ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1159 แพร่กระจาย (1)
ในสายน้ำธารมารดาสีรุ้ง
ลู่เซิ่งชะโงกศีรษะออกมาจากโลกรูปจิตบนผนังด้านในของธารมารดา
ลักษณะของโลกรูปจิตบนผนังด้านในมีขนาดเท่ากับลูกมะพร้าวสีรุ้งลูกหนึ่ง วังวนขนาดต่างๆ หมุนอยู่ด้านใน
‘การกลืนกินสำเร็จแล้ว เพียงแต่ย่อยสลายช้าเกินไป…ต้องหาวิธี’ ก่อนเขากลืนกิน ได้คำนวณว่าพลังอาวรณ์ที่ดูดซับน่าจะเพียงพอ อย่างไรพลังอาวรณ์ที่สะสมในจักรวาลแห่งหนึ่ง แม้จะแย่ ขนาดไหน ก็ไม่มีทางน้อยเกินไป
สิ่งที่ประหลาดก็คือ หลังจากเขาใช้เวลาแยกพลังอาวรณ์ออกา ค่อยพบว่าพลังอาวรณ์ของจักรวาลสีเหลืองแห่งนี้มีไม่เยอะเท่าไหร่
ไม่ถึงหนึ่งหมื่นล้านหน่วยด้วยซ้ำ
พลังอาวรณ์แค่นี้ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าจะย่อยจักรวาลได้อย่างสมบูรณ์
‘การย่อยปฐมพลังและดินแดนในจักรวาลส่วนที่กลืนกินไปในครั้งก่อน ใช้พลังอาวรณ์ของเราไปเกือบสามหมื่นล้านกว่าหน่วย ปฐมพลังจักรวาลที่กินในครั้งนี้เหนือกว่าครั้งก่อน สสารและดินแดน นที่หลอมรวมเข้ามามีเยอะกว่าครั้งล่าสุดมาก แต่พลังอาวรณ์กลับมีไม่ถึงหนึ่งหมื่นล้านหน่วยด้วยซ้ำ’
ลู่เซิ่งออกจากสายน้ำ เผยร่างท่อนบนอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง
สายน้ำในธารมารดาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงและสสารข้นแหนียวที่เซาะกร่อนตลอดเวลา ไม่สร้างการคุกคามให้แก่เขา
แม้เขาในเวลานี้จะเป็นเพียงร่างสำรองที่ร่างหลักรวมตัวอยู่ด้านนอก แต่ระดับความแข็งแกร่งก็ได้ก้าวข้ามตัวเองในอดีตไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่
‘ต้องคิดหาวิธีดูดซับพลังอาวรณ์มากกว่านี้’ ลู่เซิ่งสัมผัสความเร็วที่โลกรูปจิตกลืนกินและย่อยสลายจักรวาล รู้สึกว่าหากไม่ใช้เวลาสักหลายสิบล้านปีก็อย่าหวังว่าจะทำสำเร็จ
ถ้ารอถึงเวลานั้นจริงๆ เกรงว่าภรรยาจะแก่ตายไปแล้ว
‘พลังวารีเทามีคุณสมบัติพิเศษที่ใช้ประโยชน์และดูดซับความสามารถทั้งหมดมาช่วยย่อยสลายจักรวาลได้ แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เวลาที่ต้องการก็ยาวนานเกินไป ถึงจะใส่พลังวารีเทาทั้งหมดของเรา เข้าไป หากไม่ใช้เวลามากกว่าล้านปี ก็ยากจะย่อยสลายจักรวาลทั้งจักรวาลได้’
ลู่เซิ่งลอยตัวขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเหยียบลงบนผิวน้ำธารมารดา
เขาลังเลเล็กน้อย ยื่นมือออกมาลูบปรอยปานทรงกลมสีเทาบนหน้าอก นี่เป็นวิธีการติดต่อที่ฝ่ายวารีเทาทิ้งไว้ให้เขา
ลู่เซิ่งไม่ได้เชื่อใจขุมกำลังวารีเทาเป็นพิเศษ พวกเขาเหมือนจะเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่ครอบครอบพลังต้องห้าม คล้ายจะไม่มีเจตนาร้าย แต่นี่เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
ผลลัพธ์ของการทำดีกับผู้อื่นด้านนอกจักรวาลที่ผู้อ่อนแอตกเป็นอาหารแก่ผู้เข้มแข็ง คือการถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
‘ถ้ามีพลังวารีเทาที่เพียงพอ อย่างนั้นการย่อยสลายของเราน่าจะเร็วขึ้นอย่างมาก เพียงแต่…’ เขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ทิ้งความคิดขอความช่วยเหลือจากขุมกำลังวารีเทาไป
เป้าหมาย เจตนา และพลังของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน เกิดเจอความเปลี่ยนแปลงอะไรเข้า เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไร
อย่างไรโลกรูปจิตก็เป็นรากฐานที่แท้จริงของเขา ร่างกายจะตายอย่างไรก็ไม่มีวันดับสูญ แต่เกิดโลกรูปจิตถูกทำลายเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะหายไปทันที
แม้ตอนนี้โลกรูปจิตจะใหญ่โตมโหฬาร หลังกลืนกินจักรวาลใหม่ไป ก็ใหญ่เท่ากับดวงอาทิตย์ในอดีตสองดวง แต่สำหรับยอดฝีมือระดับทำลายดาว ก็แค่ต่างกันตรงที่ต้องลงมือเพิ่มไม่กี่ครั้ง งเท่านั้น
หากเขาเปิดเผยโลกรูปจิตอย่างสมบูรณ์ และถูกคนตรึงกำลังไว้ เขาก็จะกลายเป็นเนื้อปลาบนเขียงให้คนเฉือนอย่างแท้จริง
‘ช่างเถอะ’ ลู่เซิ่งยื่นมือออกมาวาดด้านหน้าเบาๆ
ฉับพลันนั้นพลันมีกลุ่มแสงเหมือนสะเก็ดไฟสีเงินแถวหนึ่งโผล่ออกมาบนปลายนิ้ว กลุ่มแสงทั้งหมดปลิวโปรยปรายอย่างช้าๆ แล้วกลายเป็นแมลงสีเงินหลายตัวกลางอากาศ
แมลงทั้งหมดจัดเรียงกันเป็นพิกัดหลายแถวด้านหน้าลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งจดจำพิกัดเอาไว้ จากนั้นก็เห็นแมลงเหล่านี้มืดลง กลายเป็นฝุ่นขาวกระจัดกระจาย
‘ไม่เกินกว่าที่คาด…ราชาแห่งนครโอนาพาหวังจิ้งไปยังแนวหน้าสุด…’ เขาขมวดคิ้ว
เป้าหมายของอีกฝ่ายชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็จำเป็นต้องไปตามเส้นทางของอีกฝ่าย
นิ่งเงียบครู่หนึ่ง
‘ตัดสินใจแล้ว หาคนให้เจอ แล้วค่อยฆ่าราชาแห่งนครโอนานั่น’ เขาตัดสินใจ
โลกรูปจิตบนผนังด้านในธารมารดาพลันค่อยๆ หลุดออกมา แล้วหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่ามืดมิดของโลกภายนอก
โลกรูปจิตของเขาเดิมทีพัฒนาจากชิ้นส่วนจักรวาลชิ้นหนึ่งที่ล่องลอยกลางความว่างเปล่ามืดมิดมาโดยตลอด
การหลุดออกมาอีกครั้งในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอแค่ไม่ถูกศัตรูพบเป็นพอ
หลังจัดการโลกรูปจิตเสร็จ ลู่เซิ่งก็แหวกว่ายบนธารมารดาไปตามทิศทางของพิกัดด้วยความเร็วสูง
สายน้ำสีรุ้งไหลเชี่ยวผ่านข้างใต้เขาไปอย่างรวดเร็ว มีชายฝั่งชั่วคราวและเกาะแก่งแทรกตัวอยู่เป็นระยะ สามารถเห็นถ้ำที่เรืองแสงสีขาวอ่อนโยนหลายแห่งบนเกาะได้เป็นบางครั้ง
“นายท่านลูกพี่ ได้ยินไหมขอรับ” เสียงของบันไซพลันดังขึ้นข้างหู ลู่เซิ่งชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น เส้นสีดำที่อินเอ้อสือเจียทิ้งไว้ให้เส้นนั้นรวมตัวปรากฏออกมาเหนือศีรษะเข ขาอีกรอบ
“เกิดอะไรขึ้น” เขาตอบ
“ข้าคิดอยู่นานมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับท่าน” บันไซเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง
“ว่ามา” ลู่เซิ่งพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“…อือ…ลู่หนิงน่ะขอรับ…เขาลักหลับบุตรีของหลี่ซุ่นซี…ทั้งยังทำนางตั้งครรภ์…” บันไซจนปัญญาเล็กน้อย
“…” ลู่เซิ่งหวนนึกถึงว่าบุตรีของหลี่ซุ่นซีเป็นคนอย่างไร ก่อนหน้านี้เพิ่งมาโอดครวญกับเขาว่า คนอื่นๆ เรียกบุตรีของตนว่าเจ้าแม่แห่งความสุขสม พาบุรุษมากหน้าหลายตากลับบ้านอยู่ เลย
ถึงไม่มีผู้ชายมากกว่าพันก็มีหลายร้อย…
พอนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็อารมณ์เสียทันที
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!” เขาถามเสียงเฉียบ
“เอ่อ…เรื่องนี้จะโทษหลี่ฮวนน่าไม่ได้ ลู่หนิงเป็นคนวางยานางน่ะขอรับ จากนั้น…ท่านก็รู้…” บันไซหัวเราะเสียงฝืด “อย่างไรตอนนี้หลี่ฮวนน่าก็ท้องโตแล้ว ทำอะไรไม่ได้แ แล้วขอรับ”
