ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1160 แพร่กระจาย (2)
‘ยังไม่จำเป็นต้องดัดแปลงร่างกายร่างนี้ จะได้ไม่ทำให้ราชาแห่งนครโอนารู้ตัว คนคนนั้นสามารถออกเดินทางก่อนเราจะไปนครโอนาหลายวันได้พอดี จะต้องไม่ใช่ญาณหยั่งรู้ทั่วไปแน่’
ลู่เซิ่งไตร่ตรอง พลังวารีเทาไหลสู่กายเนื้อกายนี้อย่างเงียบๆ เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายร่างนี้ตามกฎของจักรวาลแห่งนี้
การปรับเปลี่ยนนี้ทำให้เขาไม่ครอบครองพลังที่แข็งแกร่งเกินไปจนทำให้เกิดความวุ่นวายที่รุนแรง แต่กลับทำให้เขาครอบครองความสามารถในการดำรงชีวิตที่ค่อนข้างสะดวกหลายอย่าง
อย่างเช่น…ลม
ลู่เซิ่งใช้ความคิด ลมสายหนึ่งหมุนวนอย่างไร้รูปร่าง พัดเถ้าในร้านค้าส่วนใหญ่มารวมกันเป็นพายุขนาดเล็กๆ สีดำ ก่อนลอยเข้าไปในถังขยะที่อยู่มุมร้านด้วยตัวเอง
โครม
ถังขยะสีแดงปิดฝาโดยอัตโนมัติ ด้านในบรรจุขี้เถ้ามากมายที่เพิ่งเก็บมารวมกันไว้
ลู่เซิ่งมองดูภายในร้านที่เหมือนเป็นร้านใหม่ แม้ขี้เถ้าจำนวนมากตรงมุมกำแพงจะยังไม่ได้ปัดกวาดจนสะอาด แต่โดยรวมถือว่าไม่เลวแล้ว
‘ใช้ได้ สิ่งที่ค่อนข้างสะดวกก็คือ ร่างกายร่างนี้เป็นโสด ไม่มีคู่ครอง ไม่มีญาติ นอกจากตัวเองแล้วก็ไม่มีอะไรเลย ไม่สิ ยังมีร้านค้าเล็กๆ ร้านนี้อีก’
ร้านค้าแห่งนี้เป็นร้านที่ฮาวล์ ซาลาดินซื้อไว้ และเป็นกิจการเพียงหนึ่งเดียวที่เขาต้องฝ่าฟันจนถึงอายุสามสิบกว่าปีถึงจะครอบครองได้ ทั้งยังเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวที่เขาใ ใช้ดำรงชีวิต
ปกติแล้วเขาจะใช้ร้านนี้เป็นร้านสะดวกซื้อ ขายของกินของใช้เพื่อดำรงชีวิต
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อวานจะเจอผู้มีพลังพิเศษสองคนสู้กันจนโดนลูกหลง ถูกกระแทกจนตาย
‘ขอดูความปรารถนาสุดท้ายของนายหน่อย…’ อย่างไรก็เป็นตัวเองในจักรวาลนี้ ลู่เซิ่งยินดีจะช่วยสนองความปรารถนาของเขาอย่างเต็มใจยิ่ง
เขาตรวจสอบซากวิญญาณในสมอง
‘…ตามหา…พ่อแม่หรือ?’
เอ่อ…
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว แม้เขาจะแข็งแกร่งเพียงพอ แต่พ่อแม่ของเจ้าหมอนี่ไม่มีเบาะแสใดๆ หากจะไปค้นหาจริงๆ คาดว่าคงไม่เจอที่อยู่ในเวลาสั้นๆ
ฮาวล์ ซาลาดินอายุสามสิบสี่ปี สถานสงเคราะห์ที่เขาอยู่ปิดมาได้สิบกว่าปีแล้ว หากคิดจะไปพลิกหาแฟ้มข้อมูลไม่รู้ควรไปที่ไหนดี
ลู่เซิ่งนิ่วหน้า แม้โลกใบนี้หรือดาวเคราะห์ดวงนี้จะเหมือนโลกใบเดิมฉบับเหนือธรรมชาติ กฎสังคมแต่ละอย่างก็ใกล้เคียงกัน แต่เขาไม่ใช่ผู้เข้มแข็งประเภทมิติเวลา ที่สามารถพลิกอ่าน นประวัติศาสตร์ ย้อนเวลา และสืบย้อนเหตุผลได้ตามใจ
ถ้าทำเรื่องนี้จริงๆ จะไม่ใช่แค่ยุ่งยากธรรมดา
‘ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน’ เขาคร้านจะคิดมาก
หยิบตลับแต่งหน้าอันหนึ่งขึ้นจากชั้นวางของมาเปิดดูใบหน้าของตัวเอง
สิ่งที่สะท้อนในกระจก คือคุณลุงผมทองหล่อเหลาที่ไว้เคราข้างแก้ม สีผิวเป็นคนขาว ดวงตาสีฟ้า เพียงแต่ขอบตาโหลและดำคล้ำเล็กน้อย ดูเหมือนพักผ่อนไม่ค่อยพอ
