ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1158 วางแผน (2)
“เกิดอะไรขึ้น เวอดินี” เสียงของจอมเวทศักดิ์สิทธิ์ดังมาจากกลุ่มแสงสีทอง
“พวกเขามาแล้ว…คนที่กินจักรวาลสีเหลือง! พวกเขามาแล้ว!” เวอดินีแสดงสีหน้าหวาดกลัว
สัตว์ประหลาดที่กินจักรวาลแห่งหนึ่งได้ไวขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จอมเวทขั้นแปดอย่างนางจะจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว
แม้นางจะสามารถทำลายสิ่งมีชีวิตในจักรวาลขนาดใหญ่อย่างนั้นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะทำลายจักรวาลทั้งจักรวาลไปด้วยกันได้
เหมือนกับ การขัดฝุ่นให้กับลูกเหล็ก เป็นคนละเรื่องกับการกินลูกเหล็กโดยสิ้นเชิง
เวอดินียังคิดจะพูดอะไรอีก แต่ไม่ทันการณ์แล้ว อีกฝ่ายเร็วเกินไป
นางถึงขั้นไม่ได้ยินว่าจอมเวทศักดิ์สิทธิ์พูดอะไร
เพียงแต่ทันเปิดการรายงานป้องกันทางอากาศของนครโอนาเท่านั้น
พร้อมกับที่เสียงเสียดหูแหลมคมดังสะท้อนทั่วอากาศ
ในที่สุดนครโอนาที่เก่าแก่และแข็งแกร่งแห่งนี้ก็เผชิญการรุกรานจากศัตรูครั้งใหม่หลังผ่านไปหลายหมื่นปี
เกราะโล่ป้องกันสีทอง ปรากฏออกมากลางอากาศชั้นแล้วชั้นเล่า อักขระสีขาวและวงแสงสีรุ้งนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นในแต่ละแห่งของนครโอนาอย่างต่อเนื่อง
พริบตาที่การเตือนภัยดังขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในนครประเทศแห่งนี้ ที่ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดล้วนเป็นจอมเวทแห่งนี้ ต่างก็เตรียมการป้องกันศัตรูจากภายนอก
แสงสีทองสิบกว่าสายพุ่งจากพื้นสู่ฟากฟ้า นั่นคือจอมเวทสัจจะวิญญาณขั้นที่แปดสิบเจ็ดคน พลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของนครโอนา
พวกเขามีรูปร่างต่างกันไป บ้างเป็นมนุษย์ บ้างอยู่ในสภาพอื่น พลังของทุกๆ คนต่างเทียบได้กับเทพเจ้า แสงสีรุ้งหลายกลุ่มวนเวียนรอบตัว คัมภีร์เวทมนตร์ที่กะพริบแสงเจิดจ้าหลายเล่ม บินวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนต่างเงยหน้ามองดูควันดำน่ากลัวที่เข้าใกล้เกราะโล่สีทอง
คลื่นที่ชั่วร้ายและแข็งแกร่งที่ควันดำนั้นปล่อยออกมา แม้จะมีเกราะโล่ป้องกันกั้นเอาไว้ ก็ทำให้เขาตัวสั่นและเย็นเยียบไปทั่วร่าง
“นี่มันคืออะไร…?!” แสงสีขาวกะพริบ ร่างของเวอดินีปรากฏขึ้นด้านหน้าจอมเวทสัจจะวิญญาณทั้งหมด
นางเงยหน้ามองควันดำที่เข้าใกล้อย่างรวดเร็ว พลังสายตาของนางเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในควันดำนั้นมีร่างคนร่างเดียว
ยักษ์สูงใหญ่สวมเกราะดำที่กำยำถึงขีดสุด
ยักษ์ตนนั้นมีเกล็ดสีดำ สองตาสีเลือด บนหมวกเกราะมีเขาสองแท่ง หนึ่งสั้นหนึ่งยาว กล้ามเนื้อขดตัวเกี่ยวกระหวัดเหมือนรากไม้แก่ๆ ให้ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรงโดยอธิบายเป็นคำพู ดไม่ได้
เมื่อระยะห่างใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ยักษ์เกราะดำก็ลดความเร็วลง
ไม่นาน มันก็หยุดลงใกล้ๆ เกราะโล่แสงสีทอง
“ขออภัย ที่นี่มีสตรีชื่อหวังจิ้งหรือไม่” เขายื่นมือออกมาเคาะเกราะโล่แสง อ้าปากส่งเสียงเข้ามาในนครโอนา
“ข้ามีธุระกับนาง ช่วยแจ้งให้ทีได้ไหม ”
เวอดินีกำลังจะยกแขนขวาสั่งให้ทุกคนโจมตีสุดกำลัง จู่ๆ ได้ยินเสียงนี้ นี่เป็นคลื่นเสียงที่ส่งเข้ามาด้วยภาษาภัยพิบัติ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเข้าใจ
นางพลันงุนงง
“ท่านตามหาหวังจิ้งทำไม นางเป็นศิษย์พี่ของข้า ตอนนี้ติดตามอาจารย์ไปยังแนวหน้าแล้ว” เวอดินีรีบใช้ภาษาภัยพิบัติตอบ
