ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1179 กลืนกิน (1)
“ถูกต้อง” ลู่เซิ่งทำหน้าจริงจัง
“ฉันพบหลุมดำด้วยความบังเอิญครั้งหนึ่ง เดิมนึกว่าเป็นเพียงสุญญากาศธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะมีหลุมดำขนาดต่างๆ วนเวียนอยู่ใกล้ๆ พวกเรา”
“กี่หลุม มีกี่หลุมกันแน่” วิลต้าจ้วงถามอย่างเคร่งขรึม
“สาม…” ลู่เซิ่งนึกเล็กน้อย รู้สึกน้อยไปหน่อย “…สามสิบหลุม!”
“เยอะขนาดนั้นเชียว! วิลต้าจ้วงอึ้ง
“ใช่แล้ว…ฉันพิจารณาว่า มีแค่สี่ลัทธิเท่านั้นถึงมีความสามารถกำจัดผลกระทบจากหลุมดำทิ้งทั้งหมด นี่เป็นสาเหตุที่ฉันกลายเป็นผู้ไกล่เกลี่ย” ลู่เซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้ นายน่าจะรู้เจตนาดีของฉันแล้วใช่ไหม”
วิลต้าจ้วงนิ่งไป
เวลานี้วัตถุจำนวนมากที่พายุม้วนลอยขึ้น พากันโปรยปรายลงมาเหมือนห่าฝน
ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษระดับ S ของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษหลายคนหล่นลงพื้นอย่างอ่อนแรงเหมือนเศษขยะ หมดเรี่ยวแรง ขยับเขยื้อนไม่ได้เหมือนขนมเยลลี่
ลู่เซิ่งส่ายหน้าขณะชี้พวกคาเตอร์ที่อยู่บนพื้น
“หรือนายคิดว่าการพึ่งพาคนพวกนี้จะลบผลกระทบจากหลุมดำได้หมด”
วิลต้าจ้วงมองพวกคาเตอร์ที่อยู่บนพื้น สายตาฉายแววผิดหวัง
“แล้ว นายจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าคำพูดของนายเป็นจริง” เขาถามเป็นครั้งสุดท้าย ความจริงมาถึงตอนนี้ เขาเริ่มเชื่อบ้างแล้ว เพราะด้วยพลังของคนตรงหน้า การพูดโกหกไร้ความหมายสำหรับอีก กฝ่าย
“ง่ายมาก หลุมดำอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงและหายไปเพราะปัจจัยอื่นๆ หรอก นายไปดูก็จะรู้เอง” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงเรียบ
วิลต้าจ้วงอดเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ได้
“คำขอสุดท้าย หวังว่านายจะรับปาก แน่นอนว่าฉันรู้ว่านายไม่มีหน้าที่ต้องตอบรับ ดังนั้นจะทำอย่างไรก็แล้วแต่นาย” วิลต้าจ้วงเอ่ยเสียงสงบ
“คำขออะไร” ลู่เซิ่งถาม ความจริงเขาเดาออกแล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“สู้กับฉันสักครั้งสิ” วิลต้าจ้วงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ลู่เซิ่งนิ่งเงียบ
“ฉันไม่อยากฆ่านาย” ลู่เซิ่งมองออกเช่นกันว่าวิลต้าจ้วงเป็นคนมีหลักการและศีลธรรม แตกต่างจากพวกคนที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้
นอกจากคนที่โดนลูกหลงแล้ว เขาลู่เซิ่งไม่เคยฆ่าคนบริสุทธิ์คนไหน
ดังนั้นเขาจึงตบอกตัวเองพูดได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ
“ไม่เป็นไร นายสู้กับฉันสักครั้งก็พอ” วิลต้าจ้วงหมดคำพูดเล็กน้อย เขาไร้เทียมทานมานาน อุตส่าห์ได้เจอคู่ต่อสู้ที่เหมือนสู้ได้ทั้งคน ย่อมไม่ปล่อยโอกาสผ่านไปง่ายๆ
“แต่ฉันไม่อยากฆ่านายจริงๆ” ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ไม่เป็นไรน่า ฉันไม่เปราะบางขนาดนั้นหรอก” วิลต้าจ้วงเอือมระละอา
“คนอื่นๆ ฉันออมมือให้ได้ แต่นาย เพราะร่างร่างนี้ไม่ได้ต่างกับนายมาก ดังนั้นฉันเลยออมมืออ่อนให้ไม่ได้ เกิดลงมือเลยเถิด ก็เป็นไปได้ว่าจะฆ่านายทิ้ง นายแน่ใจจริงๆ เหรอว่า จะสู้กับฉัน” ลู่เซิ่งถามอย่างจริงจัง