วางตลับลง ลู่เซิ่งกวาดตามองในร้านอีกครั้ง
‘ในเมื่อเปิดร้านค้า อย่างนั้นก็เปิดต่อไปดีกว่า อาศัยสถานะนี้ลอบตรวจสอบและตามหาตัวราชาแห่งนครโอนาได้เหมือนกัน อย่างไรขอแค่เราไม่ปรากฏตัว พวกเขาก็ไม่สามารถล่อเราไปหาขุม กำลังความว่างเปล่าได้’
เขาตัดสินใจจะไม่เป็นเครื่องมือมือปืนให้กับสหพันธ์การดำรงอยู่
‘เอาล่ะ จะลอบตรวจสอบข้อมูลอย่างไรดี’ ลู่เซิ่งมองของในร้าน ก่อนจะเริ่มได้ความคิด
พอคิดได้ก็ลงมือทำทันที เขาเริ่มลงมือหยิบของแต่ละอย่างมา
ยังเริ่มได้ไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงเตือนภัยดังมาหลายครั้ง
รถตำรวจสีดำตัดขาวคันหนึ่งขับผ่านประตูร้าน ไฟแจ้งเตือนกะพริบแสงสีแดงสลับฟ้า ตำรวจเอวหนาบ่ากว้างสองนายเดินลงรถมาสอบถามสถานการณ์ที่ประตูร้าน
ลู่เซิ่งตอบคำถามอย่างว่าง่ายตามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่ดัดแปลงและอำพราง นอกจากเรื่องที่ตนถูกกระแทกจนตาย ที่เหลือก็เหมือนกับในความทรงจำทุกประการ
ตำรวจเหมือนจะเพียงแค่มาลงบันทึก หลังจากจดเสร็จและเห็นลู่เซิ่งไม่เป็นอะไร ก็พากันจากไป ฟังเสียงเหมือนจะไปยังร้านค้าข้างเคียง
ลู่เซิ่งออกไปเดินเล่น
พบว่าร้านค้าบนถนนเส้นเดียวกันต่างโดนลูกหลง ป้ายโฆษณา กระจกแตกกระจายเต็มพื้น
ร้านค้าบางส่วนไม่มีคนอยู่ตอนกลางคืน จึงรอดพ้นภัยพิบัติ เจ้าของร้านกำลังย้ายของ ตรวจสอบความเสียหาย
ร้านบางส่วนเหมือนกับลู่เซิ่ง มีคนอาศัยตอนกลางคืน โดนผลกระทบไปด้วย มีรถพยาบบาลขับมาจอดเป็นระยะ คนถูกหามขึ้นรถ บางคนเจ็บหนัก บางคนไม่เป็นไร
ลู่เซิ่งเดินเตร่รอบๆ ก่อนจะกลับมาร้าน
เขาดึงมู่ลี่ประตูมู่ลี่ลง แล้วมายืนอยู่กลางร้านท่ามกลางความมืด
เป๊าะ
เขาดีดนิ้ว
ทันใดนั้นสิ่งของบนชั้นวางของทั้งหมดล้วนลอยไปยังห้องเก็บของที่เปิดอยู่ ก่อนจะหล่นลงในกล่องไม้มุมห้องอย่างเป็นระเบียบ ถึงขั้นยังมีการจัดรัดเรียงประเภทด้วย
‘เอาล่ะ…เราต้องการสินค้าพิเศษบางส่วน…ที่สามารถทำให้หนวดและสายตาของเราขยายไปยังสิ่งของในแต่ละที่ได้’
ลู่เซิ่งใคร่ครวญ จากนั้นก็หาไฟฉายมาอันหนึ่ง ใช้เป็นแหล่งกำเนิดแสง ส่องสว่างร้านค้ามืดทะมึน ก่อนจะหยิบกระดาษสำหรับพิมพ์ออกมาปึกหนึ่ง
จู่ๆ เขาก็ชะงัก วางกระดาษสำหรับพิมพ์กลับที่เดิม แล้วเดินไปยังห้องเก็บของ
ในร้านยังมีสินค้าไม้แกะสลักผลิตโรงงานที่เพิ่งเอาเข้ามาบางส่วน โรงงานที่ผลิตแกะสลักเป็นรูปสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยขนาดเท่าไข่ไก่
ลู่เซิ่งหยิบรูปสลักมาชั่งน้ำหนัก ได้ผลลัพธ์ว่าน้ำหนักไม่เลว
เขายื่นนิ้วชี้ออกมาแล้วเริ่มสลักลายเพิ่มลงไปบนรูปแกะสลักไม้
ในฐานะจิตรกรขั้นปรมาจารย์ ทั้งยังเคยครอบครองอักขระและค่ายกลหลากหลายประเภทจากระบบโลกเทพเซียนมาก่อน ตัวเขาย่อมมีความรู้กว้างขวาง
สำหรับลู่เซิ่ง การสร้างของเล่นที่มีความพิเศษบางส่วนนั้นไม่ยาก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ถึงหนึ่งนาที ลวดลายค่ายกลซับซับซ้อนและสัญลักษณ์ลี้ลับเล็กๆ ก็ปรากฏบนฐานไม้แกะสลัก