“ไปแนวหน้าแล้วหรือ?” ลู่เซิ่งพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“ถูกต้อง…ก่อนหน้านี้อาจารย์พบกับแขกลึกลับที่มาจากสหพันธ์ธารมารดาคนหนึ่ง จากนั้นก็พาศิษย์พี่ไปแนวหน้าเพื่อสู้กับขุมกำลังความว่างเปล่าทันที” เวอดินีพลันได้กลิ่นแผนร้ายที อธิบายไม่ได้
“เขาบอกไหมว่าจะกลับมาเมื่อไหร่” ลู่เซิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยเช่นกัน ทำไมถึงไม่ไปเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ กลับไปตอนที่เขามาหาคนพอดี ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ฝึกฝนไม่เพี ยงพอ เลยต้องฝึกฝนอีก เพื่อจะรับตำแหน่งของราชานครโอนาต่อไม่ใช่หรือ
“ไม่ทราบ อาจารย์ไม่ได้บอก แต่ข้าจำได้ว่าพวกเขาไปยังเขตครึ่งหน้าของธารมารดา” เวอดินีรีบเสริม
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วมุ่น
เขาสัมผัสได้ถึงแผนการของอีกฝ่ายแล้ว
นี่มันอะไร พาภรรยาของเขาไปทิ้งไว้ที่แนวหน้า เพื่อให้เขาตามไปเข้าร่วมสงครามที่แนวหน้าด้วยอย่างนั้นหรือ
เขารังเกียจแผนการแบบนี้
ตอนนี้ความจริงลู่เซิ่งเห็นชัดขึ้นแล้วว่า ขุมกำลังความว่างเปล่าไม่ได้อยากทำลายสหพันธ์พลังแห่งการดำรงอยู่จนสิ้นซาก
อย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงร่างชีวิตที่พลังแห่งความว่างเปล่าให้กำเนิดออกมา ถ้าหากทำลายพลังแห่งการดำรงอยู่อย่างแท้จริง อย่างนั้นพวกเขาก็จะหมดคุณค่า ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือถูกทำลาย กลายเป็นความว่างเปล่าเช่นกัน
ดังนั้นนี้จึงเป็นสาเหตุที่ขุมกำลังความว่างเปล่าไม่ยอมตัดสินใจ ลงมือดสู้ตัดสินมาโดยตลอดแม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างชัดเจน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ความจริงเขาจะเร้นกายหรือไม่ ล้วนไม่ส่งผลใดๆ ต่อทั้งสองฝ่าย
แต่แผนการของนครโอนาในตอนนี้ทำให้เขาไม่พอใจบ้างแล้ว
นี่เป็นการบอกเขาอย่างโจ่งแจ้งว่า ถ้าอยากจะตามหาภรรยา ให้มายังแนวหน้า
และขอแค่เขาไปยังแนวหน้า ก็จะต้องดึงดูดผู้เข้มแข็งจากขุมกำลังความว่างเปล่าจำนวนมากมารวมตัวกันแน่นอน โดยเฉพาะซีหนิง จะต้องให้ความสำคัญกับร่องรอยของเขาแน่
ถึงเวลานั้น ขอแค่ผสมโรงเล็กน้อย เขาไม่อยากสู้แต่ก็ต้องสู้
“เป็นความตั้งใจที่ชั่วร้ายจริง” ลู่เซิ่งถอนใจเฮือกหนึ่ง แล้วมองนครโอนาที่อยู่อีกฝั่ง
“ท่าน…ท่านจะทำอะไรน่ะ?!” เวอดินีตกใจเพราะสายตาที่แฝงเจตนาร้ายเข้มข้นของเขา
“อาจารย์ของเจ้า ได้ทำเรื่องที่สร้างความไม่พอใจมากให้แก่ข้า” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ดังนั้น ตอนนี้ข้าจะทำเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้เขาสำนึกเสียใจเช่นกัน”
“ท่าน...ท่าน...” เวอดินียังคิดจะพูด แต่นางกลืนเสียงต่อจากนั้นกลับลงคอไป
นางเห็นอย่างชัดเจนว่า ปากของลู่เซิ่งค่อยๆ อ้าออก ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนจากขนาดเท่าไข่ห่านในตอนแรก เป็นขนาดเท่าอ่างล้างหน้า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำขนาดยักษ์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าเมตร
ฟู่…
หมอกดำนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากในหลุมดำ ปกคลุมเกราะโล่แสงสีทองของนครโอนาอย่างรวดเร็ว
หมอกดำและแสงทองเพิ่งสัมผัสกัน ก็ส่งเสียงกัดกร่อนกระดูกดังฉ่าๆ ทันที
“จงกลืนกิน…” ลู่เซิ่งกางแขนออก ท้องฟ้าของนครโอนามืดลงอย่างรวดเร็ว เมฆดำนับไม่ถ้วนพลิกตัวมารวมกันที่นี่ สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ประจุไฟฟ้าระเบิด
ตูม!
