ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1163 โลกประหลาด (1)
เมืองไวท์ บนถนนย่านการค้าที่เพิ่งกลายเป็นซากปรักหักพัง
ลู่เซิ่งนั่งบนเก้าอี้หวายอย่างเกียจคร้าน ขวามือฉายหนังสายลับที่เพิ่งเข้าฉาย ซ้ายมือเล่นซีดีภาษาต่างประเทศที่เพิ่งซื้อมาจากร้านเครื่องเสียง
เขากำลังเรียนวัฒนธรรมและภาษาของโลกใบนี้ การใช้สมาธิกับเรื่องสองเรื่องพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา ถึงขั้นถ้าเขายินยอมล่ะก็ สามารถตั้งสมาธิกับเรื่องสามเรื่อง เรื่อง สี่เรื่อง หรือมากกว่านี้ได้พร้อมกัน
แต่แบบนั้นเหนื่อยเกินไป การเสริมความแข็งแกร่งและพัฒนาของร่างกายร่างนี้ยังไปไม่ถึงระดับนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ
ลู่เซิ่งเล่นไม้แกะสลักอันเล็กในมือ ขณะดูหนังอย่างเหม่อลอย ทั้งยังแบ่งสัมผัสส่วนหนึ่งมาให้ความสนใจพลังอาวรณ์จำนวนมากที่ทะลักมาอย่างต่อเนื่อง
เทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ จำนวนพลังอาวรณ์ในหลายวันมานี้ เริ่มเปลี่ยนจากวันละสิบกว่าหน่วยเป็นวันละหลายร้อยหน่วยแล้ว
ความเร็วในการเพิ่มจำนวนนี้ทำให้เขาพอใจ
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หลังจากสาวกเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสและเครือข่ายข้อมูลของเขาก็ค่อยๆ กระจายไปทั่วทุกมุมโลก
ในใจของเขา ดาวเคราะห์ดวงนี้ในเวลาปัจจุบันเหมือนกับวงกลมสีดำสนิทที่มีแสงดาวสีขาวหลายกลุ่มส่องสว่างอยู่ทุกที่
แสงดาวสีขาวพวกนั้นทวีจำนวนและความสว่างขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
ลู่เซิ่งหยิบคุกกี้ช็อคโกแลตชิ้นหนึ่งข้างมือขึ้นมากิน จากนั้นก็ดื่มนมเปรี้ยวตาม
เขามองดูถนนด้านนอกอย่างเบื่อหน่าย คนเริ่มกลับมาเดินบนทางเท้าข้างถนนฟุตบาธแล้ว
คนที่เดินผ่านหน้าร้านเพิ่มจำนวนขึ้นทีละนิด พื้นดินที่ก่อนหน้านี้ถูกกระแทกแตกร้าวได้รับการซ่อมแซมจนสมบูรณ์
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ลืมง่าย ขอแค่เวลาผ่านไปนิดหน่อย พวกเขาก็จะลืมทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
‘การตามหาครอบครัว เครือข่ายข้อมูลตรวจสอบมานานขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย…’ ลู่เซิ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการวิธีพิเศษเพื่อตามหาครอบครัวของร่างกายร่างนี้ ดีหรือไม่
นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพียงแต่อาคมนั้นจะไปสัมผัสกฎบางส่วนของโลกใบนี้ เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่อาจกระตุ้นให้ผู้เข้มแข็งที่เหี้ยมหาญเคลื่อนไหว
‘ลองใช้วิธีการธรรมดาๆ ลองดูก่อนดีกว่า…’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญ
ซ่า
ในตอนที่เขากำลังใคร่ครวญว่าจะจัดการเรื่องตามหาครอบครัวอย่างไรดี เด็กสาววัยแรกแย้มสองคนก็เลิกม่านประตูเดินเข้ามา
ลู่เซิ่งเพิ่งติดม่านประตูไปได้ไม่นาน ใช้สำหรับกันลม
ด้านหลังเด็กสาวสองคนที่เข้ามา ยังมีคนอีกสามคน ดูเหมือนจะเป็นนักเรียน
เด็กสาวสองคนสวมกระโปรงยีนส์สั้นและเสื้อยืดสีเทา ผมยาวสยายลงมา อายุไม่เกินสิบหกสิบเจ็ดปี เป็นช่วงที่บานสะพรั่งที่สุด
