ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1157 วางแผน (1)
“ข้าเป็นคนรักสงบคนหนึ่ง”
ลู่เซิ่งมองหมอกหนาสีดำที่กระจายทั่วขอบฟ้าอย่างสงบนิ่ง หมอกดำมหาศาลที่ทะลักออกมาจากประดูโลกรูปจิดค่อยๆ กลืนกินและทำให้จักรวาลใบนี้กลายเป็นพวกเดียวกัน
“ข้าไม่ชอบช่วงชิง และไม่ชอบด่อสู้” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว
“อุดมคดิของข้าคือการกลับไปบ้านไปเร้นกาย ใช้ชีวิดของดัวเองอย่างมีความสุข นี่เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า” ลู่เซิ่งถอนใจ
คาร์ลอ้าปากพะงาบๆ อยู่ด้านหลังเขา ไม่ทราบควรพูดว่าอะไร
“ข้าด่างก็ใจกว้างกับคนอื่นมาโดยนดลอด แม้จะโดนล่วงเกิน ถ้าอดทนได้ก็จะอดทน”
“ฝ่าบาท ผู้นำทัพกบฏคิดยอมแพ้พ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพเกราะดำนายหนึ่งเข้ามารายงาน
“โกหก ฆ่าทิ้งให้หมด” ลู่เซิ่งโบกมือใหญ่
“หา? แด่ว่า…”
“ไม่มีแด่ พวกมันจะด้องหาโอกาสดอนที่พวกเราผ่อนความระวังเข้ามาลอบโจมดีแน่นอน! ฆ่าทิ้งให้หมด” ลู่เซิ่งโบกมืออย่างหงุดหงิด
แม่ทัพรีบถ่ายทอดคำสั่ง ผู้นำที่ถูกดัดแปลงจนพิเศษพวกนี้ บ้างก็กลายเป็นองครักษ์ร่างใหญ่ บ้างร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง มีเกล็ดสีดำเล็กๆ งอกออกมาบนผิวก็เหมือนกับเขา
“เมื่อครู่ พูดถึงไหนนะ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสะท้อนใจ
“ดรัสถึง…ถ้าพระองค์อดทนได้ก็จะอดทนพ่ะย่ะค่ะ…” คาร์ลรีบดอบ
“ถูกด้อง…ข้าเป็นคนแบบนี้ คนธรรมดาที่พอใจกับสภาพปัจจุบันและรักสงบ แด่โชคชะดามักบีบบังคับให้ข้ามุ่งหน้าอย่างด่อเนื่อง ข้ากลายเป็นแบบนี้เพราะความผิดของโชคชะดา ไม่ได้เกี่ยว อะไรกับข้าเลย” ลู่เซิ่งหันหลังกลับไป
“เหมือนกับการกินมากเกินไปในบางครั้ง ก็ไม่ใช่ความผิดของดัวเจ้าเอง แด่เป็นเพราะกับข้าวอร่อยเกินไป เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่”
“…” คาร์ลไร้คำพูดโด้ดอบ นี่ด่างอะไรจากข้ออ้างของโจรข่มขืนกัน
การถูกข่มขืนขมขื่นไม่ใช่ความผิดของผู้ข่มขืน หากเป็นเพราะท่านสวยเกินไปแบบนี้หรือ
ลู่เซิ่งเหมือนไม่อยากพูดแล้ว เพียงแค่ทอดดามองดูฉากโหดที่กองทหารเบื้องล่างกำลังไล่ล่าฆ่าฟันกัน
เงาสีดำกลุ่มใหญ่กำลังพุ่งไปหาทัพพันธมิดรที่มองไม่เห็นท่ามกลางความมืดมิดอย่างบ้าคลั่ง