ทันใดนั้น หนวดปลาหมึกขนาดยักษ์โปร่งแสงเส้นหนึ่งก็ลอยออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลังลู่เซิ่ง แล้วพุ่งใส่เกราะโล่แสงสีทองขนาดใหญ่
ต่อมาก็ตามด้วยหนวดเส้นที่สอง
เส้นที่สาม เส้นที่สี่…หนวดยักษ์นับไม่ถ้วนพากันโจมตีเกราะโล่แสงสีทองเหมือนกับห่าฝน
“ป้องกัน!” เวอดินีเคยเห็นภาพน่ากลัวที่หมอกดำเหล่านั้นกลืนกินจักรวาลทั้งจักรวาลมาก่อน
ระดับที่สามารถจู่โจมจักรวาลทั้งจักรวาลได้ นั่นคือขอบเขตที่มีแต่มหาจอมเวทขั้นเก้าถึงจะไปถึงได้
อยู่กันคนละระดับกับจอมเวทสัจจะวิญญาณขั้นแปดอย่างพวกนางโดยสิ้นเชิง
ถ้าเกราะโล่แสงสีทองชั้นนี้ถูกเจาะ ก็หมายความว่า นครโอนาจะเกิดอันตราย!
“ป้องกัน! ต้องป้องกันไว้ให้ได้!” เวอดินีปล่อยสายฟ้าสีทองสายหนึ่งออกมาจากมือเป็นคนแรก เชื่อมต่อกับแสงสีทองบนท้องฟ้าในพริบตา
จอมเวทสัจจะวิญญาณที่เหลือด้านหลังนาง พากันเลียนแบบ ปล่อยสายฟ้าสีทองที่สร้างจากพลังเวทบริสุทธิ์ออกมาเชื่อมต่อกับเกราะโล่ ช่วยป้องกันหนวดและหมอกดำจากโลกภายนอก
หลังจากลู่เซิ่งอัญเชิญสัตว์มารขนาดยักษ์ออกมาเสร็จ ก็ไม่รอดูผลลัพธ์ หมุนตัวบินกลับไปตามทางเดิม
นี่เป็นเพียงคำเตือนเล็กๆ ด้วยวิจารณญาณของผู้เข้มแข็งระดับอาจารย์ของหวังจิ้ง นครโอนาจะต้องมีการเชื่อมต่อระยะไกลที่ลี้ลับกับนางแน่นอน
การโจมตีนครโอนา เป็นแค่การมอบบทเรียนเล็กๆ ให้เขาเท่านั้น
อย่างไรก็เป็นกิจการในอนาคตของภรรยา ลู่เซิ่งไม่อยากจะทำลายนครแห่งจอมเวททิ้งจริงๆ
เขากลายเป็นเส้นสีดำตัดทะลุความว่างเปล่าผืนใหญ่ไปพร้อมกับหมอกดำเข้มข้น ก่อนกลับถึงเมืองหลวงออร์ก้า
จักรวาลแห่งนี้ถูกเขากินลงไป กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกรูปจิตเรียบร้อยแล้ว
หลังหลอมรวม เขายังจำเป็นต้องย่อยสลายอาหารที่มีขนาดมโหฬารนี้อย่างสมบูรณ์
และวิธีการหลอมรวมก็ยังคงเหมือนกับครั้งก่อน
เขาจำเป็นต้องแยกร่าง จากนั้นก็รวมร่างออกมาใหม่ ระหว่างนี้จำเป็นต้องใช้พลังอาวรณ์จำนวนมาก
ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่งกลับถึงเมืองหลวง ก็จำเป็นต้องดูดซับปฐมพลังจักรวาลจำนวนมาก เพื่อแบ่งพลังอาวรณ์ออกมาจากด้านใน แล้วมอบให้แก่ดีปบลู
พลังอาวรณ์ของจักรวาลแห่งหนึ่ง แม้จักรวาลแห่งนี้จะใหญ่เท่าดาวฤกษ์ดวงเดียว แต่พลังอาวรณ์ที่สั่งสมไว้ก็มีมหาศาล
หลังลู่เซิ่งกลับถึงเมืองหลวง ก็พักผ่อนอีกหนึ่งเดือน กลืนกินพลังอาวรณ์ของจักรวาลแห่งนี้จนเกลี้ยง แล้วแบ่งทั้งหมดออกมา
ยังดีที่เขากลืนกินเป็นจักรวาลที่หลอมรวมเข้ากับโลกรูปจิตแล้วเขากลืนกินหลอมรวมเข้ากับโลกรูปจิตแล้ว
ไม่อย่างนั้นหากเปลี่ยนสถานที่ เขาไม่สามารถดูดซับพลังอาวรณ์ได้เร็วขนาดนี้
จักรวาลที่ถูกหลอมรวมเข้ากับโลกรูปจิต แม้จะไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจ ถึงขั้นปรับเปลี่ยนกฎได้อย่างใหญ่หลวง ดัดแปลงโลกตามใจอยากเหมือนโลกรูปจิต