นึกไม่ถึงว่าเมื่อวิลต้าจ้วงได้ยินคำพูดนี้ จะยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม
“หมายความว่า นายรู้ว่าฉันแข็งแกร่งขนาดไหนงั้นเหรอ”
“แน่อยู่แล้ว ถ้านายระเบิดพลังทั้งหมด สามารถทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้โดยไม่มีปัญหา” ลู่เซิ่งพยักหน้า
วิลต้าจ้วงงงงวย เขารู้ว่าตนมีพลังทำลายทุกอย่างใกล้ๆ ตัวได้ แต่การทำลายดวงดาวเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“หมายความว่า นายทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้สบายๆ เหมือนกันเหรอ” เขาถามกลับ
“แน่นอน หมายความว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งที่การสู้กันของเราสองคนจะทำลายโลกในพริบตา” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ดังนั้น นายโจมตีใส่ฉันได้ครั้งหนึ่ง ถ้าปล่อยพลังทั้งหมดไปนอกอวกาศไม ม่น่ามีปัญหา”
“ก็ได้” วิลต้าจ้วงโค้งตัวน้อยๆ
ลู่เซิ่งก็ผุดสีหน้าสนอกสนใจเช่นกัน เขายืนยันรากฐานของอีกฝ่ายได้แล้วว่า วิลต้าจ้วงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลจริงๆ
เขาอยากจะลองดูเช่นกันว่าพลังของคนแบบนี้มีขีดจำกัดขนาดไหน
ตูม
ทันใดนั้นมิติรอบๆ ก็กระเพื่อมและสั่นไหว
มิติเหนียวหนึดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับโคลนในบึง เวลาช้าลงเรื่อยๆ ราวกับถูกกดปุ่มลดความเร็ว
กำปั้นที่วิลต้าจ้วงงอไว้ตรงเอวเหมือนกับต้นกำเนิดของการสั่นสะเทือนทั้งหมด ปล่อยคลื่นสั่นสะเทือนเล็กๆ ออกมาด้านนอกตลอดเวลา
คลื่นนี้ส่งไปหาวัตถุทั้งหมดผ่านมิติเวลา ความรุนแรงทวีขึ้นตามลำดับ
“หมัดเดียว” วัตถุรูปร่างกระแสอากาศสีขาวชั้นหนึ่งห่อหุ้มแขนเขาอย่างช้าๆ สายตาเหมือนกับดาวฤกษ์ที่กำลังระเบิด มีจิตคมกริบที่แม้แต่ดาบนับไม่ถ้วนก็สามารถฟันหักได้
แผ่นดินสั่นไหว ก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนแตกออกแล้วลอยขึ้นฟ้า จากนั้นก็ถูกบดกลายเป็นเศษหินที่เล็กกว่าเดิม
ลู่เซิ่งยื่นฝ่ามืออกมาช้าๆ การสั่นสะเทือนที่รุนแรงและทึบหนักหลายสายส่งออกมาจากฝ่ามือของเขา
พลังที่เหนือกว่าความรุนแรงของภูเขาไฟ สามารถระเบิดออกมาจากในตัวเขาได้ตลอดเวลา
“ไม่เอาแล้ว” ทันใดนั้นวิลต้าจ้วงก็ยืดตัวขึ้น เก็บสภาพปผิดปกติทั้งหมดบนตัวกลับไป
ก้อนหินยักษ์ที่อยู่รอบๆ ยังลอยขึ้นสูงไม่เท่าไหร่ก็ตกลงมาเอง
“หือ” ลู่เซิ่งงุงนงง ชักมือกลับเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนหยุด ความผิดปกติทั้งหมดรอบๆ ก็กลับเป็นปกติ
“ฉันเชื่อคำพูดของนาย” วิลต้าจ้วงผุดสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนหมุนตัวบินไปยังที่ไกล
เขาไปแบบไม่มีสาเหตุอย่างนี้น่ะเหรอ
พวกคาเตอร์นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง พอเห็นภาพนี้ก็แทบกระอักเลือดออกมา
อุตส่าห์มีคนที่หยุดผู้ไกลเกลี่ยได้โผล่มา นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันสู้ก็จบแล้ว
ลู่เซิ่งมองส่งวิลต้าจ้วงจากไป เขาเดาออกคร่าวๆ แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายผละไป
พลังของพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป แม้จะเป็นเพียงคลื่นหลงเหลือที่เกิดจากการสู้กันหมัดเดียว ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้
