ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1162 เผยแพร่ศาสนาและความปรารถนา (2)
ลู่เซิ่งนั่งรถจากสนามบินมายังเมืองฟรูย่าที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วอยู่ที่เมืองซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวแห่งนี้สามวัน แจกจ่ายไม้แกะสลักของเทพองค์ต่างๆ ออกไปสิบกว่าอัน
เวลานี้เขาสัมผัสได้ว่า พลังอาวรณ์จำนวนเล็กน้อยกำลังไหลจากโลกรูปจิตเข้าสู่แกนกลางร่างหลักอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
พลังอาวรณ์เล็กๆ นี้เข้าบัญชีเฉลี่ยวันละสิบกว่าหน่วย แม้จะไม่มาก แต่อย่างไรตอนนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
แจกจ่ายไม้แกะสลักบางส่วนในเมืองต่อไป จากนั้นลู่เซิ่งก็โดยสารเครื่องบินไปยังเมืองที่อยู่รอบๆ ต่อ
เขาเฝ้าต้นไม้รอกระต่ายอยู่ที่ทางเข้าออกเครื่องบินระหว่างประเทศ คอยมอบไม้แกะสลักให้แก่คนที่ต้องการ
ทุกๆ ครั้งที่เห็นคนซึ่งสูญเสียความหวังจนแทบจะสิ้นหวังเหล่านั้น แสดงความสับสนและความหวังออกมาทางสีหน้าด้วยความสามารถของไม้แกะสลัก
ใบหน้าของลู่เซิ่งก็จะปรากฏรอยยิ้มปลาบปลื้มขึ้น
เขาไม่คิดจะรับสาวกเข้าสู่โลกรูปจิต สิ่งมีชีวิตในโลกรูปจิตไม่อาจมอบพลังอาวรณ์ให้เขาเพิ่มได้ อย่างไรความจริงสิ่งของอย่างพลังอาวรณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของปฐมพลังจักรวาลโดยธรรมชา าติ
การดูดซับพลังอาวรณ์ ความจริงคือการแอบแย่งชิงปฐมพลังจักรวาล
ส่วนสิ่งมีชีวิตในโลกรูปจิต กายเนื้อและวิญญาณเป็นของลู่เซิ่งไปแล้ว นี่เทียบเท่ากับ ตนเองควักเงินหนึ่งร้อยออกจากกระเป๋าเงินของตัวเอง แล้วจ่ายให้ตัวเอง
สมบัติของตนจะเพิ่มขึ้นมาร้อยหนึ่งแบบนี้ได้หรือ
เป็นไปไม่ได้
หลังท่องเที่ยวครึ่งเดือน ลู่เซิ่งก็กลับมาเมืองไวท์อย่างสบายใจ และเป็นอย่างที่คาดไว้ ร้านของเขาถูกยกเค้า
ไม้แกะสลักสามอันที่เขาจงใจทิ้งไว้ข้างในถูกโจรขโมยไป
นั่นล้วนเป็นไม้แกะสลักพิเศษรูปเทพนอกรีตโลหิต พวกมันเลือกเจ้าของเอง ถ้าเจ้าของไม่ตรงกับเงื่อนไข มันจะกลืนกินกายเนื้อเจ้าของ แล้วเลือกเจ้าของคนต่อไป
เมล็ดพันธุ์แพร่กระจายเสร็จสิ้น ต่อจากนี้แค่รอก็พอ
แน่นอนว่า ในระหว่างที่รอ ลู่เซิ่งคิดจะไปจัดการความปรารถนาสุดท้ายของร่างกายร่างนี้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็เป็นตัวเองในโลกนี้ การสนองความปรารถนาของตัวเองนับว่าเป็นการแก้ปมในใจ
ฮาวล์ ซาลาดิน เดิมทีไม่ได้ชื่อซาลาดิน ซาลาดินเป็นนามสกุลที่เขาตั้งให้ตัวเอง ในฐานะเด็กที่เติบโตมาในสถานสงเคราะห์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองนามสกุลอะไร จึงใช้นามสกุลที่ไพเราะจาก นิทานซึ่งตนเคยอ่านตอนเด็กๆ มาตั้งเป็นนามสกุล
ต่อมาหลังโตขึ้น เขาก็ใช้นามสกุลนี้ในทุกเอกสาร ถึงอยากจะเปลี่ยนก็ยุ่งยาก จึงขี้เกียจเปลี่ยนโดยปริยาย
คิดจะใช้นามสกุลนี้หาชาติกำเนิด ย่อมเป็นไปไม่ได้
