ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1171 ระเบิด (1)
‘ทุกอย่างก็เพื่อการเร้นกาย เราจะต้องพยายามกินให้มากกว่านี้ และสำรองจักรวาลไว้หลายๆ แห่ง ถึงจะใช้ชีวิตที่มีความสุขกับหวังจิ้งได้’ ลู่เซิ่งตั้งเป้าหมายใหม่ในใจแล้ว
อุตส่าห์ได้เจอจักรวาลที่ย่อยสลายๆ ง่ายๆ แบบนี้มาทั้งที เวลานี้ไม่กิน ต่อจากนี้ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีก
จักรวาลแห่งนี้มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ใหญ่โตเพียงพอ ทั้งยังไม่มีพลังป้องกันอะไร เวลาย่อยสลายไม่ต้องใช้พลังอาวรณ์ด้วยซ้ำ เป็นอาหารเลิศรสที่โชคชะตาจัดสรรให้เขาโดยแท้
ลู่เซิ่งกินพลางขอบคุณโชคชะตาไปพลาง นึกไม่ถึงว่าแค่ออกมาตามหาภรรยาจะเจอเรื่องดีๆ แบบนี้ได้
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ารอบๆ จักรวาลผืนนี้มีกลิ่นอายขนาดมหึมาที่น่าหวาดกลัวกำลังแผ่ตลบอบอวลไปยังรอบๆ
‘หือ?’ เขากัดอีกคำอย่างสงสัยเล็กน้อย
รูปลักษณ์ของโลกรูปจิต กลางความว่างเปล่าเป็นปลายักษ์ที่มีเพียงปาก ไม่มีอวัยวะอื่นๆ
เวลานี้ปลาตัวใหญ่ที่ว่ายวนเวียนในจักรวาลมหึมาซึ่งเหมือนลูกโป่งมาหลายรอบแล้ว หยุดกัดกินชั่วคราว
‘เกิดอะไรขึ้น รสชาติเผ็ดขึ้นได้ยังไง’ ปลายักษ์สีดำสนิทที่เปลี่ยนร่างมาจากลู่เซิ่งส่ายหาง ตัดสินใจกัดเป็นนครั้งสุดท้าย แล้วค่อยหมุนตัวผละไป
จักรวาลอร่อยๆ แบบนี้ ไม่น่าจะไม่มีเจ้าของนานขนาดนี้ ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ เจ้าของเพิ่งจะจากไป ตอนนี้น่าจะกำลังกลับมา
‘ดูเหมือนต้องเร่งมือแล้ว!’
เขาสั่งความคิด เร่งความเร็วกัดกิน
พลังแห่งความว่างเปล่าปริมาณมหาศาลและมิติจักรวาลถูกโลกรูปจิตกัดขย้ำ กลายเป็นอนุภาคการดำรงอยู่ที่เล็กที่สุด แล้วหลอมรวมเข้ากับร่างกาย ส่วนพลังแห่งความว่างเปล่าถูกเปลี่ยนเป็น พลังวารีเทา เรียกว่ากินไม่เหลือแม้แต่ซาก
อัตราการแปลงพลังงานสสารของลู่เซิ่งในวเลานี้ ได้ไปถึงเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
พอกินคำหนึ่งเสร็จ ก็ตามด้วยอีกคำ ลู่เซิ่งลืมความคิดที่ตัวเองเพิ่งตัดสินใจว่าจะกินแค่คำเดียวไปโดยสิ้นเชิง
หลังกัดไปสี่ห้าคำ ทันใดนั้นกลิ่นอายที่คุ้นเคยถึงขีดสุดสายหนึ่งก็ปรากฎขึ้นตรงใจกลางจักรวาล
“ใคร! เป็นใครกันแน่!” มีเสียงเดือดดาลดังขึ้น จากนั้นกลิ่นอายมหึมาที่เกรี้ยวกราดสามสาย ก็ปรากฏตัวตรงกลางจักรวาลด้วยความเร็วสูง
‘ซีหนิงหรือ!?’ ลู่เซิ่งจดจำเจ้าของเสียงได้ เห็นท่าไม่ดี รีบหมุนตัวเผ่นทันที
ซีหนิงคนเดียวยังพอว่า ยังมีกลิ่นอายระดับเดียวกันที่คล้ายกับเขาตามมาอีกสามสาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับมือด้วยตัวคนเดียวได้
ปลาใหญ่สีดำสะบัดหาง กะพริบข้ามมิติไปยังที่ไกลท่ามกลางความมืดมิดว่างเปล่าไร้ขอบเขตด้วยความเร็วสูง
ปลาใหญ่เพิ่งหลบหนี ร่างสวมเสื้อคลุมดำที่เรืองแสงสีเทาสี่ร่างก็กะพริบไปโผล่ตรงตำแหน่งเดิมของลู่เซิ่งท่ามกลางความมืดมิด
“เมื่อครู่อยู่ตรงนี้!”