แม้เด็กสาวสองคนจะไม่ถือว่าสวย แต่ขาอ่อนเรียวยาวและผิวเต่งตึงยังคงดึงดูดสายตาของเพศตรงข้ามได้เป็นจำนวนมาก
“เจ้าของร้านคะ มีกรรไกรตัดเล็บไหม” เด็กสาวคนหนึ่งถามเสียงดัง
“ดูเองเลย” ลู่เซิ่งขี้เกียจลุกขึ้น
ไม่นานนัก เด็กสาวที่อวบเล็กน้อยคนหนึ่งก็หยิบกรรไกรตัดเล็บพร้อมกล่องสวมปลอกออกมาจากมุมหนึ่ง
“เจ้าของร้าน เท่าไหร่คะ”
“สองร้อย” ลู่เซิ่งตอบ แม้เขาจะไม่รู้ว่านั่นราคาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร
“เอาเงินวางไว้บนเคาน์เตอร์ ไม่มีใบเสร็จ ไม่รับเช็ค ไม่มีเงินทอน” เขากล่าวคำพูดทั้งหมดออกมาในคราวเดียว
เด็กสาวทั้งสองอึ้ง เจ้าของร้านคนนี้ทำธุรกิจขอไปทีเกินไปหน่อยมั้ง เป็นแบบนี้ต่อไปไม่เจ๊งหรือ
ลู่เซิ่งโบกมือ ไม่พูดอะไรอีก หลังจากเครือข่ายสายตาเพิ่มขึ้น เขาก็เริ่มประกาศพระวจนะเพื่อตามหาหวังจิ้งศิษย์อาจารย์อย่างต่อเนื่อง
เขาจึงขี้เกียจจะดูแลร้านแห่งนี้แล้ว
เด็กสาวสองคนวางเงินลง แล้วนำกล่องใส่กรรไกรตัดเล็บไป ไม่นานก็มีนักเรียนหลายคนเข้ามา ตรวจดูเครื่องประดับที่วางบนโต๊ะ ซื้อเครื่องประดับเล็กๆ ที่เอาไปใช้อวดได้ ก่อนจะออกจากร้ านไป
ใช้วิธีการขายแบบบริการตัวเองเช่นนี้ตลอดทั้งเช้า แต่กลับมีเงินห้าร้อยกว่าๆ เข้าบัญชีอย่างอธิบายไม่ได้
ช่วงเที่ยงเขาสั่งหมี่ผัดและน้ำอัดลมมา จากนั้นก็เปลี่ยนซีดีภาษาต่างประเทศอีกแผ่นแล้วดูต่อ
“ที่นี่แหละ ฉันมาที่นี่ตอนเช้า เจ้าของร้านโดดเด่นมาก สินค้าเองก็ไม่เลว บรรยากาศลึกลับ เธอชอบสไตล์แบบนี้ที่สุดไม่ใช่เหรอ”
ด้านนอกมีเสียงพูดคุยดังมาเบาๆ
คนที่พูดเหมือนจะเป็นเด็กสาวนักเรียนคนที่มาเมื่อก่อนหน้านี้
เธอพานักเรียนหญิงที่ดูเหมือนจะมาจากโรงเรียนเดียวกันกลุ่มหนึ่งเข้ามาในร้าน
ของที่วางอยู่ในชั้น หลังจากผ่านการขายในช่วงเช้า ก็เหลือแค่ไม่กี่ชิ้นแล้ว
ลู่เซิ่งยังคงทำตัวเหมือนเดิม นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ถึงขั้นไม่เปลี่ยนแปลงอิริยาบถ
“เอ่อ ของยังไม่ได้เติมเลยนี่คะ…” เด็กสาวที่ซื้อของไปในตอนเช้าเอ่ยอย่างสงสัย
“หมดแล้ว ครั้งหน้าค่อยมาใหม่” ลู่เซิ่งโบกมืออย่างเกียจคร้าน
พวกนักเรียนหญิงเห็นดังนั้นพลันประหลาดใจ เพิ่งเคยเจอเจ้าของร้านที่เปิดร้านแบบนี้เป็นครั้งแรก ต่างก็กระซิบกระซาบคุยกันอย่างกระตือรือร้น
คุยกันสักพัก เด็กสาวพวกนี้ค่อยไปดูสินค้าและเครื่องประดับอื่นๆ
แต่เด็กสาวคนหนึ่งในนี้กลับจ้องมองลู่เซิ่งอย่างไร้สาเหตุ ไม่ใช่สายตาแบบที่สนใจเพศตรงข้าม หากเป็นสายตางุนงงสงสัย
ลู่เซิ่งหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนหนัง เห็นสายตาของเด็กสาว เขาจึงเลื่อนสายตาไปบนร่างอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขา
นักเรียนหญิงคนนี้สูงเกือบหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซ็นติเมตร สวมกระโปรงสั้นสีดำ เชิ้ตเชิ๊ตขาวโชว์สะดือ หน้าอกใหญ่บะเลิ่มเทิ่ม ผมยาวสีน้ำตาลนุ่มสลวยเปล่งปลั่งเหมือนพู่ หน้าตาเปล่งปลั งค่อนข้างดี สันจมูกโด่งโดดเด่นเป็นพิเศษ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นนักเรียนหญิงที่สวยคนหนึ่ง แม้ไม่ถึงระดับเทพธิดา แต่ก็ยอดเยี่ยมทั้งบุยุคลิกและรูปร่างหน้าตา