ลวดลายค่ายกลและสัญลักษณ์พวกนี้เพิ่งสลักเสร็จก็เปล่งแสงสีเงินแวบหนึ่ง จากนั้นก็หายเข้าไปในรูปแกะสลัก
ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ วางมันลง แล้วหยิบไม้แกะสลักอันที่สองขึ้นมาแกะสลักต่อ
…
ฮานนาใส่รองเท้าส้นสูง ชายกระโปรงของกระเป๋าเดรสสีเทาส่ายไปมาตามย่างก้าวของเธอ
เธอวิ่งเหยาะๆ เป็นะระยะทางหนึ่ง แต่ก็หยุดมาเปลี่ยนเป็นเดินเร็วทันที
ระยะทางจากสถานีรถไฟใต้ดินถึงบริษัทไม่นับว่าสั้น เธอที่สวมรองเท้าส้นสูงไม่กล้าเร่งความเร็วมากกว่านี้ เพราะกลัวจะสะดุดล้มและทำส้นรองเท้าหัก ครั้งก่อนเคยเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว
‘จะสายแล้วๆๆ!’ เธอคิดในใจ ‘ถ้าสาย เจ้าหมูอ้วนเฮนรี่ไม่รู้จะใช้วิธีการอะไรมาขู่เราอีก! สวรรค์! ทำไมจู่ๆ เมื่อคืนเราถึงได้หลับเป็นตายขนาดนั้นกัน เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้แท้ๆ!’
ถนนเส้นนี้ก็ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นแค่คืนเดียว พื้นกลับเกลื่อนด้วยเถ้าสีดำและรอยแตกร้าว ร้านค้ารอบๆ ส่วนใหญ่ปิดประตูหยุดกิจการ มีร้านไม่กี่ร้านท่านั้นที่เปิดไฟ
ฮานนาเร่งฝีเท้า ตอนเดินผ่านร้านสะดวกซื้อชื่อซาลาดิน เธอพลันนึกขึ้นได้ว่าเครื่องเย็บกระดาษและกระดาษสำหรับพิมพ์ที่ซื้อเมื่อวานเหลือไม่พอแล้ว
เดิมทีของพวกนี้น่าจะเป็นสวัสดิการของบริษัท แต่ของที่ได้รับแจกเมื่อก่อนหน้านี้ถูกเจ้าหมูตอนเฮนรี่เอากลับไปใช้ที่บ้านอย่างโจ่งแจ้ง ทิ้งของให้แก่พนักงานแค่บางส่วน จำนวนของก กระดาษจึงเหลือน้อยเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เธอทำกดระดาษเสียไปสิบกว่าแผ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้แต่ซื้อไปชดเชยให้อย่างจนปัญญา
ฮานนาหักเลี้ยวเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อของซาลาดิน
เพียงแต่สินค้าของร้านสะดวกซื้อร้านนี้เหมือนจะแตกต่างจากตอนที่เธอเข้ามาครั้งก่อน
สิ่งที่วางไว้บนชั้นวางไม่ใช่ของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน หากเป็นไม้แกะสลักขนาดต่างๆ และเครื่องประดับงดงามที่ดูเก่าแก่มีอายุ
เจ้าของร้านเป็นชายไว้เคราหน้าหล่อเหลา เวลานี้นั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้เอน
“ต้องการอะไร หาเองได้เลย” เจ้าของร้านส่งเสียงอย่างเกียจคร้าน
ฮานนาขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เธอต้องการ คล้ายร้านค้าร้านนี้จะเปลี่ยนกิจการแล้ว
เธอหมุนตัวจะเดินออกจากร้าน แต่ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งทำให้เธออดชะงักฝีเท้าไม่ได้
ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ถ้าด่วนออกไปแบบนี้ ต่อจากนี้เธออาจเสียใจ
“เธออยากจะสลัดจากชีวิตในตอนนี้ งานและสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้ให้พ้นเหรอ” คุณลุงเจ้าของร้านหลับตา กล่าวอย่างเกียจคร้านขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้เอน
