ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1175 รอบด้าน (1)
“ใครกัน!?” อัศวินเงาหันมา อุปกรณ์ตรวจจับสีแดงในตาจ้องมองลู่เซิ่งที่เพิ่งปรากฏตัว
“คนของลัทธินอกรีตเหรอ” เขาสัมผัสกลิ่นอายพิเศษที่ยากบรรยายได้จากร่างของชายตรงหน้า
เหมือนเป็นหมอกและเหมือนหุบเหว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับสัมผัสการดำรงอยู่ไม่ได้ ราวกับหลุมดำที่กลืนกินรอบๆ
นี่ทำให้เขาไม่กล้าวู่วามเคลื่อนไหว
ลู่เซิ่งมองเจอร์มัน อันนา และอีวานโนวาที่มองมายังตนด้วยสีหน้างุนงง
ทั้งสามผุดสีหน้างงอึ้งงัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ เจอร์มันตกตะลึงโดยสิ้นเชิง อีวานโนวางงงวย ส่วนอันนาตื่นเต้นกว่าคนอื่น
“ฉันเหรอ ก็แค่ผู้ไกล่เกลี่ยที่ผ่านทางมาพอดีเท่านั้น” ลู่เซิ่งตอบอย่างราบเรียบ
“ผู้ไกล่เกลี่ยหรือ?” อัศวินเงาเอ่ยอย่างสงสัย “ช่างเถอะ แกจะเป็นใครก็ช่าง ถ้าอยากลงมือก็รีบๆ หน่อย ถ้าไม่อยากสอดมือก็ไปไกลๆ รีบเลือกหน่อยล่ะ”
ลู่เซิ่งส่ายหน้าอย่างจนใจ คนคนนี้ไม่เห็นร้ายกาจตรงไหน อย่างกับไม่ใช่ระดับ S แต่เรื่องนี้เขาขี้เกียจจะสนใจเหมือนกัน
เวลามีจำกัด เขารอกลับไปดูบอลโลก ขาดเขาไป ทีมชาติจะทนได้ไม่นาน
นึกถึงตรงนี้ เขาก็เกิดความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์เล็กน้อย เกิดทีมชาติแพ้ขึ้นมา อย่างนั้นความพยายามที่เขาทุ่มไปเมื่อครู่จะเสียเปล่าโดยสิ้นเชิง
“ลงมือ กำจัดมันซะ” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
อัศวินเงางุนงง รีบกวาดตามองสัตว์ประหลาดสีดำด้านหลังลู่เซิ่ง “ปฏิกิริยาทางพลังงานอ่อนแอกว่าฉันถึงหนึ่งในสาม แกเอาความมั่นใจมากจากไหนว่าจะจัดการ...เวรแล้ว…!
เขาพูดคำพูดต่อจากนั้นไม่ออกแล้ว
เมื่อเห็นร่างดำกลุ่มใหญ่ที่พุ่งออกมาจากด้านหลังลู่เซิ่ง อัศวินเงาก็หมุนตัวเผ่นหนีทันที
แม่งยกโขยงมาทั้งกลุ่ม แค่ใช้สายตากะจำนวนก็มีอย่างน้อยสามสิบแล้ว ยังสู้ทำบ้าอะไร!
เจ้านั่นคนเดียวสู้เขาไม่ได้ แต่คนเยอะกว่า!
