ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1174 เปิดเผย (2)
ในคฤหาสน์
ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่เดิมทีส่องสว่างถูกกระแทกแตกด้วยอาวุธลับที่ขว้างมาจากไหนก็ไม่ทราบ ร่างสีดำหลายร่างกำลังพันตูกับสาวกนอกรีตที่ต่อสู้พื้นฐานเป็นเท่านั้น
ร่างสีดำต่างเป็นฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษจากสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษ แต่ตอนนี้พวกเขามีจำนวนคนไม่มาก ในสถานการณ์ที่พลังเฉลี่ยเป็นฝ่ายมีเปรียบ ถึงกับจัดการสาวกนอกรีตมากกว่าร้อย คนตรงหน้าไม่ได้
นี่ทำให้คนสองสามคนที่เป็นผู้นำกลุ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี
เสียงปืนกลกราดยิงเสียงดังปังๆ เป็นระยะ บางครั้งจะมีระเบิดมือถูกโยนเป็นเส้นโค้ง แล้วระเบิดอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นกลางอากาศ
เหล่าสาวกนอกรีตไม่กลัวลูกหลงจากพวกเดียวกัน พวกเขาต่างก็เป็นนักบุญที่ได้รับการคัดสรร แม้ศีรษะจะถูกทำลาย นอนพักบนพื้นชั่วครู่ก็จะคืนชีพกลับมายืนได้ใหม่
นี่เป็นพลังฟื้นฟูที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนเรียว่าการฟื้นฟูไม่ได้อีกแล้ว ควรเรียกว่าเป็นอมตะมากกว่า
นักบุญเหล่านี้ไม่รู้จักนิยามอย่างคำว่าจุดอ่อน พวกเขาถือปืนกราดยิงไปรอบๆ เป็นมุมสามร้อยหกสิบองศา อย่างไรโดนพวกเดียวกันก็ไม่เป็นไร กระสุนจะถูกดีดออกมา บาดแผลสมานตัวได้โดยใ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
วิธีการต่อสู้ที่ทำร้ายพวกเดียวกันอย่างนี้ บวกกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มากพอ ทำให้คนของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษรู้สึกเหลือรับประทาน
ในเวลาสิบนาทีสั้นๆ พวกเขาเสียคนไปแล้วสิบกว่าคน แม้จะเป็นสมาชิกระดับต่ำทั้งหมด แต่ก็ทำให้ผู้นำกลุ่มสองสามคนเดือดดาล
สาวกเหล่านี้ ต้องทำลายศีรษะและร่างกาย หรือแยกศีรษะกับร่างกายออกจากกันมากกว่าสามนาทีขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเสียชีวิต ไม่อย่างนั้น หากเวลาสั้นไป พวกเขาจะเอาศีรษะกลับมาต่อแล้วกลายร ร่างเป็นสัตว์ประหลาด!
แต่ยังดีที่ กำลังหนุนเข้าสู่คฤหาสน์ แล้วสะกดกอกงกำลังอันบ้าคลั่งของนักบุญเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษหลายคนที่ถนัดด้านความเร็ว พาเงาหลงเหลือไปหักข้อต่อของสาวกนอกรีตเหล่านี้ ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ฟื้นตัว กรูกันเข้าไปปลดอาวุธและมัดพันธนาการ ไว้
นี่เป็นวิธีหนึ่งเดียวที่จัดการการต่อสู้ได้
ไม่นานในคฤหาสน์ก็เริ่มเงียบสงบ
ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ B สองคนของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษพาลูกน้องจำนวนมากเร่งฝีเท้าเดินเข้าโถงใหญ่
พวกที่ไปพร้อมพวกเขา ยังมีทหารติดอาวุธประจำสมาคมที่ล้อมคฤหาสน์เอาไว้อย่างแน่นหนาอีกหลายนาย
พอมือกระบี่ดาวสีเงินเห็นคนสองคนเข้ามา ก็ทราบว่าสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว จึงเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
“หัวหน้า เราปิดล้อมด้านนอกเอาไว้หมดแล้วครับ ทั้งหมดเป็นคนของพวกเรา” ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ B คนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม
“ดีมาก” มือกระบี่ดาวสีเงินมองพวกลันดิโน่ “ตอนนี้ พวกแกจะรับมือยังไงดีล่ะ”
“ไม่ใช่พวกเราจะรับมือยังไง แต่เป็นทางพวกคุณต่างหาก...” จู่ๆ ลันดิโน่ก็เงยหน้า เผยรอยยิ้มแปลกประหลาด
ทันใดนั้น กำแพงด้านหลังมือกระบี่ดาวสีเงินก็ระเบิด มือยักษ์สีสำริดหยาบใหญ่ข้างหนึ่งเจาะกำแพงเข้ามาแล้วคว้ามายังท้ายทอยของเธอ
“ใครกัน!” มือกระบี่ดาวสีเงินหมุนตัวไปแล้วทิ่มกระบี่ออกดุจสายฟ้าฟาด ไม่เพียงเท่านั้น เธอหมุนขาขวาทีหนึ่ง ดวงตาเรืองแสงสีฟ้า
ฉึกๆๆ เสียงทิ่มแทงสี่ครั้งดังขึ้นพร้อมการควงปลายกระบี่
นี่คือพลังพิเศษของเธอ โจมตีสี่เท่า และเป็นการโจมตีสี่เท่าที่ไม่สูญเสียพลังแบบถาวร
ขอแค่ออกกระบี่ อานุภาพของเธอจะเพิ่มเป็นสี่เท่าทันที พลังไร้รูปร่างที่ลี้ลับชนิดหนึ่งช่วยยกระดับการโจมตีของเธอขึ้นเป็นสี่เท่าโดยธรรมชาติ
ปลายกระบี่ปะทะกับกำปั้นในพริบตา
คมกระบี่เรียวยาวถูกดันจนโค้งงอ
ทันใดนั้นมือกระบี่ดาวสีเงินก็ชักปืนพกออกจากเอว ก่อนจะลั่นไกใส่อีกฝ่าย
เปรี้ยง!