ดีที่นักธุรกิจชื่อดีนในบรรดาเมล็ดพันธุ์ที่ลู่เซิ่งกระจายออกไปเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบเขาหาข้อมูลจากไหน ถึงเจอตัวเจ้าของร้านอย่างลู่เซิ่งได้
…
ชาร้อนสองแก้ววางอยู่บนโต๊ะ
ลู่เซิ่งและดีนนั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่มีใครเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนในห้องรับแขกด้านหลังร้านเล็ก
ดีนสวมชุดลำลอง แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจชาวอาหรับ ใส่เสื้อคลุมและกางเกงขายาวสีขาว สวมหมวกกลมทรงสูง
เขาในเวลานี้ มีสายตามีสมาธิและสงบนิ่ง ดูเหมือนนักบวชยิ่งกว่านักธุรกิจ
บรรยากาศที่สุขสงบคงอยู่สิบกว่านาที จนกระทั่งไอร้อนของแก้วชาในแก้วค่อยๆ เบาบางลง
ดีนจึงค่อยเอ่ยปาก
“คุณซาลาดิน คนของผมตรวจสอบเจอว่า ร้านของคุณขายไม้แกะสลักพิเศษที่มีการบูชาในยุคดึกดำบรรพ์เหรอครับ”
“ถูกต้อง ดูเหมือน...คุณจะเป็นคนเด็กที่ถูกเลือกสินะ” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างเมตตา
“เทพคือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เมตตา พระองค์ต่างก็ทอดพะระเนตรและปฏิบัติต่อทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม”
“ถูกต้อง เทพเองก็เย็นชาไร้น้ำใจ สูงส่งและยุติธรรมเช่นกัน” ดีนพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมได้รู้จากช่องทางต่างๆ ว่า ร้านของคุณมีไม้แกะสลักดึกดำบรรพ์สามอันกระจายออกไป ครั้งนี้ที่มา ผมอยากจะรู้ว่า คุณเป็นใครกันแน่”
ลู่เซิ่งยิ้ม
“ผมเป็นเพียงผู้จับตาดูคนหนึ่ง เทพสี่องค์ต่างมีพลานุภาพของตนเอง เมื่อผู้คนเดือดร้อน การมองหาแสงแห่งเทพมาปลอบประโลมตัวเอง ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”
“เทพสี่องค์หรือ? บอกผมได้ไหมว่าเป็นเทพสี่องค์ใด” ดีนสีหน้าหวั่นไหว ก่อนจะรีบถาม
“ต่อจากนี้คุณย่อมรู้เอง การเรียกพระนามขององค์เทพตรงๆ เป็นเรื่องเสียมารยาทยิ่ง” ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“ระหว่างศาสนาห้ามไม่ให้มีการขัดแย้ง พวกเราต่างเป็นพี่น้องร่วมศรัทธา และผู้จับตาดูอย่างผม ก็มีหน้าที่ไกล่เกลี่ย ในตอนที่ระหว่างพวกคุณเกิดการกระทบกระทั่ง สามารถมาขอให้ผมไกล่เกล ลี่ยได้”
ดีนนิ่งไปเล็กน้อย พลันเข้าใจตำแหน่งของลู่เซิ่ง
“ผมเข้าใจแล้ว อย่างนั้น ถ้าผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการสร้างศาสนา ไม่ทราบว่าท่านจะ…”
“ย่อมได้” ลู่เซิ่งพยักหน้า “คุณต้องตระหนักไว้ว่า ยิ่งสร้างผลงานเท่าไหร่ ก็ยิ่งพัฒนาไปยังระดับที่สูงขึ้นได้เร็วเท่านั้น คุณน่าจะได้ประจักษ์พระคุณที่พลังเทวะมอบให้แล้วล่ะ ะมั้ง”
“ถูกครับ…นั่นคือพระคุณสูงสุดจริงๆ” ดีนพยักหน้าอย่างสะท้อนใจ
ความสามารถด้านพลังจิตของเขาถึงกับแข็งแกร่งขึ้นเกือบเท่าตัวหลังจากบูชาเป็นเวลาสั้นๆ
นี่มันเป็นปาฏิหาริย์โดยแท้!