ไฟสีทองสองสายพ่นออกมาจากด้านหลังสะโพกเขาด้วยความเร็วสูง พุ่งขึ้นสู่ฟ้า หนีไปยังที่ไกล
ยักษ์สีดำกลุ่มใหญ่ด้านหลังกระพือปีกสีดำด้านหลังไล่ตามไปติดๆ
“ไหนเมื่อกี้ว่าอยากสู้ไง” ลู่เซิ่งมองดูอัศวินเงาที่เผ่นแน่บอย่างเอือมระอา
แต่เขาไม่กังวลหรอกว่าอีกฝ่ายจะหนีได้ สัตว์ประหลาดสีดำพวกนี้ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดในตำแหน่งสูงสุดของวิหารดวงดาว ซ้ำยังเป็นฝูงสัตว์ประหลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วที่สุด ความอึดแทบไร้ขีดจำกัด หากไล่ฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ไม่มีทางเลิกงรา
ถึงจะอ้อมรอบดาวดวงนี้หลายสิบรอบ อัศวินเงาก็อย่าคิดจะสลัดกองทัพไล่ตามด้านหลังให้หลุด
ละสายตากลับมา ยักษ์สีดำตนอื่นด้านหลังลู่เซิ่งพากันกระจายตัวไปเฝ้าระวังรอบๆ
เขามองไปยังพวกอันนาที่ผุดสีหน้าคาดหวังอีกครั้ง
“เอาล่ะ ตอนแรกผมกำลังดูบอลโลกอยู่ จู่ๆ ได้รับข่าว ทำไมพวกพ่อมีสภาพแบบนี้ล่ะ”
“เพราะสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษน่ะสิคะ! พะ…พี่ โทษพวกเราไม่ได้นะคะ พลังกายระดับสัตว์ประหลาดนั่น บริษัทภาคธุรกิจอย่างพวกเราสู้ไม่ไหวหรอก พวกเราก็จนปัญญาเหมือนกันค่ะ” อันนาอธิบาย หลังตกตะลึง เธอก็รับความจริงได้เร็วที่สุด
เจอร์มันมองดูยักษ์ดำหลายตัวด้านหลังลู่เซิ่ง ทำท่าอ้ำอึ้ง คิดจะถามอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรถามจากตรงไหน
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเดินนำไปยังทางคฤหาสน์
“แต่ว่าที่นั่น…” เจอร์มันคิดจะพูดอะไร แต่ลู่เซิ่งยกมือตัดบท
“ไม่เป็นไรครับ ผมพาพวกพ่อกลับไปก็พอ”
ในเมื่อแสดงตัวแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปิดบังอีก
“ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
เขาเดินเอื่อยๆ ไปยังทางคฤหาสน์ ทั้งๆ ที่ฝีก้าวของเขาช้ามาก แต่กลับเร็วกว่าความเร็วทั่วไป
เจอร์มันถูกลูกสาวกระทุ้ง ค่อยได้สติ รีบพาภรรยาตามไปด้วย
ในเงามืดของถนนรอบๆ มีหมาป่าสีดำที่ประกอบขึ้นจากควันดำหลายตัวพุ่งออกมาเป็นระยะ หมาป่าดำพวกนี้สูงอย่างน้อยหนึ่งเมตรกว่าๆ ขนเรืองแสงสีเงินจางๆ
หมาป่าสีดำแน่นขนัดติดตามอยู่รอบตัวลู่เซิ่ง พร้อมกระโจนไปทางคฤหาสน์
ตูม!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นก็ลอยมาจากด้านหลังพวกเขา
ลู่เซิ่งหันไปมอง จากข้อมูลที่ยักษ์ดำพวกนั้นป้อนกลับมา เขารู้ว่าอัศวินเงาฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ S คนนั้นระเบิดไปแล้ว
แต่สุดท้ายดูเหมือน เจ้านั่นจะควบคุมร่างตัวแทนจากระยะไกล ตัวจริงอยู่ไหนก็ไม่ทราบ
“ช่างเถอะ อีกเดี๋ยวค่อยจัดการใหม่” ลู่เซิ่งหมุนตัวเดินไปทางจุดหมายต่อ
ไม่นานนัก เขาก็พาพวกเจอร์มันรวมถึงบอดี้การ์ดกลับมายังหน้าคฤหาสน์ใหญ่โตที่กำลังลุกไหม้
ด้านในคฤหาสน์ยังสู้กันอย่างดุเดือด พวกนักวิชาการจากลัทธิราชามังกรสีรุ้งซึ่งเพิ่งเข้าร่วมสมรภูมิ ต่างก็กำลังสู้กับฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษจากสมาคม
แต่โบราณว่าไว้ คนยิ่งฉลาดยิ่งกลัวตาย ดังนั้นนักเรียนและนักศึกษาวิจัยที่มาจากมหาวิทยา’ลัยกลุ่มนี้จึงไม่ตายสักคน
ความกลัวตายที่มากเกินไป ทำให้พวกเขารวมร่างกับสัตว์ประหลาดที่มีการป้องกันแข็งแกร่งที่สุด ผิวและเนื้อแข็งแกร่งสุดบรรยาย แม้แต่พวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ไหลอยู่บนดินจึงมีแค่เลือดของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษ
เปรี้ยง!