“ให้พวกเขาแต่งงานกันซะ! ต่อจากนี้ถ้าลู่หนิงออกไปมั่วอีก ให้ทำลายพลังฝึกปรือของมันทิ้ง แล้วหยุดมอบทรัพยากรทั้งหมดให้” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างแน่วแน่ “หลี่ซุ่นซีว่าอย่างไร”
“เขากักบริเวณหลี่ฮวนน่า แล้วเริ่มสอนความรู้เรื่องการคลอดบุตรที่เหมาะสมอย่างเป็นทางการ” บันไซอธิบาย “ก่อนหน้านี้เขาบอกข้าว่า เรื่องนี้ไม่โทษลู่หนิง บุตรีของเขาก็มีความคิด จะล่อลวงเช่นกัน”
“ข้ายังกลับไม่ได้ เจ้าช่วยรีบจัดการเรื่องนี้ที ไม่อย่างนั้นเกิดวันหน้าท้องใหญ่แต่ละฝ่ายจะได้ไม่เสียหน้า” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างจนใจ
“ขอรับ…” บันไซทราบว่าตอนนี้ลู่เซิ่งอยู่ห่างจากโลกมารสวรรค์มาก
“นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่อง การกัดกร่อนของฝ่ายความว่างเปล่าเร็วขึ้นแล้ว ไม่รู้เพราะอะไร ซีหนิงและบริวารถูกตรึงกำลังไว้ชั่วคราวแท้ๆ แต่ก็มีสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าโผล่มามากกว่า าเดิม สัตว์ประหลาดความว่างเปล่าที่มาใหม่มีจำนวนและพลังเยอะมาก หนำซ้ำยังติดต่อสื่อสารด้วยไม่ได้”
“ข้าจะระวัง” ลู่เซิ่งย่นคิ้ว เขารู้ว่าพลังแห่งความว่างเปล่าไม่เรียบง่ายขนาดนั้น ในสถานการณ์ที่ราชาโลกและบริวารมีความตั้งใจจะถ่วงเวลา ขุมกำลังความว่างเปล่ายังกัดกร่อนสหพันธ์ก การดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผลเลย
เขาถามถึงลักษณะเด่นของสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าที่โผล่มาใหม่พวกนี้จนกระจ่างแจ้ง รู้สึกว่าความแตกต่างใหญ่สุดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้และพวกซีหนิงก็คือสติปัญญา สัตว์ประหลาดพวกนี้ แทบไม่มีสติรู้คิด เพียงเคลื่อนไหวตามสัญชาติญาณ ไม่มีความคิดปกป้องตัวเองเหมือนพวกซีหนิง
หลังตัดการสื่อสาร เขาก็สะกิดกระทืบเท้า ร่างกายลดความเร็วลงอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่เหนือวังวนธารมารดาที่กว้างขวางผืนหนึ่ง
สายน้ำที่อยู่ตรงนี้กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์โดยธรรมชาติ
‘พิกัดคือตรงนี้…เพียงแต่ผิดปกติอยู่บ้าง…’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้วมองรอบๆ จักรวาลแน่นขนัดที่มีขนาดแตกต่างงบนผนังด้านในสองฟากข้างของสายน้ำ เหมือนกับวังวนหลากสีในแก้วสีรุ้ง
จักรวาลแต่ละจักรวาลมีสีสันและขนาดไม่เหมือนกัน
‘จักรวาลของที่นี่เป็นระดับพลังงานสูงเกือบทั้งหมด ยุ่งยากอยู่บ้าง…’
ลู่เซิ่งมาถึงสถานที่ที่ลอยอยู่เหนือธารมารดาเป็นครั้งแรก
หวังจิ้งอยู่ในจักรวาลไหน ตัดสินได้ยากจริงๆ
พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็หยิบชิ้นส่วนเกราะโล่แสงสีทองชิ้นเล็กๆ ที่เอามาจากนครโอนาออกจากอกเสื้อ
เขาที่ทราบความรู้เร้นลับมากมาย มีอาคมชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เกราะโล่แสงสีทองชิ้นนี้ประสานเสียงร่วมกับพลังงานชนิดเดียวกันได้พอดี ดังนั้นจึงกำหนดพิกัดของราชาแห่งนครโอนาหรื ออาจารย์ของหวังจิ้งได้อย่างรวดเร็ว
เขาบีบเกราะโล่แสงสีทองเบาๆ กลุ่มแสงเล็กๆ พลันกระจายออกมาจากเกราะโล่ เขาใช้มือรับมันไว้ แล้วยกขึ้นเลีย
‘อยู่ตรงนั้น!’ ลู่เซิ่งพลันเลื่อนสายตาไปมองวังวนจักรวาลสีขาวที่อยู่ด้านบนเยื้องไปทางขวา
ร่างเขากลายเป็นเส้นสีดำ แล้วพุ่งเข้าวังวนจักรวาลสีขาวดุจสายฟ้าฟาด หายไปอย่างสมบูรณ์
…
ฟ้าว!