“นี่ความจริง เป็นเพียงพระคุณส่วนหนึ่งที่องค์เทพประทานแก่สาวก” ลู่เซิ่งยิ้มพร้อมเริ่มแนะนำว่าจะสร้างสถานที่ประกอบพิธีอัญเชิญได้อย่างไร
รวมถึงวิธีการใช้สถานที่ประกอบพิธีเศษอัญเชิญสิ่งมีชีวิตโลกเทวะแต่ละชนิดจากโลกเทวะ
สิ่งมีชีวิตโลกเทวะที่แข็งแกร่งพวกนั้นคือโล่กำบังที่ทำให้ตำแหน่งของศาสนามั่นคงอย่างแท้จริง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลังส่งดีนที่กึ่งเชื่อกึ่งสงสัยไปแล้ว ลู่เซิ่งก็ได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สองสามอย่างที่บริษัทของดีนช่วยเหลือ
ในนี้คือการขอให้เขารับตำแหน่งที่ปรึกษาโดยรวมของบริษัทดีน ได้เงินปีละสิบล้าน
นี่นับเป็นการแสดงท่าทีของดีนต่อเขา
ของขวัญอีกอย่าง คือคฤหาสน์เดี่ยวหลังหนึ่งในย่านการค้าที่อยู่ใกล้ๆ
เดิมทีมันเป็นของดีน แต่ตอนนี้โอนเป็นชื่อของลู่เซิ่งเรียบร้อยแล้ว
ของขวัญชิ้นที่สาม คือรถกันกระสุนดัดแปลงที่สมรรถนะไม่เลวคันหนึ่ง
แม้ว่ารถกันกระสุนในโลกที่มีพลังพิเศษจะไม่นับว่าปลอดภัยนัก แต่ก็ยังดีกว่าเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ทั่วไป
ถึงตอนนี้ หนวดทั้งหมดที่ลู่เซิ่งปล่อยออกมาได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จสิ้น ต่อจากนี้เขาเพียงจำเป็นต้องรอเท่านั้น
วันต่อมา หลังจากรับสาวกเศรษฐีที่ครอบครองไม้แกะสลักคนหนึ่ง ลู่เซิ่งก็ปิดร้านขายของ แล้วย้ายไปอยู่ในคฤหาสน์ที่ดีนมอบให้
และไม่ผิดไปจากที่เขาคาดไว้ ผ่านไปไม่กี่วัน สี่ศาสนาก็เริ่มเผยร่องรอยในเมืองไวท์และเมืองที่อยู่รอบๆ
พวกเขาดึงดูดกลุ่มคนที่ไม่เข้าพวกจำนวนไม่น้อย ในที่สุดก็เกิดความขัดแย้งกับผู้มีพลังพิเศษที่ไม่เชื่อเรื่องงมงายบางส่วนระหว่างการขยับขยาย
จากนั้น สถานการณ์รบที่แทบเป็นการกดขี่ฝ่ายเดียวก็ได้ดึงดูดความสนใจของโลกพลังพิเศษมากกว่าครึ่ง
สาวกศาสนาสามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งและยักษ์นักรบที่มีความเป็นมาไม่แน่นอนหลายตนออกมาได้ นี่ทำให้เหล่าผู้มีพลังพิเศษไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับกำลังฝันอยู่
และลู่เซิ่งในเวลานี้ก็ได้เริ่มตรวจสอบชาติกำเนิดของฮาวล์ ซาลาดินแล้ว ขณะเดียวกันยังอาศัยเครือข่ายที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วของศาสนา ประกาศพระวจนะ เพื่อค้นหาหวังจิ้งศิษย์อาจ จารย์
…
น็อตติ้ง เจอร์มันนั่งอยู่บนชั้นบนสุดของตึกบริษัทที่ตั้งตระหง่าน ถอดแว่นตาลง แล้วหยิบรูปภาพเก่าๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อบนหน้าอกอย่างแผ่วเบา
รูปภาพใช้เยื่อบางๆ ชนิดพิเศษเคลือบไว้ ป้องกันไม่ให้ภาพเสียหายจากอากาศและสีซีด
บนภาพคือทารกไม่มีเส้นผมหัวล้านอายุไม่ถึงหนึ่งปี กำลังนั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียงทารกสีขาวบริสุทธิ์ ใส่ผ้าอ้อมสีขาว ถ้าลู่เซิ่งอยู่นี่ จะมองออกได้ในทันทีว่า ทารกคนนี้กับฮาวล์ ซาดินมีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายจุด
น็อตติ้งมองดูเด็กบนภาพอย่างละเอียดและเมตตา สายตาแต่อ่อนโยนหากเศร้าสร้อย
สามสิบกว่าปีก่อน เขาเสี่ยงชีวิตสู้กับนักธุรกิจที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ชนะ อีกฝ่ายที่เป็นหมาจนตรอก กลับเลือกการกระทำที่ทำลายกฎเพื่อแก้แค้นเขา