ประตูเหล็กด้านหน้าลู่เซิ่งระเบิดโดยอัตโนมัติ
เขาก้าวเข้าพื้นหญ้าจากประตูใหญ่
คนจากสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษหลายคนเห็นท่าไม่ดี จะเข้ามาหา แต่เพิ่งเข้าใกล้ ก็ถูกหมาป่าดำหลายตัวด้านหลังลู่เซิ่งกระโจนเข้าใส่ กดลงกับพื้น พร้อมขย้ำคอได้ทุกเวลา
“ใจเย็นๆ ฉันเป็นแค่ผู้ไกล่เกลี่ย ไม่ได้มาเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างพวกคุณและลัทธิ” ลู่เซิ่งกล่าวกับคนสิบกว่าคนที่ถูกกดบนพื้นอย่างเป็นมิตร
“แกยังบอกว่าแกไม่ใช่สาวกนอกรีตอีก บ้าเอ๊ย!…” ต่อจากนั้นเป็นคำด่าหลายคำที่ฟังไม่เข้าใจ
เปรี้ยง!
หมาป่าดำฟาดอุ้งมือใส่ศีรษะเขา ศีรษะของคนคนนี้เอียงพับไปอีกด้าน ไม่ขยับเขยื้อนอีก
ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างพึงใจ
เชื่องจริงๆ
หมาป่าดำพวกนี้เป็นสัตว์ประหลาดจากวิหารดวงดาว พูดง่ายๆ ก็คือต่างเป็นน้องชายของร่างแปลงเขา ในฐานะน้องชาย แม้เขาจะไม่ใส่ใจความสามารถด้านการประจบประแจง แต่ก็ยังต้องแสดงความจงรักภักดีในเวลาสำคัญ ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงพวกมันจนโตขนาดนี้ไปทำไม
เขาเดินต่อไป รอบๆ คือนักศึกษาสายปรัชญาที่แบกหลอดทดลอง ต่างพากันหยุดเคลื่อนไหว แล้วโค้งตัวทำความเคารพเขา
ฝ่ายสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษจ้องมองเขาด้วยสีหน้าระแวดระวัง พวกที่ต่อต้านบางส่วนถูกหมาป่าดำตะครุบกับพื้นจนขยับตัวไม่ได้
บางครั้งถ้ามีพวกเลือดขึ้นหน้าดิ้นรนสุดชีวิต จะถูกตบสลบไป แน่นิ่งไม่ไหวติง
“ทุกคนไม่ต้องกลัว ฉันเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่รับผิดชอบหน้าที่ไกล่เกลี่ย แม้สมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษจะไม่นับเป็นลัทธิ แต่ก็อยู่ในขอบเขตการไกล่เกลี่ยของฉันเหมือนกัน ดังนั้น ฉันจะไม่ทำร้ายพวกคุณ ตอนนี้ขอให้ทุกคนจากสมาคมวางอาวุธลง คุกเข่าลงกับพื้น แล้วเอามือไว้บนศีรษะ”
เสียงของลู่เซิ่งดังไปทั่วคฤหาสน์
แม่งเอ๊ย แกยังมีหน้ามาบอกว่าจะไม่ทำร้ายพวกเราอีก! แล้วให้พวกเราคุกเข่าทำไมวะ!
ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษกลุ่มหนึ่งด่าแม่ในใจ
ร่างหลายร่างพุ่งออกมาจากคฤหาสน์ที่ลุกไหม้
ศาสตราจารย์สายปรัชญาตบอกพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำราม แล้วคว้าใส่ร่างร่างหนึ่งที่อยู่กลางอากาศ
แต่ไม่รอให้เขาคว้าโดน หมาป่ายักษ์ที่ขนบนตัวเป็นสีเงินก็กระโจนเข้ามา ชนใส่ร่างสองร่างล้มกลิ้งกับพื้น
โฮก!
หมาป่าเงินร่างยาวแปดเมตรกว่าๆ เป็นสัตว์ขนาดมหึมาบนผิวหญ้าของคฤหาสน์ที่ไม่ใหญ่มากแห่งนี้
มันใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งกดคนไว้กับพื้น ก้มหน้าอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลม แสงสีเงินหลายสายรวมตัวเป็นกลุ่มตรงปากอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองคนที่ถูกมันกดตัวไว้ คือมือกระบี่ดาวสีเงินและปลาดาวหนามพิมโบ
เวลานี้ทั้งสองแสดงสีหน้าท้อแท้หดหู่ ได้รับบาดเจ็บไม่เบาในการระเบิดทางเคมีเมื่อครู่ จากนั้นก็สู้สุดชีวิตอยู่นานโขขณะศาสตราจารย์สายปรัชญาไล่ล่า อุตส่าห์ฝืนยันให้ไม่ตกเป็นรอง ใครจะคิดว่าเพิ่งพุ่งออกมา ก็เจอหมาป่ายักษ์ที่มีพละกำลังและความเร็วมหาศาลจนน่าตกใจเข้าทันที
“แดงชาด!” สีหน้าของมือกระบี่ดาวสีเงินกลายเป็นเหี้ยมเกรียม กระบี่ในมือระเบิดแสงสีเงินกลุ่มหนึ่ง แล้วแทงใส่หน้าหมาป่ายักษ์พร้อมเสียงดังเปรี๊ยะๆ
แต่แสงเงินกลุ่มนี้เพิ่งปรากฏ ก็ถูกหมาป่ายักษ์พ่นแสงสีขาวใส่เบาๆ เพื่อหักล้าง
กรร!
หมาป่ายักษ์ก้มหัวขย้ำมือกระบี่ดาวสีเงินโดยไม่หยุดยั้ง
“แกกล้าเหรอ! พ่อฉันคือราชาท่องดาวไทบอร์นะ!” มือกระบี่ดาวสีเงินกรีดร้อง
สู้กันมานานขนาดนี้ เธอหมดแรงทั้งกายและใจแล้ว หมาป่ายักษ์ตรงหน้าเป็นระดับ A แต่เธอในตอนนี้ไม่เหลือแรงสู้แล้ว
เมื่อเจอกับการคุกคามจากความตาย ถึงจะเป็นคนทะนงอย่างเธอ ก็จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายที่แท้จริงของตัวเอง
แต่น่าเสียดายที่หมาป่ายักษ์ไม่รู้ว่าราชาท่องดาวเป็นใคร
มันขย้ำลงไปอย่างรุนแรง
โผละ
เยื่อป้องกันโปร่งใสชั้นหนึ่งขวางฟันแหลมของมันไว้ ทำให้มันไม่อาจงับปากได้
ลู่เซิ่งยืนอยู่กลางพื้นหญ้า สมาชิกจากสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ต่างก็หยุดการต่อสู้ด้วยการไกล่เกลี่ยจากหมาป่ายักษ์
คนของลัทธิราชามังกรสีรุ้งหยุดเคลื่อนไหว ทำความเคารพเขาอยู่ไกลๆ
ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย สถานะและภาพลักษณ์ของเขามีการประกาศอย่างเคร่งครัดในสี่ลัทธิใหญ่ ดังนั้นคนที่จำเขาได้จึงมีไม่น้อย