กระสุนที่มีอานุภาพเพิ่มขึ้นสี่เท่าฉีกอากาศด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง ชนโดนใส่กำแพงอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็เจาะทะลุกำแพง โจมตีใส่ผู้มาจากด้านหลัง
มีคนแค่นเสียง แทนที่จะถอย ผู้มากลับรุกเข้าใส่ งอตัวปะทะกำแพงด้วยแรงทั้งหมด
ตูม!
กำแพงถล่ม คนคนนั้นชนใส่มือกระบี่ดาวสีเงินที่ตั้งตัวไม่ทัน ทั้งสองปลิวออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ ก่อนชนเฟอร์นิเจอร์ในโถงใหญ่จนล้มระเนระนาด
แจะกันแตก โต๊ะหัก รั้วหินระเบิด
จากนั้นทั้งสองก็แยกออกจากกัน ยืนอยู่คนละมุม
“ศาสตราจารย์ฮีแมน คุณเร็วเกินไปแล้วนะ” ร่างสีดำอีกร่างพุ่งเข้ามาจากช่องบนกำแพง แล้วทิ้งตัวลงด้านหน้าพวกลันดิโน่
เวลานี้ทุกคนจึงค่อยเห็นว่า ร่างดำสองร่างคือชายแก่ลักษณะเหมือนนักวิชาการที่ใบหน้าแก่หง่อม
แน่นอนว่า แค่มองใบหน้าอาจเป็นชายชรา แต่ถ้าเพ่งพินิจอย่างละเอียด จะพบได้ว่า กล้ามเนื้อบนร่างพวกเขานูนสูงเหมือนสัตว์ยักษ์ เส้นเลือดและเส้นเอ็นสีดำทั่วร่างบิดเบี้ยวขยับขยุก กขยิกเหมือนรากไม้หรือไม่ก็เส้นลวด
เทียบกับสายปรัชญาของพวกคุณ สายฟิสิกส์ของพวกเราเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดมาแต่ไหนแต่ไร“ ชายชราที่ปะทะกับมือกระบี่ดาวสีเงินมารอบหนึ่งลุกขึ้นพลางกล่าวเสียงเย็น
“สัจธรรมของฟิสิกส์อะตอมคือ ต้องบดขยี้อีกฝ่ายเป็นอะตอม”
“ไร้สาระน่า! สายเคมีต่างหากที่เป็นคนดี ฉันโยนหลอดทดลองใส่แท่งเดียวก็ทำให้เธอปรับปรุงตัวเองเป็นคนใหม่ได้แล้ว” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่แบกหลอดทดลองยักษ์ซึ่งสูงเท่าหนึ่งคนครึ่ งเบียดเข้ามาจากประตู
“คนหยาบที่ไม่เข้าใจปรัชญาอย่างพวกคุณนี่นะ! การสื่อสารทางใจเท่านั้นถึงเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง” ยักษ์สีดำสูงสามเมตรกว่าๆ ค่อยๆ ก้มหัวก้มเอวมุดเข้ามาในโถงใหญ่ผ่านช่องบนกำแพง
เขาสวมกระโปรงหญ้าที่เรียบง่ายที่สุด มือถือกระบองเขี้ยวหมาป่าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม รอยแผลเป็นและขนอุยกระจายอยู่เต็มหน้าอก
“การกลับสู่ยุคดึกดำบรรพ์ ทำให้พวกเราปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ต้องนำความบริสุทธิ์ของธรรมชาติกลับมา ถึงจะร่นระยะห่างระหว่างหัวใจและหัวใจได้!” ยักษ์ขยิบตาให้แก่มือกระบี่ดาว วสีเงิน กลิ่นเหม็นฉุนลอยมาปะทะหน้า
“ฉัน…” มือกระบี่ดาวสีเงินหน้าซีด เกือบพูดอะไรไม่ออก
หลังสองชราหนึ่งยักษ์เข้ามาในโถงใหญ่ พื้นที่ที่เดิมกว้างขวางพลันแคบลงทันตา
