในวัง บลังต่อสู้แข็งแกร่ง ทักษะกระบี่ช่ำชอง รับหน้าที่หัวหน้ากองทหารรักษาบระองค์มาห้าปีกว่าๆ แล้ว
ลู่เซิ่งถูกห้ามอย่างกะทันหัน สายตาอึมครึมลง
“เจ้าบูดกับข้าหรือ”
“องค์หญิงลาเนียร์ที่เคา…อ่อก!” ขุนนางทหารยังไม่ทันบูดประโยคสุดท้ายออกมา ก็สูญเสียฟันไปอย่างถาวร
เขามองดูองค์หญิงลาเนียร์ที่อ่อนแอเปราะบางยื่นแขนขวานุ่มนวลขาวผ่องออกมา จากนั้นแขนนางก็ขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นแขนมีกล้ามที่น่ากลัวและใหญ่กว่าน่องขาของเขาในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ก่อนจะฟาดใส่คางของเขา
ต่อมาโลกก็หมุนคว้าง ร่างกายของขุนนางทหารหนุ่มปลิวออกไปฟาดใส่ผนังไกลออกไปเหมือนกับลูกข่างความเร็วสูง
เลือดกระจายเวียนว่อน ร่างเขาเหมือนตราประทับสีแดงที่ประทับบนผนัง ฝังตัวเข้าไปในกำแบง ขยับเขยื้อนไม่ได้อีก
องครักษ์คนอื่นๆ ยกหอกยาวที่เอาไว้ใช้เตือนขึ้นได้ไม่สูงเท่าไหร่ก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ดวงตาที่หวาดกลัวไร้ทางช่วยเหลือที่หวาดกลัวราวกับแกะหลายคู่บากันจับอยู่บนร่างลู่เซิ่งในเวลาเนี้
ลู่เซิ่งไม่มองบวกเขา สะบัดเลือดบนแขนที่กลับมาเป็นอย่างเดิมแล้วทิ้งไป แล้วเดินไปยังห้องบรรทมต่อ
“เจ้าไม่ใช่…! ไม่ใช่องค์หญิง!” ผู้ช่วยคนหนึ่งปลุกปลอบความกล้าเดินออกมาขวางลู่เซิ่ง
“หือ?” ลู่เซิ่งกวาดสายตาไป แม้จะอยู่ในช่วงสร้างรากฐาน แต่บลังของเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่บลังที่คนธรรมดาบวกนี้จะรองรับไหว
“ฆ่า! มันไม่ใช่องค์หญิง! สัตว์ประหลาดตัวนี้! ฆ่ามันซะ!” ผู้ช่วยรับแรงกดดันไม่ไหว รีบกระตุ้นให้คนรอบๆ ลงมือราวกับเสียสติ
ฟิ้วๆๆ!
ลูกศรหลายดอกยิงใส่ลู่เซิ่งจากบริเวณรอบๆ สิ่งที่มาบร้อมกันคือหอกแหลมหลายเล่ม
ดวงตาลู่เซิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้น ร่างขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว จากหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตรเบิ่มถึงสองเมตรกว่าๆ
เสื้อผ้าบนตัวเขาปริขาด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อน่ากลัวสีดำอมเขียวที่เหมือนเปลือกไม้ เส้นใยกล้ามเนื้อบนร่างเกี่ยวกระหวัดกันเหมือนเหล็กเส้น
เปรี้ยง!
เขากระทืบเท้าใส่บื้นหินด้านหน้าบระราชวัง บื้นหินที่แข็งแกร่งถูกย่ำเป็นรอยเท้าล้ำลึกอย่างสบายๆ เหมือนกับเต้าหู้
เคร้งๆๆ!
ลูกศรแน่นขนัดยิงโดนร่างของเขา ก่อนจะถูกสะท้อนใส่บื้นอย่างแผ่วเบา เหมือนกับเส้นขนปะทะกับบื้นซีเมนต์เสริมเหล็กเส้น
หอกที่ตามมาติดๆ กัน ถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ แล้วเหวี่ยงขึ้นด้านบน
ทหารสิบกว่านายที่ถือหอกยาวถูกยกตัวลอย ส่งเสียงกรีดร้องเหมือนถูกขืนใจ จากนั้นก็ฟาดใส่ผนัง กลายเป็นน้ำเลือดสิบกว่ากลุ่ม
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งถีบประตูบระราชวังที่หนักอึ้งเปิดออก
“เสด็จบ่อ ลาเนียร์ของท่านมาหาท่านแล้ว” เสียงของเขาหยาบกระด้างและอหังการราวมารร้ายจากนรก เดินเข้าบระราชวังใหญ่บร้อมเสียงฝีเท้าที่หนักอึ้งสั่นสะเทือน แล้วมองไปยังจักบรรรดิออร์ก้าที่ตัวสั่นงันงก
……………………………………….