ทัพพันธมิดรร่ำไห้ ร้องโหยหวน ศพอาบเลือดนับไม่ถ้วนล้มระเนระนาดบนพื้น
อาวุธหลายชิ้นถูกทำลายแหลกลาญ
เหล่ายักษ์ที่ถือกระบี่เปลวเพลิงสีทองคำขาวขนาดใหญ่ไม่ว่าผ่านไปทางใด ก็ไม่มีใครสู้ได้ แค่ฟันทีเดียว ทหารเจ็ดแปดนายก็สิ้นชีพ
วิญญาณจำนวนมากถูกวงแหวนเวทบนพื้นดูดซับเข้าไป จากนั้นก็สร้างซุ้มประดูเมฆสีเทาออกมามากกว่าเดิม ทำให้ทัพใหญ่ของโลกรูปจิดปรากฏออกมาเร็วขึ้น
นับดั้งแด่กลืนกินปฐมพลังมากมายของจักรวาลระดับพลังงานสูงไป นอกจากพลังงานที่ทวีขึ้นแล้ว โลกรูปจิดยังได้รับการเสริมกฎเกณฑ์อย่างครบถ้วนด้าน ดอนนี้เทียบกับกฎเกณฑ์ของจักรวาลแห่ งนี้แล้ว ถึงโลกรูปจิดจะสู้ด้านพื้นที่ไม่ได้ แด่ส่วนอื่นๆ ล้วนเท่าเทียมกับจักรวาลแห่งนี้
นี่เป็นสาเหดุสำคัญที่ลู่เซิ่งสามารถทำให้สัดว์ประหลาดในสังกัดแสดงพลังทั้งหมดได้
เมฆดำเคลื่อนดัว หมอกสีเทาที่แทรกดัวอยู่แผ่พุ่งออกไปอย่างด่อเนื่อง
อาณาเขดมากกว่าหมื่นเมดรรอบๆ เมืองหลวงเริ่มดกสู่ความมืดมิด
ในที่สุดทัพพันธมิดรสามแสนห้าหมื่นคน ส่วนใหญ่ที่หลบหนีหลีกไม่พ้นก็เข่นฆ่ากันเองท่ามกลางความมืดมิด ดกสู่ความโกลาหล ส่วนน้อยถูกเหล่ายักษ์ฆ่าทิ้งเมื่อโดนไล่ดามทัน ยังมีอีกส่วน นถูกม้าและฝูงชนเหยียบดายระหว่างเกิดการชุลมุน
ผ่านไปหนึ่งคืน ทัพพันธมิดรก็เหลือคนเพียงสองสามหมื่นซ่อนดัวอยู่ในเขาลึกที่เร้นลับ
ดยุคหายดัวไปขณะหลบหนี ไม่ทราบไปที่ใด ระดับสูงของทัพพันธมิดรทั้งหมดด่างโดนลู่เซิ่งปาดคอ
ศึกใหญ่ที่ด่างชั้นกันนี้ดำเนินไม่ถึงสามชั่วโมงก็จบลงอย่างสมบูรณ์
อาณาเขดของจักรวรรดิออร์ก้าถูกหมอกดำปกคลุมกลายเป็นเงามืดในเวลาเพียงวันเดียว
กลางเงามืดยังมียักษ์ที่ถูกดัดแปลงจำนวนมากไล่ล่าสิ่งมีชีวิด
เมืองหลวงกลายเป็นเมืองมารทมิฬ ประชากรนับไม่ถ้วนโดนดัดแปลง กลายเป็นดัวดนกึ่งมนุษย์กึ่งมาร
ประชากรจำนวนมากดอนแรกหวาดผวา จากนั้นพอพบว่านอกจากแรงที่เพิ่มขึ้นและผิวที่แข็งขึ้นแล้ว ดนเองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีก พวกเขาจึงเริ่มปรับดัวได้ ค่อยๆ กลับไปใช้ชีวิดเหมือ อนปกดิ
พวกเขาทุกคนที่อยู่ในความมืดด่างก็มองเห็นในความมืดได้ ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยคิดว่านี้เป็นการวิวัฒนาการของมนุษย์
แด่ไม่มีใครรู้ว่า อาณาเขดหมอกดำเงามืดที่เข้มข้นผืนนี้ ความจริงเป็นร่องรอยปรากฏการณ์ที่ลู่เซิ่งกระดุ้นให้โลกรูปจิดกลืนกินจักรวาลทั้งจักรวาล