หลังจากลันดิโน่บอกใบ้ เจอร์มันก็ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจพวกเขา แอบคุ้มครองลูกสาวและภรรยาออกจากโถงใหญ่ แล้วออกไปทางประตูหลังด้านข้าง
ด้านนอกเห็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่แบกหลอดทดลองขนาดยักษ์หลายคน กำลังโรมรันพันตูกับคนของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษ
ชายฉกรรจ์เหล่านี้มีร่างคงกระพัน กระสุนยิงใส่ร่างพวกเขาไม่ต่างอะไรกับกับมีคนเกาให้ ส่วนหลอดทดลองยักษ์ในมือพวกเขาก็เหมือนกับเสาหินขนาดใหญ่ การฟาดหลอดทดลองทีหนึ่งสามารถกำจั ดทหารติดอาวุธได้สองนาย
หลุมบ่อและแอ่งเลือดกระจายเกลื่อนบนพื้นหญ้าเขียวขจีของคฤหาสน์ ศพมีให้เห็นทุกที่
ยังมีเลือดเนื้อไม่น้อยกำลังขยับขยุกขยิกฟื้นฟูเป็นร่างมนุษย์ด้วยความเร็วสูง
นั่นคือนักบุญของลัทธิเทพโลหิต พวกเขาสู้ถึงตอนนี้ ตายไปแล้วทั้งหมดสี่คน คนอื่นๆ กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
หลังจากผสานพลังกับสัตว์ประหลาดที่อัญเชิญออกมา กายเนื้อของพวกเขาก็มีโลกรูปจิตเป็นโล่กำบัง สามารถรักษาตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องเป็นห่วงการผลาญพลังใดๆ
อย่างไรตอนนี้ลู่เซิ่งก็ยังย่อยไม่หมด มีพลังงานเหลือเฟือ ใช้ได้ตามสบาย
พวกเจอร์มันสามีภรรยาและอันนาเห็นดังนั้นก็อกสั่นขวัญแขน
เจอร์มันยังพอว่า ก่อนหน้านี้เคยสัมผัสกับเรื่องเหนือธรรมชาติมาแล้ว จึงมีการเตรียมใจอยู่บ้าง แต่อีวานโนวาและอันนาไม่เหมือนเขา สองสาวเพิ่งเคยเห็นการฆ่าฟันของผู้มีพลังพิเศษ ซึ่งโหดเหี้ยมขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ชั่วขณะนั้นทั้งสองต่างแข้งขาอ่อน เดินแทบไม่ไหว
ยังดีที่นักบุญหญิงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาประคองทั้งสองอย่างเงียบเชียบ แล้วพาเจอร์มันไปด้านนอก
พวกเขาออกจากรั้วคฤหาสน์ ด้านนอกมีรถยนต์สีดำคันหนึ่งที่เตรียมไว้นานแล้วมาจอดรออยู่
“รีบขึ้นรถ” มีคนเตือนเสียงทุ้ม
เจอร์มันพยักหน้า ก่อนจะพาภรรยาและลูกสาวเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
บรื๊น
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถยนตร์เร่งความเร็วขับไปยังท่าเรือไกลออกไป
“รอเดี๋ยว! ไปในเมืองก่อน!” เจอร์มันพลันว่า
“นายท่าน พวกเราเสียเวลาไม่ได้นะครับ” คนขับรถเป็นบอดี้การ์ดรับจ้างของเจอร์มัน กล่าวเสียงทุ้ม
“ลูกฉันยังอยู่ในเมือง ต้องพาเขาไปด้วย!” เจอร์มันแน่วแน่อย่างมาก “ไปตอนนี้ยังทันกาล พวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าเล็งมาที่พวกเราแล้ว แต่เป็นการต่อสู้อย่างเป็นทางการของสองขุมกำลัง สถานการณ์ยกระดับถึงขั้นที่ฉันควบคุมไม่ได้อีกแล้ว!”
“ตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้วเหรอคะ” อันนารู้สึกตัว
“ถูกต้อง ทางพวกเขาเป็นจุดสำคัญที่จะตัดสินสถานการณ์ใหญ่อย่างแท้จริง พวกเราหนีไม่หนีไม่ส่งผลอะไรมากหรอก” เจอร์มันผงกศีรษะ
“ได้ครับ…ตามแต่ท่านต้องการ” คนขับหันหัวรถ แล้วขับไปในเมืองอย่างจนปัญญา
ตูม!
ทันใดนั้นรถก็โคลงเคลง เจอร์มันหันกลับไปเห็นลูกเพลิงสีเหลืองอมแดงขนาดยักษ์ลูกหนึ่งระเบิดขึ้นที่คฤหาสน์ของตัวเอง
คฤหาสน์เล็กที่เขาอยู่มาหลายปีถูกระเบิดแล้ว
ยังไม่รอให้เขาสะท้อนใจ ก็ได้ยินคนขับส่งเสียงกรีดร้องหวาดกลัว
ซู่…
เสียงแหลมเสียดหูดังเข้าใกล้
ครืน!
เปลวไฟร้อนระอุกระแทกรถให้รถหมุนหนึ่งตลบ ก่อนหยุดบนถนนริมทาง
คนเดินถนนหลายคนที่เดิมกำลังเดินเล่น ตกใจเพราะการระเบิดสองครั้ง ยกเท้าเผ่นแน่บ ร้านเบเกอร์รีร้านหนึ่งริมทางถูกรถชนเข้าไปครึ่งคัน ยังดีที่ถังน้ำมันไม่ระเบิด
ประตูรถเปิดออกอย่างรวดเร็ว เจอร์มันและอันนาประคองอีวานโนวาที่มึนๆ ออกมา
คนขับผู้เป็นบอดี้การ์ดถีบประตูรถโดดลงมาขวางด้านหน้าเขา
แต่พวกเขาล้วนไม่กล้าขยับตัว
ร่างสูงใหญ่ที่สวมเกราะสีดำอมเงินร่างหนึ่งยืนอยู่กลางถนน หันหน้ามาหาพวกเขา
ถ้ามองแค่ภายนอก จะยังสัมผัสไม่ได้ว่าคนคนนี้อยู่ในระดับใด แต่ผ้าคลุมสีขาวที่ถูกลมพัดกางของเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับไหน
กลางผ้าคลุมผืนนั้นปักลวดลายกางเขนสีดำไว้อย่างชัดเจน
นี่เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่มีแต่ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ S ในสมาคมเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์สวม
“อัศวินเงา ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ S ดีใจมากที่ได้พบพวกคุณ” คนสวมเกราะยื่นแขนขวาออกมา กระสุนมิสไซล์ขนาดเล็กๆ ที่เหมือนกับลูกธนูแถวหนึ่งดีดออกมาบนแขนโดยอัตโนมัติ ตำแหน่งข ของมิสไซล์ลูกหนึ่งว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ใช้หยุดไม่ให้รถหนี
“ช่างโชคดีจริงๆ นึกไม่ถึงว่ามาสายไปก้าวหนึ่ง จะยังพบพวกคุณได้อีก...” อัศวินเงายิ้ม
“อย่างนั้นตอนนี้…” เขายกแขนขึ้น เล็งมิสไซล์ไปที่คนทั้งสี่
“เดิมทีนึกว่าไม่ต้องออกโรงแล้วเชียวนะ…”
ใบหน้าของชายคนหนึ่งที่อันนารู้จักเป็นอย่างดีค่อยๆ ปรากฏออกมาท่ามกลางความมืดใต้ไฟริมทาง
“พี่คะ!” เธออดร้องอุทานไม่ได้
เจอร์มันและอีวานโนวามองไป ก่อนผุดสีหน้างงงวย
นี่เป็นลูกชายคนโตที่ไม่อยากจะอยู่กับครอบครัว ฮาวล์ ซาลาดิน ทำไมเขาถึงมาโผล่ที่นี่ ทั้งยังเจอพวกเขาอย่างบังเอิญขนาดนี้!
หนำซ้ำ…คำพูดเมื่อครู่ของเขา หมายถึงอะไรกัน
ลู่เซิ่งเดินเอื่อยออกมาจากความมืด เผยให้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้อย่างสมบูรณ์
ทั่วร่างดำสนิท มีเพียงแสงสีแดงซึ่งส่องสว่างและไหลเวียนในดวงตาท่ามกลางความมืด
และด้านหลังเขา ควันดำจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน เหมือนเส้นด้ายนับไม่ถ้วน สานเป็นร่างมนุษย์ขนาดใหญ่โตที่สูงห้าเมตรกกว่าๆ เหมือนเส้นด้ายนับไม่ถ้วน