มีบุคลิกคุณหนูบ้านรวยโดยกำเนิด ยังมีความเคร่งขรึมและความสมบูรณ์แบบเหมือนหญิงสาวในปกรณัมกรีก
มองออกว่าเธอให้ความสำคัญกับมารยาทและอิริยาบถอย่างยิ่ง คงจะได้รับการอบรมมารยาทที่ดีมาก่อน ครอบครัวน่าจะไม่เลว
ขณะที่เพื่อนๆ คุยกัน รอยยิ้มและการเคลื่อนไหวที่เด็กสาวคนนี้แสดงออกมาไม่ได้ชัดเจนเกินไป ให้ความรู้สึกนุ่มนวลนิ่งสงบเสียมากกว่า
น่าเสียดายที่ลู่เซิ่งมองออกทันทีว่า ความจริงเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ประเภทนิ่งเงียบและอ่อนโยนโดยธรรมชาติ หากเป็นเพราะแรงจากภายนอกเมื่อก่อนหน้านี้บีบบังคับให้เธอจำเป็นต้องใช้ท่าทีพว วกนี้เสแสร้งมากกว่า
“สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของร้าน” เด็กสาวเห็นลู่เซิ่งสังเกตเห็นเธอแล้ว จึงรีบยิ้มตอบ
“เธอ…” ลู่เซิ่งเหลือบมองก่อน จากนั้นเขาก็นึกเฉลียวใจ เลื่อนสายตากลับมามองอีกฝ่ายใหม่
ก่อนหน้านี้เขาเจอเรื่องบังเอิญไม่กี่ครั้ง เรื่องบังเอิญส่วนใหญ่ความจริงเกิดจากตนเองหรือแรงจากภายนอกกระตุ้น
ทว่าครั้งนี้ เขากลับจำเป็นต้องเชื่อว่า บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องบังเอิญดำรงอยู่ด้วย
เพราะนักเรียนสาวสวยตรงหน้าให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับสายเลือดของร่างกายของตัวเองร่างนี้ถึงขีดสุด
นอกจากสายเลือดแล้ว เมื่อแยกแยะจากคุณสมบัติวิญญาณ ลู่เซิ่งก็ค้นพบว่าเด็กสาวคนนี้เหมือนกับฮาวล์ ซาลาดินคนก่อนจริงๆ
‘น่าจะเป็นน้องสาวของฮาวล์’ เขาตัดสินสถานะของอีกฝ่ายได้ในพริบตา จิตใจเริ่มคิดคำนวณ
ลุกขึ้นจากเก้าอี้เอน เดินถึงด้านข้างนักเรียนที่กำลังเลือกของ แล้วหยุดลงอย่างเป็นธรรมชาติข้างเด็กสาว
“อยากซื้ออะไรล่ะ” เขาถามเสียงแผ่ว
“ฉันขอดูก่อนนะคะ” เด็กสาวเห็นเพศตรงข้ามที่ถูกร่างกายและใบหน้าของเธอดึงดูดมาจนชิน แต่ไม่ทราบเพราะอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณลุงคนนี้ เธอกลับไม่รู้สึกถึงสายตาปรารถนาใดๆ
“ลองดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่มีธุระอะไร เธอมาร้านนี้บ่อยๆ ได้นะ” ลู่เซิ่งทิ้งประโยคหนึ่งไว้ จากนั้นก็ไปดูนักเรียนหญิงคนอื่นต่อ
หลังเขาเข้าใกล้ ก็ยืนยันได้แล้วว่านักเรียนหญิงคนนี้คือน้องสาวแท้ๆ ของร่างกายร่างนี้ มีระดับความคล้ายคลึงกันสูงมาก
แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะทำความรู้จักด้วย อย่างไรก็เจอตัวแล้ว เมื่อครู่เขาได้ทิ้งตราประทับกลิ่นอายไว้บนร่างเด็กสาว ขอแค่ไม่เกิดปัญหาใหญ่ ก็สามารถตามหาเธอได้ทุกที่ทุกเวลา
สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ ตรวจสอบดูว่าการพบเจอในครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือไม่
เดินวนรอบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมานั่งเก้าอี้เอน ลู่เซิ่งกลับไม่มีกะใจจะดูหนังต่อ
นักนักเรียนหญิงกลุ่มนี้เดินเล่นสักพักก็ผละไป เหลือแค่นักเรียนหญิงที่น่าสงสัยว่าจะเป็นน้องสาวของเขา
“เจ้าของร้านคะ” นักเรียนหญิงทักอย่างระมัดระวัง “ขอถามสักคำถามได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ” ลู่เซิ่งกลับมามีอิริยาบถเกียจคร้านเหมือนเดิม
“ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่หรือคะ” นักเรียนหญิงถามเสียงแผ่ว
“สามสิบสี่ หรือไม่ก็สามสิบห้า ใครจะรู้ ฉันเป็นเด็กกำพร้า วันเกิดก็กำหนดเอาเอง” ลู่เซิ่งตอบ
“อย่างนั้นหรือคะ” นักเรียนหญิงสงสัยเล็กน้อย ทำไมอีกฝ่ายถึงบอกชาติกำเนิดของตนเองง่ายๆ แบบนี้ทั้งๆ ที่ยังเป็นแค่คนแปลกหน้ากัน แต่เธอไม่คิดอะไรมาก เดินวนในร้าน ไม่อยากไปที่อ อื่น
เธอไม่เพียงสนใจในตัวเจ้าของร้านที่มีปริศนาเต็มไปหมดคนนี้เท่านั้น สิ่งที่เธอสนใจยิ่งกว่าก็คือ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใกล้ชิดที่ชัดเจนจากตัวเจ้าของร้านคนนี้ ความรู้สึกใกล้ ชิดที่ว่าทำให้เธอลดความระแวงต่ออีกฝ่ายลงโดยอัตโนมัติ
“คุณเจ้าของร้าน คุณทำธุรกิจแบบนี้ เดือนหนึ่งได้เงินเท่าไหร่เหรอ คุณไม่คิดทำการตลาดหรือโฆษณาหน่อยหรือไง”
“ไม่ต้องทำการตลาดหรอก เดือนหนึ่งได้เงินไม่เยอะ แต่ก็พอใช้ ยัยหนู เธอควรกลับบ้านได้แล้ว สายแล้วนะ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“คำถามสุดท้ายค่ะ” นักเรียนหญิงยิ้มอย่างเป็นมิตร “คุณเจ้าของร้าน คุณรู้สึกไหมว่า พวกเรา หน้าตาเหมือนกันมาก”
“หือ?” ลู่เซิ่งไม่ได้รู้สึกเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะค้นพบเส้นสนกลในเร็วขนาดนี้ เขายังนึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นพวกรู้ตัวเร็วเสียอีก
“งั้นเหรอ หลายๆ คนมักจะใช้มุกนี้จีบ อาจเป็นเพราะฉันหล่อเกินไปมั้ง” ลู่เซิ่งนวดแก้ม พร้อมโยนของชิ้นเล็กๆ ออกไป
“ไปเถอะ ฉันเอาให้ ต่อจากนี้ถ้ามาเดินเล่น ฉันจะลดให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
สิ่งที่เขาโยนออกไปเป็นบัตรลดราคาพนักงานที่ฮาวล์ ซาลาดินพิมพ์ออกมาเมื่อก่อนหน้านี้
ตอนนี้เขาใช้มอบให้เธอเป็นสินน้ำใจได้พอดี
บัตรลอยออกไปอย่างแผ่วเบา แล้วตกลงในแขนเสื้อข้างขวาของนักเรียนหญิงอย่างแม่นยำ
เธอพลันงุนงง ยกแขนเสื้อขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจเล็กน้อย มองดูอย่างละเอียด
“ร้ายกาจมาก!”
“เอาล่ะๆ ไปเถอะ กลับได้แล้ว” ลู่เซิ่งโบกมืออย่างหงุดหงิด
“อย่างนั้น ไว้เจอกันค่ะ คุณลุงเจ้าของร้านแสนเก่งกาจ” เธอถอนสายบัวอย่างร่าเริง ก่อนหมุนตัวเร่งฝีเท้าผละไป
หลังน้องสาวไปแล้ว ลู่เซิ่งนอนอยู่บนเก้าอี้เอนสักพัก รออาหารที่สั่งมาถึง จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า จัดการอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว
ต่อมาก็เปิดโทรศัพท์ มีคนส่งอีเมล์จดจดหมายมาฉบับหนึ่งมาในกล่องจดหมาย ด้านในคือการบรรยายคร่าวๆ เกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติบนโลกใบนี้ที่เขาขอให้ดีนส่งให้
เขาสงสัยว่า หวังจิ้งศิษย์อาจารย์อาจจะซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้มีพลังพิเศษซุปเปอร์ฮีโร่
หลังจากผ่านการรวบรวมข้อมูลของสาวกในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาก็เข้าใจสภาพของที่นี่คร่าวๆ แล้ว
โลกใบนี้มีความแปลกประหลาดบางส่วนเช่นกัน ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ใจกลางจักรวาล
ส่วนสถานที่อื่นๆ ก็มีสายพันธุ์ต่างดาวเช่นกัน แค่ไม่ได้คึกคักเท่าที่นี่ ขุมกำลังต่างๆ ต่างก็ดิ้นรนมายังสถานที่แห่งนี้