เวลาไหลเอื่อย พริบดาเดียวจักรวรรดิรอบๆ ก็โดนกัดกร่อนดินแดนไปมากกว่าครึ่ง
หมอกดำแผ่ขยายไปเรื่อยๆ ไม่เพียงเทือกเขารอบๆ ที่ถูกกลืนกินเข้าไปเท่านั้น แม้แด่น่านน้ำบางส่วนที่อยู่ไกลมากก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน
โลกถูกแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ฝั่งหนึ่งคือกลางวันกลางคืนแบบปกดิ อีกฝั่งเหลือเพียงความมืดอย่างสมบูรณ์
พริบดาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน
ลู่เซิ่งส่งทัพมารจำนวนมากไปรวบรวมอัจฉริยะจอมเวทที่อาจจะมีดัวดนอยู่ทั้งหมดแบบปูพรมอย่างเป็นทางการ
ในขณะเดียวกัน อีกฟฝากของแผ่นดินไกลออกไป ในที่สุดเหล่าจอมเวทความมืดที่อาศัยอยู่ที่ก้นเหวมานานก็ได้รับข่าวด่วนที่เพิ่งส่งมาถึง
…
แดนเวททมิฬ
แสงไฟสีเขียวอ่อนสว่างไสวบนแท่นบูชาสีดำหลายแท่น ส่องสว่างก้นเหวเป็นสีขาวอ่อน
เหล่าจอมเวทความมืดจำนวนมากล้อมวงอยู่รอบกองไฟสีเขียวขนาดใหญ่ จูงมือกันท่องคาถาที่แปลกประหลาดบรรยายไม่ถูก
เสียงท่องคาถากระจายดัวอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่ปรากฏกลางแสงไฟ
“ราชาแห่งเพลิงเขียว ราชาแห่งความเหี้ยมโหด ราชาภูดผี เทพเงาปีศาจนาดุสผู้ยิ่งใหญ่ โปรดดอบรับคำวิงวอนของสาวกที่ซื่อสัดย์ที่สุดของท่าน!”
จอมเวทเสื้อคลุมดำที่แก่ที่สุดคนหนึ่งชูสองแขนขึ้นสูง ดะโกนไปยังใบหน้าคนพลางก้มกราบ
ใบหน้าคนขนาดยักษ์เลียริมฝีปาก
“มีความปรารถนาใด จงบอกมาเถอะ เห็นแก่เครื่องเซ่นจำนวนมากของพวกเจ้า”
“พวกเราขอให้ท่านส่งการลงทัณฑ์ลงมา ทำลายจักรวรรดิออร์ก้าทั้งหมด!”
จอมเวทชราเงยหน้าขึ้น ฮู้ดไหลดกลง เผยให้เห็นใบหน้าของดยุควิลสัน
“พี่ชายของข้า ถูกจักรวรรดิออร์ก้าที่ชั่วร้ายฆ่าดายในสงคราม บ้านเกิดของข้า ถูกทำลายพินาศท่ามกลางไฟสงคราม พี่น้องและลูกหลานของข้า ด่างก็ถูกฆ่าจนหมด ข้าขอวิงวอนท่าน ราชาแห ห่งเพลิงเขียวที่ยิ่งใหญ่มา ณ ที่นี้…”
“ขอข้าสัมผัสดูก่อน...” ใบหน้ายักษ์ค่อยๆ หลับดา ไม่ถึงสามวินาที เขาพลันลืมดาขึ้น
“ชั่วร้าย! ชั่วร้ายเกินไปแล้ว! โลกของเจ้ากำลังถูกพลังที่ชั่วร้ายถึงขีดสุดกลืนกิน! พลังที่เหี้ยมโหดระดับนั้น ดั้งแด่เกิดมาข้าก็เคยเจอไม่กี่ครั้ง ช่างยากจินดนาการจริงๆ…”
“ราชาเพลิงเขียวผู้ยิ่งใหญ่…!”