“มันหนีไปแล้ว! เป็นใครกันแน่ จงใจรบกวนพิธีอัญเชิญของพวกเรา หรือจะเป็นยอดฝีมือฝ่ายสหพันธ์การดำรงอยู่”
“ในเมื่อพวกมันรู้แผนของเราแล้ว เรื่องราวไม่อาจชักช้า พวกเราจะลงมือทันที ป้องกันไม่ให้พวกมันเตรียมการ!” ร่างสีดำร่างที่สองเอ่ยเสียงขรึม
“ได้!”
“ครั้งนี้ต้องมอบบทเรียนที่ยากลืมเลือนให้พวกมันให้ได้!”
“เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอำนาจของราชาโลกเช่นพวกเรา ครั้งนี้จะต้องเล่นงานพวกมันอย่างหนักเพื่อโต้กลับให้จงได้!”
ราชาโลกวิญญาณและซีหนิง ต่างก็คิดเหมือนกันว่าต้องโต้กลับ
และเวลานี้ ลู่เซิ่งหนีออกห่างจากความมืดมิดว่างเปล่ามาไกลมากแล้ว
ความมืดมิดว่างเปล่าใหญ่โตมาก แทบจะไร้ขอบเขต ที่นี่มีพลังแห่งความว่างเปล่าที่ไพศาลดำรงอยู่ พวกมันเหมือนกับรูโหว่วหลายรู หมุนวนพร้อมกับกลืนกินทุกสิ่งรอบๆ อย่างต่อเนื่อง
ไกลออกไปมีธารมารดาที่ใหญ่โตมหึมาดำรงอยู่ ธารมารดาเหมือนกับเถาวัลย์และคาคบไม้ขนาดยักษ์สีรุ้ง กิ่งไม้หลายกิ่งยื่นจากด้านหลังไปด้านหน้า เหยียดพ้นรอบๆ ตัวไปยังปลายทางที่มองไม ม่เห็น
นอกเสียจากกลุ่มพลังความว่างเปล่าที่รวมตัวอย่างตั้งใจ ของส่วนใหญ่ในความมืดมิดว่างเปล่า ความจริงยังเป็นเขตเจือจางที่มีพลังแห่งความว่างเปล่าและพลังแห่งการดำรงอยู่ผสมรวมกัน
เขตเหล่านี้มีสภาพพิลึกกึกกือ สร้างทิวทัศน์มหัศจรรย์หลายอย่างออกมา
ลู่เซิ่งว่ายย้อนกลับไปในสถานที่ที่ออกมา
เมื่อมองธารมารดาจากภายนอก เขาค่อยเห็นชัดว่า ปากจักรวาลแห่งนั้นเป็นรอยร่องแยกขนาดเล็กที่เปิดอยู่ตรงขอบของพลังแห่งความว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าช่องช่องนี้ถูกขุดเป็นรอยร่องแยกได้อย่างไร
แต่เขาเห็นจากตรงนี้ว่า นอกจากระบบธารมารดาแล้ว เขาใช้สถานที่อื่นๆ เข้าสู่จักรวาลแห่งอื่นผ่านวิธีการบางอย่างได้
ถึงขั้นยังเดาได้ว่า อาจจะไม่ได้มีแค่ธารมารดาเท่านั้นที่มีจักรวาล
รอยร่องแยกสีเทาเรืองแสง หดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับตอนเขาเข้ามา
ลู่เซิ่งแยกตัวออกจากโลกรูปจิต แล้วพุ่งจิตและกายเนื้อเข้าไปในรอยร่องแยก ก่อนจะหายไปในพริบตา
ส่วนปลาใหญ่ที่แปลงมาจากโลกรูปจิตก็สะบัดหางหนีไปยังที่ไกลด้วยคามเร็วสูง
…
ตึง!