นี่เป็นความกังวลเพียงหนึ่งเดียวของวิลต้าจ้วง
“เป็นคนดีจริงๆ ผู้แข็งแกร่งที่ถูกความดีพันธนาการไว้…” ลู่เซิ่งถอนใจชมเชย มองพวกคาเตอร์ด้านล่าง ไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวบินไปยังทางที่มา
เหมือนกับที่วิลต้าจ้วงเดาเอาไว้
พวกเขาสองคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของจักรวาลแห่งนี้แล้ว เกิดลงมือ ความน่ากลัวของอานุภาพที่จะเกิดขึ้นแค่คลื่นหลงเหลือก็สร้างผลกระทบที่ไม่อาจลบล้างได้ให้แก่ด ดวงดาวจริงๆ
อย่างเช่นคลื่นยักษ์ การเคลื่อนตัวของแผ่นทวีป การระเบิดซ้ำๆ ของภูเขาไฟ ถ้าโชคดีหน่อย สิ่งมีชีวิตบนบกจะตายไปราวหนึ่งในสาม
ถ้าโชคไม่ดี นั่นไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น วิลต้าจ้วงอาจมีพลังจัดการทุกอย่างจริงๆ
หลังหยั่งเชิงพลังของเขาออก ลู่เซิ่งก็กระจ่างแจ้ง
‘น่าเสียดายที่ พลังของเขาเจาะจงเกินไป ไม่สามารถจัดการปรากฏการโครงสร้างพิเศษอย่างหลุมดำได้…’
แต่ถ้าวิลต้าจ้วงยินดี ความจริงเขาสามารถตายร่วมกับร่างกายร่างนี้เพื่อทำลายทุกสิ่งได้
น่าเสียดายที่เขาไม่เหี้ยมพอ
ลู่เซิ่งใคร่ครวญ ก่อนตัดสินใจแสดงน้ำใจแก่วิลต้าจ้วง
มองดูศูนย์ใหญ่สมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษที่กลายเป็นซากปรักหักพังด้านล่าง จากนั้นลู่เซิ่งก็หมุนตัวแล้วกะพริบร่างหายไปจากที่เดิม
…
ห้าวันต่อมา หลุมดำสามสิบแห่งเกิดขึ้นในอวกาศรอบๆ ดาวเคราะห์
ในสถานการณ์ที่รากฐานของสมาคมฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษพังพินาศ สี่ลัทธิเผยโฉม คนนับไม่ถ้วนเข้าร่วมลัทธิ และสวดมนตร์ภาวนาต่อสี่ลัทธิเพื่อขอรับการคุ้มครอง
ดังนั้นเกราะโล่พลังงานขนาดยักษ์จึงแบ่งดาวเคราะห์ทั้งดวงออกเป็นสี่เขต มีเทพสี่องค์คอยปกปักษ์
ส่วนพลังดึงดูดอันมหาศาลที่เกิดจากการเชื่อมหลุมดำสามสิบหลุมก็เริ่มกลืนกินทุกสิ่งรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ พลังงาน หรือแสง
ทุกสิ่งพากันกลายเป็นปฐมพลังจักรวาลด้วยแรงดึงดูดอันน่ากลัวของพวกมัน
ลู่เซิ่งรวบรวมปฐมพลังจักรวาลที่ถูกแปลงไว้ในมิติย้อนกลับตรงข้าม พร้อมใช้การควบคุมจากโลกรูปจิตดึงพลังอาวรณ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ลู่เซิ่งสามารถใช้การกระตุ้นนี้ดูดซับพลังอาวรณ์เป็นจำนวนมากกว่าล้านหน่วยได้ในหนึ่งวัน
นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่หลุมดำไม่ได้กางออกอย่างสมบูรณ์ด้วย
เขาที่ได้ลิ้มลองรสหวาน พลันเริ่มสร้างหลุมดำพิเศษที่ออกแบบเองไว้ในสถานที่อื่นๆ ของจักรวาลทั้งจักรวาลอีก
การสร้างหลุมดำง่ายดายเป็นอย่างมาก ขอแค่หาดาวฤกษ์มาสักดวง จากนั้นเร่งความเร็วการเผาไหม้ของพวกมันอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอแล้ว พลังงานดาวฤกษ์ที่เผาไหม้ยังเปลี่ยนเป็นพลังงานสำรอ องส่งเข้าโลกรูปจิตเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ด้วย
ลู่เซิ่งที่ครอบครองพลังวารีเทาสามารถกลืนกินและแปลงพลังงานทั้งหมดโดยไม่สนใจทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งการดำรงอยู่ หรือพลังแห่งความว่างเปล่า ส่วนหลุมดำก็เป็น นปรากฏการณ์ประเภทหนึ่งที่อยู่ระหว่างพลังแห่งการดำรงอยู่และความว่างเปล่าพอดี