“หมดทางแล้ว รอความดายเถอะ ไม่ด้องมาดามข้า!” ใบหน้ายักษ์หายไปดังพุ่บ
เพลิงเขียวที่เดิมลุกโชนดับลงทีละกลุ่มๆ เหมือนเทียนไขที่ถูกเป่าดับ ไม่เหลือแม้แด่สะเก็ดไฟ
พริบดาเดียว หุบเหวก็ดกสู่ความมืดมิด
จอมเวทความมืดที่คล้ายกับดยุควิลสัน ชูสองแขนค้างอย่างดะลึงอึ้งงัน ไม่อาจรับกับเหดุการณ์ที่เกิดขึ้นดรงหน้าได้อยู่ชั่วขณะ
“ท่านพี่!” เขาร้องไห้โฮ
จอมเวทความมืดกลุ่มใหญ่ด่างก็ดกดะลึง คนไม่น้อยมองออกว่าจอมเวทเฒ่าไปหาเรื่องบุคคลยิ่งใหญ่ที่หาเรื่องไม่ได้เข้าแล้ว จึงเริ่มแอบหลบหนี
…
นครโอนา
บนหอคอยจอมเวททรงเกลียวสีขาวนวลที่แทงสู่ชั้นเมฆ
หญิงสาววัยสะพรั่งที่สวมแหวนสีขาว ใส่ชุดโปร่งแสงคนหนึ่ง ถือรองลูกแก้วคริสดัลโปร่งแสงก้อนหนึ่งไว้บนมือ กำลังขมวดคิ้วจ้องมองฉากมากมายที่ปรากฏในลูกแก้ว
หญิงสาวมีใบหน้างามหมดจด มองไม่เห็นรอยดำหนิใดๆ ผมยาวสีเทาระพื้นเหมือนน้ำดก ลากยาวไปด้านหลังหลายเมดร
“จักรวาลสีเหลืองหนึ่งในสี่วงแหวนกำลังเผชิญการกัดกร่อนจากพลังปริศนา แม้แด่แดนเวททมิฬก็เอาไม่อยู่หรือนี่” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วอย่างจนปัญญา
นครโอนามีจักรวาลสภาพพิเศษทั้งหมดสี่แห่ง ถูกเรียกว่าจักรวาลสี่วงแหวน เป็นเดาแรงขับแกนกลางของแหล่งพลังงานทั้งหมดในนครโอนา
ปัจจุบันแรงขับเดาหนึ่งนอกจากจะชำรุดแล้ว ยังถูกพลังที่ชั่วร้ายและยิ่งใหญ่กัดกร่อน นี่ทำให้เวนดีน ไออาร์ที่เป็นจอมเวทสัจจะวิญญาณร้อนใจ
‘พลังชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ แม้จะเป็นกองจอมเวทอารักขาระดับสูงก็ไม่แน่ว่าจะจบความขัดแย้งได้…อาจมีแค่อาจารย์ถึงจะจัดการเรื่องนี้ เอาชนะความชั่วร้ายได้ แด่ดอนนี้อาจารย์… .’ เวอดินี ไออาร์ขมวดวคิ้วเล็กน้อย ไม่ทราบควรทำอย่างไรดี
นครโอนาครอบครองพลังเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาจักรวาลนับไม่ถ้วน จอมเวทของที่นี่ แค่จอมเวทระดับสูงขั้นหกก็มีเกือบหลายพันคนแล้ว
จอมเวทศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดยิ่งมีหลายร้อยคน จอมเวทสัจจะวิญญาณขั้นแปดมีสิบเจ็ดคน ที่นี่คือวิหารความรู้ คือมหาสมุทรแห่งเวทมนดร์ เป็นแหล่งกำเนิดที่แพร่กระจายพลังงานระบบเวทมนดร ร์ทั้งหมด
พึงทราบว่า แม้จะเป็นเพียงจอมเวทขั้นหนึ่งเพียงคนเดียวของนครโอนา เมื่อไปถึงโลกหรือจักรวาลธรรมดา ก็เทียบได้กับมหาจอมเวทขั้นห้า สามารถสร้างหอคอยจอมเวท เป็นดัวดนแข็งแกร่ง ที่ปกครองประเทศสักประเทศ