ลู่เซิ่งกลิ้งตัวพุ่งออกจากรอยร่องแยก ทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าในป่าบนเกาะอย่างมั่นคง
รีบลุกขึ้นจากพื้น เขาพลิกมือตบใส่ร่องแยก
ความบิดเบี้ยวไร้รูปร่างสายหนึ่งหลุดออกจากฝ่ามือเขา แล้วโจมตีรอยร่องแยกสีม่วง
รอยร่องแยกสีม่วงพลันแหลกเป็นชิ้นๆ แล้วหายไปเหมือนกับฝุ่นผงนับไม่ถ้วน
ศาสตราจารย์สองคนเห็นลู่เซิ่งออกมาก็รีบลุกขึ้นมาหา แต่เห็นเพียงรอยร่องแยกสีม่วงถูกลู่เซิ่งตบแหลกในครั้งเดียว
ทั้งสองมองหน้ากัน รู้สึกว่าอาจมีอันตรายมาด้วย จึงรีบยกระดับความระวังอย่างรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่ต้นตอของอันตรายก็คือรอยร่องแยกสีม่วงรอยร่องนั้น และมันก็โดนลู่เซิ่งทำลายทิ้งไปแล้ว
“ครั้งนี้อันตรายมาก ความน่ากลัวที่ที่แห่งนี้ระเบิดออกมารุนแรงมาก ถ้าไม่มีความจำเป็น พวกคุณไม่ควรบุ่มบ่ามเข้าไปตรวจสอบ มีความเป็นไปได้ถึงขีดสุดที่จะเผชิญอันตรายถึงชีวิต” ลู่เซิ่ งลุกขึ้น ระบายลมหายใจ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“เข้าใจแล้วครับ ท่านผู้ไกล่เกลี่ยที่เคารพ ถามได้ไหมครับว่าในรอยร่องแยกมีสิ่งใดอยู่กันแน่” อันคาถามอย่างจริงจัง
“ตัวตนอันตรายที่และสัมประสิทธิ์การคุกคามบางส่วนที่พวกคุณยังสัมผัสด้วยไม่ได้ เทียบได้กับภัยพิบัติระดับทำลายล้างฝูงหนึ่งมารวมตัวกัน” ลู่เซิ่งบรรยายให้ทั้งสองคนฟังอย่างง่ายๆ
อันคาและซีซาโดพลันกระจ่างแจ้ง ตอนที่มองดูตำแหน่งที่มิติสีม่วงอยู่อีกครั้ง สายตาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทันที
“นอกจากนี้ยังมีรอยร่องแยกอีกแห่งที่จำเป็นต้องจัดการ! ผมจะพาคุณไปทันที!” ซีซาโดกล่าว
“ได้!” ลู่เซิ่งผงกศีรษะ
ทั้งสามเดินรอบเกาะรอบหนึ่ง ไม่นานก็เจอรอยร่องแยกสีม่วงอีกแห่งที่เล็กมาก รอยร่องแยกแห่งนี้เหมือนจะเชื่อมไปยังความว่างเปล่ามืดมิดที่แตกต่าง รอบนี้ลู่เซิ่งไม่บุ่มบ่ามเข้าไ ไป หากแต่ทำลายทิ้ง ป้องกันไม่ให้โดนซีหนิงตามเจอ
หลังจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ในที่สุดลู่เซิ่งก็เจอร่องรอยที่หวังจิ้งศิษย์อาจารย์ทิ้งไว้ในบริเวณหนึ่งของเกาะ
นั่นคือวังวนปั่นป่วนของพลังงานขนาดเล็ก
เหมือนจะหลงเหลือจากการต่อสู้ทางพลังงานที่มีอานุภาพสูง
ด้านในวังวนบรรจุตราประทับเล็กๆ ที่หวังจิ้งจงใจทิ้งไว้
แม้จะไม่ทันทิ้งข้อมูลใดๆ ในตราประทับ แต่ลู่เซิ่งก็พอจะเดาสภาพของหวังจิ้งออก
เธอคิดจะสลัดจากการควบคุมของอาจารย์ กลับมาอยู่ข้างกายเขาเช่นกัน