ไม่นานนัก ใช้เวลาเพียงสามวัน ลู่เซิ่งก็ฉายโลกรูปจิตเป็นภาพไปยังทุกส่วนของจักรวาล หลุมดำที่สร้างขึ้นทวีจำนวนและความหนาแน่นขึ้นตามลำดับ
ตอนแรกมีเพียงไม่กี่สิบหลุม ต่อมา ค่อยๆ เพิ่มเป็นมากกว่าร้อยหลุม พันหลุม
พลังอาวรณ์ที่เข้าบัญชีเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จักรวาลทั้งจักรวาลเริ่มถูกหลุมดำที่เหมือนเครื่องบดเนื้อบดขยี้จนอยู่ในสภาพโกลาหล
พลังงานและวัตถุผสมผสานกัน มิติเวลาถูกหยุดนิ่ง
ส่วนพลังอาวรณ์ที่เข้าบัญชีของลู่เซิ่งก็เพิ่มจากมากกว่าล้านต่อวันเป็นมากกว่าสิบล้าน ร้อยล้าน และหลายพันล้าน
เวลานี้ได้แต่คำนวณตามนาฬิกาชีวภาพของตัวเขาเองแล้ว
เวลาของจักรวาลภายนอก นอกจากเวลาของดาวเคราะห์ดวงเดียวที่เขาปกป้องกำลังทำงานอยู่แล้ว ดาวที่อยู่รอบๆ เริ่มทยอยถูกหลุมดำดูดกลืน
จักรวาลที่เดิมทีไม่ใหญ่ เดินทางสู่จุดสิ้นสุดด้วยการกระทำของมนุษย์
และเพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิต ลู่เซิ่งได้เริ่มเผยแผ่คำพยากรณ์ สั่งให้เผ่าพันธุ์ใหญ่ๆ ในโลกรูปจิตช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาวดวงต่างๆ
ชีวิตและดาวจำนวนมากเริ่มถูกดึงเข้าสู่โลกรูปจิต
จากมุมมองของธารมารดา จักรวาลสีม่วงที่เดิมควรมีขนาดเท่าสนามฟุตบอลแห่งนี้กำลังหดเล็กลงด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้ ทั้งยังปรากฏรอยย่นน่าเกลียดหลายชั้นบนผิว
เหมือนกับองุ่นที่สูญเสียน้ำ
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่
องุ่นสีขาวพลันหดตัวลงเป็นไข่มุกสีม่วงอมดำ จากนั้นก็ระเบิดเปรี้ยงกลายเป็นผุยผง
ร่างสีแดงร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากในฝุ่นผง ลอยอยู่ในความมืดมิดว่างเปล่า อาศัยแสงที่เถาวัลย์ธารมารดากระจายออกมามองไปยังฝุ่นผงที่โปรยปรายรอบๆ
‘ยังดีที่เคลื่อนย้ายเข้าโลกรูปจิตในเวลาสุดท้ายทัน’ เขาถอนใจเล็กน้อย
การดูดซับปฐมพลังของจักรวาลแห่งนี้ ทำให้ในที่สุดเขาก็นับว่าย่อยสลายมิติจักรวาลที่กลืนกินไปก่อนหน้าเสร็จสิ้น
ส่วนชีวิตที่อาศัยอยู่ในจักรวาลนั้น ก็ถูกเคลื่อนย้ายไปถึงโลกรูปจิตอย่างเงียบเชียบ แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้อยู่อาศัยเดิม
มีดาวเข้ามาสิบกว่าดวงเท่านั้น เมื่อโยนลงไปในโลกรูปจิตที่พื้นที่กว้างประชากรน้อยนิด ก็ไม่เกิดผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
แค่เผ่ากระต่ายพุทธะในตอนนี้ก็มีจำนวนเหนือกว่าคนพวกนี้แล้ว
‘ตัวเราแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่น้อย…พลังงานและเสบียงสำรองเองก็เพิ่มมาส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่พอ ต้องกินอีกเยอะ…’ ลู่เซิ่งกวาดมองเถาวัลย์ธารมารดา จากนั้นก็ไล่สายตาไปในความมืดมิด ดว่างเปล่ารอบๆ
จักรวาลบนธารมารดาดูน่าอร่อยเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็เป็นบ้านของเขา กินเยอะไปคงไม่ดี
ลองหาในความมืดมิดว่างเปล่าดูดีกว่า ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ค่อยไปปล้นธารมารดาเอา
อย่างไรธารมารดาก็มีจักรวาลมากมาย ถูกเขากินไปสักสองสามแห่งคงไม่เป็นไร…