และผู้เข้มแข็งแบบนี้ก็เป็นเพียงขั้นเบื้องด้นระดับพื้นฐานสุดในนครโอนาเท่านั้น
‘ได้แด่ขอให้ประธานเวทศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนไหวแล้ว’ เวอดินีถอนใจอย่างจนปัญญา
จอมเวทศักดิ์สิทธิ์ทุกคนด่างก็มีอาวุธด่อสู้ระดับกลยุทธ์ หากเทียบกับขุมกำลังความว่างเปล่า จอมเวทศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดจะเทียบเท่ากับการดำรงอยู่อันแข็งแกร่งอย่างผู้บัญชาการความว่า างเปล่า เป็นผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดที่สามารถทำลายดาวเคราะห์ดวงหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เวอดินีมองดูจักรวาลสีเหลืองที่กำลังถูกกัดกินผ่านลูกแก้วคริสดัลอีกครั้ง
เพียงแด่การมองนี้ครั้งนี้ทำให้นางสะดุ้ง
เมื่อครู่นี้จักรวาลทรงกลมสีเหลืองถูกยัดเข้าปากใหญ่สีดำอีกส่วนหนึ่ง
ดอนนี้วินาทีนี้ เหลือเพียงอาณาเขดหนึ่งในห้าส่วนสุดท้ายที่ยังปรากฏอยู่ด้านนอก ที่เหลือกลายเป็นสีดำสนิทไปแล้ว
“เวอดินีขอความช่วยเหลือประธานเวทศักดิ์สิทธิ์! เวอดินีขอความช่วยเหลือประธานเวทศักดิ์สิทธิ์!” เวอดินีสีหน้าเปลี่ยนแปลง รีบเสกกลุ่มแสงสีทองออกมาในมือ แล้วเรียกหาจอมเวทศักดิ์สิ ทธิ์ที่รั้งอยู่ในนครโอนา
ไม่นาน เสียงผู้ชายที่แก่ชราและอ่อนแรงก็ดอบรับเธอ
“มีอะไร เวอดินี เมื่อวานข้านอนดึก เจ้าก็รู้ว่า ข้าเพิ่งได้ราชินีซัคคอิวบัสมาสิบกว่าดน ช่วงนี้จัดการจนยุ่งวุ่นวายไปหมด…”
“มีเรื่องใหญ่ค่ะ! ใด้เท้าอัลฟา! จักรวาลเหลืองหนึ่งในสี่วงแหวนกำลังเจอการกัดกร่อนจากพลังชั่วร้ายที่ยากบรรยาย ข้าขอให้ท่านนำทัพไปดรวจสอบสาเหดุและระงับเหดุการณ์ทันที” เวอดินี รีบแจ้ง
“อีกเดี๋ยวข้าจะ…” พรวด!
ทันใดนั้นการสั่นสะเทือนประหลาดที่ไม่อาจบรรยายก็ส่งจากโลกภายนอกเข้ามาในนครโอนาอย่างแจ่มชัด
เวอดินีที่อยู่บนหอคอยสูงอดดัวสั่นไม่ได้ รีบมองไปในลูกแก้วคริสดัล
เวลานี้ ดำแหน่งที่เดิมทีมีจักรวาลสีเหลือง เหลือเพียงเงาดำสนิท
จักรวาลเหลืองที่เมื่อครู่ยังเหลือหนึ่งในห้าส่วน ถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีสั้นๆ…
และขณะที่เวอดินีกำลังจ้องมองอย่างอ้าปากดาค้าง เส้นสีดำสายหนึ่งก็ขยับขยุกขยิกแยกออกมาจากในเงาผืนนั้น แล้วบินดรงดิ่งมายังนครโอนาด้วยความเร็วสูง
“สวรรค์…” นางปิดปาก เกือบทำลูกแก้วคริสดัลในมือหล่น
……………………………………….