ลู่เซิ่งลืมตา ตรงหน้าคือเคาน์เตอร์กระจกที่จับฝุ่นสีดำ
เขาฟุบบนเคาน์เตอร์โดยใช้สองแขนต่างหมอน จมูกได้กลิ่นสนิมแสบฉุน
เขาพ่นลมหายใจ ถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง ก่อนพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆ
เขานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้านที่เหมือนกับร้านค้าปลีก สวมเครื่องแบบสีเทา ใส่หมวกแก๊ปแฟลทแค๊ป
รูปร่างหุ่นของร่างกายร่างนี้ไม่อ้วนไม่ผอม เพียงแต่ภายนอกมีไขมันขาวอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่ได้ออกกำลังกายมานาน
‘ที่นี่มัน…’ ลู่เซิ่งลุกขึ้นสำรวจสภาพของร้าน
บนตู้ ชั้นวางของ และตู้เย็นที่มีเพียงเครื่องเดียวจับฝุ่นดำหนา ราวกับเพิ่งเกิดอัคคีภัยได้ไม่นาน
เพียงแต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด รอบๆ กลับไม่มีร่องรอยถูกเผาไหม้
เขาปัดฝุ่นบนเสื้อ เดินออกจากเคาน์เตอร์ตู้ แล้วหยิบสิ่งที่ดูเหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมาถุงหนึ่ง
บรรจุภัณฑ์ระบุว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนื้อไป๋อัน เวลารับประกัน: หนึ่งร้อยแปดสิบวัน
‘อีกนานกว่าจะหมดอายุ’ สมองป้อนข้อมูลนี้โดยสัญชาตญาณ
ลู่เซิ่งเริ่มตรวจสอบความทรงจำของร่างกายร่างนี้
ไม่นาน เขาก็คลำความผิดปกติตของโลกใบนี้ออกบางส่วน
โลกทั้งใบ เป็นการวิวัฒนาการที่ผิดรูป
คนของที่นี่ รวมๆ แล้วแบ่งได้สองประเภท คือ ผู้มีพลังพิเศษและคนธรรมดา
ผู้มีพลังพิเศษมีความสามารถแข็งแกร่งหลายอย่าง พวกที่มีพลังอ่อนแอสามารถจุดไม้ขีดไฟได้ หรือไม่ก็วิ่งเร็วกว่าคนธรรมดา
ส่วนผู้ที่มีพลังแข็งแกร่ง สามารถทำลายทวีปและดาวเคราะห์ได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากอาศัยอยู่ในโลกที่อันตรายถึงขีดสุดแบบนี้ เหล่ามนุษย์ของที่นี่ส่วนใหญ่จึงมีจิตใจที่แข็งแกร่ง
เจ้าของเดิมของร่างกายร่างนี้ ฮาวล์ ซาลาดิน มีนิสัยแบบนี้
เขาเพิ่งจะเจอการต่อสู้ระหว่างมนุษย์เถ้าที่ควบคุมขี้เถ้าสีดำและมนุษย์สั่นสะเทือน
ร้านค้าที่เดิมทีอยู่ติดมุมโดนลูกหลง ขี้เถ้าสีดำจำนวนมากพัดเข้ามา ตัวเขาถูกคลื่นสั่นสะเทือนที่ขยายตัวกระแทกจนสลบไป
‘โลกของผู้มีพลังหรือ…’ ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ โลกแบบนี้ใช้ซ่อนพลังได้ง่าย หนำซ้ำกฎเองก็ไม่ได้เข้มงวดมาก เขาในตอนนี้สามารถระดมพลังวารีเทาของร่างหลักมาวิวัฒนาการความ มสามารถหลายชนิดที่ควบคุมอยู่ได้