หลังเข้าใจเรื่องนี้ ลู่เซิ่งก็กลับเมืองไวท์ ในที่สุดก็คิดเริ่มจะใช้แผนการที่จัดวางไว้ด้วยชื่อวิหารดวงดาว
ในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้เสียเวลาในเมืองไวท์อยู่เฉยๆ
หลังจากอัญเชิญสัตว์ประหลาดจากวิหารดวงดาว สี่ลัทธิใหญ่ก็ได้ต้นทุนสำหรับสู้กับสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่ อยู่ในช่วงพัฒนาด้วยความเร็วสูง
นอกจากลัทธิเทพนอกรีตโลหิตที่ถูกสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่สะกดเพราะอยู่ในที่แจ้งแล้ว ลัทธิที่เหลือต่างก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สาวกจำนวนมากเติบโตขึ้น ประชาชนธรรมดาที่ไม่ชอบใจ จผู้มีพลังพิเศษฮีโร่ก็เข้าร่วมลัทธิเช่นกัน
ส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองและทหาร
บุคคลทรงอำนาจพวกนี้ทนผลกระทบอันยิ่งใหญ่และความบิดเบี้ยวของสมาคมผู้มีพลังพิเศษฮีโร่ไม่ได้มานานแล้ว สี่ลัทธิใหญ่ที่สามารถรับพลังได้ผ่านการศรัทธา พลันกลายเป็นฟางช่วยชีวิตขอ องพวกเขา
ลัทธิเทพโลหิตที่อยู่ในที่แจ้ง ได้รับการต้อนรับจากคนยากจนจำนวนมาก อิทธิพลพัดคลุมครึ่งโลกเหมือนกับพายุ
หลังจากลู่เซิ่งกลับมาจากเกาะ รอยู่ไม่กี่วัน ก็รู้สึกได้ถึงการยกระดับขนานใหญ่ของพลังอาวรณ์ที่เข้ามาในบัญชี
และการอธิษฐานมากมายของลัทธิเทพโลหิต ก็ได้ส่งภาพเหมือนและเสียงนับไม่ถ้วนให้แก่เขา
แม้ข้อมูลส่วนใหญ่จะถูกโลกรูปจิตกรองจนเหลือไม่เท่าไหร่ แต่อย่างไรก็มีส่วนหนึ่งส่งเข้าสู่สมองลู่เซิ่ง
เขาจึงรู้ว่า สองสามวันที่ผ่านมา ลัทธิเทพนอกรีตโลหิตได้กระทำเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งภายใต้การนำของคาร์ดินัลที่เพิ่งเลื่อนระดับผู้นั้น
…
เลือดเนื้อที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายหลอมละลายเป็นเมือกสีแดงสำริด หลั่งไหลไปตามเส้นทางโค้งงอบนพื้น กลายเป็นรูปภาพสัญลักษณ์ลี้ลับขนาดใหญ่โต
ภาพนี้เหมือนวงกลม แต่เมื่อพิจารณาดู กลับพบได้ว่าตรงขอบมีฟันเลื่อยเลื้อยเล็กๆ ตรงกลางมีสัญลักษณ์ลี้ลับที่ลวดลายไม่เหมือนกัน
สาวกของลัทธิเทพนอกรีตโลหิตกำลังแบกพวกนักโทษที่จับมาได้ไปยังขอบค่ายกล ผู้คนที่ถือดาบและขวานยกแขนขึ้น แล้วตัดศีรษะคนทีละคน คอที่ขาดพ่นเลือดจำนวนมากออกมา จากนั้นเลือด ดก็ไหลไปกลางค่ายกลยักษ์บนพื้น
ค่ายกลของที่นี่บูชายัญคนไปอย่างน้อยมากกว่าร้อยคน
และค่ายกลนี้ก็มีอยู่บนโลกอย่างน้อยสามสิบแห่ง!