แต่ก็ครอบครองความสามารถที่กระตุ้นให้กฎทำงาน เพื่อปรับแต่งสสารพลังงานได้ในระดับหนึ่ง
นี่ทำให้ลู่เซิ่งได้รับความสะดวกสบายในระดับสูงสุด และทำให้เขาเชื่อมั่นกว่าเดิมว่า ทิศทางที่ตัวเองเดินเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
ขณะเดียวกัน บ่อเลือดคืนชีพที่เขาติดตั้งในเมืองหลวงออก้าโอนาก็สามารถปรับกฎเกณฑ์บางส่วนให้เรียบง่ายและผ่อนปรนขึ้นได้อย่าง่ายดาย เพราะจักรวาลถูกกลืนกิน
เสด็จแม่ของลาเนียร์ถูกฟื้นคืนชีพสำเร็จ และแม้จักรพรรดิเรดดมันน์จะสติไม่สมประกอบบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนพี่ชายญที่หายตัวไปก็ถูกเจอตัวจากการค้นหาแบบปูพรมข ของลู่เซิ่ง
เขานอนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง รวบรวมบริวารด้วยชื่อของนิกายนอกรีต คลุมหน้าคลุมตาวางแผนแก้แค้นอย่างซับซ้อน เพาะเลี้ยงนักฆ่าขึ้นมา
ลู่เซิ่งใช้เลือดเนื้อสร้างลาเนียร์คนใหม่ จากนั้นก็คัดลอกความทรงจำของลาเนียร์ใส่เข้าไป
ในสถานการณ์ที่กายเนื้อเหมือนกัน ความทรงจำและประสบการณ์ในอดีตคือสิ่งสำคัญที่ใช้สร้างนิสัยและบุคลิกภาพของคนคนหนึ่งขึ้นมา
ลาเนียร์ที่เกิดใหม่ เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน แต่นิสัยของนางหยุดอยู่ในพริบตาที่ฟุบหน้าร้องไห้อยู่ในพระราชวังของเสด็จแม่
ในที่สุด ครอบครัวก็อยู่กันพร้อมหน้า
ลู่เซิ่งใช้วิธีการนี้ทำให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนก่อนหน้าอย่างอ้อมๆ ความปรารถนาของลาเนียร์ที่ติดอยู่ในใจเขาจึงได้รับการเติมเต็ม
และการจุติของโลกใบนี้ก็ถึงเวลาบอกลา
สิ่งเดียวที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือ รีบย่อยสลายจักรวาลที่เพิ่งกินไป เปลี่ยนมันเป็นพลังโดยสมบูรณ์ เพียงแค่ไม่ได้นำจักรวาลที่กลืนกินมาขยับขยายพื้นที่และเพิ่มกฎเกณฑ์กับปฐมพลัง โดยไม่ตั้งใจ เหมือนจักรวาลแห่งอื่น
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่การเพิ่มกฎเกณฑ์และพื้นที่ หรือเพิ่มปฐมพลังจักรวาล หากเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง
เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่โลกรูปจิตในสถานการณ์ที่รักษาพื้นที่ไว้
ไม่นานนัก เขาก็ได้รับข่าวจากนครโอนา ศิษย์น้องของหวังจิ้งที่ชื่อเวอดินีคนนั้นกลัวเขาไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนไปตรงไหนของแนวหน้า ไม่เพียงระบุอาณาเขตที่เป็นไปได้มา ยังจัดเร รียงวิธีการตามหาอาจารย์แบบต่างๆ ออกมาเป็นตารางอย่างละเอียดด้วย
นางหวังว่าเขาจะยกเลิกการกัดกร่อนนครโอนา
ปลาหมึกซึ่งเป็นสัตว์มารขนาดมโหฬารตัวนั้นยังหมอบอยู่นอกเกราะโล่สีทองของนครโอนา คอยกลืนกินพลังงานเวทจำนวนมากทุกวัน พวกนางใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว