ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1168 ที่อยู่ (2)
“เป็นเบาะแสที่ได้มาจากช่องทางปกติของผมน่ะครับ สองคนนี้ คนหนึ่งแก่คนหนึ่งสาว แยกกันปรากฏตัวที่แคนชาเบียและวินเซนต์ สถานที่สองแห่งนั้นเป็นอาณาเขตหวงห้ามที่โด่งดัง มักป ปรากฏสัตว์ประหลาดและภัยพิบัติ เป็นเพราะสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่ส่งคนไปอยู่ตลอดเวลา พวกเราก็เลยไม่มีโอกาสไปสืบดู แต่จากความบังเอิญครั้งหนึ่งในเวลาต่อมา ผมได้รับข้อมูลของสอง เขตนั้นจากเพื่อนของผม…”
ดีนรายงาน
“เทียบกับรูปเหมือนหรือยัง” ลู่เซิ่งถามเสียงขรึม
ถ้าต้องการ ราชาแห่งคำพยากรณ์และหวังจิ้งสามารถเปลี่ยนโฉมได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อพวกเธอปรากฏตัวในสถานที่สองแห่งนี้อย่างเปิดเผย ก็หมายความว่า พวกเธอต้องการแสดงให้คนเห็น
“เทียบแล้วครับ เหมือนกับรูปที่คุณให้ไม่ผิดเพี้ยน” ดีนพยักหน้า เขาไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นใคร เหมือนจะไม่ใช่เพียงผู้ไกล่เกลี่ยเท่านั้น นักพยากรณ์ก็ถ่ายทอดคำชี้แนะให้ตามหาพวก กเขาเช่นกัน
และตามที่เขารู้ ลัทธิที่เหลือก็กำลังดำเนินการค้นหานี้อยู่ กอปรกับเขาได้รู้จากผู้ไกล่เกลี่ยมาก่อนว่า สี่ลัทธิใหญ่ถือกำเนิดจากวิหารดวงดาว ดังนั้นเขาจึงบังอาจคาดเดาว่า เป็ นไปได้อย่างยิ่งที่สี่ลัทธิใหญ่จะมีความข้องเกี่ยวกันในระดับหนึ่ง
ดังนั้นเขาจึงมาขอความช่วยเหลือจากผู้ไกล่เกลี่ยงเช่นลู่เซิ่ง
“ร่องรอยของพวกเขาในตอนนี้ ตามหาได้ไหม” ลู่เซิ่งถาม
“ยากมากครับ สองคนนี้เคลื่อนไหวเร็ว ไม่มีประวัติโดยสารพาหนะใดๆ…” ดีนกล่าวอย่างลำบากใจ
“ใช้ได้แล้ว ขอบคุณมาก คุณไปเถอะ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
ดีนโค้งตัวน้อยๆ ทำความเคารพ ก่อนจะหมุนตัวเปิดประตูผละไป ยิ่งรู้มาก เขายิ่งยำเกรง
ประตูปิดส่งเสียงดังแกร๊ก
ลู่เซิ่งใคร่ครวญ ก่อนจะเก็บกวาดข้าวของ จากนั้นก็เปิดประตูเร่งฝีเท้าออกจากร้าน
เขาขึ้นเครื่องบินไปยังเขตวินเซนต์ในตอนเย็น
วันต่อมาเขาก็ไปถึงไอเบอร์ เมืองหลวงของเขตวินเซนต์
ไอเบอร์เป็นเมืองที่ค่อนข้างล้าหลัง
ท่ามกลางกระแสคนที่เบียดเสียด ลู่เซิ่งปะปนในฝูงชนออกจากสนามบิน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทางเรียกแท็กซี่ที่เรียบง่าย
เขาสัมผัสได้ว่า มีกลิ่นอายของพลังแห่งความว่างเปล่าแผ่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศจางๆ
การที่หวังจิ้งศิษย์อาจารย์มาที่นี่ ไม่ใช่ไม่มีสาเหตุอย่างที่คิดไว้
‘พลังแห่งความว่างเปล่าอีกแล้ว…’ ลู่เซิ่งสูดหายใจลึก พลังแห่งความว่างเปล่าที่เบาบางเจือจางถูกพลังวารีของร่างหลักกลืนกินดูดซับ
‘ไม่รู้ว่าพวกนางมาทำอะไรที่นี่’
ต่อแถว ขึ้นไปนั่งแท็กซี่ ลู่เซิ่งมองผ่านกระจกรถ เห็นหมอกสีเทาชั้นหนึ่งที่ปกคลุมอยู่เหนือเมืองไกลออกไป
‘เมืองนี้…’ เขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
รถแล่นเร็ว ไม่นานก็ไปถึงหน้าโรงแรมหรูที่จองไว้
ลู่เซิ่งเพิ่งจ่ายเงินลงรถ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักอึ้งทรงพลังดังมาจากถนนทางขวามือ
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้านั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงต่อสู้และเสียงตะโกนดังสนั่น
ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงของหนักตกพื้น
แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ สงบลง
เขาไม่ต้องสัมผัสก็เห็นว่า สัตว์ประหลาดสีขาวที่ศีรษะเหมือนห่านหลายตัว ถูกสาวผมทองที่สวมชุดสีดำแนบเนื้อเอาชนะจนล้มลงบนพื้นที่อยู่อีกด้านของถนนได้อย่างสบายๆ
คนของที่นี่กลับไม่ได้สนใจ เหมือนกับเป็นกิจวัตรประจำวัน
แม้แต่พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์โรมแรมงก็มีสีหน้าเป็นปกติ
“ลูกค้าจะค่อยๆ ชินเองค่ะ ที่นี่จะเกิดเหตุการณ์อีเวนท์มากมายทุกวัน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ที่นี่มีผู้มีพลังพิเศษฮีโร่สิบกว่าคนของสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่คอยลาดตระเวน ไม่เกิดเรื องแน่ค่ะ”
ลู่เซิ่งไม่ตอบอะไร เขาสัมผัสปัญหาของที่แห่งนี้ได้แล้ว
สถานที่แห่งนี้เหมือนจะมีรอยร่องแยกความว่างเปล่า บนตัวสัตว์ประหลาดสีขาวเมื่อครู่แปดเปื้อนกลิ่นอายจากพลังแห่งความว่างเปล่าที่อ่อนจาง
หวังจิ้งศิษย์อาจารย์น่าจะมาที่นี่เพื่อปิดรอยร่องแยกนี้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอยังอยู่นี่ไหม
“จริงสิ ขอถามหน่อยนะครับ คุณเคยเห็นคนสองคนนี้มาที่นี่ไหม” ลู่เซิ่งหยิบรูปภาพที่พกติดตัวออกมาให้อีกฝ่ายดู
“อืม…เห็นน่ะเคยเห็นค่ะ…แต่ว่า…”
โฮก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงสัตว์ร้ายที่เหมือนเสียงสิงโตร้องคำรามที่เหมือนเสียงสิงโตดังขึ้น
ทุกคนในโรงแรมต่างตกสู่สภาพสูญเสียสติสัมปชัญญะทันที
เปรี้ยง!
ผนังกระจกของโรงแรมที่อยู่ด้านข้างถูกชนแตก
สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนเสือชีตาห์ที่ประกอบขึ้นจากควันดำสองตัวพุ่งเข้ามา ก่อนจับจ้องลู่เซิ่งพลางร้องขู่
ถัดจากนั้น ด้านนอกโรงแรมรอบๆ ไม่รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าหลายชนิดมาห้อมล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่
พวกมันโผล่มาโอบล้อมอาณาเขตผืนนี้ในเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
สัตว์ประหลาดสีดำพวกนี้บ้างก็เหมือนสัตว์ บ้างก็เหมือนกับอาวุธอุปกรณ์ป้องกันตัว มีบางส่วนเหมือนกับพาหนะในสังคมปัจจุบันอย่างรถยนตร์และเรือเล็ก ล้วนประกอบขึ้นจากควันดำ
ลู่เซิ่งรู้สึกว่าการมาถึงของตัวเองเหมือนกับไปแหย่รังผึ้งเข้า
สถานการณ์ที่ก่อนหน้านี้ยังสงบ กลายเป็นสภาพเลวร้ายอย่างตอนนี้ในพริบตา
เปรี้ยงๆๆ!
หลังจากสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าสีดำหลายตัวพุ่งเข้ามาในโรงแรม ลู่เซิ่งก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนมากว่า สายตาของสัตว์ประหลาดพวกนี้จับอยู่บนร่างเขา
‘กลิ่นอายที่คุ้นเคย…’
ขณะพนักงานต้อนรับแสดงสีหน้าตกใจหวาดกลัว ลู่เซิ่งวางการ์ดเปิดประตูห้องที่เพิ่งได้มาลง แล้วเดินเข้าหาสัตว์ประหลาดที่เข้ามาฝูงนี้
เวลานี้ด้านนอกมีผู้มีพลังพิเศษฮีโร่สู้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้แล้ว เสียงระเบิดและเสียงตะโกนดังมาไม่ขาดหู
แต่สัตว์ประหลาดในโรงแรมไม่สนใจการเคลื่อนไหวด้านนอก และไม่ฉวยโอกาสฆ่าคนผ่านทาง หากจ้องลู่เซิ่งเขม็งเท่านั้น
สัตว์ประหลาดสีดำร่างคนที่สูงเท่าหนึ่งคนครึ่งตัวหนึ่งเดินเข้ามากลางวงสัตว์ประหลาด
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยบวมๆ ที่เรืองแสงสีฟ้า พันผ้าสีดำไว้ใต้คาง สองตากะพริบแสงสีทองเคียดแค้น
พอเข้ามา มันก็จ้องมองลู่เซิ่งอย่างเดือดดาลและเจ็บปวดทันที
“เจ้าตายแน่ ตายแน่! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ลู่เซิ่งรู้ในทันทีว่า สัตว์ประหลาดที่ปนเปื้อนพลังแห่งความว่างเปล่าฝูงนี้มาหาเขาโดยเฉพาะ
โรงแรมแห่งนี้เลยโดนลูกหลงไปด้วย
“แกจะใจร้อนแบบนั้นไปทำไม ขอถามหน่อยได้ไหมว่า ตอนนี้สองคนนี้อยู่ที่…”
ลู่เซิ่งยังพูดไม่ทันจบ เงาดำก็กะพริบขึ้นด้านหน้าเขา
มนุษย์เงาดำเมื่อครู่มาถึงด้านหน้าเขาในพริบตา แล้วต่อยหมัดเข้าใส่
เปรี้ยง!
หมัดระเบิดงูพิษสีดำนับไม่ถ้วนออกมากัดลู่เซิ่ง
พุ่บๆๆ!
งูพิษทั้งหมดกัดโดนลู่เซิ่ง เขี้ยวพิษส่งพิษเข้าไป
เปรี้ยง!
เขี้ยวพิษถูกกระแทกกระเด็น งูพิษฝูงหนึ่งอ้าปากอย่างงุนงง ได้แต่ดูดแขนของลู่เซิ่งอยู่ชั่วขณะ
“เจ้า…!” มนุษย์เงาดำแตกตื่น
“ถ้าไม่มีความจำเป็น ฉันก็ไม่อยากขัดแย้งกับพวกแกหรอกนะ ยังไงก็เคยตกลงกับคนคนหนึ่งมาก่อน” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างสงบ “แน่นอนว่า ถ้าพวกแกเล่นงานพวกเราก่อน อย่างนั้นก็มาโทษฉันไม่ ได้”
ลู่เซิ่งใช้มือขวาจับสัตว์ประหลาดตรงหน้าแล้วสะบัดไปทางซ้าย
ซู่!
สัตว์ประหลาดหน้ามืด พละพลังกำลังมหาศาลพาร่างมันไปกระแทกกำแพงโรงแรม กลายเป็นรูใหญ่รูหนึ่ง แล้วปลิวออกไปไกลเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ
“ตายซะเถอะ!” เงาแห่งความว่างเปล่าร่างมนุษย์ที่สูงกว่าเดิมอีกตัวพุ่งปราดมาจากประตูใหญ่
ลู่เซิ่งย่นคิ้ว สั่งการความคิด ระลอกคลื่นโปร่งใสหลายกลุ่มกระเพื่อมออกมาด้านหลังเขา กลายเป็นวงกลมขนาดยักษ์
ตูม!
มารร้ายสีดำร่างมหึมาที่มีปีกสองข้างบนหลัง เขางอกบนศีรษะ ถือกระบี่เพลิงสีทองคำขาว กระโจนออกมาจากระลอกคลื่น
จากนั้นก็ตามด้วยตนที่สอง ตนที่สาม…
ในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งนาที มีมารร้ายสิบตนพุ่งออกมาจากระลอกคลื่น
มารร้ายเหล่านี้เป็นองครักษ์วิหารดวงดาวที่ลู่เซิ่งสร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ ความจริงพวกมันวิวัฒนาการจากประชากรดั้งเดิมที่อาศัยในโลกรูปจิต มีความละโมบและตะกละตะกลามรุนแรง ทุกๆ ต ตนต่างมีพลังเท่ากับผู้มีพลังพิเศษฮีโร่ระดับ A ของสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่
ครั้นองครักษ์วิหารดวงดาวสิบตนพุ่งออกมา ก็สะกดสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าที่กระโจนมาจากบริเวณรอบๆ ไว้ได้ทันที
การฟันกระบี่เพลิงสีทองคำขาวทีหนึ่ง สามารถสังหารสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าได้สิบกว่าตัว
ลู่เซิ่งมองคนอื่นๆ ในโรงแรม
หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อก่อนหน้านี้ ลูกค้าของที่นี่รวมถึงพนักงานก็หมุนตัวเผ่นหนีด้วยความเร็วอันว่องไว
แสดงให้เห็นว่า คนที่อาศัยอยู่ในสถานที่เสี่ยงภัยแบบนี้ได้ ต่างก็มีวิธีเอาตัวรอดของตัวเอง
หลังจากองครักษ์วิหารดวงดาวพุ่งออกไปด้านนอก ก็ยังคงมีเสียงฆ่าฟันที่น่ากลัวดังมาเป็นระยะ
ลู่เซิ่งเดินออกจากโรงแรม อาณาเขตหลายร้อยเมตรในสายตามีแต่สัตว์ประหลาดความว่างเปล่าสีดำ
องครักษ์วิหารดวงดาวสิบตน ที่เพิ่งทะลวงออกมา ขวางสัตว์ประหลาดที่คิดจะกระโจนเข้ามาเอาไว้อยางแน่นหนา เหมือนกับหินโสโครกกลางแก่ง
ออกมาจากโรงแรม ลู่เซิ่งเงยหน้า เห็นรอยร่องแยกขนาดยักษ์ที่กะพริบแสงสีม่วงบนฟ้า
รอยร่องแยกสายนั้นกำลังปล่อยสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าจำนวนมากลงมาเหมือนกับเกี๊ยว
สัตว์ประหลาดความว่างเปล่าทั้งหมดตาแดงฉาน พุ่งมาใส่เขาอย่างไม่คิดชีวิตราวกับว่าเสียสติไปแล้ว
ลู่เซิ่งไม่ทราบว่าหวังจิ้งศิษย์อาจารย์ไปทำอะไรเข้า ถึงกระตุ้นให้สัตว์ประหลาดมากมายขนาดนี้คลั่งได้
เขามองดูรอยร่องแยกขนาดยักษ์สายนั้น เหมือนจะเชื่อมไปยังผนังด้านนอกธารมารดา
‘ลองไปดูก่อนก็แล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…’
ครุ่นคิดเล็กน้อย ลู่เซิ่งก็กระโดดขึ้น หมอกเทาบางๆ ชั้นหนึ่งแผ่กระจายไปรอบๆ อำพรางร่างกายที่พุ่งลิ่วไปยังรอยร่องแยกยักษ์กลางท้องฟ้า
ในพริบตานั้นเอง
ฟิ้ว!
มีแสงสายฟ้าสีแดงสายหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้าไกล แล้วชนรอยร่องแยกกลางอากาศอย่างหนักหน่วง
ครืน
รอยร่องแยกพลันชะงัก จากนั้นก็แตกออกเพล้งเหมือนกับกระจก กลายเป็นกลุ่มแสงสีม่วงนับไม่ถ้วนสลายหายไป
แสงสายฟ้าสีแดงตีลังกาลงพื้นเบาๆ ก่อนจะตั้งหลัก ถึงกับเป็นวิลต้าจวงที่ลู่เซิ่งเพิ่งเจอมาเมื่อก่อนหน้านี้!
เขาสวมถุงมือแดง ใส่ชุดแนบเนื้อสีเหลืองอ่อน สีหน้าชาด้านซึมเซาเหมือนในอดีต
“อ้าว คุณนี่เอง” วิลต้าจ้วงเห็นลู่เซิ่งแล้วเช่นกัน เหมือนไม่สนใจที่เขาลอยอยู่กลางอากาศ
“ผมได้ข่าวว่าที่นี่มีภัยพิบัติระดับทำลายล้าง เลยรีบมาทันที จริงสิ คุณรู้ไหมว่าภัยพิบัติอยู่ไหน เมื่อกี้ผมบินเร็วไปหน่อย ไม่ได้ดูทาง บินเลยมาหรือยังนะ” วิลต้าจวงถามลู่เซ ซิ่งด้วยสีหน้าคาดหวัง
‘ไอ้หมอนี่ชนรอยร่องแยกความว่างเปล่าแหลกไปแล้วยังทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีก’
“
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้าสนใจ “ภัยพิบัติหรือ? ที่นี่มีภัยพิบัติด้วย ผมโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นมาก่อนว่าภัยพิบัติเป็นอย่างไร”
‘เฮ้ย! นี่มันเสแสร้งเก่งกว่าฉันอีกนี่! ก็ภัยพิบัติระดับทำลายล้างที่อยู่หน้านายเมื่อกี้ไง ในสายตานายไอ้นั่นไม่ใช่ภัยพิบัติด้วยซ้ำล่ะสิ’
วิลต้าจ้วงแขวะในใจ
“จะว่าไปก็ใช่…ภัยพิบัติพวกนี้มันก็แค่เรื่องขี้ประติ๋ว ทำไมต้องสร้างองค์กรที่เฉพาะเจาะจงมารับมือด้วย สิ้นเปลืองทรัพยากรแท้ๆ ทำลายให้หมดก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ” เขาลูบคา างพลางกล่าว
“ผมคิดว่าสัตว์ป่าพวกนี้น่ารักดี” ลู่เซิ่งมองสัตว์ประหาดความว่างเปล่าที่ดุร้ายเบื้องล่าง “พอดีอยู่ว่างเลยมาเดินเล่น เวลามองดูพวกมันแล้วอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง”
“อย่างนั้นเหรอ...” วิลต้าจ้วงมองสัตว์ประหลาดความว่างเปล่าที่จ้องมองลู่เซิ่งอย่างอาฆาตด้านล่าง
“ดูสายตาที่น่ารักของพวกมันสิ คุณไม่รู้สึกว่าเต็มไปด้วยพลังงานบวกหรือ” ลู่เซิ่งย้อนถาม
……………………………………….