ลู่เซิ่งชักการมองด้วยจิตกลับมา รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย
การบูชาเลือดเนื้อขนาดนี้ในครั้งเดียว นับเป็นการส่งเสริมสำหรับเขา
ไม่ใช่การส่งเสริมร่างหลัก หากเป็นการส่งเสริมกายเนื้อร่างนี้ จำนวนบูชายัญเลือดเนื้อที่เยอะขนาดนี้สามารถแปลงเป็นพลังงานท้องถิ่นจำนวนมากที่สั่นคลอนกฎของจักรวาลแห่งนี้ได้
เป็นเพราะนี่เป็นสิ่งที่แปลงออกมาจากพลังงานท้องถิ่นเอง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกฎกลืนกินย้อนกลับ
ถ้าหลอมรวมพลังของร่างหลักจำนวนมากเข้ามาโดยใช้สิ่งนี้เป็นแผ่นกระโดด พลังที่เกิดใหม่จะลดความเป็นไปได้จากการถูกกลืนกินกลับด้วยกฏของจักรวาลแห่งนี้ลงอย่างใหญ่หลวง
ลู่เซิ่งสัมผัสได้แล้วว่า คุณสมบัติของร่างกายร่างนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดินจากการบูชายัญประเภทนี้
แต่ปัญหาก็คือ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่พลังงาน หากเป็นพลังอาวรณ์
หากไม่มีพลังอาวรณ์มากพอ จักรวาลที่เขากินไปก่อนหน้านี้ก็ย่อยสลายไม่ได้ ยิ่งอย่าว่าแต่จักรวาลสีดำส่วนหนึ่งที่เขากินในภายหลัง
ดีที่จักรวาลสีดำที่เพิ่งกินไปล่าสุดอ่อนนุ่มมาก เลยย่อยสลายได้ง่าย ถึงไม่ต้องใช้พลังอาวรณ์กระตุ้น แต่ใช้เวลาสิบกว่าปีก็สามารถเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
ไม่อย่างนั้นเขาก็วางแผนจะไปปล้นชิงเอา
ปล้นปฐมพลังจักรวาล แล้วดึงพลังอาวรณ์ออกมา!
‘อืม…’ ลู่เซิ่งนวดหน้าผาก ‘ลัทธิเทพนอกรีตโลหิตสร้างสถานการณ์ใหญ่โตเกินไป…ฆ่าพวกข้าราชการคอร์รัปชันกับหัวหน้าผู้ก่อการร้ายไปมากขนาดนั้น…ถึงพวกมันจะควรตายก็เถอะ แต่การตั้ งศาลเตี้ยขึ้นมาแล้วประกาศโทษประหารมันคือบ้าอะไรกัน บูชายัญคนมากกว่าหมื่นในทีเดียว ขนาดเทพชั่วร้ายที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ยังไม่บ้าเท่าพวกนายด้วยซ้ำ…’
ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่า อย่างช้าสุดภายในครึ่งเดือน เรื่องนี้จะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน การบูชายัญคนมากกว่าหมื่นหมายถึงอะไร คนหมื่นคนนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยอีกอย่างน้อยห หลายแสนคน หมายความว่าคนหลายแสนคนจะได้รับผลกระทบโดยตรง
ถ้าบอกความเห็นที่กระจายบนอินเทตอร์เน็ตเข้ามาด้วย ความวุ่นวายครั้งนี้อาจรุนแรงกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก
ก๊อกๆๆ
ทันใดนั้นประตูร้านก็ถูกเคาะ
ลู่เซิ่งเงยหน้าขึ้นดูเวลา สองทุ่มครึ่ง ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนมาอีกหรือ
เขากวาดจิต พลันเห็นร่างที่ยืนอยู่นอกร้าน
เป็นอันนา เจอร์มัน น้องสาวทางสายเลือดของร่างกายร่างนี้
ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอยังไม่กลับบ้านอีก
คิดก็ส่วนคิด ลู่เซิ่งทิ่มนิ้ว ประตูพลันปลอดล็อกคแล้วเปิดเอง
อันนาแอบเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา ก่อนหมุนตัวปิดประตู