“ดูที่เรือลำเล็กทางขวามือของเธอ มันอาจจะช่วยเธอได้นะ”
ฮานนาผุดสีหน้างุนงง เจ้าของร้านคนนี้กลับเดาความคิดที่วนเวียนอยู่ในใจเธอออกในประโยคเดียว
“ถ้าเธอตัดสินใจอยากเปลี่ยนแปลง เรือเล็กลำนี้จะมอบความหวังให้เธอ” เจาของร้านกล่าวเสริม จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
ฮานนาอดมองไปยังทางขวามือของตัวเองไม่ได้ บนชั้นวางของติดผนังตรงนั้นมีเรือไม้ลำเล็กสีแดงวางอยู่ลำหนึ่ง ขนาดเท่าไข่ไก่ ด้านบนระบุราคาไว้ว่า: 100
ไม่นับว่าแพง
ดูจากความสวยงามของงานฝีมือระดับนี้ ฮานนาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ยื่นมือไปหยิบเรือเล็กขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้นเสียงกระซิบละเมอที่เลือนรางและซับซ้อนก็ส่งจากเรือเล็กเข้าสู่สมองของเธอ
‘กราบไหว้สิ่งนี้ทุกวันวันละหนึ่งชั่วโมง เธอจะได้รับความช่วยเหลือที่มองไม่เห็น ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนสภาพจนตรอกของตัวเองได้’
“นี่เป็นวัตถุบูชาดึกดำบรรพ์ที่มาจากราชาฟีนิกซ์โบราณ เป็นสิ่งของที่ผมหาเจอจากซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง ตามตำนานของราชาฟีนิกซ์ เรือเล็กลำนี้อาจจะเป็นเรือที่สามารถนำความหวัง มาให้ได้” เจ้าของร้านเอ่ยปากอีก
ฮานนาแสดงสีหน้าเหมือนปกติ แต่สมองกลับปั่นป่วน
“ฉันต้องการสิ่งนี้ค่ะ” เธอวางเรือเล็กบนเคาน์เตอร์คิดบัญชี
เจ้าของร้านลุกขึ้นอย่างขี้เกียจ เดินถึงหลังเคาน์เตอร์ จากนั้นก็คิดเงินและรับเงินจากเธออย่างคุ้นเคย
“เรียบร้อย ครั้งหน้าเชิญใหม่นะครับ”
“ค่ะ” ฮานนากำเรือไม้อย่างกระวนกระวายใจ เร่งฝีเท้าเดินออกจากร้านค้า เจ้าของร้านคนนี้เหมือนไม่พบความพิเศษของไม้แกะสลักในมือเธอ เสียงที่ดังเข้าสมองนั้นเหมือนจะมีแต่เธอคนเดีย ยวที่ได้ยิน เธอเก็บได้สมบัติเข้าแล้ว!
ความสามารถที่ส่งเสียงเข้าสู่สมองโดยตรงได้แบบนี้ จะต้องเป็นพลังพิเศษที่เธอปรารถนามาเนิ่นนานแน่นอน
แม้เจ้าของร้านคนนั้นจะดูเหมือนเข้าใจหลักจิตวิทยา แต่จะต้องไม่สังเกตเห็นแน่ว่า เรือไม้ที่เธอซื้อมีคุณค่าขนาดไหน
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ขายเรือลำเล็กด้วยราคาหนึ่งร้อยแน่
ฮานนาใจเต้นโครมคราม มุ่งหน้าไปยังบริษัทด้วยความคาดหวังรอคอย
ในร้านสะดวกซื้อซาลาดินด้านหลังเธอ ลู่เซิ่งนั่งลงบนเก้าอี้เอนอย่างเกียจคร้านอีกรอบ
“กระจายออกไปได้หนึ่ง…เรือไม้ของราชาฟีนิกซ์ ขอแค่อธิษฐานต่อมันอย่างจริงใจ จะกระตุ้นให้พลังพิเศษที่แข็งแกร่งไร้รูปร่างดัดแปลงตัวเองได้ ยิ่งมีผู้ศรัทธามากเท่าไหร่ ผู้ครอบคร รองคนแรกก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ทั้งยังใช้เรือไม้มอบพลังพิเศษแก่สาวกผู้ศรัทธาได้”
ลู่เซิ่งพอใจในวัตถุเผยแพร่ศาสนาที่ตัวเองสร้างออกมามาก ของสิ่งนี้คืออาวุธสำหรับเผยแพร่ศาสนา ขอแค่คุณเชื่อมั่นมากพอ เมื่อเวลาผ่านไป พลังพิเศษป้อนกลับที่ได้รับก็จะยิ่งแข็ งแกร่ง เอามาใช้รวบรวมพลังอาวรณ์ได้ดีที่สุด