เวลานี้เหล่าศาสตราจารย์ที่เพิ่งเข้าร่วมสงครามมาถึงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้ก็เป็นท่านผู้ไกล่เกลี่ย พวกเราได้รับคำพยากรณ์ว่า ที่นี่มีผู้ก่อการร้ายคุกคามความปลอดภัยของผู้สนับสนุนกำลังบำรุง ดังนั้นพวกคนที่อยู่ที่นี่จึงมาช่วยคุ้มครองช่วยเหลือผู้สนับสนุน” ศาสตราจารย์สายฟิสิกส์ที่เป็นผู้นำรีบล้างมลทิน
“ถูกต้อง พวกเราไม่ต้องรับผิดชอบ พวกเราแค่มาช่วยสหายลัทธิโลหิตปกป้องลูกค้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้อมูลบอกว่า ที่นี่มีคนร่วมกันปล้นชิง บีบให้ตระกูลเจอร์มันโอนธุรกิจ โดยใช้ความปลอดภัยของคนเป็นสาเหตุ สังคมมีขื่อมีแปร แต่กลับมีโจรชั่วที่เลวทรามแบบนี้โผล่มา ก่อนจะมาถึงนี่ ผมได้แจ้งตำรวจไปแล้ว ตอนนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างทาง” หลังจากศาสตราจารย์สายปรัชญาคืนกลับร่างเดิม ก็แสดงสีหน้าชิงชังความไม่เป็นธรรมทันที
ตำรวจหรือ?
ลู่เซิ่งไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ตำรวจที่ว่าเป็นพวกไหน
“พวกเราเป็นพลเมืองดีที่ผดุงความยุติธรรม ความจริงแล้ว เมื่อประชาชนที่มีมโนธรรมทุกคนเห็นการกระทำเลวทรามแบบนี้ เกรงว่าจะอดใจลงมือช่วยเหลือไม่ไหวเหมือนกัน หนุ่มๆ สาวๆ สองร้อยกว่าคนด้านหลังผมก็เป็นอย่างนี้ พวกเขาได้ยินเสียงดังตรงนี้ตอนผ่านทาง เลยปลุกปลอบความกล้ามาช่วยเหลือ ความจริงพวกเราไม่รู้จักกัน” ศาสตราจารย์สายเคมีอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
คฤหาสน์ที่ไหนจะมีหนุ่มสาวที่มาผดุงคุณธรรมพร้อมกันสองร้อยกว่าคนในเวลาสั้นๆ กัน แถมยังแบกหลอดทดลองเหมือนกันอีกต่างหาก
ลู่เซิ่งยั้งตัวไม่ด่า แสดงสีหน้ายิ้มแย้มอย่างอบอุ่น
เขากดสองมือลง บอกให้ทุกคนเงียบเสียง
“ฉันรู้ดี ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นคนดี เมื่อเห็นโจรผู้ร้าย ก็ลงมือช่วยเหลือเพราะคุณธรรมโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง การกระทำนี้ควรค่าแก่การชื่นชม แต่ตอนนี้ขอให้ทุกคนใจเย็นก่อน พวกเราต้องรอตำรวจมาถึง แล้วค่อยจัดการขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง”
ไม่นานรถตำรวจก็ขับมาถึง เสียงหวอดังขึ้นด้านนอกอย่างต่อเนื่อง
หมาป่าดำหลายตัวพากันกลายเป็นควันดำสลายหายไป เหลือเพียงคนไม่ได้สตินอนกองกับพื้น
มือกระบี่ดาวสีเงินและปลาดาวหนามพิมโบ ถูกหมาป่ายักษ์สีเงินและนักศึกษาสายเคมีใช้โซ่ที่เตรียมไว้มัดจนขยับเขยื้อนไม่ได้
ไฟรถตำรวจกระกพริบแสงสีแดงสลับฟ้า ตำรวจหลายกลุ่มพุ่งเข้ามาควบคุมตัวสมาชิกสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษที่อยู่บนพื้นเอาไว้
……………………………………….