คนคนนั้นส่งคนไปขโมยลูกชายที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่เดือนของเขาไป จากนั้นก็หายสาปสูญไปท่ามกลางทะเลคนอันไพศาล
หลายปีมานี้ น็อตติ้งและภรรยาออกตามหามในหลายสถานที่ทั่วโลก ประกาศตามหาคนหายนับครั้งไม่ถ้วน ใช้เส้นสายและวิธีการหลากหลายค้นหา แต่ก็คว้าน้ำเหลว
เขาใช้เวลาสิบกว่าปีด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะค่อยๆ ทำใจได้ แต่สุดท้ายเงาของลูกชายที่พลัดพรากก็ยังคงวนเวียนในใจ ไม่อาจลืมเลือน
แม้ต่อมา เขากับภรรยาจะมีลูกสาวหนึ่งคนและลูกชายหนึ่งคนด้วยกันอีก แต่พวกเขาไม่เคยละทิ้งการค้นหาที่อยู่ของลูกคนโต พวกเขาไม่เคยละทิ้งการค้นหา
สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ บนตัวลูกชายคนโตไม่มีสัญลักษณ์เด่นที่ชัดเจนให้ใช้สืบสาว นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่พวกเขาหาตัวไม่เจอเป็นเวลานาน
ไม่อย่างนั้น บริษัทแฟลลอนที่น็อตติ้งควบคุมอยู่และองค์กรที่เป็นคู่ค้ามากมาย คงจะหาเจอไปนานแล้ว
เก็บภาพถ่าย น็อตติ้งกลับมามีสีหน้าสงบนิ่งและน่ายำเกรงดั่งเดิม
ในฐานะประธานรบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีพนักงานหลายแสนคน เขาจะต้องรักษาคำมั่นสัญญาวาจาสิทธิ์ในบริษัทไว้ให้ได้
และวิธีการที่ง่ายดายและสะดวกที่สุดในการรักษาคำมั่นสัญญาวาจาสิทธิ์ คือการเริ่มต้นจากภาพลักษณ์ อย่างไรมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้ลืม และพึ่งพาการมองเห็นง่ายที่สุด
กริ๊งติ๊ง…
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นบนโต๊ะ น็อตติ้งแตะผิวโต๊ะ โทรศัพท์พลันเปิดโหมดแฮนด์ฟรี
“คุณพ่อ หนูกับแดนนีอยากไปเล่นสกีค่ะ” เสียงเด็กสาวน่ารักไร้เดียงสาดังมาจากปลายสาย
นั่นคืออันนา ลูกสาวคนที่สามของเขา อันนา อันนา เจอร์มัน
“สองเดือนนี้ พ่อไม่อยากให้ลูกไปไหน โดยเฉพาะลูก อันนา อาทิตย์ก่อนครูดนตรีกับครูสอนวาดภาพของลูกบอกพ่อว่า การเรียนของลูกช้ากว่าความเร็วที่ประเมินณตามเกณฑ์อย่างเห็นได้ชัด” ” น็อตติ้งตอบเสียงเรียบ
“พวกนั้นมันเรื่องง่ายกล้วยๆ ค่ะ หนูจะเรียนชดเชยเองค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วง พอไปเล่นสกีเสร็จ หนูจะเกิดแรงบันดาลใจ การเรียนพวกนั้น ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็จัดการได้แล้ว!” เด็กสาวโม้โ โว
“งั้นก็ดี ลูกไปเถอะ รอลูกเรียนชดเชยเสร็จ พ่อจะอนุญาตให้ลูกไปเที่ยวได้ตามใจ” น็อตติ้งกล่าวอย่างหมดคำพูด
“พ่อรับปากแล้วนะน้า ดีจังเลย…เอ๋? แต่หนูต้องอยู่ในบ้านหนึ่งเดือนเลยนะ!”
“งั้นก็อยู่อีกสองเดือน พ่อเชื่อว่าลูกทำได้” น็อตติ้งเอ่ยเสียงเรียบ “เมืองไวท์มีสถานที่ดีๆ สำหรับเดินเล่นหลายแห่ง พ่ออนุญาตให้ลูกเที่ยวอยู่แถวนั้น แต่ห้ามไปไหนไกล”
“คุณพ่อ…”
“เอาล่ะ แค่นี้นะ” น็อตติ้งวางสาย
ไม่รู้เพราะอะไร ช่วงนี้เขาถึงเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง คล้ายกับอาจเกิดเรื่องใหญ่ที่มีความพิเศษขึ้นใกล้ตัว
ลางสังหรณ์นี้เป็นความสามารถที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด ทำให้เขากลับร้ายกลายเป็นดีได้หลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่มองข้ามลางสังหรณ์ที่เกิดอย่างกะทันหันนี้